LOGINถึง เพื่อนรัก
ยินดีกับงานหมั้นด้วยนะรัก เราได้เห็นภาพงานหมั้นแล้ว รักสวยมากเลยตอนที่อยู่ในชุดนั้น 🥰
แม้จะเสียดายที่ไม่ได้อยู่ที่งานด้วย แต่เราก็ดีใจกับความสุขครั้งนี้ของรักนะ เราขอให้รักกับพี่ฌอนรักกันนานๆ และมีความสุขด้วยกันตลอดไปนะ
อลิซ…
ฉันส่งอิเมลหาเพื่อนแม้จะสั้นไปซักหน่อย แต่นั่นก็เป็นความรู้สึกจริงๆ ของฉัน
ติ้ง…
เสียงเตือนอิเมลเข้าหลังจากนั้นไม่ถึงนาที และฉันก็พอจะเดาได้ว่าอิเมลฉบับนั้นเป็นของใคร
Ruk : อลิซอยู่ที่ไหน เราโทรหาอลิซตั้งหลายวัน แต่ติดต่อไม่ได้เลย อลิซเป็นอะไรรึเปล่า
หลังจากที่อ่านข้อความเหล่านั้น ความรู้สึกผิดก็จู่โจมเข้ามาใส่ฉันทันที
Alicia : เราสบายดี รักไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยเราจะติดต่อกลับไปอีกที
ฉันไม่สามารถบอกอะไรไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนสนิทจะเข้าใจฉันด้วย
Ruk : แค่อลิซบอกว่าสบายดีเราก็โล่งใจแล้ว เราไม่รู้ว่าอลิซกำลังเจอกับอะไร แต่เราจะรออลิซติดต่อมานะ ดูแลตัวเองด้วยนะ
ได้เห็นความเข้าอกเข้าใจที่รักมีให้ฉันก็ยิ่งรู้สึกซึ้งใจ ที่ไม่ว่ายังไงเธอก็คือคนที่เข้าใจฉันมากที่สุด แม้ว่าฉันจะไม่ได้อธิบายอะไรให้ฟังเลยก็ตาม
“อลิซ ลงมากินข้าวได้แล้วลูก”
“ค่ะ หนูกำลังออกไปค่ะ” ฉันขานรับและอดยิ้มไม่ได้ เมื่อเวลาป้าลัลเรียกฉันแล้วมักจะมีคำว่าลูกอยู่ในประโยคเสมอ
อาหารเย็นวันนี้ป้าลัลไม่ได้เข้าครัวเองแต่เป็นคุณแม่บ้านที่ทำให้อาหารให้ ส่วนฉันก็ยังเจริญอาหารเหมือนเดิม จนอดคิดไม่ได้ว่าคนที่นี่ทำอาหารอร่อยกันทุกคนเลยหรือเปล่า
“อีกสองวันอลิซต้องเข้าเมืองกับลุงนะ แล้วลุงกฤตก็จะไปกับเราด้วย” ลุงทนายบอกด้วยสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมากหลังจากที่ได้มาอยู่ที่นี่
“ค่ะ” ฉันรับคำ ก่อนจะกินอาหารตรงหน้าต่อ ก็พอจะเดาได้ถึงเหตุผลที่ต้องไปที่นั่นฉันถึงได้ไม่ถามอะไรออกไป
เช้ารุ่งขึ้น
เสียงนกร้องจิ๊บๆ ที่หน้าต่างเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกสำหรับฉันไปแล้ว เสียงเล็กๆ ที่แสนไพเราะนั้นทำให้ฉันตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีในทุกวัน
“อื้อออ~” ฉันลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นวิวธรรมชาติสวยๆ อยู่ตรงหน้า
ระหว่างที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้า อารมณ์ของฉันก็ต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที เมื่อได้เห็นหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองมีแจ้งเตือนอิเมลเข้าอยู่หลายข้อความ พอเห็นข้อความพวกนั้นฉันก็ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใครที่ส่งมา
Rocco😈 : โทรกลับหาฉันเดี๋ยวนี้
Rocco😈 : อยากตายใช่ไหม!!
Rocco😈 : โทรกลับมาสิโว้ย!!!!
Rocco😈: คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ
Rocco😈: บอกแล้วไงถ้าฉันไม่อนุญาต เธอก็หนีไปจากฉันไม่ได้
Rocco😈: หาเธอเจอเมื่อไหร่ ฉันจะเอาเธอให้คลานลงจากเตียงเลย
ฉันอ่านอิเมลพวกนั้นด้วยมือที่สั่นจนควบคุมไม่ได้ คำขู่ของเขากำลังสร้างความหวาดกลัวให้ฉันอยู่ไม่น้อย เพราะฉันรู้ว่ามันไม่ใช่แค่คำขู่ คนอย่างร็อคที่ภายนอกยิ้มแย้มให้ผู้คนอย่างเป็นมิตร แต่ตัวตนเนื้อแท้ของเขานั้นเลวร้ายแค่ไหนฉันย่อมรู้ดีกว่าใคร เพราะคนที่ได้เห็นด้านมืดของเขามากกว่าใครก็คือฉัน คนที่ทำให้เขาแค้นนักแค้นหนา ถึงขนาดที่ว่าเขาทำร้ายฉันสารพัดก็ยังไม่ทำให้เขาหายแค้นได้เลย
“ทำไมนายถึงไม่พอใจสักที ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่ได้อยู่เกะกะสายตาของนายแล้วแท้ๆ” มือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น ก่อนจะนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ตัวเองโดนกระทำจากผู้ชายที่ชื่อร็อค
ย้อนกลับไปหลายเดือนก่อน…
เมื่อผู้ชายที่ชื่อ ร็อคโก้ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ร็อค ต้องการหาคนทำรายงานให้ ทำให้ฉันกับเพื่อนสนิทถูกหมายปองในทันที โดยที่ข้อเสนอที่เขามอบให้ก็เป็นสิ่งที่ล่อใจฉันเช่นกัน นั่นก็คือการที่เขาจะเลิกแกล้งพวกเราและจะไม่ข้องเกี่ยวกันอีก มีหรือที่ฉันจะปฏิเสธข้อเสนอนั้น
ฉันรับปากจะทำรายงานให้กับเขา แต่สำหรับร็อคเขาเองก็ไม่ได้ประมาท เขาหยิบกุญแจห้องของฉันไปเป็นตัวประกัน ถ้าเสร็จงานเมื่อไหร่ก็จะคืนกุญแจให้
ฉันกับรักนั่งทำรายงานกันทั้งคืน เพราะอยากหลุดพ้นจากการกลั่นแกล้งของพวกเขา จนสุดท้ายพวกเราก็ทำมันสำเร็จ แต่กลายเป็นว่ากุญแจห้องของฉันกลับไม่ได้คืนจากร็อค แถมเขายังเข้ามายึดห้องของฉัน โดยโยนเงินมาให้ฉัน 50,000 บาท และบอกว่าเป็นค่าเช่าบวกค่ามัดจำล่วงหน้า
“ต่อไปนี้เธอคือรูมเมทของฉัน!!”
ประโยคนี้พาฉันสตั้นไปเลย งงกับการกระทำของเขาจนพูดไม่ออก ทั้งๆ ที่ฉันเป็นเจ้าของห้อง แต่เขาคือคนที่เดินเข้ามาที่ห้องของฉันและจัดแจงที่หลับที่นอนของตัวเองเสร็จสรรพ แล้วที่ทำให้ฉันถึงกับพูดไม่ออกนั่นก็คือ เขาบอกว่าห้องนอนที่มีเพียงห้องเดียว ต่อไปนี้จะเป็นห้องนอนของเขา ส่วนที่นอนของฉันก็คือที่โซฟาตรงห้องรับแขก
“เธอตัวเล็กนิดเดียวนอนได้อยู่แล้วแหละ”
ร็อคพูดเองเออเองเสร็จสรรพ โดยที่ไม่ได้สนใจสีหน้าเหลอหลาของฉันเลย แต่มีหรือที่ฉันจะยอมแม้จะหวาดกลัวเขา แต่ถ้าไม่พูดอะไรออกไปเลยนั่นก็เท่ากับว่าฉันยอมรับในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่น่ะสิ
“ฉันไม่ต้องการรูมเมท รบกวนช่วยออกไปด้วยค่ะ” ฉันพูดออกไปตรงๆ แต่ยังคงมีท่าทางนอบน้อมอยู่
สีหน้าของคนที่กำลังจัดแจงทุกอย่างราวกับเป็นเจ้าของห้องเรียบตึงขึ้นมาทันที
“คิดว่าปฏิเสธฉันได้งั้นเหรอ” เขาถามเสียงต่ำ ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมา
ท่าทางแบบนั้นทำเอาฉันหวาดหวั่น รู้สึกถึงไอสังหารที่กำลังพุ่งออกมาจากร่างที่สูงถึง185เซนอย่างชัดเจน อยากจะบอกความตั้งใจของตัวเองอีกครั้ง แต่ต้องเงียบเมื่อคนตรงหน้าก้าวเข้ามาหาด้วยท่าทางคุกคาม จนฉันได้แต่ลนลานถอยหนีด้วยความหวาดกลัว
“...เป็นอันว่าเธอตกลงเป็นรูมเมทของฉันแล้วนะ” ร็อคเค้นถามและดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการคำตอบอย่างอื่นนอกจากคำว่าตกลงเพียงคำเดียว
แต่ฉันก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับเขา แม้ว่าตอนนี้ฉันจะกลัวเขาจนฉี่จะราดแล้วก็ตาม
“ตอบมา!!” จริงๆ แล้วร็อคไม่ได้ดูเป็นคนใจเย็นขี้เล่นอะไรเลย ท่าทางดูเป็นคนขี้หงุดหงิดและโกรธง่ายด้วยซ้ำ
“ตะ…ตกลง”
ฮือออ~ฉันตอบไปแล้ว แม้มันก็ตรงข้ามกับความต้องการของตัวเอง แต่ฉันจะปฏิเสธได้ไงในเมื่อเขาน่ากลัวขนาดนั้น
“ก็แค่นั้น…ยังไงก็ฝากตัวด้วยล่ะยัยรูมเมท”
“อลิซยืนทำอะไรอยู่ มานี่เร็ว” เสียงทุ้มนุ่มของแฟนหนุ่มร้องเรียกดังมาจากด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันยิ่งกระวนกระวายหนักกว่าเดิม “ค่ะๆ” ฉันหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าเดินตรงไปหาพี่ร็อคที่กำลังถือของพะรุงพะรังเต็มสองมือ “เป็นอะไรไป…กังวลเหรอ” พี่ร็อคถามและมองฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ก็นิดหน่อยค่ะ” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่ในใจฉันมันร้องตะโกนว่ากังวลมากและตื่นเต้นมาก จนหัวใจฉันมันแทบจะหลุดออกมาด้านนอกแล้ว “ไม่ต้องกังวลนะ พวกท่านไม่ดุหรอก” วงแขนหนักโอบประคองฉันเอาไว้ และยิ้มให้กำลังใจอย่างอบอุ่น “โอเคค่ะ! งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเดินเคียงคู่ไปกับพี่ร็อคเพื่อไปเจอครอบครัวของเขา วันนี้เป็นวันรวมญาติของครอบครัวพี่ร็อค เขาก็เลยใช้โอกาสนี้ในการพาฉันมาแนะนำให้กับญาติๆ ของเขา ทำให้เมื่อคืนฉันถึงกับนอนไม่หลับ พยายามคิดคำพูดต่างๆ นาๆ เพื่อจะใช้พูดคุยกับพวกเขา ฉันกังวลว่าพวกเขาจะมองว่าฉันน่าเบื่อหรือเข้าถึงยาก เพราะส่วนตัวฉันก็ไม่ใช่คนพูดเก่งอะไร กลัวว่าตัวเองจะไปทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของพวกเขา “ยิ้มหน่อยสิครับ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่อย
“ช่วยอมให้พี่หน่อยครับ” ผมอยากให้ปากอุ่นๆ ของอลิซครอบครองเจ้าน้องชายไซส์ใหญ่ของผมจนแทบทนไม่ไหวแล้ว “แค่…อมเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมกับท่าทางที่ดูใสซื่อ แต่มันช่างดูเย้ายวนเหลือเกินในความรู้สึกของผม“เธอก็รู้ว่ามันจะไม่ใช่แค่อม” ผมตอบกลับและใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปที่ปากเล็กที่เลอะเทอะอย่างเบามือ ก่อนที่ผมจะจับท้ายทอยของอลิซแน่น“...อ้าปาก” ถึงอลิซจะดูมึนๆ แต่เธอก็ยอมทำตามที่ผมสั่ง และเพียงแค่ปากของเธออ้าออก ผมก็รีบกดหัวของอลิซลงแล้วส่งแก่นกายที่แข็งตั้งเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนของเธอทันที“อุก!” อลิซอึกอักพลางช้อนสายตาขึ้นมองผมด้วยความตกใจ“ซี้ดดด” ผมได้แต่ยิ้มพอใจ ผมไม่รีรอกระแทกแก่นกายเข้าใส่ปากเล็กอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมดันความแข็งตั้งลึกเข้าไปถึงคอหอย และแทงเข้าใส่ไม่มีเว้นวรรคจนทำให้อลิซหายใจลำบาก เธอกำลังส่งสัญญาณความทรมานผ่านเสียงและการทุบตีผมอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมปล่อยเธอเป็นอิสระ เพราะอลิซรู้ดีว่าเซ็กส์ของผมมันไม่เคยที่จะนุ่มนวลเลยแม้แต่ครั้งเดียว“ปากเล็กๆ นี่ ทำไมถึงทำให้พี่มีความสุขได้ขนาดนี้นะ” ผมครวญครางและสวนสะโพกเข้าใส่ปากของคนตัวเล็กไม่มีหยุดพัก“อึก! อ๊
ผมตั้งตารอรางวัลจากอลิซด้วยใจจดจ่อ แม้ว่าคืนนี้จะบอกว่าตัวเองต้องการฉลองการเป็นแฟนกันวันแรก จากที่ตั้งใจจะสนุกให้สุดเหวี่ยง กินเหล้าเมาให้หัวทิ่ม แต่เมื่อนึกถึงรางวัลที่จะได้รับ ผมเลยต้องปรับแผนการใหม่ โดยการดื่มให้น้อยเพื่อที่ตัวเองจะได้มีสติและเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความเร่าร้อนของคืนนี้ให้ได้มากที่สุด“เฮ้ยไอ้ร็อค มึงเป็นคนชวนพวกกูมาฉลอง แล้วทำไมมึงแทบไม่แตะเหล้าเลยวะ” ไอ้เอที่กำลังกรึ่มได้ที่ตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลง“ก็กูจะเก็บแรงไว้ฉลองกับอลิซแค่สองคนไง” พูดจบผมก็กระดกเหล้าเข้าปาก พลางชำเลืองมองคนข้างๆ ที่มองผมมาด้วยสายตางุนงง“อย่างนี้นี่เอง” ไอ้เอยิ้มกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปหาแฟนสาวหน้าเหวี่ยงของตัวเอง“...คืนนี้เรามาฉลองกันสองคนด้วยดีไหมไลลา” “ในหัวเราะมีแต่เรื่องลามกสินะ ไอ้ผู้ชายพวกนี้” ไลลาสวนกลับหน้าเหวี่ยง“อะไรนี่ยังไม่ได้พูดเลยว่าจะฉลองแบบไหน ก็ว่าคนอื่นลามกซะแล้ว เธอนั่นแหละลามกคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่” ตอนนี้เข้าทางไอ้เอได้เอาคืนเมียมันบ้างแล้ว“ก็ผู้ชายอย่างพวกนายไม่เคยคิดเรื่องอื่นอยู่แล้ว จะโกรธ จะโมโห จะดีใจ ก็จบลงที่เรื่องนั้นตลอด” “เอาจริงๆ ยัยแม่มดนี่ก็พูดถูกนะ
(Rocco’s talk) ผมนั่งมองสามสาวที่กำลังกอดกันร้องไห้หลังจากที่ได้ขอโทษขอโพยกันในเรื่องที่ผ่านมา การที่ชะเอมกับขิมร้องไห้เพราะเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำผมก็พอเข้าใจได้ แต่อลิซนี่สิ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆ แต่เธอกลับร้องไห้สะอึกสะอื้นและยังขอโทษสองสาวอีกด้วยที่ทำให้ทั้งสองต้องกังวลใจในเรื่องนี้ ผมได้แต่นั่งมองการกระทำของผู้หญิงคนนี้ แล้วก็อดที่จะยิ้มภูมิใจกับความจิตใจดีขี้สงสารของเธอไม่ได้ จะมีผู้หญิงแบบนี้ที่ไหนอีกที่ร้องไห้ขอโทษคนที่ทำผิดกับตัวเอง ผมคิดว่าผู้หญิงแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว “สามสาวครับ ร้องไห้กันพอแล้วก็กลับบ้านกันได้แล้วครับ” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเรานั่งอยู่ในห้องอาหารนี้มาเกือบจะสามชั่วโมงแล้ว แล้วทั้งสามสาวก็ร้องไห้กันมาร่วมชั่วโมงแล้ว คงจะเหนื่อยกันไม่น้อยแล้ว “ขอโทษนะคะพี่ร็อค ที่ต้องให้มานั่งฟังพวกเราร้องไห้” ชะเอมที่เช็ดน้ำตาออกจากหน้าหันมายิ้มเจื่อนให้ผม “ไม่เป็นไรครับ เพราะเรื่องนี้พี่ก็มีส่วนผิดด้วย” ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรหรอก ผมแค่เป็นห่วงกลัวว่าอลิซจะเหนื่อยเกินไปเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น พี่อลิซยกโทษให้พี่ร็อคแล้วใช่ไหมคะ” ขิมที่ตาบวมแดงรีบหั
“อลิซ…แต่งงานกันเถอะ!” “เฮ้อ…” ฉันไม่ได้ตกใจอะไรเลยที่ได้ยินพี่ร็อคพูดแบบนี้ เพราะฉันชินกับความปุบปับใจร้อนของเขาแล้ว และอีกอย่างพี่ร็อคก็เคยพูดอะไรในทำนองนี้เหมือนกัน “ถอนหายใจทำไม นี่พี่ขอเราแต่งงานอยู่นะ” ร็อคหันมาเอาเรื่อง แต่ท่าทางกลับตรงกันข้าม เพราะเขายังกอดเอวฉันเอาไว้อย่างทะนุถนอม“เรายังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเลย แล้วจะมาแต่งงานเนี่ยนะ” ฉันถามพร้อมกับส่ายหัว“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เราข้ามขั้นไปเป็นสามีภรรยากันเลยทีเดียว จะได้ไม่สิ้นเปลืองเวลาด้วย” เขาเริ่มพูดจาเพ้อฝันเอาแต่ใจอีกแล้ว “แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน อีกอย่างเรายังเด็กกันอยู่เลย” “ไม่เห็นจะเด็กเลย พี่ก็เรียนปี4แล้ว แถมตอนนี้ก็มีธุระกิจของตัวเองแล้วด้วย พี่ดูแลอลิซได้สบายมาก” พี่ร็อคพูดด้วยความภูมิใจ ซึ่งก็ไม่ต่างจากฉันที่ก็ภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน“เรื่องดูแล…ฉันเชื่อว่าพี่ดูแลฉันได้ แต่เราทั้งคู่ต้องใช้เวลาด้วยกันให้มากกว่านี้ เรียนรู้นิสัยใจคอกันให้มากกว่านี้ เราจะใช้แค่คำว่ารักอย่างเดียวไม่ได้นะคะ” ตั้งแต่ที่เราทั้งคู่ตกลงที่จะให้โอกาสซึ่งกันและกัน ฉันก็เลือกที่จะพูดคุยและอธิบายทุกอย่างที่ฉันคิด เพื่อที่เราจะได้ทำความเข้าใ
จบเรื่องมรดก (เกือบ) สีเลือด ฉันก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างจากเดิมก็คือฉันได้ขึ้นมหาลัยฯชั้นปีที่3แล้ว แถมยังมีหนุ่มหล่อสุดฮอตมาตามจีบอีกด้วย หลังจากที่ปรับความเข้าใจกับร็อค ฉันก็เลือกที่จะเปิดใจให้เขาอีกครั้ง และอยากลองให้โอกาสตัวเองด้วย แล้วจนถึงตอนนี้ร็อคก็ยังคงพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักว่าที่เขารักฉันนั้นเป็นเรื่องจริง“วันนี้ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่ที่พี่ทำกินได้แล้ว กลับห้องเราค่อยไปกินกันนะ” หลังจากที่รถสปอร์ตสุดหรูเคลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าคณะเรียนของฉัน คนขับสุดหล่อก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเอาใจ“ได้ค่ะ อีกอย่างวันนี้พี่ก็ไม่ได้ไปทำงาน เราก็มากินด้วยกันนะคะ” ฉันยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงของโปรด แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินไอศกรีมฝีมือของเขา แต่ฉันมั่นใจว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ“ได้ครับ…ไปเข้าเรียนเถอะ” ความอ่อนโยนที่ฉันเคยอยากได้จากเขา ตอนนี้ฉันกำลังได้รับมันแล้ว“ไปนะคะ” ฉันโบกมือและกำลังจะหันไปเปิดประตูรถ“เดี๋ยว! มาหอมกันก่อนสิ” พี่ร็อครีบทวงสิทธิ์ของตัวเอง เมื่อฉันแกล้งลืมว่าตัวเองต้องทำอะไร“ขอโทษค่ะ” พูดจบฉันก็หอมทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาของเขา แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างพอใจของ







