LOGIN“พี่ทิม อลิซกลับก่อนนะคะ” ตอนนี้เที่ยงคืนแล้วเป็นเวลาเลิกงานของฉันแล้ว
“โอเค พรุ่งนี้เจอกันครับ” ผู้จัดการหนุ่มสุดฮอตประจำร้านตอบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าไม่ต่างจากฉัน
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ ก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถแท๊กซี่ที่เรียกผ่านแอปเอาไว้
“คอนโด…ใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ” ฉันรีบตอบพี่คนขับแท๊กซี่ออกไปทันทีหลังจากที่เข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าฉันจะเลิกงานดึกเป็นประจำ แต่แท๊กซี่เลดี้ก็ทำให้ฉันสบายใจขึ้นเยอะและหมดกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยไปเลย ฉันว่าบริการนี้เหมาะกับสาวๆ มาก
นั่งรถไม่ถึง10นาทีก็มาถึงคอนโด บรรยากาศที่เงียบสงัดแสนคุ้นเคยไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกลัวเลย แต่ฉันกับรู้สึกง่วงมากกว่า
พอมาถึงห้องฉันก็รีบอาบน้ำแปลงร่างมาอยู่ในชุดนอนลายกระต่าย ก่อนจะจัดแจงเวฟอาหารแช่แข็งอย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกว่าตัวเองตาจะปิดเต็มทีแล้ว
หลังจากที่ได้อาหารมาเรียบร้อยฉันก็รีบเดินไปที่ระเบียงและนั่งลงที่เก้าอี้ตรงนั้น ก่อนจะนั่งกินข้าวเงียบๆ
ฉันนั่งกินลมชมวิวยามค่ำคืนระหว่างที่กินข้าวมื้อดึกบ่อยๆ ในช่วงนี้ เพราะอยู่ๆ ก็มีรูมเมทอย่างไม่ได้ตั้งตัว ไหนจะต้องย้ายที่นอนมาที่โซฟาของห้องรับแขกอีก ทำให้สถานที่การกินอาหารของฉันต้องเปลี่ยนไปด้วย เพราะถ้านั่งกินที่ห้องรับแขกเหมือนเดิมกลิ่นอาหารมันก็จะอบอวลจนนอนไม่หลับ
ระหว่างที่นั่งกินไปได้ครึ่งกล่อง เสียงกุกกักที่หน้าประตูก็ดังขึ้น แต่ฉันเลือกที่จะไม่หันไปดูเพราะรู้ดีว่าเสียงนั้นเป็นใคร
“กินเสร็จแล้วไปเวฟข้าวให้ฉันด้วย” คำสั่งสั้นๆ พร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คุ้นเคย ไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้แล้วใช่ไหม
“ค่ะ” ฉันหันหลังไปมอง ก่อนจะรับคำสั้นๆ
นี่ก็เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันตั้งแต่พวกเราได้มาเป็นรูมเมทกัน นั่นก็คือการที่ร็อคมักจะออกคำสั่งให้ฉันทำนู้นทำนี่ให้ ก็อย่างเช่นทำอาหารหรือเวฟอาหาร ทำความสะอาดห้องนอน รวมถึงซักผ้าให้เขาด้วย แต่เขาไม่ได้ให้ฉันทำฟรีๆ หรอกนะ เขาจ่ายเงินให้ฉันเป็นค่าจ้างด้วย จนตอนนี้ฉันได้เงินมาจากเขารวมกับเงินค่าเช่าห้องแล้วก็ประมาณ60,000บาทเลยทีเดียว (ฉันไม่ได้เห็นแก่เงินเลยนะ แต่ถ้างานที่ได้ทำมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรฉันก็ยินดีทำ ฮ่าๆ)
จริงๆ เป็นรูมเมทของร็อคก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กลัว เขาแทบไม่ยุ่งวุ่นวายกับฉันเลยด้วยซ้ำ จะมีบ้างที่เขาติดนิสัยเผด็จการบ้าอำนาจปลุกฉันให้ลุกขึ้นมาเวฟอาหารให้กลางดึกหลังจากที่เขากลับจากคลับ หรือวันไหนถ้าฉันหยุดอยู่ห้องแล้วเขาออกไปทำงานที่คลับ พอกลับมาก็จะให้ฉันทำอาหารสดๆ ใหม่ๆ เอาไว้ให้เขาด้วย หน้าที่รูมเมทของฉันก็จะประมาณนั้นแหละ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
อาหารแช่แข็งที่เวฟเสร็จร้อนๆ ถูกจัดใส่จานพร้อมเสริฟ และนี่ก็เป็นอีกนิสัยของร็อคที่เขาจะไม่ยอมกินอาหารที่อยู่ในกล่องที่เอาเข้าไมโครเวฟ ฉันจะต้องเทใส่จานให้เขาเท่านั้น
“ขอบใจ” รอไม่นานเจ้าของห้องนอนคนใหม่ก็เปิดประตูออกมา ด้วยสภาพที่มีผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้ผืนเดียวเท่านั้น
ส่วนฉันก็ไม่ชินสักทีได้แต่ก้มหน้าก้มตายื่นจานอาหารให้เขาไป ก่อนจะหันหลังและเดินออกมา
จริงๆ แล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องชินกับการที่เขาเปลือยอกให้เห็น เพราะร็อคได้บอกเอาไว้แล้วว่าเขาจะอยู่ถึงแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้น
“เฮ้อ…” หลังจากพยายามสงบจิตสงบใจได้แล้ว ฉันก็รีบเข้านอนทันทีก็ตอนนี้ตี1กว่าๆ แล้ว ฉันเองก็ฝืนไม่ไหวแล้วด้วย
(Rocco’s talk)
ผมนั่งกินอาหารที่รูมเมทเอามาให้พร้อมกับนั่งทำงานของตัวเองไปด้วย แม้ว่าเวลามันจะดึกมากแล้วก็ตาม แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อตอนนี้ผมต้องรับผิดชอบคลับที่ตัวเองเพิ่งเทคโอเวอร์มา เรื่องเรียนสำหรับผมไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เรื่องบริหารคลับนี่สิงานหนักเอาเรื่องเลยทีเดียว เพราะมันมีอะไรยิบย่อยให้ผมต้องจัดการอยู่ตลอด ถึงจะปล่อยให้คนอื่นจัดการแต่มันก็ไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไหร่ ตอนนี้ผมเลยต้องลงมือเองทุกอย่าง
“คืนนี้ท่าจะยาวแล้วละ ดื่มกาแฟสักแก้วดีกว่า”
ผมลุกออกจากโต๊ะทำงาน พร้อมกับถือจานข้าวที่กินหมดแล้วออกจากห้องมาด้วย
เพียงแค่ก้าวเท้าออกมา สายตาของผมก็ปะทะเข้ากับร่างเล็กที่กำลังนอนคุ้ดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ ปากแดงจัดเผยอน้อยๆ จนได้ยินเสียงกรนเบาๆ เล็ดลอดออกมา ไหนจะจมูกที่โด่งเป็นสันดูดื้อรั้นนิดๆ ขนตางอนยาวเรียงเป็นแพเข้ากับดวงตากลมโตสีน้ำตาลของเธออย่างดี รวมถึงใบหน้าขาวใสกับแก้มป่องๆ ที่แดงระเรื่ออยู่ตลอดเวลา ทำให้มองออกทันทีว่าเธอคือลูกเสี้ยว
จริงอยู่ว่าเราสองคนเคยเรียนมัธยมที่เดียวกัน แต่ตอนนั้นยัยนี่เชยขั้นสุด เพราะชอบใส่แว่นสายตาอันใหญ่แถมยังหนาเป็นนิ้วอีกต่างหาก ทำให้ตอนนั้นผมมองใบหน้าของเธอไม่ค่อยชัดเจน จนกระทั่งวันนั้น…วันที่ผมเผลอไปเหยียบแว่นตาของเธอแตก ผมก็ไม่เห็นเธอใส่แว่นอีกเลย จนมาเห็นอีกทีก็ตอนที่ผมมาอยู่ที่นี่นั่นแหละ
แว่นอันใหม่ของเธอก็ยังคงเชยเหมือนเดิม จนผมถึงกับรับไม่ได้ต้องรีบลากตัวอลิซไปร้านตัดแว่น พร้อมกับเลือกอันใหม่ที่เข้ากับเธอที่สุด อีกอย่างผมเองก็รู้สึกผิดอยู่นิดๆ เลยอยากจะชดใช้ให้ด้วย
หลังจากที่ยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยผมก็ต้องรีบสลัดความคิดพวกนั้นออกไป ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องครัวที่แสนจะมืดมิด ก็เจ้าของห้องอย่างอลิซมีนิสัยที่ต้องปิดไฟให้มืดสนิทถึงจะนอนหลับได้
ตอนที่มาอยู่กับเธอวันแรกก็เกิดเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดหัวเสียเพราะเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้ว และผมอยากจะออกไปหาน้ำกิน แต่พอเปิดประตูออกมาผมก็ถึงกับยืนนิ่งเพราะมองอะไรไม่เห็นเลย อีกอย่างเพิ่งมาอยู่ที่นี่วันแรกสวิตซ์ไฟอะไรผมก็ยังจำไม่ค่อยได้ เลยตัดสินใจค่อยๆ ก้าวขาเดินไปข้างหน้าช้าๆ โดยที่มือของผมก็กวาดไปรอบๆ ด้วย แต่เดินไปยังไม่ถึงไหนผมก็ต้องสะดุดล้มไปทับเจ้าของห้องตัวเล็ก ที่เจ้าตัวกำลังร้องอื้ออ้าไม่เป็นคำ จนผมต้องรีบเด้งตัวลุกขึ้นราวกับนั่งทับของร้อน ก่อนจะรีบกวาดมือไปคลำหาสวิตซ์ไฟจนเจอในที่สุด
คนตัวเล็กลุกขึ้นนั่งและจับไปที่หน้าของตัวเอง จมูกของเธอแดงก่ำ เท่านั้นผมก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองนั่งทับใบหน้าเล็กนั้นเข้าอย่างจัง แล้วการล้มทับของผมมันคงจะแรงมากอลิซถึงได้เลือดกำเดาไหลออกมา ทำให้คืนนั้นผมต้องช่วยห้ามเลือด พร้อมกับดุแม่นี่ไปชุดใหญ่ ที่เธอเล่นปิดไฟซะหมดจนผมมองทางไม่เห็น หลังจากนั้นอลิซก็เลยเปิดไฟห้องน้ำทิ้งเอาไว้ให้เพื่อส่องทางเวลาผมเดินออกมาจากห้อง
ก็นั่นแหละ…รูมเมทคนแรกของผมก็ต้องมีการปรับตัวกันพอสมควร
เช้ารุ่งขึ้น
กุกกัก…
ผมที่เพิ่งจะได้นอนตอนตี4 ต้องขยับตัวตื่นเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างอยู่ภายในห้อง
“อยู่ไหนนะ…” เสียงเล็กพึมพำแว่วเข้ามาให้ได้ยินก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้าของเสียงคือใคร
ผมหรี่ตามองไปที่ปลายเตียงก็เจอกับร่างเล็กที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ที่เราสองคนแบ่งกันใช้ เธอเอาแต่พูดบ่นอยู่คนเดียว จนผมเริ่มจะรำคาญ ก่อนจะตัดสินใจตะโกนถามเธอออกไป
“หาอะไรอยู่”
“คะ!” คนที่อยู่ในชุดคลุมสะดุ้งตัวโยนหันขวับมามองผมด้วยความตกใจ
“ถามว่าหาอะไร” ในที่สุดผมก็ต้องลงจากเตียง เพราะถ้าปล่อยให้เธอพึมพำรบกวนอยู่แบบนี้ผมคงไม่ได้นอนแน่
“คือว่าหา…เอ่อ หา” อลิซยังคงอ่ำๆ อึ้งๆ ไม่พูดออกมาซักทีจนผมทนไม่ไหว
“ก็ตอบมาสิเว้ย! ว่าหาอะไร”
“มะ…ไม่หาแล้วค่ะ” ร่างบางที่กำลังสั่นเพราะตกใจตอบกลับมา ก่อนจะรีบเดินแกมวิ่งออกจากห้องไป
ผมได้แต่ถอนหายใจ ง่วงก็ง่วงโมโหก็โมโหที่ยัยนั้นมักจะมีท่าทางหวาดกลัวผมอยู่ตลอด แต่เมื่อกี้ผมก็เผลอตะคอกเสียงดังไปจริงๆ นั่นแหละ ก็แล้วใครบอกให้ยัยนั่นเอาแต่อ่ำอึ้งไม่พูดสักทีล่ะ
“เฮ้อ…”
หลังจากนั้นผมก็ไม่คิดสนใจอะไรอีก กลับไปนอนที่เตียงเหมือนเดิม แต่ตอนที่กำลังพยายามข่มตาหลับ อยู่ๆ ภาพของอลิซที่อยู่ในชุดคลุมตัวนั้นก็แวบเข้ามาในหัว เธอเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จและคงจะสระผมด้วย เพราะกลิ่นแชมพูหอมๆ ลอยออกมาด้วย กลิ่นของอลิซมันติดจมูกจนผมจำได้ขึ้นใจไปแล้ว
“ยัยเฉิ่มนั่นใช้แชมพูยี่ห้ออะไรวะ กลิ่นหอมติดจมูกจริงๆ” กลิ่นหวานหอมที่เหมือนกับขนมและผสมกับกลิ่นแป้งเด็ก ผมเองก็พอจะนึกได้ประมาณนั้น
“...แล้วทำไมผิวถึงดูบอบบางขนาดนั้นนะ” เนื้อตัวรวมถึงแก้มของเธอก็แดงระเรื่อจนผมเผลอมองอย่างลืมตัวอยู่หลายครั้ง
ผมคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอลิซจนเริ่มจะรู้สึกง่วง ก่อนจะค่อยๆ เคลิ้มและหลับไปอย่างไปอีกครั้ง
(End Rocco’s talk)
“อลิซยืนทำอะไรอยู่ มานี่เร็ว” เสียงทุ้มนุ่มของแฟนหนุ่มร้องเรียกดังมาจากด้านหลังของฉัน ทำให้ฉันยิ่งกระวนกระวายหนักกว่าเดิม “ค่ะๆ” ฉันหันไปมอง ก่อนจะพยักหน้าเดินตรงไปหาพี่ร็อคที่กำลังถือของพะรุงพะรังเต็มสองมือ “เป็นอะไรไป…กังวลเหรอ” พี่ร็อคถามและมองฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ก็นิดหน่อยค่ะ” ถึงปากจะบอกแบบนั้น แต่ในใจฉันมันร้องตะโกนว่ากังวลมากและตื่นเต้นมาก จนหัวใจฉันมันแทบจะหลุดออกมาด้านนอกแล้ว “ไม่ต้องกังวลนะ พวกท่านไม่ดุหรอก” วงแขนหนักโอบประคองฉันเอาไว้ และยิ้มให้กำลังใจอย่างอบอุ่น “โอเคค่ะ! งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะเดินเคียงคู่ไปกับพี่ร็อคเพื่อไปเจอครอบครัวของเขา วันนี้เป็นวันรวมญาติของครอบครัวพี่ร็อค เขาก็เลยใช้โอกาสนี้ในการพาฉันมาแนะนำให้กับญาติๆ ของเขา ทำให้เมื่อคืนฉันถึงกับนอนไม่หลับ พยายามคิดคำพูดต่างๆ นาๆ เพื่อจะใช้พูดคุยกับพวกเขา ฉันกังวลว่าพวกเขาจะมองว่าฉันน่าเบื่อหรือเข้าถึงยาก เพราะส่วนตัวฉันก็ไม่ใช่คนพูดเก่งอะไร กลัวว่าตัวเองจะไปทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของพวกเขา “ยิ้มหน่อยสิครับ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น พี่อย
“ช่วยอมให้พี่หน่อยครับ” ผมอยากให้ปากอุ่นๆ ของอลิซครอบครองเจ้าน้องชายไซส์ใหญ่ของผมจนแทบทนไม่ไหวแล้ว “แค่…อมเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมกับท่าทางที่ดูใสซื่อ แต่มันช่างดูเย้ายวนเหลือเกินในความรู้สึกของผม“เธอก็รู้ว่ามันจะไม่ใช่แค่อม” ผมตอบกลับและใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปที่ปากเล็กที่เลอะเทอะอย่างเบามือ ก่อนที่ผมจะจับท้ายทอยของอลิซแน่น“...อ้าปาก” ถึงอลิซจะดูมึนๆ แต่เธอก็ยอมทำตามที่ผมสั่ง และเพียงแค่ปากของเธออ้าออก ผมก็รีบกดหัวของอลิซลงแล้วส่งแก่นกายที่แข็งตั้งเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อนของเธอทันที“อุก!” อลิซอึกอักพลางช้อนสายตาขึ้นมองผมด้วยความตกใจ“ซี้ดดด” ผมได้แต่ยิ้มพอใจ ผมไม่รีรอกระแทกแก่นกายเข้าใส่ปากเล็กอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมดันความแข็งตั้งลึกเข้าไปถึงคอหอย และแทงเข้าใส่ไม่มีเว้นวรรคจนทำให้อลิซหายใจลำบาก เธอกำลังส่งสัญญาณความทรมานผ่านเสียงและการทุบตีผมอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมปล่อยเธอเป็นอิสระ เพราะอลิซรู้ดีว่าเซ็กส์ของผมมันไม่เคยที่จะนุ่มนวลเลยแม้แต่ครั้งเดียว“ปากเล็กๆ นี่ ทำไมถึงทำให้พี่มีความสุขได้ขนาดนี้นะ” ผมครวญครางและสวนสะโพกเข้าใส่ปากของคนตัวเล็กไม่มีหยุดพัก“อึก! อ๊
ผมตั้งตารอรางวัลจากอลิซด้วยใจจดจ่อ แม้ว่าคืนนี้จะบอกว่าตัวเองต้องการฉลองการเป็นแฟนกันวันแรก จากที่ตั้งใจจะสนุกให้สุดเหวี่ยง กินเหล้าเมาให้หัวทิ่ม แต่เมื่อนึกถึงรางวัลที่จะได้รับ ผมเลยต้องปรับแผนการใหม่ โดยการดื่มให้น้อยเพื่อที่ตัวเองจะได้มีสติและเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแห่งความเร่าร้อนของคืนนี้ให้ได้มากที่สุด“เฮ้ยไอ้ร็อค มึงเป็นคนชวนพวกกูมาฉลอง แล้วทำไมมึงแทบไม่แตะเหล้าเลยวะ” ไอ้เอที่กำลังกรึ่มได้ที่ตะโกนถามแข่งกับเสียงเพลง“ก็กูจะเก็บแรงไว้ฉลองกับอลิซแค่สองคนไง” พูดจบผมก็กระดกเหล้าเข้าปาก พลางชำเลืองมองคนข้างๆ ที่มองผมมาด้วยสายตางุนงง“อย่างนี้นี่เอง” ไอ้เอยิ้มกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปหาแฟนสาวหน้าเหวี่ยงของตัวเอง“...คืนนี้เรามาฉลองกันสองคนด้วยดีไหมไลลา” “ในหัวเราะมีแต่เรื่องลามกสินะ ไอ้ผู้ชายพวกนี้” ไลลาสวนกลับหน้าเหวี่ยง“อะไรนี่ยังไม่ได้พูดเลยว่าจะฉลองแบบไหน ก็ว่าคนอื่นลามกซะแล้ว เธอนั่นแหละลามกคิดเรื่องอะไรอยู่กันแน่” ตอนนี้เข้าทางไอ้เอได้เอาคืนเมียมันบ้างแล้ว“ก็ผู้ชายอย่างพวกนายไม่เคยคิดเรื่องอื่นอยู่แล้ว จะโกรธ จะโมโห จะดีใจ ก็จบลงที่เรื่องนั้นตลอด” “เอาจริงๆ ยัยแม่มดนี่ก็พูดถูกนะ
(Rocco’s talk) ผมนั่งมองสามสาวที่กำลังกอดกันร้องไห้หลังจากที่ได้ขอโทษขอโพยกันในเรื่องที่ผ่านมา การที่ชะเอมกับขิมร้องไห้เพราะเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำผมก็พอเข้าใจได้ แต่อลิซนี่สิ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆ แต่เธอกลับร้องไห้สะอึกสะอื้นและยังขอโทษสองสาวอีกด้วยที่ทำให้ทั้งสองต้องกังวลใจในเรื่องนี้ ผมได้แต่นั่งมองการกระทำของผู้หญิงคนนี้ แล้วก็อดที่จะยิ้มภูมิใจกับความจิตใจดีขี้สงสารของเธอไม่ได้ จะมีผู้หญิงแบบนี้ที่ไหนอีกที่ร้องไห้ขอโทษคนที่ทำผิดกับตัวเอง ผมคิดว่าผู้หญิงแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว “สามสาวครับ ร้องไห้กันพอแล้วก็กลับบ้านกันได้แล้วครับ” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าพวกเรานั่งอยู่ในห้องอาหารนี้มาเกือบจะสามชั่วโมงแล้ว แล้วทั้งสามสาวก็ร้องไห้กันมาร่วมชั่วโมงแล้ว คงจะเหนื่อยกันไม่น้อยแล้ว “ขอโทษนะคะพี่ร็อค ที่ต้องให้มานั่งฟังพวกเราร้องไห้” ชะเอมที่เช็ดน้ำตาออกจากหน้าหันมายิ้มเจื่อนให้ผม “ไม่เป็นไรครับ เพราะเรื่องนี้พี่ก็มีส่วนผิดด้วย” ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรหรอก ผมแค่เป็นห่วงกลัวว่าอลิซจะเหนื่อยเกินไปเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น พี่อลิซยกโทษให้พี่ร็อคแล้วใช่ไหมคะ” ขิมที่ตาบวมแดงรีบหั
“อลิซ…แต่งงานกันเถอะ!” “เฮ้อ…” ฉันไม่ได้ตกใจอะไรเลยที่ได้ยินพี่ร็อคพูดแบบนี้ เพราะฉันชินกับความปุบปับใจร้อนของเขาแล้ว และอีกอย่างพี่ร็อคก็เคยพูดอะไรในทำนองนี้เหมือนกัน “ถอนหายใจทำไม นี่พี่ขอเราแต่งงานอยู่นะ” ร็อคหันมาเอาเรื่อง แต่ท่าทางกลับตรงกันข้าม เพราะเขายังกอดเอวฉันเอาไว้อย่างทะนุถนอม“เรายังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกันเลย แล้วจะมาแต่งงานเนี่ยนะ” ฉันถามพร้อมกับส่ายหัว“ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เราข้ามขั้นไปเป็นสามีภรรยากันเลยทีเดียว จะได้ไม่สิ้นเปลืองเวลาด้วย” เขาเริ่มพูดจาเพ้อฝันเอาแต่ใจอีกแล้ว “แต่ฉันไม่อยากแต่งงาน อีกอย่างเรายังเด็กกันอยู่เลย” “ไม่เห็นจะเด็กเลย พี่ก็เรียนปี4แล้ว แถมตอนนี้ก็มีธุระกิจของตัวเองแล้วด้วย พี่ดูแลอลิซได้สบายมาก” พี่ร็อคพูดด้วยความภูมิใจ ซึ่งก็ไม่ต่างจากฉันที่ก็ภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน“เรื่องดูแล…ฉันเชื่อว่าพี่ดูแลฉันได้ แต่เราทั้งคู่ต้องใช้เวลาด้วยกันให้มากกว่านี้ เรียนรู้นิสัยใจคอกันให้มากกว่านี้ เราจะใช้แค่คำว่ารักอย่างเดียวไม่ได้นะคะ” ตั้งแต่ที่เราทั้งคู่ตกลงที่จะให้โอกาสซึ่งกันและกัน ฉันก็เลือกที่จะพูดคุยและอธิบายทุกอย่างที่ฉันคิด เพื่อที่เราจะได้ทำความเข้าใ
จบเรื่องมรดก (เกือบ) สีเลือด ฉันก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ที่แตกต่างจากเดิมก็คือฉันได้ขึ้นมหาลัยฯชั้นปีที่3แล้ว แถมยังมีหนุ่มหล่อสุดฮอตมาตามจีบอีกด้วย หลังจากที่ปรับความเข้าใจกับร็อค ฉันก็เลือกที่จะเปิดใจให้เขาอีกครั้ง และอยากลองให้โอกาสตัวเองด้วย แล้วจนถึงตอนนี้ร็อคก็ยังคงพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักว่าที่เขารักฉันนั้นเป็นเรื่องจริง“วันนี้ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี่ที่พี่ทำกินได้แล้ว กลับห้องเราค่อยไปกินกันนะ” หลังจากที่รถสปอร์ตสุดหรูเคลื่อนมาจอดอยู่ที่หน้าคณะเรียนของฉัน คนขับสุดหล่อก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเอาใจ“ได้ค่ะ อีกอย่างวันนี้พี่ก็ไม่ได้ไปทำงาน เราก็มากินด้วยกันนะคะ” ฉันยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงของโปรด แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้กินไอศกรีมฝีมือของเขา แต่ฉันมั่นใจว่ามันต้องอร่อยมากแน่ๆ“ได้ครับ…ไปเข้าเรียนเถอะ” ความอ่อนโยนที่ฉันเคยอยากได้จากเขา ตอนนี้ฉันกำลังได้รับมันแล้ว“ไปนะคะ” ฉันโบกมือและกำลังจะหันไปเปิดประตูรถ“เดี๋ยว! มาหอมกันก่อนสิ” พี่ร็อครีบทวงสิทธิ์ของตัวเอง เมื่อฉันแกล้งลืมว่าตัวเองต้องทำอะไร“ขอโทษค่ะ” พูดจบฉันก็หอมทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาของเขา แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างพอใจของ







