2
กลิ่นหอมที่คุ้นเคย
ในขณะที่แบดซ์กำลังพูดอยู่นั้นสายตาของเขาก็คอยเหลือบมองมาที่กอหญ้าเป็นระยะและทุกครั้งที่มีสายตาคู่นั้นมองมาเธอก็แทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีแต่ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะหน้าที่ของรุ่นน้องปีหนึ่งคือต้องทำกิจกรรมให้ครบเท่านั้นถึงจะผ่านเข้าไปเรียนได้ หากไม่ผ่านการเข้ากิจกรรมรับน้องก็ไม่สามารถเข้าไปเรียนในมหาลัยแห่งนี้ได้ ซึ่งการรับน้องในแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันออกไปว่ารุ่นไหนจะจัดกิจกรรมยังไง ส่วนของปีนี้เท่าที่กอหญ้าจับใจความได้ทุกคนจะถูกแบ่งกลุ่มกันใหญ่ ๆแล้วแยกย้ายกันกลับไปเพื่อจะเก็บข้าวของมานอนค้างที่มหาลัยตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่อเตรียมซ้อมเชียร์และกิจกรรมยิบย่อยต่าง ๆ
“เข้าใจที่พวกผมพูดกันใช่ไหม ถ้าเข้าใจแล้วเชิญพวกคุณแบ่งกลุ่มกลุ่มละยี่สิบคนได้ตามความต้องการ หลังแบ่งกลุ่มเรียบร้อยรบกวนส่งรายชื่อมาให้ผมด้วย” สิ้นเสียงพูดของเฮดว๊ากอย่างแบดซ์เหล่ารุ่นน้องปีหนึ่งก็ต่างขานรับกันเป็นอย่างดีแล้วไม่นานทุกคนก็ต่างพากันจับกลุ่มกัน ส่วนกอหญ้าก็ยืนงงอยู่ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำตัวยังไง ต่างจากแบดซ์ที่เดินห่างออกมาจากลานเกียร์พร้อมกับนั่งลงตรงม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้พร้อมกับเหล่ากลุ่มเพื่อน
“เธอ…มีกลุ่มรึยัง มาอยู่กลุ่มกับพวกเราไหม” ในตอนที่กอหญ้ายังยืนงงอยู่เสียงของใครบางคนก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้กอหญ้าละสายตามามองเจ้าของคำชวน คนตรงหน้าเป็นผู้หญิงหน้าตาดูสวยแต่ท่าทางของเธอจะออกแนวลุย ๆ ตัดผมสั้นปะคอ กอหญ้ามองไปยังเพื่อนอีกสองคนที่ยืนโบกมือทักทายยิ้มแฉ่งให้ตนอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าเรียวใสจึงพยักหน้าตอบแล้วยิ้มให้
“อื้อ” เธอพยักหน้าตอบ นี้คงเป็นผู้หญิงส่วนน้อยของคนในคณะ
“ฉันควีน ส่วนสองคนนี้” ควีนแนะนำตัวแล้วหันไปมองเพื่อนตนเองอีกสองคนที่ตอนนี้เปลี่ยนจากยืนข้างหลังควีนมายืนอยู่ข้างกายแทน
“ฉันนินิว เรียกนิวเฉย ๆ ก็ได้” สาวร่างท้วมตรงหน้าดูเป็นมิตรแนะนำตัว
“ส่วนเราเมษา ยินดีที่ได้รู้จักนะ เธอ..”
“กอหญ้า…ยินดีที่ได้รู้จักพวกเธอเหมือนกัน” กอหญ้ายิ้มทักทายเพื่อนใหม่แล้วมองไปที่เมษา เมษาดูเหมือนจะเป็นลูกคนรวยที่สุดในบรรดาสามคนนี้ เพราะเธอสวมแบรนด์เนมทั้งตัวแถมยังผิวกายขาวผ่องจนแสบตา หน้าตาเหมือนลูกครึ่ง ไทย- จีนคล้ายกับอาหมวย ซึ่งบุคลิกแต่ละคนดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ไปเถอะ…เราต้องหาเพื่อนเข้ากลุ่มอีกเยอะ” และแล้วเสียงของควีนก็เอ่ยขึ้นดึงสติให้ทุกคนมาสนใจกับเรื่องหากลุ่มต่อ ทั้งสี่สาวเลยเดินหาจับกลุ่มกับคนอื่น ๆ ซึ่งก็ได้สมาชิกมาเพิ่มอีกแค่หกคนเท่านั้นและหกคนก็ล้วนเป็นผู้หญิงทั้งหมด หมดทั้งคณะก็พากันมีกลุ่มครบยกเว้นพวกเธอ
“เราจะเอายังไงดี ส่งรายชื่อกันแค่นี้หรอ” นินิวถามพร้อมกับมือเท้าคางมองกระดาษเปล่าตรงหน้าที่วางอยู่บนม้าหินอ่อน ทุกกลุ่มทยอยส่งรายชื่อกันหมดแล้วเหลือเพียงกลุ่มของพวกเธอ
“มีแค่นี้ฉันว่าก็ต้องส่งแค่นี้แหละ ก็คนมันไม่พอจะให้ทำยังไงเล่า ยังไงส่งก็ดีกว่าส่งช้านะ” เมษาเป็นคนพูด
“กอหญ้าล่ะ ว่ายังไง” ควีนหันมาถามกอหญ้าที่วันนี้เอาแต่เหม่อลอย
“เราว่าเอาตามที่เมบอกก็โอเคนะ ไม่ครบเราก็ใช้เหตุผลบอกเอา บางทีพวกรุ่นพี่คงไม่อะไรมาก” เรียวปากสีหวานเอ่ยบอกและเมื่อตกลงกันเรียบร้อยควีนก็เป็นคนเขียนรายชื่อของสมาชิกในกลุ่มเพียงสิบคนลงไปและก็ใช้เวลาไม่นานก็เขียนเสร็จ
“เสร็จแล้ว…ใครจะเป็นคนเอาไปส่ง” ควีนถาม แล้วทุกคนก็ต่างมองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัวพัลวัน จากนั้นสายตาของทุกคนก็มาหยุดที่กอหญ้า
“เราเอาไปส่งให้ก็ได้ แค่ไปส่งกับรุ่นพี่ใช่ไหม” เมื่อเพื่อนไม่อยากไปส่งกัน กอหญ้าเลยเป็นคนอาสาเองเพราะเธอคิดว่าแค่เอาใบรายชื่อไปส่งรุ่นพี่คงไม่มีอะไรให้ต้องกังวลขนาดนั้น
“คงใช่”
“ให้ไปเป็นเพื่อนไหมกอหญ้า” ควีนเป็นคนตอบและเมษาก็ถามต่อเมื่อเห็นกอหญ้าหยิบใบรายชื่อขึ้นมาเพื่อจะนำไปส่งรุ่นพี่เธอหยุดชะงักก่อนจะมองหน้าเพื่อนใหม่ทั้งสาม
“ไม่เป็นไร ส่งใบรายชื่อเสร็จเราว่าจะกลับเลย ต้องเผื่อเวลาเก็บกระเป๋าหน่อยเดี๋ยวมาไม่ทันรวมตัวอีก”
“งั้นขอซื่อสัตย์ไว้ก่อนได้มั้ย ยังไงพวกเราก็อยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว” ควีนพูดขึ้น
“ได้สิ^^” กอหญ้าตอบแล้วยิ้มให้ก่อนจะรับโทรศัพท์มือถือจากควีนมาแล้วกดกรอกชื่อ I*******m ของตนเองลงไป
“ขอบใจ แล้วเจอกันตอนเย็นนะ”
“อื้อ” ใบหน้าเรียวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มพยักหน้าตอบก่อนจะยกมือขึ้นโบกลาเพื่อนแล้วแยกตัวออกมาจากม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้บริเวณลานเกียร์ขนาดกว้าง กอหญ้าเดินปลีกตัวออกมาได้ไกลพอสมควรก็มองหารุ่นพี่เพื่อจะนำใบรายชื่อไปส่ง จนกระทั่งเจอรุ่นพี่หน้าตาคุ้นสองคนกำลังนั่งเคลียร์กองเอกสารกันอยู่ สองคนนี้เหมือนจะเป็นยูกิและขนมผิง
ขนมผิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูราวกับตุ๊กตามีชีวิต ยิ้มทีโลกละลาย ผมสีนํ้าตาลอ่อนถักเปียสองข้างและมีผมม้า ดวงตากลมโตแต่ดวงตาคู่นั้นเหมือนซ่อนอะไรมากมายเอาไว้ในใจ ส่วนยูกิมองดูก็รู้ว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นแน่นอนเพราะผิวขาวอมชมพู หุ่นสวยเหมือนนางแบบบุคลิกดูสวยและฮอตไม่เบา เป็นคนพูดจาฉะฉานและเก่ง
“เอ่อ…รุ่นพี่คะ ใบรายชื่อส่งตรงนี้ไหมคะ” กอหญ้ารวบรวมความกล้าอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเข้ามาถาม ทำให้พี่สาวคนสวยค่อย ๆ เงยหน้าจากกองเอกสารมามอง
“ไม่จ้ะ ใบรายชื่อสมาชิกกลุ่มใช่ไหม” ยูกิเป็นคนถาม
“ใช่ค่ะ”
“เอาไปส่งในห้องชมรมนะ ชมรมดนตรีให้กับพี่ว๊ากใครสักคนที่อยู่ในชมรม”
“สะ ส่งกับพี่ว๊ากหรอคะ” กอหญ้าทวนคำพูดของยูกิเบา ๆ
“ใช่จ้ะ ทำไมหรอ”
“…ไม่ค่ะ ไม่มีอะไร ขอบคุณค่ะ” กอหญ้าตอบออกไปเสียงติดขัดแล้วหมุนตัวกลับมาจากยูกิและขนมผิง
แล้วไอ้ห้องชมรมดนตรีที่ว่ามันอยู่ตรงไหนกันนะ
ภาวนาอย่าให้เจอกับเขา อย่าเลย..
…
@ชมรมดนตรี
แบดซ์นั่งมองควันบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งอยู่ภายในห้องชมรมเพียงลำพัง ในหัวก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีตถึงเรื่องของตนเองและกอหญ้า การกลับมาเจอกันครั้งนี้มันทำให้เขาอยากจะบีบคอเธอให้แหลกคามือ กว่าจะผ่านช่วงเวลาอันแสนทรมานมาได้มันไม่ง่ายเลยสักนิด กว่าจะลืม กว่าจะมาเป็นคนที่เข้มแข็งได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ คนอย่างเขาใคร ๆ ก็อยากได้เป็นแฟนแต่กลับไม่ใช่ผู้หญิงสารเลวอย่างกอหญ้า
คุณพ่อของแบดซื่อสัตย์เป็นถึงผู้พิพากษามาจากตระกูลมหาเศรษฐี เจ้าของท่าเรือและบ่อนํ้ามันหลายแห่งแถมยังรวยติดอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ส่วนคุณแม่ของแบดซ์มาจากตระกูลเชื้อเจ้า ท่านผู้หญิง ศีรสกุล เทวพรวิพรหม ตระกูลที่รํ่ารวยติดอันดับต้น ๆ ของโลกเนื่องจากทำธุรกิจหลากหลายแห่ง ทั้งเป็นเจ้าของธนาคารที่ขยายสาขาไปทั่วโลก และธุรกิจยิบย่อยที่ไล่ชื่อมาแทบไม่หมด ที่บ้านของแบดซ์ทุกคนจึงเรียกเขาว่าแทนว่าคุณชาย
แบดซ์เคยมีแฟนคนเดียวคือกอหญ้าแต่เธอดัน ‘สวมเขา’ ให้ชายหนุ่มเลยแค้นมากเพราะตนนั้นเคยรักกอหญ้ามาก เขาทำใจไม่ได้และไม่ยอม เลยตามรังควานกอหญ้าไม่หยุดจึงถึงขั้นคุกคามเลยก็ว่าได้ แต่คนอย่างเขาไม่ยอมหยุดเท่านี้แน่นอน กว่าจะผ่านพ้นช่วงเวลาอกหักมาได้แทบกระอักเลือด
เพราะงั้นการเอาคืนกอหญ้าให้เจ็บหนักที่สุดคือเป้าหมายของเขา..
ตึก ตึก ตึก..
เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาภายในห้องชมรมท่ามกลางความเงียบกระทั่งได้ยินเสียงความคิดของตนเองแบดซ์ไม่ได้สนใจ ริมฝีปากหยักเอ่ยออกมาโดยที่ไม่ได้มองหน้าเจ้าของเสียงฝีเท้า
“มาส่งใบรายชื่อใช่ไหม” เขาถามแล้วคีบมวลบุหรี่ออกจากริมฝีปากหยัก หางตาเหลือบมองเห็นมือเรียวสวยของผู้หญิงวางใบรายชื่อเอาไว้ตรงหน้าเขา
ผู้หญิง ?
แล้วกลิ่นหอมที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีนี่มัน คืออะไร..
ชายหนุ่มคุ้นกลิ่นนี้มากจนละสายตามองคนมาใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนหยุดอยู่ที่ใบหน้าหวาน แบดซ์มองใบหน้าของเธอผ่านควันบุหรี่ที่ลอยคละคลุ้งจนได้รู้ว่าเจ้าของเสียงฝีเท้าคือใคร
“ขอตัวก่อนนะคะ” กอหญ้ารีบหลบสายตาเขาทันที เนื้อตัวของเธอสั่นเทาขึ้นมาโดยปริยายจนแบดซ์มองออกว่ากอหญ้ากลัวตนเองมากแค่ไหน
“ไม่คิดว่าชีวิตนี้ฉันจะวนกลับมาเจอผู้หญิงร่านแบบเธออีก” ไม่ทันที่ท้าวเรียวสวยบนรองเท้าผ้าใบคู่ใจจะได้ก้าวออกไปจากห้องชมรม คำพูดจากวนประสาทก็ออกมาจากเขาทำให้ร่างเล็กหยุดนิ่ง เธอไม่อยากจะเจอเลยสักนิดแต่พอเดินเข้ามาในห้องชมรมก็เจอแค่เขาอยู่เพียงลำพัง
“กอหญ้าอยากให้พี่ลืมมันไป แล้วทำเหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักกัน ได้ไหมคะ”
“พูดง่ายดีนิ ไม่ใช่คนถูกทิ้ง”
“อย่ารื้อฟื้นมันอีกเลยค่ะ ให้มันจบไปเถอะ”
“ลองเจ็บดูสักครั้งไหมล่ะ จะได้รู้สึกว่ามันทรมานแค่ไหน” พูดจบแบดซ์ก็เหยียดกายลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก้าวเดินเข้ามาหากอหญ้าใกล้มากขึ้นและมากขึ้นจนคนตัวเล็กค่อย ๆ ก้าวถอยหลังห่างออกมาทีละก้าวกระทั่งแผ่นหลังของเธอชิดกับผนังห้องชมรม
“อ อึก..” ร่างบางถูกมือหนารั้งเข้ามาใกล้จากนั้นก้นบุหรี่ร้อนก็ถูกจี้เข้าที่ลำคอขาวของกอหญ้าจนมันเกิดเป็นรอยแดงทรงกลมขนาดเล็กจากนั้นก็เริ่มไหม้เป็นแผล กอหญ้ารับรู้ถึงความแสบร้อนแล้วเธอก็ร้องไห้ออกมาเมื่อลำคอถูกมือหนาบีบกดกับผนังแน่น ความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งหยาดนํ้าตามันไหลออกมาอาบพวงแก้ม
“แม้แต่หมามันยังซื่อสัตย์กว่าเธอเลยกอหญ้า ผู้หญิงอย่างเธอไม่สมควรได้รับความรักจากฉันเลยสักนิด..” แบดซ์เอ่ยออกมาด้วยความแค้นและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดภายในใจ เขาเคยรักเธอมากและตอนนี้ก็เกลียดมากเช่นกันอยากจะทำให้เธอเจ็บปวดแบบที่ตนเคยเป็นมาก่อน
และอีกไม่นานเธอจะได้รับความทรมานแบบตายทั้งเป็นอย่างสาสม..
——————————————————-
กำลังใจเยอะอาจจะมาต่อตอน 3 นะคะ ><
ส่วนในเรื่องของปมในอดีตจะค่อย ๆ ปล่อยออกมาให้ได้รู้กัน
ยังเข้ากลุ่มได้เรื่อย ๆ นะคั้บ 💖💖💖