Masukแต๊ก แต๊ก แต๊กๆ คลิก! นิ้วเรียวสวยขยับยุกยิกไปมาระหว่างปุ่มนั้นปุ่มนี้บนคีย์บอร์ด สลับกับตาที่เพ่งมองหน้าจอที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือมากมายจนพาหัวสมองยุ่งไปหมด
“เฮ้ออออ…เหลือข้อมูลของอีกแค่วันเดียวเท่านั้น”
ปากบางสวยพึมพำพร้อมถอนหายใจกับตัวเอง นี่เธอนั่งเคลียร์งานก่อนจะหนีไปเที่ยวมากี่ชั่วโมงกันแล้วนะ? พร้อมกับยกมือขยับดันแว่นถนอมสายตาให้เข้าที่
“เมจิ เสร็จยังลูก มากินข้าวเร็ว”
“ใกล้แล้วจ้าแม่ อีกนิดเดียว นิ๊ดเดียว เท่านั้น!”
15 นาทีผ่านไป…
“โอเค! ฟู่ววว หมดสักที นั่งหลังแข็งจนจะก่อเป็นเสาปูนได้แล้ว”
ร่างบางพูดไปก็บิดขี้เกียจคลายเมื่อยไป ก่อนจะกดเซฟงานปิดคอมฯ แล้วสับขาอย่างไวไปที่โต๊ะอาหาร เพราะหิวจะแย่แล้วน่ะสิ
“มาแย้ววว ไหนมีอะไรกินบ้างน้า หอมจัง ~”
คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเดินไปตักข้าวใส่จานแล้วกลับมานั่งประจำที่พร้อมถืออาวุธช้อนกับส้อมไว้ในมืออย่างกับเด็กห้าขวบ
“ดูทำเข้า นี่เราอายุ 25 แล้วนะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้”
“โหหห แม่ อย่าย้ำสิ โตแค่ไหนแต่หัวใจวัยรุ่นเสมอนะ”
เมจิตอบแม่พร้อมกับเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ไปด้วย…
“จริงสิ แม่กับพ่อกินข้าวแล้วหรอ”
“เรียบร้อยแล้ว จนพ่อแกออกไปคุยกับช่างที่ให้มาทาสีแล้วนั่นน่ะ”
แม่ตอบก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปด้านนอกเป็นเชิงบอกให้ดูว่าพ่อกำลังคุยกับช่างอยู่…ที่บ้านเธอทำรีสอร์ตอยู่ต่างจังหวัด รายได้ค่อนข้างดีเลยเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้ทั้งปีและอากาศก็ไม่ร้อนจัดเท่าตามเมืองต่างๆ แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีปัญหาจุกจิกพวกซ่อมบำรุงนี่แหละที่ต้องคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอ
“แล้วพรุ่งนี้แกจะออกจากบ้านกี่โมงจะเข้ากรุงเทพฯนี่” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาว
“ก็ว่าจะออกเช้านะแม่เพราะเมนัดยัยไลลาไว้ 11 โมง”
“เจอพี่วินของแกอะไรนั่นด้วยใช่ไหม?”
แม่ถามพร้อมกับทำสายตาวิบวับยิ้มอ่อนใส่แบบคนรู้กัน
“แหะๆ …ช่ายยย”
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง! พูดถึงไม่ทันขาดคำก็มีเสียงข้อความเข้าต้องเป็นใครสักคนที่พูดถึงแน่ๆ ตาเรียวสวยเหลือบมองมือถือที่วางไว้ข้างตัวก่อนจะหยิบขึ้นมาดูว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา
ไลลา : ยัยเม! พรุ่งนี้เรากินอะไรกันดี อยากเจอแล้วววว มายังงงง?
นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอดูข้อความถัดไป…
พี่วิน : พี่เพิ่งพักเบรกตอนเที่ยงครับ นี่กำลังกินข้าวอยู่
และแน่นอนว่าฉันต้องเลือกตอบคนที่สำคัญก่อนอยู่แล้ว…
เมจิ : พี่วินกินอะไร ~ อร่อยไหมคะ เมก็กำลังกินข้าวอยู่พอดี :)
ใบหน้าสวยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหน้าจอก่อนจะวางมือถือลงหลังตอบข้อความเสร็จ พลันในสมองก็ครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ ยิ่งใกล้จะได้เจอยิ่งรู้สึกทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่ายังไงก็ไม่รู้
20:30 น.
เมจิที่กำลังเดินไปเดินมารอบห้องหลังจากเก็บกระเป๋าและของใช้ต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยสำหรับ 3-4 วัน จะเหลือก็แต่ชุดที่จะใส่ไปเจอพี่วินนี่แหละที่ยังคิดไม่ออกว่าจะใส่อะไรดี…เลือกไม่ได้นักก็เอาไปให้หมดเลยแล้วกัน!
นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกหลังจากที่ก่อนหน้านั้นฉันตัดสินใจเล่นแอปหาคู่ตามที่ยัยไลลาแนะนำมาแล้วก็ได้เจอกับพี่เขาในแอปจนคุยกันมาถึงตอนนี้ก็ได้ 3 เดือนนิดๆ โดยที่ไม่เคยเจอตัวจริงกันมาก่อนเลย
ครืด ครืด ครืด ~
คนตัวเล็กที่กำลังพับผ้าจะจัดลงกระเป๋าหันหัวมองต้นเหตุของเสียงที่สั่นอยู่บนที่นอนก่อนจะวางของที่อยู่ในมือลงแล้วเดินมาหยิบมือถือดูว่าใครโทรเข้ามา…เมจิมองหน้าจอที่แสดงรูปผู้ชายใบหน้าหล่อคมภายใต้กรอบแว่นตากับผมสีดำปรกลงมาเหมือนไม่ตั้งใจเซตและเสื้อยืดสบายๆ
“พี่วินหนิ…”
นิ้วเรียวกดเลื่อนขวารับสายแบบไม่คิดลังเล
(ไง ทำอะไรอยู่ล่ะเรา)
เสียงทุ้มติดขี้เล่นนิดๆ ดังมาจากปลายสาย
“เมกำลังเก็บกระเป๋าอยู่ แล้วก็เลือกชุดใส่ไปเจอพี่เนี่ย แหะๆ”
(ตื่นเต้นงั้นเลยหรอจะเจอพี่ อืม จริงๆ มาเจอพี่ไม่ต้องใส่อะไรก็ได้…)
“โง้ยยย พอเลย เมยังเด็กอยู่นะ”
เสียงหวานตอบกลับโดยใช้มุกเดิมๆ ในการเอาตัวรอดมาตลอดหลายเดือน
(55555 ล้อเล่นๆ ก็ได้ครับ)
นี่ขนาดยังไม่เคยเจอกันนะแต่ยังรับรู้ได้เลยว่าพี่เขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ ด้วยความที่คุยกันมาสักระยะนึงก็พอจะรู้ว่าพี่วินเนี่ยน่าจะกะล่อนไม่ธรรมดาเลยล่ะ
“กะล่อนชะมัด!”
(อะไรๆ ทีเรายังชอบอ้อร้อพี่อยู่เรื่อยๆ เลย)
“5555 มันก็ต้องมีกันบ้างไหม พี่จะได้หลงเสน่ห์ไง คิคิ”
(อ้อร้ออออ…)
สองหนุ่มสาวคุยกันอีกสักพักไม่นานก็วางสายไป เมจิพอเก็บของเรียบร้อยก็พาร่างสวยๆ เข้าไปอาบน้ำก่อนจะกลับออกมาด้วยชุดนอนแล้วปีนขึ้นเตียงนุ่มไปซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
ร่างบางพลิกตัวไปมาเพราะยังนอนไม่หลับเพราะสมองเอาแต่ครุ่นคิดว่าถ้าเจอกันแล้วพี่เขาเกิดไม่ชอบเธอขึ้นมาจะทำยังไง เฮ้อ! ถึงจะคุยกันไม่ได้นานมากแต่ก็แอบเทใจให้กับความน่ารักของเขาไปไม่น้อยเลยยัยเม…
ครืด กึก กึก ครืด ~ เสียงล้อกระเป๋าเดินทางครูดไปกับพื้นตามแรงดึงของแขนเรียวที่กำลังเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์ก่อนที่จะเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเช็กเอาต์ออกจากที่พัก“เรียบร้อยค่ะคุณผู้หญิง ขอบพระคุณนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”เสียงพนักงานสาวเอ่ยขึ้นก่อนที่เมจิจะเอ่ยขอบคุณตอบกลับแล้วเดินลากกระเป๋าออกมาตรงไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ภายในอาคารจอดรถของโรงแรม“ฮึบ! โอเคเรียบร้อย…ออกเดินทางกันดีกว่า”ร่างบางพูดขึ้นหลังจากยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระของตัวเองขึ้นท้ายรถเป็นที่เรียบร้อยก่อนจะก้าวขาเข้าไปนั่งบนรถโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกที่บ้าน ยัยไลลา และพี่วินว่าเธอกำลังออกเดินทางรถคันสีขาวคู่ใจขับเคลื่อนออกไปจากตัวอาคารมุ่งหน้าไปยังบ้านอันแสนอบอุ่นของเธอ…14:40 น.ณ บ้านสวนเคียงดาวรถคันสีขาวที่คุ้นเคยขับเข้ามาจอดยังที่จอดรถประจำ ไม่นานนักคนตัวเล็กก็ลงมาจากรถก่อนจะยืดแขนบิดตัวไปมาพร้อมกับสูดลมหายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าไปเต็มปอด…อากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาในเมืองไม่ได้จริงๆ“เฮ้อออ ต้องแบบนี้สิ” เมจิหลับตาพริ้ม ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยืดเส้นยืดสายเพราะโดยปกติถ้าเธอเดินทางคนเดียวจะชอบขับรถยิ
ปี๊นนๆๆ เฟี้ยว! แง้นนน ~ เสียงจากการจราจรที่คับคั่งด้านนอกไม่ว่าจะรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถโดยสารสาธารณะดังเล็ดลอดเข้ามาภายในรถญี่ปุ่นที่กำลังมีสองหนุ่มสาวนั่งติดแหง็กอยู่กับไฟแดงบนแยกนี้มาได้ไม่ต่ำกว่าสามสิบนาทีแล้ว“นั่นไฟเขียวแล้วหรอ…ตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยหมดละ” เสียงทุ้มพูดขึ้นหลังจากรถเคลื่อนตัวไปได้เพียงนิดและดูทรงแล้วว่าน่าจะต้องติดอีกรอบ“5555 พี่ตดหรอ…” เมจิขำกับการเปรียบเปรยของคนข้างๆ“งืมมม…เมว่าจะถามพี่อยู่” เสียงหวานเอ่ยต่อนัยน์ตาคมเลยหันมามองอย่างรอฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด“พี่เจอเมแล้วพี่โอเคไหมหรือมีอะไรที่ไม่ชอบบอกได้เลยนะ”เธอถามออกไปตามตรงก่อนจะสบสายตากับเขาที่ก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน“ไม่มี…ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ” เสียงทุ้มตอบกลับแล้วจ้องมองเข้ามาในตาของเธอนิ่ง“อ่อ…พี่ไฟเขียวแล้ว!”เมจิที่กำลังจะตอบกลับแต่ตาดันเหลือบไปเห็นไฟที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อนเลยรีบสะกิดบอกพี่วินว่าถึงนาทีทองแล้ว!ทำให้รถที่จอดนิ่งอยู่เคลื่อนตัวออกไปและแน่นอนว่าเราสองคนผ่านไฟแดงมาได้แบบหวุดหวิดชนิดที่ว่าลุ้นจนแทบลืมหายใจก็ไม่เกินจริงเพราะขนาดตอนดูหนังก็ยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เลย…แต๊ก แต๊ก แต๊ก
เช้าวันต่อมาติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากมือถือของเมจิดังขึ้นพี่วิน : พี่ถึงแล้ว จอดรอด้านล่างนะเมจิ : ค่ะ เมกำลังลงไปตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของร่างบางที่เพิ่งเดินออกมาจากลิฟต์ก่อนจะเปิดประตูออกไปหน้าที่พักแล้วเดินเลี้ยวไปยังลานจอดรถของโรงแรม เมจิที่อยู่ในชุดเสื้อลายทางสีเข้มแขนยาวกับกระโปรงสีดำและรองเท้าผ้าใบคู่ใจเดินตรงไปยังรถญี่ปุ่นคันสีดำที่จอดอยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟใบหน้าสวยก้มหัวลงมองนิดนึงเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าคนขับด้านในเป็นชายหนุ่มที่เธอนัดไว้ก่อนจะเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่ง หลังจากเมื่อวานที่ทั้งคู่กลับมาถึงยังห้างสรรพสินค้าที่ต่างคนต่างจอดรถทิ้งไว้เลยได้มีการคุยกันว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้างจนได้ข้อสรุปว่าพี่วินจะมารับเธอที่โรงแรมจะได้ไม่ต้องนั่งรถสาธารณะไปกลับ… ประหยัดทั้งเวลาแล้วก็สะดวกกว่าด้วยไปคันเดียวจบแล้วก็หาสถานที่ที่คนไม่เยอะแทน“หวัดดีค่ะ :) ”คนตัวเล็กที่เพิ่งขึ้นรถมาหันไปกล่าวทักทายร่างหนาก่อนจะใช้สายตาลอบสังเกตการแต่งกายที่ดูธรรมดาเหมือนเดิม…แต่ก็ยังคงหล่อกระแทกตาไม่ต่างจากเดิม!กริ๊ก! เสียงล็อคประตูรถจากฝั่งคนขับดังขึ้น“คิดยังไงยอมขึ้นรถมากับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก…หื้ม”“
ติ๊ด! แกร๊ก! ร่างบางที่ยังคงอยู่ในเสื้อสีแดงเปิดประตูเข้าห้องมาก่อนจะถอดรองเท้าและเดินเลยเอากระเป๋าสะพายไปวางไว้บนโต๊ะหน้าทีวีโดยไม่ลืมที่จะส่งข้อความบอกพี่วินและแม่ของเธอว่าถึงที่พักแล้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเมจิเดินไปที่หน้ากระจกมองภาพสะท้อนตรงหน้า ตาเรียวสวยมองตัวเองชัดๆ อีกทีแล้วก็ได้แต่คิดในใจเหมือนเดิมว่ามันเด่นน้อยลงกว่าเดิมตรงไหนก่อนจะส่ายหัวเบาๆ แล้วใช้มือจับชายเสื้อยกถอดออกจากตัว มือบางพลิกเสื้อที่ถอดออกมาดูเลยเห็นว่ามีป้ายแท็กห้อยอยู่ด้านในตรงคอปก…เสื้อใหม่นี่ถึงว่าล่ะตอนใส่ทำไมเหมือนมีอะไรขูดบนผิวจนรู้สึกคันยิบๆ“เดี๋ยวค่อยเอาไปซักพรุ่งนี้แล้วกัน” ปากเล็กพึมพำบอกกับตัวเองก่อนจะพับเสื้อให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะใกล้ตัวครืดดด ครืดด ~“ว่าไงจ๊ะมัมหมี ~” เธอกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นแม่ของตนโทรมาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกวนๆ อย่างต้องการหยอกล้อคนปลายสาย(อารมณ์ดีสินะลูกสาวฉัน)“55555 แค่อยากแกล้งแม่เฉยๆ …โทรมาคิดถึงหนูหรอ?”(งั้นแม่วางสายเลยนะ…)“โห่ๆๆ เดี๋ยวสิ…มีเรื่องจะบอกแม่อยู่พอดี”(แกไปทำอะไรไม่ดีมาหรือไง!)“แม่ใจเย็นนะ…เมจะบอกเฉยๆ ว่าจะลองหางานทำดูไหนๆ พี่โมก็กลับมา
“อื้ม! ชุดนี้แหละ น่ารักมากยัยเม”คนตัวเล็กหมุนตัวไปมาหน้ากระจกผมที่ลอนคลายๆ ไว้ก็สยายไปมาตามทิศทางการหมุน พร้อมกับเอ่ยชมตัวเองไม่ขาดปาก ร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกสีขาวคลุมด้วยเสื้อครอปแขนยาวพอดีตัวสีเขียวอ่อนกับท่อนล่างเป็นกระโปรงสั้นอัดกลีบสีเทา ยิ่งขับให้ผิวตัวและใบหน้าดูผ่องเข้าไปกันใหญ่ติ๊ง ติ๊ง! เสียงข้อความจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น“งืมมม…ใครส่งอะไรมาน้า”พี่วิน : พี่เพิ่งเลิกงานพี่วิน : นี่เราอยู่ไหนแล้ว?เมจิ : อยู่ที่พักค่ะ เพิ่งแต่งตัวเสร็จRrrrrrr ~ เมจิไม่ทันได้พิมพ์อะไรต่อพี่วินก็โทรเข้ามาก่อน(แต่งตัวเสร็จแล้วจะไปไหน)เสียงทุ้มคุ้นหูพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย“เมว่าจะไปเดินตลาดนัดกลางคืนหน่อย ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่ ของกินเยอะด้วยงะ”(ไปกับเพื่อนเราอะหรอ)“เปล่านะ เมไปคนเดียว เพื่อนกลับไปทำงานแล่ววว”(อืม…หิวพอดีเลยงั้นพี่ไปเจอเราที่นู่นนะ ยังไงแชร์โลเคชั่นมาให้ด้วย ติ๊ด!)มะ เมื่อกี้ คืออะไรนะ น่ะ นี่ อยู่ดีๆ ก็ต้องเจอกะทันหันแบบนี้เลยหรอ เรานัดกับไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไงพี่วิน! โอ้ยตายแล้ว ฉันไม่มีเวลาเตรียมใจเลย…T-Tพอตั้งสติได้เมจิก็รีบเด
“แม่ชักไม่มั่นใจแล้วว่านี่แกจะไปแค่ 3-4 วัน หรือกะจะย้ายบ้านถาวรกันแน่”เสียงผู้เป็นแม่พูดขึ้นหลังจากเห็นลูกสาวตัวเองเดินหอบของมาพะรุงพะรัง ทั้งกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าผ้าใบใหญ่ และกระเป๋าสะพายที่บังมิดจนมองแทบไม่เห็นตัวเลยหันไปเรียกให้คนงานที่บ้านมาช่วยลูกสาวยกของใส่เข้ารถ เพราะเท่าที่ดูถ้าไม่ช่วยคงได้มีหวังล้มกลิ้งแน่ในอีกไม่กี่ก้าว“ขอบคุณค่ะ”เมจิหันไปขอบคุณคนงานที่มาช่วยเธอยกของก่อนจะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรอส่งแบบนี้เป็นประจำเวลาเธอจะออกจากบ้าน“งั้นเมไปแล้วน้า นัดยัยไลลาไว้เดี๋ยวไปช้ายัยนั่นบ่นหูชาแน่ๆ”คนตัวเล็กไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้าไปหอมแก้มพ่อกับแม่คนละฟอดพร้อมกับยกมือไหว้…ส่วนเธอก็ทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกันไม่ว่าจะไปไหน“เดินทางปลอดภัยขับรถดีๆ นะไอ้ดื้อ”“จ้าพ่อ”ดา ดี้ ดั๊ด ดา ~มือเรียวของเมจิจับที่พวงมาลัยอยู่แต่นิ้วขยับยุกยิกไปมาตามจังหวะเพลงพร้อมกับหัวที่โยกเบาๆ และปากบางที่คอยพึมพำร้องเพลงไปด้วยก่อนที่เท้าจะค่อยๆ แตะเบรกชะลอความเร็วรถลงเพราะมีไฟแดงอยู่ด้านหน้าครืด ~ตาสวยเหลือบมองโทรศัพท์คู่ใจที่สั่นเมื่อสักครู่ก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดการแจ้งเตือนดูพี่วิน : เดินทางปลอดภัย







