Share

บทที่9.ทุ่งนาที่แห้งแล้ง

last update Last Updated: 2024-12-19 16:38:12

แต่เวลานี้ครอบครัวฮันน่าและชาวบ้านในชนบทแทบจะสิ้นหวังก็ว่าได้เมื่อถึงกลางฤดูร้อนที่แสนโหดร้ายจนทำให้ผู้คนท้อแท้กับอาชีพทำไร่ทำสวน

  ท้องฟ้าสีครามที่เคยงดงามบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยหมอกควันจางๆ ที่เกิดจากไอร้อนระอุ นาข้าวที่เคยเขียวขจีและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา กลับกลายเป็นเพียงทุ่งกว้างที่ปกคลุมด้วยความแห้งแล้ง ดินแตกระแหง สีน้ำตาลหม่น ฝุ่นทรายปลิวฟุ้งอยู่ในอากาศ เหมือนกับเสียงสะท้อนของธรรมชาติที่กำลังร้องไห้

ในลำคลองที่เคยเต็มไปด้วยน้ำใสและฝูงปลาว่ายวน บัดนี้กลับกลายเป็นแค่ทางน้ำแคบๆ ที่แห้งขอด ปลาน้อยใหญ่ที่เคยมีให้จับกินทุกวัน เริ่มหร่อยหรอจนแทบจะมองไม่เห็น ความแร้นแค้นทำให้ชีวิตของชาวไร่ชาวนาหนักหนากว่าเดิม สถานการณ์การเงินของทุกครอบครัวในหมู่บ้านดิ่งลงเหว การขายผลผลิตที่เคยเป็นที่พึ่งในฤดูก่อนกลายเป็นเพียงฝันเลือนราง

ในบ้านไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่กลางทุ่งแห้งผาก สองปู่ย่าของฮันน่าก็ไม่ต่างจากธรรมชาติรอบตัว พวกท่านนับวันยิ่งแก่ชราลง กำลังวังชาที่เคยมีเริ่มหมดไป การเดินเหินกลายเป็นเรื่องยากยิ่ง ลำพังการใช้ชีวิตประจำวันก็เหนื่อยล้า การทำไร่ทำสวนที่เคยเป็นความภาคภูมิใจในอดีตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ท้องฟ้าและดินดูจะเป็นปรปักษ์กับพวกท่าน

แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นแสงสว่างในสายตาของปู่ย่าคือ ฮันน่า เธอคือความหวังและที่พึ่งพิงของครอบครัว ในยามที่ทุกสิ่งดูเหมือนจะมืดมน ฮันน่าคือคนที่ช่วยแบ่งเบาภาระ เธอช่วยทำนาในวันที่ดวงอาทิตย์แผดเผา ช่วยดูแลบ้านและจัดหาอาหารในวันที่ปู่ย่าไม่สามารถลุกออกจากที่นอนได้

แต่เมื่อฮันน่ามองไปที่บ้านไม้หลังเล็ก ทุ่งนาที่เคยเขียวชอุ่ม บัดนี้ 

เหมือนฝันที่ไม่อาจเป็นจริง ดวงตาเธอฉายแววเศร้าปนมุ่งมั่น ภาพของปู่ย่าที่โรยราด้วยวัยชราและความเหนื่อยล้าจากการทำไร่สวนยังติดอยู่ในใจเธอ

เมื่อความยากจนกัดกินชีวิตในชนบท และฝันที่จะพาครอบครัวให้พ้นจากความทุกข์ทนยังไม่จางหาย ฮันน่ารู้ดีว่าเธอจำเป็นต้องเลือกเส้นทางใหม่ เธอตัดสินใจครั้งสำคัญ เดินทางไปเมืองกรุง เมืองแห่งแสงสีและความหวังที่เธอได้ยินมาจากคนในหมู่บ้าน แม้จะไม่รู้ว่ารออยู่ข้างหน้าคืออะไร แต่เธอก็รู้ว่าที่นี่ไม่มีทางออกอื่นอีกแล้ว

เช้าวันหนึ่ง ฮันน่าเก็บสัมภาระใส่กระเป๋าผ้าใบเก่าที่เคยใช้มาหลายปี ของในนั้นมีเพียงไม่กี่ชิ้น เสื้อผ้า สมุดบันทึกเล่มโปรดเธอมองบ้านที่เคยเป็นที่หลบภัยอีกครั้งก่อนออกเดินทาง หัวใจเธอปวดร้าวกับการจากลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

เส้นทางลูกรังทอดยาวออกจากหมู่บ้านสู่ถนนใหญ่ ฮันน่าก้าวเดินไปพร้อมลมร้อนที่พัดใบไม้ปลิว เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าที่แผดเผา และบอกตัวเองในใจว่าเธอจะต้องผ่านพ้นทุกอย่างไปให้ได้ การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การย้ายที่อยู่ แต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนและความท้าทาย

เมื่อรถบัสพาเธอเข้าสู่เขตเมือง ฮันน่ามองเห็นสิ่งที่แตกต่างจากบ้านเกิดอย่างสิ้นเชิง อาคารสูงเสียดฟ้ารายล้อมไปด้วยเสียงรถยนต์และผู้คนที่เดินขวักไขว่ ท้องถนนดูพลุกพล่านไม่มีที่สิ้นสุด แสงไฟจากป้ายโฆษณาส่องสะท้อนกระจกของรถ เธอรู้สึกทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

เธอเคยได้ยินเสียงร่ำลือถึงแสงไฟระยิบระยับ เสียงผู้คนที่จอแจ และโอกาสที่ซ่อนอยู่ในซอกมุมของเมืองนั้น แต่สำหรับเธอ เมืองหลวงคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งไม่คุ้นเคย การเดินทางครั้งนี้เหมือนการกระโดดลงไปในแม่น้ำเชี่ยวกรากที่เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะว่ายข้ามไปได้หรือไม่

….

เธอกำมือแน่น รู้สึกถึงเนื้อผ้าหยาบ ๆ ของกระเป๋า สัมผัสถึงความฝันที่เปราะบาง เธอบอกตัวเองว่าเธอต้องเข้มแข็ง เธอเดินไปข้างหน้า แม้เท้าที่เปื้อนฝุ่นจะแสบและร้อนผ่าว แต่แววตาของเธอสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่ไม่อาจดับมอด

เธอได้งานเป็นสาวโรงงาน ทำงานในสายการผลิตซึ่งต้องยืนทั้งวัน เสียงเครื่องจักรดังตลอดเวลา แต่ฮันน่าไม่เคยบ่น เธอบอกตัวเองว่า นี่เป็นเพียงช่วงเวลาที่ต้องอดทน

ทุกเช้าก่อนฟ้าสาง ฮันน่าตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงปลุกของนาฬิกาเรือนเล็กที่พกมาจากบ้าน ตรงเข้าไปตอกบัตรให้ทันเวลาก่อนเริ่ม

งานในโรงงานซ้ำซาก เช้าเข้ากะ เย็นเลิกงาน แต่สิ่งที่ฮันน่าทำให้ทุกวันพิเศษ คือ "จดหมาย" ถึงครอบครัว เธอเลือกคำอย่างระมัดระวังในทุกบรรทัด จดหมายของเธอไม่มีคำว่าท้อแท้ มีแต่คำว่า "สบายดี" และ "ไม่ต้องห่วง" แม้ในใจของเธอจะเต็มไปด้วยความคิดถึงไร่ คิดถึงกลิ่นฝนที่ตกลงบนดิน คิดถึงเสียงปู่ย่าที่พร่ำบ่นเธอเช้าเย็น

ขากลับ เธอมักเดินผ่านพื้นที่เงียบสงบในเขตโรงงาน มีต้นไม้ไม่กี่ต้นที่ยืนต้นโดดเดี่ยว และขอนไม้เก่าๆ ที่วางตัวอยู่ใกล้ๆ มันกลายเป็นมุมที่ฮันน่าชอบแวะพักทุกครั้งหลังเลิกงาน ที่ตรงนั้นเหมือนหลุดออกจากความวุ่นวายรอบข้าง เป็นพื้นที่เล็กๆ ที่มีเพียงเธอกับธรรมชาติ

ฮันน่านั่งลงบนขอนไม้ด้วยความคุ้นเคย กระเป๋าผ้าสีซีดถูกวางลงข้างตัว เธอพิงแผ่นหลังกับต้นไม้ใหญ่ รู้สึกถึงผิวของเปลือกไม้ที่ขรุขระแต่ให้ความรู้สึกปลอดภัย ลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเบาๆ พาเอากลิ่นของดินและหญ้าขึ้นมาเจือจางในอากาศ ที่นี่ไม่มีเสียงเครื่องจักร ไม่มีเสียงผู้คน มีเพียงเสียงใบไม้ที่พลิ้วไหวไปตามสายลม กับเสียงนกตัวเล็กๆ ที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้

เธอหยิบสมุดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า สมุดเล่มนี้เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่ไม่เคยห่างหายไปไหน หัวใจของเธอเหมือนถูกคลายจากความตึงเครียดในทันที ขณะที่เธอเริ่มจรดปากกา เขียนความรู้สึกที่อัดแน่นมาตลอดวันลงไป

ที่นี่...เป็นเหมือนโลกส่วนตัวของเธอ เป็นมุมเล็กๆ ที่เธอสามารถพูดคุยกับตัวเองได้อย่างอิสระ เธอเขียนถึงความฝันที่ยังคงรอคอยวันเป็นจริง เขียนถึงบ้านที่เธอคิดถึง และเขียนถึงความตั้งใจที่เธอมีต่อครอบครัว

ขอนไม้เก่าๆ และเงาของต้นไม้ใหญ่ช่วยโอบอุ้มเธอจากความเหนื่อยล้า แสงแดดยามเย็นที่ลอดผ่านกิ่งไม้ลงมากระทบผิวเธอ เหมือนกำลังปลอบโยน ฮันน่าปิดสมุดหลังจากเขียนจบ เธอนั่งนิ่งสูดลมหายใจลึก เธอชอบที่นี่ ไม่ใช่เพียงเพราะมันเงียบสงบ แต่เพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอมีที่ของตัวเองในโลกใบนี้

Luna of The Sea

ถ้าอ่านแล้วชอบฝากกดติดตามเพิ่มลงคลัง ให้กำลังใจด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

| Like
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่33.ริมฝั่งทะเลและคำสัญญา

    อาดัมเชื่อว่า... อาการป่วยของฮันน่าไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาเพียงอย่างเดียว มันต้องการบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น คือ ความรัก และ หัวใจ เขาเชื่ออย่างยิ่งว่าเขาจะเป็นคนที่เยียวยาเธอได้ ไม่ใช่ด้วยคำพูดหวานหูหรือคำสัญญาที่เลื่อนลอย แต่ด้วยการอยู่เคียงข้างเธอทุกวัน ทุกวินาที คอยประคองเธอขึ้นจากความเจ็บปวด ให้เธอเห็นว่าโลกใบนี้ยังมีที่ให้เธอยืนอยู่ได้ …………….. แสงแรกของพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามา กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกวางรออยู่กลางห้อง รอคอยการเดินทางครั้งสำคัญที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า แต่ก่อนที่พวกเขาจะก้าวออกไปจากที่นี่ ฮันน่ามีบางสิ่งที่ต้องเผชิญ บางสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ ประตูห้องน้ำเปิดกว้าง... ฮันน่ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ขวดยาในมือถูกกำไว้แน่นจนฝ่ามือสั่นระริก เธอค่อยๆ เปิดฝาขวด เทเม็ดยาสีขาวจำนวนมากลงบนมือ เธอจ้องมันนิ่งงัน หัวใจเต้นแรง ความลังเลและความกลัวตีตื้นขึ้นมา นี่คือสิ่งที่เธอพึ่งพามาตลอด… สิ่งที่ช่วยให้เธอหลับในคืนที่ฝันร้าย สิ่งที่กดเสียงในหัวให้เงียบลง แต่วันนี้ เธอจะปล่อยมันไป เธอหันมองอาดัม เขายืนอยู่ข้างๆ ดวงตาของเขาส่งผ่านความมั่นใจและความเข้าใจ ไม่มี

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่32.ระหว่างความมืดมนและแสงแรกของวัน

    สามเดือนผ่านไป.. ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ฮันน่าอาศัยอยู่กับอาดัม แม้จะยังต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัวเอง และต้องทานยารักษาอาการทางจิตควบคู่ไปด้วย เธอก็ยังคงไปพบแพทย์ตามนัด โดยมีอาดัมคอยดูแลอยู่ไม่ห่างแม้กายจะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่หัวใจของเธอยังคงกลัวและหวาดระแวง... เงาของ "ลินลี่" และคำขู่ในวันนั้นยังตามหลอกหลอนเธอเสมอ ทำให้บางคืนเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก พร้อมกับเสียงหายใจหอบหนักแต่ไม่ว่าเมื่อไรที่เธอตื่นขึ้นมา เธอมักจะพบว่า อาดัมยังอยู่ตรงนั้นเขาไม่เคยห่างไปไหนเธออาจจะยังลังเลและหวาดกลัว แต่สำหรับอาดัม… ยิ่งวันเวลาผ่านไป เขากลับแน่ใจมากขึ้น"เขารักเธอเข้าแล้ว..."กลางดึกที่เงียบสงัด ความเงียบโรยตัวไปทั่วทั้งบ้าน“กรี๊ดดด!!”เสียงกรีดร้องดังลั่น ทำลายความสงบในชั่วพริบตาฮันน่าสะดุ้งตื่นขึ้นมา ดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นสาย ลมหายใจของเธอหอบหนักราวกับขาดอากาศ เงาของฝันร้ายยังคงตามหลอกหลอน ภาพเลือนรางจากอดีตซ้อนทับเข้ามาไม่หยุดเธอพยายามควบคุมตัวเอง สูดลมหายใจลึกแม้จะไม่ช่วยอะไรเลยเธอเอื้อมไปจับไม้พยุง ก่อนค่อยๆ พยุงร่างกายที่อ่อนแรงไปยังห้องน้ำ ก้า

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่31.มือนำทาง

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดแผ่วเบาลอดผ่านหน้าต่างห้องของอาดัม เขายืนถือโทรศัพท์ไว้แนบหู ปลายสายนั้นคือวิน เพื่อนสนิทที่โทรมาจากต่างแดน เพราะหลังจากเหตุการ์ณ์ที่เกาะทองคำวันนั้นวินได้บินกลับไปอย่างกระทันหัน "นายแน่ใจเหรอ...อาดัม?" เสียงของวินชัดเจนผ่านใบหูของอาดัมในขณะที่ทั้งสองได้คุยกันมาได้สักพักแล้วจนมาถึงช่วงสุดท้ายก่อนจะวางสายลง “แน่ใจสิ…”อาดัมตอบกลับด้วยความมั่นใจขณะที่ดวงตาคมกริบของเขาฉายแววความแน่วแน่มั่นคง ถึงแม้เขาจะรู้จักเธอแค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ตาม แต่บางอย่างในตัวเธอทำให้เขาตัดสินใจได้โดยไม่ลังเล เมื่อวินได้ยินคำตอบที่ราวกลั่นออกมาจากหัวใจของอาดัมแล้ว เขาก็เอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงแห่งความยินดี “เมื่อนายมั่นใจและเชื่อมั่นแล้ว ฉันก็เชื่อในตัวนายเช่นกันว่านายนั้นทำได้ดี” วินตอบกลับแล้วหันมองดูเวลาบนข้อมือที่ใกล้เข้ากะทำงานไปทุกที“ ไว้คุยกันใหม่ ฉันต้องเข้าทำงานแล้ว ขอพระเจ้าอวยพร นายกับฮันน่า นะ" “ขอบใจมากเพื่อน ..วิน! แล้วเจอกัน ” .. ตุ๊ด.. ตุ๊ด.. ตุ๊ด..………….เมื่อวางสายไปแล้ว อาดัมถอนหายใจออกมาช้าๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรี แสงดาวระยิบระยับสะท้อ

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่30.แสงแห่งคำอธิษฐาน

    ยามหัวค่ำในห้องพักฟื้น อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่ซ่านลึกเข้าไปถึงกระดูก ฮันน่า นอนนิ่งอยู่บนเตียง แม้ร่างกายยังคงเจ็บปวดจากบาดแผลที่ยังไม่หายดี แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดจากร่างกายนั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่กัดกินเธออยู่ภายในความกลัว ที่เหมือนเงาดำซึ่งคืบคลานเข้ามารัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออกเธอรู้ดีว่าการหนีจาก ลินลี่ ไม่ใช่เรื่องง่าย... ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคนอย่างเธอ นี่คือเมืองที่ลินลี่ครอบครองทุกสิ่งหญิงผู้มีอิทธิพล ผู้ทรงพลังยิ่งกว่ากฎหมายและความยุติธรรม ไม่มีมุมใดของเมืองนี้ที่จะหลบพ้นสายตาของเธอได้หัวใจของฮันน่าเต้นแรงในอก ดวงตาจ้องมองเงาตรงประตูหน้าห้องที่ดูเหมือนจะขยับเคลื่อนไหวตามเสียงฝีเท้าในจินตนาการของเธอ ทุกวินาทีราวกับกำลังรอคอยหายนะที่จะมาถึงโดยไม่มีวันเลี่ยงได้เธอไม่ได้หวังปาฏิหาริย์อีกต่อไป... ในเมืองของลินลี่ คนที่หนีไปได้ มีเพียงเงา หรือซากศพตึก... ตึก...ตึกเสียงรองเท้าส้นสูงดังสะท้อนก้องมาตามทางเดินยาวนอกห้อง ทุกก้าวการเดินนั้นราวกับกำลังย้ำเตือนถึงชะตากรรมที่กำลังจะมาถึง ทุกก้าว ยิ่งกระชั้นชิด เสมือนเสียงของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่น

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่29..เคียงข้าง...แม้วันอ่อนแอ

    ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล บรรยากาศเงียบงัน แสงไฟนวลตาส่องกระทบผนังสีขาวสะอาดตา ทว่ากลับให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว อากาศอบอวลด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเจือจาง เตียงคนไข้ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ม่านสีขาวกั้นเป็นสัดส่วน อาดัมก้าวเข้ามาอย่างช้าๆสายตาของเขามองไปยังหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ผ้าพันแผลสีขาวพันรอบศีรษะของเธอ และขาของเธอถูกดามไว้อย่างแน่นหนา ร่องรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำปรากฏให้เห็นบนผิวกายซีดเซียว ร่างกายของเธอดูเปราะบางราวกับอาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ เสียงลมหายใจแผ่วเบาของเธอยืนยันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อาดัมรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ กดทับอยู่ในอก ราวกับแบกรับความรู้สึกผิดที่มองไม่เห็น เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ สายตาไล่มองไปตามร่างของเธอ พลางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องเจ็บหนักขนาดนี้ เขารู้ว่าเธอรอดมาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะผ่านมันไปได้โดยง่าย เสียงฝีเท้าของเขาเบาลงขณะก้าวถอยหลัง สุดท้ายอาดัมเลือกจะหมุนตัวเดินออกจากห้องแม้ความกังวลยังคงฝังแน่นอยู่ในใจ... เขาตรงกลับมาบ้านที่อบอุ่นเสียงฝีเท้าดังก้องทั่วห้องโถ่งทางเด

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่28.เงาแห่งโชคชะตา

    กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เรือสปีดโบ๊ทแล่นตัดผ่านเกลียวคลื่นอย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์คำรามกลบความเงียบของท้องฟ้ายามเย็นที่กำลังมืดลง อาดัมนั่งเงียบอยู่ข้างฮันน่า ดวงตาของเขามองไปยังใบหน้าของฮันน่าที่เปื้อนไปด้วยเลือด เธอดูอ่อนล้าและไร้เรี่ยวแรงและในแววตาของเธอนั้นช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด“คุณ…เข้มแข็งไว้นะ” อาดัมเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง ขณะที่นันย์ตาเขามองเธอราวกับต้องการส่งกำลังใจทั้งหมดที่เขามีให้กับเธอ ปลายนิ้วของเขาแตะลงบนแขนของเธอเบา ๆ สัมผัสแผ่วเบาที่ไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้เผชิญกับสิ่งนี้เพียงลำพัง ฮันน่ามองอาดัม ก่อนพยักหน้าแม้ไม่มีคำพูดใดออกมา แต่แววตาของเธอนั้นรับรู้ถึงความห่วงใยของเขา และเธอจะพยายามอดทน ให้ถึ่งฝั่งเรือสปีดโบ๊ทเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความเร่งด่วน ไฟสีแดงของรถพยาบาลที่จอดรออยู่ที่ท่าเรือสะท้อนบนผิวน้ำ ราวกับประกาศความสำคัญของชีวิตที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายทันทีที่เรือจอดเทียบที่ท่า คนขับเรือและเจ้าหน้าที่รีบเข้ามาช่วยอาดัมพยุงฮันน่าขึ้นไปยังรถพยาบาล เสียงไซเรนดังก้องเมื่อรถพุ่งออกจากท่าเรือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status