LOGIN[ มันมีจริงไหม...? คนที่หว่านพืชโดยไม่หวังผล ]
ปึก!
ฝีเท้าเล็กหยุดชะงักเมื่อรับรู้ถึงแรงกระแทกเข้าหน้าผากอย่างจังหลังมัวแต่เดินกดมือถือเพื่อเรียกรถในแอพมาเรื่อยๆ ตามทางและก้าวผ่านประตูอัตโนมัติได้เพียงไม่กี่ก้าว ใบชาใช้เวลาเพียงเสี้ยววิในการตั้งสติ จากนั้นก็รีบโน้มตัวขอโทษขอโพยด้วยอารามลนลาน
“ขะ…ขอโทษค่ะ”
“ทำไมไม่รู้จักมองทาง”
เธอไล่สายตาขึ้นตามความสูงจนปะทะกับดวงตาคมเข้มของชายที่มีแมสดำปิดบังใบหน้า ขณะนั้นเขายังใช้มือข้างหนึ่งดึงปีกหมวกแก๊ปสีเดียวกันลงมาอีกระดับ คล้ายกังวลว่าใครจะจับสังเกตและจดจำใบหน้าได้ สุดท้ายเลื่อนมือสอดเข้าในกระเป๋าแจ็กเกตหนังทั้งสองข้าง
คนอื่นยังไม่รู้ แต่สาวน้อยฌาริดาจำได้ตั้งแต่แวบแรก
“คุณ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันทั้งตกใจ และก็แอบแฝงความดีใจไว้ลึกๆ เพราะเธอกำลังคิดอยู่เลยว่าจะโทรหาเขาตอนนั่งรถกลับ แต่ผู้มีพระคุณแสนลึกลับดันโดดออกจากหัวมาปรากฏต่อหน้าในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือพอดีอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะ ที่เขาทำราวกับเป็นเทพหรือองครักษ์ประจำตัว
“แม่เข้าโรงพยาบาล ทำไมไม่โทรบอก” เขายิงคำถามเสียงเรียบพลางหรี่ตามองอย่างคาดคั้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างในวินาทีต่อมา เหมือนเขาตกใจกับอะไรสักอย่างที่อยู่ด้านหลังเธอ
…อ๊ะ!
แต่ไม่ทันที่เจ้าตัวเล็กจะได้หันไปดู ร่างกายก็ถูกดึงเข้าแนบชิดแผงอกแกร่ง ก่อนเปลนอนคันยาวจะตวัดเฉียดพวกเขาทั้งคู่ไปเพียงเล็กน้อย นั่นแปลว่าถ้าใบชายังอยู่ตำแหน่งเดิมก็คงโดนชนกระเด็น
“ขอโทษครับ” บุรุษพยาบาลก้มหัวให้แบบผ่านๆ จากนั้นรีบพาผู้ป่วยเข้าไปด้านใน
โทษเขาไม่ได้หรอก เป็นเธอเองที่ยืนขวางทาง อีกอย่างพวกเขาต้องทำหน้าที่ด้วยความเร่งด่วน ไม่มีเวลามานั่งพิถีพิถันอะไรขนาดนั้น
และพอทุกอย่างกลับสู่สถานการณ์ปกติ ใบชาก็ดันตัวถอยหลายก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง เลื่อนมือไปไขว้กันไว้ข้างหลัง โดยที่ยังหลุบมองปลายเท้าตัวเองตลอดเวลา เธอรู้สึกประหม่าแปลกๆ แบบบอกไม่ถูก นั่นคงเป็นเพราะความต่างของเพศสภาพ
“กินอะไรรึยัง” สุ้มเสียงทุ่มเอ่ยถามหลังทิ้งเงียบพักใหญ่
“…” ใบหน้าสวยส่ายแช่มช้าแทนคำตอบ
“ตามมา”
จบคำสั่งแกล้มบังคับ ช่วงขายาวก็ออกเดินนำหน้าลัดเลาะไปตามริมขอบฟุตบาท ใบชาขยับตามก็จริง ทว่าในหัวมีแต่คำถามมากมายผุดขึ้นมา
แวบหนึ่งเธอคิดนะว่าเขาเป็นคนไม่ดีรึเปล่า ถึงไม่อยากให้ใครรู้ถึงตัวตน แต่ถ้าเทียบจากสิ่งที่ได้รับมาหลายอย่าง มันบ่งบอกว่าไม่ใช่แบบนั้น
แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกที่ต้องปิดบังขนาดนี้ เธอนึกไม่ออกจริงๆ
ชายหนุ่มพาเธอมาจนถึงศูนย์อาหารยามค่ำคืนที่ถัดจากโรงพยาบาลประมาณสองซอย สาวน้อยกวาดมองบรรยากาศครึกครื้นโดยรอบพร้อมสอดส่องหาโต๊ะนั่ง เนื่องจากผู้คนพลุกพล่านจนแทบไม่เหลือที่ว่าง แต่ก็มีอยู่แถวโซนด้านในสุด
ก่อนร่างสูงจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกสีสด เขาไม่ลืมที่จะควักกระเป๋าเงินออกมาแล้วหยิบแบงก์ห้าร้อยยื่นให้
“ใบมีอยู่ค่ะ” เธอยกมือโบกปัดเป็นพัลวัน แต่พ่อหนุ่มสายเปย์ยังติดยื้อ เขายัดมันใส่มือเธอ
“เอาไป”
สุดท้ายสาวน้อยทำได้แค่ไหว้รับ และถามไปตามมารยาท ทั้งที่มีคำตอบในใจ
สาวน้อยนางเดียวเริ่มทำอะไรไม่ถูก รูม่านตาสีเข้มขยายกว้างอย่างตื่นตระหนก แขนขาอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ สติก็ลอยหายไปกับมวลชั้นบรรยากาศแทบหมด เมื่อจู่ๆ ก็ก้าวเข้าสู่สถานการณ์เสี่ยงตายแบบไม่ทันตั้งตัวเป็นจังหวะเดียวกับพวกที่เหลือเริ่มตีวงล้อม ถามว่ามีคนผ่านไปผ่านมาไหม ก็มี...แต่น้อยมาก แค่เห็นสถานการณ์ก็ไม่มีใครกล้าย่างกรายแล้ว“หน้ามึง แม่ง!…วอนโดนส้นตีนฉิบหาย” เสียงจากคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาทรงตัวได้สำเร็จ มันพุ่งเข้ากระชากคอเสื้อหนุ่มวิศวะไปประจันหน้า“แต่หน้ามึง แม่ง!…เหมือนส้นตีนฉิบหาย” ตะวันสวนกลับทันควัน พลางแสยะยิ้มยียวน ครั้นจะถามหาความหวาดหวั่นจากผู้ชายที่ชื่อภูตะวัน ก็คงจะยากหน่อย จากนั้นเขาก็ปัดมือคู่อริออกแล้วจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่“ไอ้สัส-”“แถมหน้าตัวเมียด้วย มีไรก็เคลียร์แค่กับกูดิ อย่าดึงผู้หญิงมาเกี่ยว มันดูกระจอก!” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน และถ้าไม่มีใบชา พวกเขาคงไม่แค่ยืนคุยกันแบบนี้แน่...“หึ…” อีกฝ่ายกระตุกมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปให้ความสนใจบุคค
[ กล้าไหม...? ที่จะต้องตัดใครบางคนออกไป ]เจ้าของใบยุ่งเหยิงราวกับมีพายุลูกใหญ่ในอกก้มมองจี้ห้อยคอแวบหนึ่ง แล้วเลื่อนมือขึ้นสัมผัสแผ่วเบา ขณะก้าวเดินไปตามทางเท้าข้างมหาวิทยาลัยเป็นเวลาหลายเดือนที่คนมอบสิ่งนี้ให้ไม่ปรากฏตัวเลย การโทรก็เว้นระยะห่างไปมาก อดคิดไม่ได้ว่าเขาตั้งใจหลบเลี่ยง เช่นเดียวกับที่เธอกำลังทำกับรุ่นพี่วิศวะจอมวุ่นวายนั่น“ทานตะวัน...?” เธอหลุดพึมพำอย่างคนเลื่อนลอย มีหลายครั้งที่เธอเผลอนึกถึงเขา นายภูตะวันแน่นอนว่ามีการตั้งสมมติฐานและเขาคือหนึ่งบุคคลที่น่าสงสัย เธอพบสิ่งผิดปกติแต่ไม่พบแกทเชื่อมโยง ความเป็นได้ก็ไม่มากพอจะปักใจเชื่อ อีกอย่างความสมเหตุสมผลแทบจะเป็นศูนย์คนที่เป็นคู่อริมีความจำเป็นอะไรต้องมาให้ความช่วยเหลือครอบครัวศัตรู บ้าไปแล้ว....คิดอะไรอยู่เนี่ยแกต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ฌาริดา!กึก!ความคิดหยุดลงกะทันหัน การเคลื่อนไหวก็ด้วย เท้าเล็กเปลี่ยนเป็นขยับถอยไปทางเดิม เมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่ก
ความจริงก็แค่หวังจะใช้ชีวิตแบบสงบสุขจนกว่าจะเรียนจบเท่านั้นเอง แต่ทำไมพระเจ้าต้องส่งตัวป่วนมาด้วย กลัวหนทางแห่งความสำเร็จมันจะง่ายเกินไปสินะ!คิดแล้วพ่นลมออกปากอย่างเหนื่อยหน่าย“เหรอ เข้าใจว่าไงอะ”ประโยคแรกที่เธอจงใจเน้นย้ำกลับถูกละเลย ตะวันดันไปโฟกัสเรื่องเข้าใจผิดของคนอื่นๆ แทน“ก็เข้าใจว่าพี่มาจีบฉันไง” ขณะตอบก็แอบภาวนาให้เขาร้องโวยวายว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่แสงสว่างก็ดับวูบด้วยวลียอมรับแบบอ้อมๆ โดยไร้การไตร่ตรอง“งั้นก็ไม่ผิดนะ”“ฮะ…” ใบหน้าสวยปรับเปลี่ยนเป็นเหลอหลาพูดไม่ออก ก็มีตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นความจริงไง!“ทำไมอะ เธอก็ไม่มีแฟนนิ”นายภูตะวันอาจเป็นที่หมายปองสำหรับใครหลายคน แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่ฌาริดาอย่างแน่นอน“ไม่มีแฟน ไม่ได้แปลว่าจีบได้เนอะ กรุณาเข้าใจใหม่ด้วย เพราะงั้นล้มเลิกความคิดนั้นซะ เสียเวลาเปล่า”ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีที่ประโยคเด็ดขาดของหญิงสาวจบลง จังหวะทั้งสองสบตากันโดยบังเอิญ ใ
[ กลัวไหม...? ถ้าผลลัพธ์ที่ได้มันไม่เป็นอย่างใจหวัง ]ครืด! ครืด!ใบชาเคลื่อนสายตาไปดูหน้าจอมือถือแวบหนึ่ง แล้วเผยเป็นยิ้มกว้าง ก่อนจะคว้ามันขึ้นมาเลื่อนสไลด์แนบหูด้วยความเร่งรีบ เหมือนเธอจะไม่อยากให้คนโทรมาต้องรอเลยสักนาที สิ่งนี้ทำให้เพื่อนรวมโต๊ะซึ่งลอบสังเกตการณ์อยู่ขมวดคิ้วสงสัย สาบานได้เลยว่าหากใครเห็นเหมือนเพลงพิณในตอนนี้ก็ต้องเข้าใจว่าสาวสวยตรงหน้ากำลังมีหนุ่มแหงๆและยังไม่ทันที่เจ้าของเครื่องจะได้เอ่ยทักทาย อีกฝ่ายก็รัวคำถามใส่ราวกับเป็นผู้ปกครองท่านหนึ่ง[ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน ไปกับใคร แอบเกเรเหรอ]“เปล่านะคะ ไม่ได้เที่ยวเล่นซะหน่อย ใบมาอ่านหนังสือที่หอสมุดต่างหาก”[...] เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะหึในคอเบาๆ“คุณอยู่ที่บ้านใบเหรอ”[อือ แวะเอาของมาให้ ฝากไว้ที่แม่ละ]“ของ...อะไรคะ” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอก็ยังตื่นเต้นทุกครั้งกับการที่เขาสรรหา
รถประจำทางใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการพาใบชามาถึงจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นแหล่งอโคจรที่เธอเพิ่งมาเมื่อคืนใบหน้าสวยหันมองซ้ายทีขวาที ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผมหางม้าที่มัดไว้ลวกๆ สะบัดไปมา เธอเห็นว่าประตูทางเข้าออกหลักมีโซ่คล้องไว้อย่างดี ก็เลยเดินเลาะไปข้างตึกอย่างถือวิสาสะ“ยัยหนู!”ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกก่อนหมุนตัวกลับมาตามเสียงเรียก พบชายสูงวัยในชุดผู้รักษาความปลอดภัยปรี่เข้ามาด้วยท่าทางขึงขัง “จะไปไหนน่ะ”“อ้อ พอดีหนูจะมาสมัครงานค่ะ” ก็ไม่ได้โกหก...แค่มีความจริงอยู่นิดหน่อย“ไม่มีใครอยู่หรอก หนูต้องมาตอนคลับเปิด”“อ้าว...เหรอคะ”“ไปๆ กลับไปก่อน”ใบชาพยักหน้าเข้าใจ พร้อมกับเดินตามคุณลุงรปภ. ออกไปด้วยความเหงาหงอย ในใจก็พานตั้งคำถามไปเรื่อยเปื่อย ไม่วายหันมองตึกสูงอีกครั้ง เธอกำลังข้องใจว่าข้างบนนั้นไม่มีคนอยู่จริงเหรอ เพราะมันดูเหมือนมีห้องพักสังเกตได้จากคอยล์ร้อนของแอร์ที่ติดรายล้อมนับสิบตัวสำคัญคือบางตัวมันทำงานอยู่ด้วย...ใบชาเลือกตัดสิ่งที่
[ คิดไหม...? ว่าจะให้ใจใครบางคนโดยที่ไม่รู้แม้แต่ตัวตนของเขา @คฤหาสน์เดชาพิพักษ์พรึบ!ตะวันสะดุ้งโหยงหลังย่องเบาเข้าห้องนอนตัวเองแล้วไฟทุกดวงดันสว่างโร่ราวกับติดตั้งด้วยระบบอัตโนมัติ“มี๊...”ใบหน้าหล่อเหลาถอดสีซีดเผือดเมื่อหันไปเห็นนายหญิงผู้กุมอำนาจสูงสุดแห่งตระกูลเดชาพิพักษ์ ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ข้างประตูตอนตีสองกว่าดึกขนาดนี้ยังไม่ยอมนอน คิดดูเหอะ…ชะตาขาดแน่กู!“น้องกลับมาตั้งนานแล้ว ไอ้ลูกหมาของมี๊ไปไหนมาเหรอ”สายตาคมกริบที่ตวัดมองบวกน้ำเสียงเย็นยะเยือกเสมือนธารน้ำแข็งขั้วโลกของมารดาผู้ให้กำเนิดทำลูกกระเดือกคนถูกถามกดต่ำจากการกลืนก้อนน้ำลายลงคออึกใหญ่“ก็...ไปเล่นเกมบ้านไอ้หมอก” อึกอักตอบพลางตั้งท่าก้าวถอย เพราะหญิงสูงวัยเริ่มเขยิบเข้าหา“เหรอ?”“ครับ”“ให้ตอบอีกที” แววตาคู่นั้นส่อแววจริงจัง ตะวันรู้ในทันทีว่าถูกจับโกหกได้ และเมื่อถึงคราวจนมุม นึกอะไรไม่ออกก็เบี่ยงไปเวย์ง่วงไว้ก่อน หนุ่มเจ้าเล่ห์แสร้งอ้าปากหาวหวอดๆ“หาว....ง่วงจัง ไปนอนกันเถอะ”ช่วงขายาวขยับก้าวได้เพียงไม่เท่าไหร่ก็ต้องชะงักเพราะคนเป็นแม่ขยับมายืนขวางหน้า“อย่ามาเนียน”เจ้าของห้องลอบถอนหายใจ ก่อนจะตอบไปแบ







