Share

บทที่ 1 : คำสาป 4

Author: persiA99
last update Last Updated: 2025-08-27 23:10:35

______________

“บลู ชื่อของเธอนี่แปลกจัง”

“...ชื่อ****เองก็แปลกเหมือนกันนั่นแหละ”

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ ชื่อนี้แม่อุตส่าห์คิดให้เราตั้งนานเลยนะ”

“....”

“เงียบอีกแล้ว เราคุยคนเดียวเยอะๆ ก็เหนื่อยนะ”

“...ก็ เธอพูดไม่หยุดเลยนี่”

“... ฮ่า ฮ่า ฮ่า เธอนั่นแหละที่พูดน้อย ระวังโตไปจะไม่มีคนมาจีบนะ”

“...........เรื่องของฉัน”

______________

...อึ อืม...

...ฝันหรอ

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตอันเลือนราง ฉันกำลังต่อล้อต่อเถียงกับเด็กสาวช่างจ้ออีกคน ชื่อของเธอน่าจะนามว่า “แกรด” ใบหน้าของเธอนั้นฉันจำไม่ได้เป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว ที่พอจำได้อยู่บ้างคือเธอพูดไม่หยุดจนฉันหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้ง

...ฉันไปรู้จักคนแบบนั้นตั้งแต่ตอนไหนกันนะ คงเป็นหลายครั้งที่ฉันเข้าเมืองพร้อมกับพ่อแม่รึเปล่า

ถึงอย่างนั้นฉันกลับรู้สึกแปลกตรงกลางอก มันอบอุ่นและเจ็บปวดพร้อมๆ กันอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร ...แต่ฉันเกลียดมัน เกลียดความรู้สึกที่อธิบายด้วยหลักการไม่ได้นี้

“กลับเข้าบ้านดีกว่า”

นึกได้ดังนั้นเด็กสาวก็เอื้อมมือไปเก็บกล่องข้าวเปล่าใส่กระเป๋า ส่วนคทายาวก็ถูกเช็ดและทำความสะอาดอย่างผ่านๆ ก่อนจะวางใส่ลงบนกระเป๋าสีดำใบเดิม

ฟืบบบ ต๊อก ต๊อก

เด็กสาวก้าวเท้าออกจากป่าอย่างไม่รีบร้อนโดยทิ้งซากพื้นดินที่ถูกใช้ทดสอบเวทมนตร์ไว้เบื้องหลัง

...

“พร้อมนะลูก”

“ค่ะแม่”

สัมภาระทั้งหมดของฉันถูกเตรียมใส่ในกระเป๋าลากหลายใบ ของมากมายสำหรับการเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ในสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคย

ความกังวล ความคิดว่าจะใช้ชีวิตที่นั่นได้ไหม การหาเพื่อนใหม่ ทั้งหมดมันปนเปอยู่ในหัวตลอดหนึ่งเดือนที่ฉันตัดสินใจย้ายตัวเองไปยังเมืองหลวงอันห่างไกล

การเดินทางในโลกแห่งนี้ยังถือเป็นเรื่องยากลำบาก เรือ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก

แล้วถ้าสถานที่นั้นไม่มีน้ำล่ะ?

สิ่งนั้นไม่จำเป็นหรอกสำหรับโลกแห่งนี้ เรือในความหมายของเราคือสิ่งที่ใช้เดินทางบนอากาศ โบยบินไปอย่างอิสระด้วยเวทมนตร์ธาตุลมซึ่งคอยขับเคลื่อนวัตถุ

เพียงมีมนุษย์ที่ใช้เวทมนตร์ธาตุลมได้อย่างคล่องแคล่ว เรือไม้ที่มีทั้งห้องดาดฟ้า เสากระโดงเรือ ห้องนอนและห้องเก็บของในชั้นล่าง น้ำหนักรวมตัวเรือที่มากเกินกว่าจะยกด้วยแรงคนหลายร้อยคนก็เป็นไปได้ สำหรับเรือของครอบครัวเชอร์โนบ็อก ชายแก่สองคนที่อยู่รับใช้ตระกูลของเรามานานจะเป็นคนคอยพาพวกเราไปยังที่ต่างๆ ทั้งสองจะสลับกันขับเรือและพักผ่อนตามเวลาที่เท่ากันภายในห้องคนขับที่แยกออกจากพวกเราอีกที

ฟูววว

เราสามคนยืนอยู่ตรงลานกว้างหน้าบ้าน ด้านหลังของเรามีเหล่าเมดมากมายออกมายืนรออำลาฉันกันยกใหญ่

พื้นปูนกว้างหน้าบ้านถูกสร้างขึ้นสำหรับใช้วางหรือจอดวัตถุขนาดใหญ่ ไม่นานสิ่งที่เราสามคนกำลังรอก็เคลื่อนมาจากด้านหลังของฉัน

โรงเก็บเรือซึ่งตั้งอยู่ในโกดังหลังบ้าน ภายในมีเรือไม้ขนาดใหญ่พอให้คนประมาณห้าคนใช้ชีวิตกันได้อย่างไม่อึดอัด

ฟูววว

เรือไม้ค่อยๆ ลงจอดบนพื้นปูนเบื้องหน้าของฉันพร้อมกับชายแก่คนหนึ่งที่เดินลงมาต้อนรับพวกเราอย่างสุภาพ

เสากระโดงที่เก็บพับใบเรือเอาไว้จะถูกใช้ในตอนที่ลมแรงและพัดไปในทิศทางเดียวกับที่หมายของเรา

“ผมทำความสะอาดทั้งภายนอกภายในแล้วก็เตรียมของใช้จำเป็นไว้ให้แล้วครับ เชิญด้านในเลย”

“ขอบคุณนะครับ”

ด้านท้ายของเรือจะมีประตูอยู่หนึ่งบานเพื่อใช้เป็นทางเข้าไปยังภายใน หากมองโดยไม่คิดถึงรูปลักษณ์ของมัน สิ่งนี้ก็เหมือนบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งที่ภายในมีทั้งห้องนอนห้องน้ำห้องอาหารครบครัน หรือแม้แต่ดาดฟ้า สถานที่ซึ่งเป็นที่โปรดของบลูเองก็ยังมี

เรือไม้พร้อมออกเดินทางในทันทีที่ข้าวของถูกวางเก็บเป็นที่เรียบร้อยและเราได้มีการตรวจสอบของกันอีกรอบอย่างละเอียด

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น ...ผมจะเริ่มทำการออกเดินทางแล้วนะครับ”

“ค่ะ รบกวนด้วย”

พรึบ!

ทั้งพ่อบ้านและแม่บ้านทั้งหมดที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานต่างก้มหัวโค้งคำนับให้เราทั้งสามกันอย่างพร้อมเพรียง ฉันมองพวกเขาจากหน้าต่างภายในห้องนอนขนาดเล็กพลางหวนคิดถึงเรื่องในอดีตที่มีต่อคนพวกนี้

ฟูวววว

...

ความรู้สึกถึงเครื่องยนต์ที่กำลังทำงานแม้จะเป็นความรู้สึกที่เบาบางก็ตามที เรือลำนี้กำลังลอยขึ้นเหนือพื้นดินอย่างช้าๆ

ภาพของเมดมากมายและบ้านหลังใหญ่ค่อยๆ ถูกกดต่ำและเล็กลงเรื่อยๆ

สายตาของฉันเหม่อลอยเมื่อได้ดูภาพเบื้องหน้า กว่าจะรู้ตัว เรือลำนี้ก็บินขึ้นเหนือพื้นดินจนถึงจุดที่พร้อมจะเคลื่อนไปข้างหน้าแล้ว

...

“กว่าจะได้กลับมาที่นี่ก็ช่วงปิดเทอมเลยหรอ?”

ฉันพูดพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเมินหน้าหนีออกจากหน้าต่างบานเล็ก

...เห้อ

กลางดึกของคืนแรกบนเรือไม้ลำหรู อากาศด้านนอกที่หนาวเหน็บ ลมแรงพัดไปมาตามความเร็วที่เรือเคลื่อนที่ เด็กสาวคนหนึ่งกำลังยืนเกาะขอบข้างเรืออยู่คนเดียวเงียบๆ

ในมือของเธอถือแก้วโกโก้ที่ถูกชงจนหวานตามรสนิยมของเธอ

บลูก้มหน้าลงมองภาพของผืนป่าด้านล่างพลางยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบเป็นทีๆ

แสงไฟที่มีให้เห็นบนพื้นดินอันกว้างใหญ่ หากพวกมันรวมกันเป็นแสงขนาดใหญ่ นั่นหมายถึงตรงนั้นคือเขตชุมชนใหญ่ แต่ส่วนมากภาพที่เด็กสาวเห็นมักจะเป็นผืนป่ามืดๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมจนมองแทบไม่เห็นพื้นเบื้องล่าง

เวลาในการเดินทางจากบ้านไปจนถึงโรงเรียนใหม่อาจกินเวลาไปถึงห้าวัน แต่ถ้าระหว่างการเดินทางดันเกิดฝนฟ้าไม่เป็นใจจนเรือต้องทำการลงจอด เวลาในการไปถึงที่หมายก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก

เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอากาศในวันต่อไปจะเป็นอย่างไร ทำได้แค่อาศัยความเหมาะสมในการเดินทางตามช่วงฤดูเพียงเท่านั้น

สองวันที่ผ่านมา ค่ำคืนบนเรือที่ถูกมองผ่านดวงตาของฉันยังคงเป็นเหมือนเดิม ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศที่หนาวชื้นตามปกติ ดาวประกายสว่างไสวทั่วฟ้าดั่งเช่นปกติ

ในตอนนี้เรือไม้ลำนี้คงอยู่แถวๆ เมืองมาร์ติน ผ่านเมืองนี้ไปก็จะเจอกับเมืองมิชก้าและจบลงที่เซอร์เมีย

...นั่นเท่ากับว่าการเผชิญหน้ากับความจริงของฉันกำลังเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย

หัวใจที่ถูกบีบจนทรมาน ความหน่วงกลัวว่าหนทางข้างหน้าจะไปได้ไม่ดี สำหรับคนที่ไม่ชอบการเข้าสังคมอย่างฉัน เรื่องพวกนี้ ...ฉัน ...เกลียดการเปลี่ยนแปลงพวกนี้จริงๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Acacia Academ : ความลับของเราสองและทำนองต้องสาป   บทที่ 9 : คำถามบนกระดาษข้อสอบ 39

    เราสี่คนเตรียมใจมาพร้อมสำหรับคำว่า “หมู่บ้านร้าง” มันคงเป็นสถานที่ซึ่งไม่เหลือความเป็นชิ้นเป็นอันให้ชมชื่นแน่แท้“อะ อ่าว...”ความพร้อมทั้งกายและใจดูท่าจะเสียเปล่าเมื่อบ้านเรือนเบื้องหน้าซึ่งถูกพูดถึงไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น แม้จะไม่มีใครอยู่จริงแต่สภาพหมู่บ้านก็ไม่ได้เละเทะขนาดนั้นจริงอยู่ว่าสภาพหมู่บ้านเละเทะตามที่ถูกพูดถึง แต่เพราะยังมีบ้านเรือนอีกหลายหลังที่ยังคงสภาพเดิมได้ไม่ถูกทำลายหรือมีความเสียหายอะไรเลยตุ๊บ ตุ๊บสัมภาระส่วนตัวของเราถูกวางกองไว้หน้าทางเข้าหมู่บ้านรวมกับอาหารการกินชุดแรกที่ถูกเตรียมมาด้วยกัน“เดี๋ยวสิๆ”อายทึกทักภาพที่เห็นตรงหน้า“?”“นี่มัน ปิดเทอมในฝันเลยนี่”...จริงตามที่อายพูด“...ดีจริงๆ ที่มา”แกรดฉีกยิ้มอย่างพอใจก่อนจะชวนกันเดินผ่านทางเข้าๆ ไปข้างในรั้วไม้เตี้ยๆ ซึ่งกั้นอาณาเขตหมู่บ้านเอาไว้ ภายในมีอาคารบ้านเรือนเล็กๆ ปลูกเรียงรายโดยรอบนอกรั้วขนาบไปด้วยทุ่งนาที่ว่างเปล่าไร้การดูแลรักษามาสักพักหนึ่งแอ๊ดดดดห่างจากประตูทางเข้าหมู่บ้านไม่ไกล ฉันเหลือบไปเห็นร้านอาหารร้างร้านหนึ่งซึ่งอยู่ในสภาพสมบูรณ์ชวนให้เราอยากลองเข้าไปสำรวจภายในโต๊ะทานอาหารสำหรับลูกค้าวา

  • Acacia Academ : ความลับของเราสองและทำนองต้องสาป   บทที่ 9 : คำถามบนกระดาษข้อสอบ 38

    “โฮ้ว! ชอบๆๆๆ”ลิลิธเบิกตาตื่นกับอาหารตรงหน้า ทั้งขนมหนาวหน้าตาน่าทานและข้าวหน้าเนื้อที่ถูกปรุงแต่งอย่างสละสลวยเข้ากับบรรยากาศริมน้ำยามบ่ายรูปแบบการนั่งติดพื้นทำให้ทั้งอายและลิลิธแปลกใจพอสมควรในทีแรก“แกรดคิดว่าจะได้ให้คุกกี้กับใครหรอ?”อายหันไปถามเด็กสาวขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารตรงหน้ากันอย่างเอร็ดอร่อย“...คิดว่าชาเซน่าจะชนะนะ”แกร๊งเสียงช้อนที่ฉันเผลอทำหลุดมือหลังได้ฟังคำตอบที่คาดไม่ถึงบลูตาค้างพลางมองแกรดด้วยความทึ่ง“...?”...แกรดไม่ได้เชียร์เราหรอ?ตุ๊บ...ฉันทิ้งตัวลงนอนบนพื้นเหมือนหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาของผู้แพ้ค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาที่ไร้ชีวิต“ทำโอเวอร์ไปได้ เราพูดเล่นๆ”“อะ ร หรอ? ...ตกใจหมดเลย”เด็กสาวผมเทาฟื้นตัวกลับมามีชีวิตชีวาภายในเวลาอันรวดเร็ว“ฮ่า ฮ่า ฮ่า บลูนี่ชอบแกรดมากเลยเนอะ”“เอ๊ะ!! ...ช ชอบสิ”ฉันเผลอตอบไปตามสถานการณ์อันสับสนซึ่งแน่นอน ทั้งสองคงคิดว่าความหมายข้างต้นคงแบบเพื่อนสนิททั่วๆ ไป“อืม รู้อยู่แล้วล่ะ”“!?”“เพื่อนรักเลยนี่เนอะ”เฮือก!ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังใจตกไปอยู่ตาตุ่มครู่หนึ่ง“ฮะ ฮ่า ฮ่า กินข้าวต่อเถอะๆ”ว่าแล้วเด็กสาวเจ้าของคำถามก็เปลี่ย

  • Acacia Academ : ความลับของเราสองและทำนองต้องสาป   บทที่ 9 : คำถามบนกระดาษข้อสอบ 37

    บทที่ 9 : คำถามบนกระดาษข้อสอบกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งสายลมยามบ่ายพัดกระทบกระดิ่งลมลายฉลุสีเขียวที่คล้องแขวนอยู่หน้าประตูบ้านเปล่งเสียงกรุ๊งกริ๊งไพเราะไปทั่วทั้งตึก...ค่ะ ทั่วตึก ตอนที่ฉันเดินลงไปด้านล่างอาคารก็ยังได้ยินเสียงแว่วเบาๆ ของมันเลย หวังว่าทุกคนจะไม่ร้องเรียนเรื่องเสียงนี้นะ...ยามบ่ายของวันธรรมดาหลังเลิกเรียน เราทั้งสองกำลังขะมักเขม้นอยู่บนโซฟาพลางหยิบสมุดขึ้นมาอ่านคนละเล่มอย่างตั้งใจ“บลู ปีนี้พระราชาอายุเท่าไร?”“ปีนี้ ...ห้าสิบ”“ถูกต้องงงง”“คนในประเทศนี้สามารถแต่งงานกันได้ตอนอายุเท่าไหร่”“สิบหกปีทั้งชายและหญิง”“ใช่ งั้น ...ธาตุไฟกับธาตุดิน ถ้าเอามารวมกันสามารถทำอะไรได้บ้าง?”“....อืม เครื่องปั้นดินเผา”“...อ อืม ถูกต้อง”...แม้จะมั่นใจว่าตอบได้เกือบทุกข้อแน่แต่เราก็ต้องไม่ชะล่าใจเพราะอีกหนึ่งเดือนจะถึงช่วงสอบปลายภาคแล้วเราสองคนใช้เวลาช่วงพักผ่อนไปกับการอ่านหนังสือเตรียมความพร้อมก่อนสอบ...ถึงจะเรียกว่าอ่านหนังสือก็เถอะ แต่แบบนี้ใครจะไปมีสมาธิกันบนตักของฉันมีเด็กสาวผมเปียคนหนึ่งกำลังใช้หัวของเธอหนุนเอาไว้พลางเปิดหนังสืออ่านไม่สนใจ มือของเธอยื่นขึ้นมาลูบปอยผมสีเทาของฉ

  • Acacia Academ : ความลับของเราสองและทำนองต้องสาป   บทที่ 8 : คำร้องจากท้องสมุทร 36

    “จะถึงท่าแล้วนะ”เช้าวันใหม่ ลิลิธซึ่งตื่นเช้าเป็นคนที่สองต่อจากอาจารย์มูฟรีร่าที่ทำหน้าที่บังคับเรือ เด็กสาวตะโกนปลุกเราให้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นพลางชมเมืองท่าที่กำลังจะไปถึง...ง่วง!ฉันถูกลากขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือพร้อมกับคนอื่นๆ เราทั้งหมดยืนมองแสงสีส้มที่กำลังไต่ระดับขึ้นสู่น่านฟ้า....อาจารย์มากาเลต? น่าจะเมา ตื่นไม่ไหว“...”เมื่อเข้าใจว่าคนอีกคนที่หายไปคือใครฉันก็พร้อมจะไม่สนใจแล้วเพ่งมองแสงแรกของวันอย่างจดจ่อต่อไปปิ๊ง...มันเหมือนกับสัญญาณเริ่มวันใหม่ที่สดใส ใต้วิวทิวทัศน์ที่แสงสีส้มโผล่ขึ้นมาคือพื้นสีคราม มันสะท้อนกันเสมือนกับมีดวงอาทิตย์สองดวงสะท้อนกัน...ตามตำราที่ฉันเคยอ่าน มีสองทฤษฎีที่พูดถึงดวงอาทิตย์กับโลกของเรา พวกเขาถกกันไม่จบสิ้นว่าจริงๆ โลกเราหมุนรอบดวงอาทิตย์หรือดวงอาทิตย์หมุนรอบเรากันแน่ หากถามฉัน แน่นอนว่าฉันไม่รู้นอกเสียจากการคาดเดาว่าดวงอาทิตย์มันใหญ่กว่าโลก...แต่ใครจะไปหมกมุ่นกับดวงอาทิตย์ก็ช่างเขา ฉันสนแค่มันยังส่องแสงสว่างให้เราได้ทุกเช้าก็พอ“ฟุ ฟุ ตอนเช้าต้องยิ้มนะ”บลูเผลอเหม่อมองดวงอาทิตย์จากเงาสะท้อนบนผิวน้ำจนใบหน้าเคร่งขรึมไม่รู้ตัว แกรดที่เห็นท่าไม่ดีจึ

  • Acacia Academ : ความลับของเราสองและทำนองต้องสาป   บทที่ 8 : คำร้องจากท้องสมุทร 35

    ...ข้าวเย็น ไม่เห็นมีคนทำเลย...ไม่ผิดใช่มั้ยที่ฉันเห็นฝูงปลาพวกนี้แล้วจู่ๆ ความคิดเรื่องข้าวเย็นก็ผุดขึ้นมาฉันกวาดตามองคนในเรือโดยไม่พูดอะไร ท้องของฉันเริ่มหิวแต่ไม่ยักกะมีใครเตรียมอาหารค่ำ“ก แกรด”ฉันเดินไปกระซิบถามเด็กสาวที่สนิทสนมที่สุดในเรือ“หืม?”“เรา ...ไม่กินข้าวเย็นกันหรอ?”“อ๋อ ลืมบอกบลูไปเลย เราจะตกปลากินกันน่ะ”“ตกปลา?”“อืมๆ ว่าแล้วก็ช่วยเราเตรียมของขึ้นมาหน่อยสิ”เด็กสาวกวักมือชวนฉันให้ลงไปห้องโถงใต้ท้องเรือกับเธอ ภายในมุมผนังห้องโถงซึ่งมีคันเบ็ดยาวถูกจัดเตรียมไว้ให้หลายสิบคัน แกรดบรรจงเลือกไม้ที่ดีที่สุดแล้วหันมาถามความเห็นจากฉัน“ม ไม่รู้สิ ฉันไม่ค่อยตกปลาน่ะ”“อืม ...งั้นเราว่าบลูน่าจะชอบอันนี้นะ”แกรดหยิบหนึ่งในเบ็ดที่วางเรียงอยู่บนผนังแล้วยื่นมาให้ฉันด้วยความมั่นใจโดยที่ฉันแทบแยกความต่างของไม้นี้กับไม้อื่นไม่ออกเลย“ขอบคุณนะ แต่ฉัน ...ไม่ค่อยเก่งเรื่องตกปลา”“เดี๋ยวเราสอนๆ”เด็กสาวตอบกลับอย่างเริงร่าก่อนจะเดินแบกคันเบ็ดคันอื่นขึ้นไปด้านบนเรือของเราหยุดลงกลางทะเล ช่วงเวลาสำหรับการพักผ่อนมาถึงเมื่อท้องฟ้าเข้าสู่ช่วงค่ำคืนปุ๊ฟ...ลูกไฟดวงใหญ่ถูกจุดขึ้นเหนือเรือ มั

  • Acacia Academ : ความลับของเราสองและทำนองต้องสาป   บทที่ 8 : คำร้องจากท้องสมุทร 34

    เวลามุ่งสู่วันออกเดินทางอย่างรวดเร็วเราทั้งสี่ถูกรถม้ารับไปส่งยังท่าเรือแต่เช้าตรู่ ใช้เวลาเดินทางจนเห็นท้องทะเลยามเที่ยงวันพอดิบพอดี“...ทะเล”“...”สายลมเย็นเริ่มพัดแรงขึ้น พวกมันพัดเอาความรู้สึกเหนอะหนะอ่อนๆ ติดมาด้วยพร้อมๆ กับกลิ่นทะเลที่แปลกแตกต่างจากกลิ่นธรรมชาติทั่วไปเสียงคลื่นเริ่มดังขึ้นขณะที่รถม้าเดินทางเข้าใกล้ท่าเรือใหญ่ท่าเรือเซอร์เมีย ท่าเรือขนส่งขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ทันทีที่เราทั้งหกผ่านเข้าอาณาเขตของท่าเรือ ความวุ่นวายก็เริ่มปรากฏ ฉันมองเห็นผู้คนที่กำลังเดินไปมาเพื่อขนส่งของต่างๆ โดยส่วนมากมักจะเป็นสัตว์ทะเลที่ถูกจับมาเพื่อใช้ส่งไปค้าขายยังที่อื่นอีกที“เราเป็นตัวแทนมาจากอคาเดมค่ะ”มูฟรีร่าตรงไปทักทายผู้ดูแลเรือคนหนึ่งในป้อมบริการก่อนจะขอใช้เรือส่วนตัวของโรงเรียนเพื่อออกเดินทาง หญิงสาวยื่นเอกสารยืนยันตัวตนให้ผู้ดูแลคนนั้นพร้อมกับแนะนำตัวแบบคร่าวๆ“ครับๆ ....อืม เรืออยู่ทางนู้นนะครับ”ชายวัยกลางคนผายมือไปที่เรือลำหนึ่งซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ไม่ห่างจากที่พวกเรายืนอยู่มากนัก“ค่ะ ...ขอบคุณค่ะ”“อ...อาจารย์ครับ!”ชายคนนั้นทึกทักเหมือนอยากจะไถ่ถามบางอย่างกับอาจารย์มูฟรีร่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status