เมียสุดโปรด

เมียสุดโปรด

last updateLast Updated : 2025-10-11
By:  สามินีOngoing
Language: Thai
goodnovel18goodnovel
Not enough ratings
105Chapters
302views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

โปรย... หลังจากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น สร้างความบาดหมางรุนแรง…จนทำให้สองครอบครัวซึ่งเกี่ยวดองเป็นมิตรที่ดีต่อกันแตกหัก สุพรรณวดีกลายเป็นบุคคลต้องห้ามสำหรับครอบครัวสามี พวกเขารังเกียจเธอจนถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้า หญิงสาวกัดฟันสู้จนสุดความสามารถ หากผลที่ได้กลับไม่ต่างจากเดิม จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับความจริง รวมถึงยอมรับการตัดสินใจของสุดโปรดซึ่งเป็นสามีที่ขอ ‘หย่า’ พร้อมทั้งตกลงกันในเรื่องการดูแล ‘ลูก’ ที่เพิ่งคลอดออกมาได้เพียงแค่สามเดือน เหมือนว่าการพูดคุยของทั้งสองคนในวันนั้นจะลงเอยด้วยดี… แต่จริง ๆ แล้วกลับไม่ใช่เลย เพราะหลังจากนั้นแค่ไม่กี่เดือนสุดโปรดกับลูกก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้เธอไม่ได้เจอหน้าลูกอีกเลย…

View More

Chapter 1

บทที่ 1

บทนำ

เสียงพูดคุยแจ้วจ้าวของเด็กปฐมวัยเงียบสงบลงเมื่อถึงเวลานอนกลางวัน สุพรรณวดีซึ่งเป็นครูประจำชั้นของเด็กอนุบาลหนึ่งทับสองเดินตรวจตราการนอนของเด็กน้อยที่อยู่ในความดูแลของตน ใบหน้าสวยระบายยิ้มพร้อมส่ายไปมาเบา ๆ ด้วยความอ่อนใจระคนเอ็นดูเมื่อเห็นว่าเจ้าแสบทุกคนหลับสนิทกันหมดแล้ว

“หมดฤทธิ์กันแล้วสินะ” คุณครูยังสาวเอ่ยเบา ๆ พลางยอบตัวนั่งลงดึงกระโปรงและจัดท่าทางการนอนให้เด็กหญิงคนหนึ่ง จากนั้นก็ยืดตัวลุกขึ้นแล้วเดินกลับไปนั่งโต๊ะทำงานซึ่งอยู่มุมข้างประตูห้อง เพื่อเตรียมสมุดการบ้านให้เด็กน้อยทั้งหลายเอากลับไปทำที่บ้านเย็นนี้

“เอยจ๋า เด็ก ๆ หลับหมดแล้วหรือจ้ะ”

ดวงหน้าสวยหวานเงยขึ้นไปมองทางประตูฝั่งซ้ายมือของตน หลังได้ยินเสียงของรุ่นพี่สาวอย่างมัลลิกากระซิบถามพร้อมกับเยี่ยมหน้าเข้ามา สุพรรณวดีส่งยิ้มให้ก่อนจะลุกเดินออกไปคุยที่หน้าห้องเรียนเพราะกลัวเสียงจะไปรบกวนการนอนของเด็ก ๆ

“หลับกันไปได้สักพักแล้วค่ะ ห้องพี่มะลิหลับหมดยังคะ”

“หลับแล้ว แต่วันนี้เด็ก ๆ ซนกันมาก เพิ่งจะหมดฤทธิ์กันไปเมื่อกี้นี้เอง พี่ล่ะเพลียจริง ๆ” เด็กในความดูแลของมัลลิกานั้นอยู่ชั้นอนุบาลสาม ด้วยความที่เด็กนั้นสนิทสนมกันมานาน จึงทำให้มีระดับความแสบและซนมากกว่าเด็กชั้นอนุบาลหนึ่ง “แต่ดีนะที่วันนี้ไม่มีใครก่อเรื่องอะไร ไม่งั้นพี่ต้องไมเกรนขึ้นแน่ ๆ”

สุพรรณวดียิ้มขำ ด้วยเข้าใจดีว่าการดูแลเด็กในวัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วยิ่งเป็นเด็กที่ไม่ใช่ลูกหรือหลานของตน การจะทำอะไรหรือสั่งสอนอะไรให้แก่เด็กนั้นต้องใจเย็น รอบคอบ รัดกุม ต้องผ่านกระบวนการคิดและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนเสมอทุกครั้ง เพราะหากผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียวก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลเสียเป็นวงกว้างได้

“แต่พี่มะลิก็เก่งนะคะ จัดการเด็ก ๆ ได้ทุกครั้งเลย” คนอายุน้อยกว่าเอ่ยชมด้วยความจริงใจ และนับถือในความสามารถของมัลลิกา

“โอ๊ย...พี่เจอมาเยอะ เจอมาหมดทุกรูปแบบแล้ว” สาวใหญ่โบกมือไปมากลางอากาศเพื่อกลบอาการเขินหลังถูกชม

“ก็นั่นแหละค่ะ เพราะพี่มะลิมีประสบการณ์ไงคะถึงจัดการทุกสถานการณ์”

“พอ ๆ หยุดชมพี่ได้แล้ว” มัลลิกาบอกปัดอีกครั้ง แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่ใบหน้าจะร้อนผ่าวเพราะความเขินไปมากกว่านี้ “ว่าแต่เอยได้กินข้าวเที่ยงหรือยัง”

“ยังเลยค่ะ เอยว่าเตรียมการบ้านให้เด็ก ๆ เสร็จก่อนแล้วค่อยจะกิน พี่มะลิล่ะคะกินหรือยัง”

“ยังเหมือนกัน มัวแต่วุ่นอยู่กับเด็ก ๆ กว่าจะยอมหลับยอมนอนกัน เอ้อ แล้วเอยมีข้าวยัง”

“มีแล้วค่ะ”

“ห่อมาจากบ้าน ?” มัลลิกาถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว

“ใช่ค่ะ” สุพรรณวดีพยักหน้ารับยิ้ม ๆ เพราะเธอมักจะทำข้าวกล่องจากบ้านมารับประทานตอนกลางวันเกือบทุกวัน สาเหตุเพราะอร่อยถูกปากและประหยัด อีกทั้งยังไม่ต้องมานั่งคิดให้ปวดหัวอีกว่าวันนี้จะกินอะไรดี

“แล้วเย็นนี้ต้องไปสอนพิเศษที่บ้านเด็ก ๆ อีกไหมเนี่ย” สาวใหญ่ถามต่อ

“ไปเหมือนเดิมค่ะ วันนี้มีสอนสองบ้าน”

“หืม สองบ้านเลยเหรอ เยอะไปไหมเอย แล้วเอาเวลาไหนพักผ่อน” มัลลิกาถามด้วยความเป็นห่วง ถึงหล่อนจะรู้ดีว่าสุพรรณวดีมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่หล่อนก็ไม่ค่อยเห็นด้วยหากรุ่นน้องสาวจะโหมทำงานหนักขนาดนี้ หากก็พูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่คอยดู คอยถามอยู่ห่าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง “แล้วบ้านของเด็กทั้งสองคนอยู่ไกลกันมากไหม”

“ก็ประมาณสามหรือสี่กิโลได้ค่ะ...” หญิงสาวบอกพิกัดบ้านนักเรียนทั้งสองคนไป “ไม่ไกลเท่าไร”

“ไม่ไกล แต่ถนนเส้นนั้นรถติดมากนะ ตั้งกี่แยกไม่รู้มารวมกันที่เส้นนั้นเส้นเดียว”

สุพรรณวดีได้แต่ยิ้มเหย ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะมันคือเรื่องจริง การสอนพิเศษเด็กนักเรียนบ้านละหนึ่งชั่วโมงไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร แต่การเดินทางนี่สิ เป็นสิ่งที่เธอต้องวางแผนและควบคุมมันให้ได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการจราจรในกรุงเทพมหานครในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ทุกคนต่างแย่งกันใช้ถนน เพื่อให้ถึงจุดหมายของตนให้เร็วที่สุด

“พี่บอกให้ดาวน์รถสักคันก็ไม่เชื่อพี่ เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อย” สาวใหญ่บอกระคนบ่นด้วยความปรารถนาดี เรื่องการจราจรนั้นเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่การมีรถส่วนตัวเป็นของตัวเองอย่างไรก็ย่อมดีกว่า “อีกอย่างเป็นผู้หญิงเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวมันอันตราย แล้วยังต้องกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ อีก เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”

“เอยคิดว่ารถมันยังไม่จำเป็นขนาดนั้น เอามาก็มีแต่จะเป็นภาระเพิ่ม” หญิงสาวพูดความคิดในมุมของตัวเองออกไป เพราะการซื้อรถสักคันมันไม่จบที่การจ่ายเงินเพียงครั้งเดียวแน่นอน นอกจากการผ่อนชำระรายเดือนแล้ว มันยังมีค่าใช้จ่ายนู่นค่านี่ตามมาอีกมากมาย ซึ่งเธอยังไม่พร้อมที่จะแบกรับภาระพวกนั้น “ทุกวันนี้เอยใช้รถสาธารณะก็สะดวกดีนะคะ ชั่วโมงเร่งด่วนก็ใช้รถไฟฟ้า แพงนิดหน่อย แต่ก็ควบคุมเวลาได้”

“เฮ้อ...ถ้าเอยยืนยันมาแบบนั้น พี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว แต่ที่พี่บอกคือพี่หวังดีนะ”

“เอยรู้ค่ะ” สุพรรณวดียิ้มรับ ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ดีว่าที่มัลลิกาแนะนำนั้นเพราะเป็นห่วงและหวังดีกับเธอจริง ๆ “แต่เอยยังไม่พร้อมจะรับภาระเรื่องรถจริง ๆ ค่ะพี่มะลิ ทุกวันนี้เงินเดือนที่ได้ หักค่าใช้จ่ายแล้วก็เหลือเก็บนิดหน่อย ดีที่ยังได้เพิ่มจากการสอนพิเศษหลังเลิกเรียน”

มัลลิกาพยักหน้ารับ ด้วยรู้ว่าเงินเดือนครูปฐมวัยไม่ได้สูง ถึงจะเป็นโรงเรียนนานาชาติแต่ก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไรขนาดนั้น ถ้าเทียบกับค่าครองชีพก็คือพอ ๆ กัน หากไม่หางานเสริมทำเพิ่มก็คงไม่เหลือเก็บเลย

“แล้วนี่จะบินไปนู้นอีกทีเดือนไหน” สาวใหญ่เปลี่ยนเรื่องคุย ถึงแม้จะทำงานที่โรงเรียนเดียวกันแต่ก็ไม่ได้คุยกันบ่อย เนื่องจากต่างคนต่างมีงานทำ อีกทั้งยังต้องคอยสอดส่องเด็กในความดูแลอยู่ตลอดเวลา จะแอบอู้หรือแวบมาคุยได้เล็กน้อยแค่เฉพาะตอนที่เด็กหลับเท่านั้น

“ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ ใจจริงเอยก็อยากบินเดือนหน้าเลย แต่ก็ต้องลองคำนวณเงินเก็บที่มีก่อน ไม่รู้ว่าจะพอไหม กลัวไปแล้วเป็นเหมือนคราวที่แล้วที่ต้องโทร. ข้ามประเทศมาขอยืมเงินพี่มะลิ”

“นี่ พี่ขอถามอะไรหน่อยสิ” มัลลิกาขยับเข้าไปใกล้รุ่นน้องสาวอีกนิด พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเบาลงจากเดิม ก่อนจะจะเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยคล้ายกำลังหนักใจ ไม่แน่ใจว่าควรจะถามดีหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าถ้าถามออกไปแล้วจะกระทบต่อจิตใจของอีกฝ่ายหรือเปล่า แต่สุดท้ายสาวใหญ่ก็ทนความสงสัยของตนเองไม่ไหว จึงตัดสินใจถามออกไปในที่สุด

“อย่าว่าพี่อย่านั้นอย่างนี้เลยนะเอย ทุกครั้งที่เอยบินไปฝรั่งเศส เอยได้เจอ...เอ่อ...เจอลูกบ้างไหม” ที่สงสัยอย่างนี้ก็เพราะว่าหลังจากที่หญิงสาวกลับมา หล่อนไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายเล่าเรื่องลูกให้ฟังเลย ทั้ง ๆ ที่จุดประสงค์ของการบินไปที่นั่นก็เพื่อไปหาลูก

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
105 Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status