1
ต้อนรับชีวิตมหาลัย
1-2 สองสัปดาห์ก่อนเปิดเรียน
“ขอให้วันนี้เป็นวันที่เริ่มต้นชีวิตมหาลัยที่ดีนะ” เสียงหวานพูดกับตนเองและคลี่ยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น วันนี้เป็นวันแรกของการเข้าเรียนในรั้วมหาลัยของเธอ กอหญ้าพึ่งจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกและเธอก็กำลังจะเข้าปีหนึ่ง โดยคณะที่กอหญ้าเข้าเรียนเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาเครื่องกล ที่เลือกเข้าคณะ สาขานี้เพราะมันเป็นความฝันของเธอและความตั้งใจมาตลอดและชอบสายงานเกี่ยวกับด้านนี้ Gabriel International University เป็นมหาลัยระดับประเทศและเป็นของเอกชนรวมถึงเป็นมหาลัยที่มีนักเรียนนานาชาติเข้ามาเรียนเกือบทุกคณะ หรือเรียกง่าย ๆ ก็เป็นมหาลัยนานาชาติ ครอบครัวของกอหญ้าไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไรขนาดนั้นแต่เธอแค่ใช้สิทธิ์ในการสอบของโรงเรียนเดิมแบบชิงทุนเลยได้เข้ามาเรียนที่นี้..
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังมองสำรวจตนเองผ่านหน้ากระจกภายในห้องพักเล็ก ๆ ของตนเองเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น กอหญ้าไม่สงสัยเลยว่าเวลานี้เป็นใครที่มาเคาะ ร่างเล็กในชุดของมหาลัยรีบเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ใบสีชมพูมาสะพายบนหลังพร้อมกับสวมรองเท้าแล้วเปิดประตูห้องทันที พอเปิดออกมาก็เจอเข้ากับร่างคุ้นตาของแฟนหนุ่ม
“มาเร็วตลอดเลยนะเต รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเราจะสายเอา” กอหญ้าเอ่ยบอกแฟนหนุ่มของตนเองที่มารับไปเรียนพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม ‘เต’ เป็นแฟนของเธอมาหนึ่งปีแล้วทั้งสองคนสอบติดมหาลัยเดียวกันโดยสอบชิงทุนเอาทั้งคู่ แต่คนละคณะ เตเรียนอยู่คณะสถาปัตเพราะชอบด้านนี้มากกว่า
“เอาของครบแล้วใช่ไหม เดี๋ยวก็ลืมอีก กอหญ้ายิ่งขี้ลืม”
“ครั้งนี้ไม่ลืมแน่นอน” เธอตอบแล้วยิ้มตาหยีให้คนตรงหน้า
“โอเค…งั้นก็ไปกัน วันนี้คณะวิศวะเริ่มกิจกรรมรับน้องแล้วไม่ใช่หรอ” เตถามในขณะที่กอหญ้ากำลังล็อกห้องของตนเอง โดยเธอเลือกที่จะพักหอนอกเพราะความสะดวกสบายหลาย ๆ อย่าง หอนอกที่เธอพักราคาก็ไม่ได้แพงอะไรมาก กอหญ้าเลือกหอพักที่ตนเองพอมีงบถึง
“ใช่ แล้วรับน้องตั้งสี่รอบนู้นแน่ะ” กอหญ้าบ่นออกมาพลางถอนหายใจ ประกาศแจ้งจากคณะออกมาแล้วส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมต้องรอรุ่นพี่แจ้งอีกทีในแต่ละรอบว่าต้องทำยังไงบ้าง
“เอาหน่า แฟนเตเก่งอยู่แล้ว” เตพูดให้กำลังใจกอหญ้าก่อนจะยื่นมือมายีผมเธอเบา ๆ
“เตก็สู้ ๆ นะ…เราจะได้เรียนจบพร้อมกัน”
“ครับ” สองหนุ่มสาวคุยกันด้วยความตื่นเต้นกับการได้เริ่มใช้ชีวิตในมหาลัย เหมือนออกมาจากกรอบของรั้วโรงเรียน เข้าปีหนึ่งใหม่ทุกคนก็คงจะอดตื่นเต้นไม่ได้แต่มันก็ยังไม่เชิงเปิดเรียนอย่างเป็นทางการเพราะต้องมีกิจกรรมเชียร์กลางก่อนรับน้องเข้ามออีก ซึ่งแต่ละคณะก็ต้องแยกกันฝึกซ้อมเพื่อรอวันจริง
กอหญ้าและเตขึ้นรถจักรยานยนต์มาที่มหาลัยพร้อมกันโดยใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีก็มาถึงก็มาถึง ที่เตได้มารับเธอก็เพราะว่ากอหญ้าและเตพักคนละที่ ด้วยความที่ทั้งสองอยากให้อิสระกันในเรื่องนี้และอีกอย่างต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตนเองแต่ทั้งสองก็เข้าใจกันเป็นอย่างดีเลยไม่ได้เลือกที่จะอาศัยอยู่ด้วยกัน พอเตขับรถมาจอดที่หน้าคณะวิศวะที่มีแต่รถ Supercar เขาก็รู้สึกแปลกจากนักศึกษาคนอื่นไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นกอหญ้าก็ไม่ได้รู้สึกอายเลยที่มีแฟนฐานะไม่ได้รวยเหมือนคนอื่นในมหาลัย
“แล้วเจอกันตอนเลิกนะกอหญ้า อย่าลืมทักมาบอกเตล่ะ เดี๋ยวเตมารับกลับไปกินข้าวเย็นด้วยกัน” เมื่อขับมาถึงคณะวิศวะแล้วเตก็บอกแฟนสาวก่อนที่คนตัวเล็กจะลงจากรถจักรยานยนต์แล้วถอดหมวกกันน็อคคืนเต เธอยกมือขึ้นชูโอเคก่อนจะบ๊ายบายแฟนหนุ่มเพื่อจะเข้าคณะของตนเอง
“แล้วเจอกันนะ~” ว่าแล้วก็รอให้เตขับไปจนลับสายตาก่อนที่ตนเองจะหมุนตัวหันกลับมาแล้วเดินเข้าคณะ กอหญ้าเดินเข้ามาก็กวาดสายตามองบริเวณคณะตนเองไปด้วยเพราะรุ่นพี่นัดไปที่ลานเกียร์แต่เธอไม่รู้เลยว่าลานเกียร์อยู่ตรงไหน สิ่งที่กอหญ้าเจอคือสายตาของเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ในคณะที่มองตนเองอยู่เป็นจุดเดียวมากกว่า มองแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มไม่รู้ว่าเพราะอะไร หรือเพราะว่าเป็นผู้หญิงส่วนน้อยในคณะกันนะเลยถูกมอง กอหญ้ารู้สึกประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ต้องเดินหาลานเกียร์ต่อไป เธอเดินตามป้ายบอกทางของมหาลัยหรูมาเรื่อย ๆ กระทั่งได้ยินเสียงของใครบางคนแว่วมาจากที่ไหนสักที่
“เร็วกันหน่อยครับ ผมนัดพวกคุณกี่โมง”
และเสียงตะโกนน่าเกรงขามนั้นก็ทำให้กอหญ้าดึงสติตนเองกลับมาได้ เธอมองไปยังต้นเสียงก็เห็นลานเกียร์อยู่ไม่ไกลนักตอนนี้นักศึกษาหลายคนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้นแล้วและอีกส่วนก็พากันกำลังวิ่งกรู่เข้าไป ตรงหน้ากลุ่มนักศึกษาคณะวิศวะหลายร้อยคนมีเหล่าพี่ว๊ากห้าคนยืนเรียงหน้ากระดานกันอยู่แต่กอหญ้าไม่เห็นหน้า
ฟังจากนํ้าเสียงแล้วคง ‘โหด’ น่าดู
“ผมให้เวลาพวกคุณอีกสิบวิ ใครมาช้า..ผมจะลงโทษพวกคุณทุกคน”
“ซวยแล้ว..” ปากเล็กบ่นกับตนเองแล้วมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ใกล้จะถึงเวลานัดของรุ่นพี่ในอีกไม่กี่วิ รู้แบบนั้นคนตัวเล็กเจ้าของความสูงแค่ร้อยหกสิบเซนติเมตรก็รีบวิ่งตรงไปที่ลานเกียร์ทันทีโดยมีความกดดันเป็นการนับถอยหลังของเฮดว๊ากอยู่
เสียงนั้นคุ้นมาก…ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งคุ้น
ตึก ตึก ตึก…
ท้าวเล็กบนรองเท้าผ้าใบคู่โปรดรีบวิ่งมาที่ลานเกียร์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้นและในที่สุดเธอก็มาหยุดตรงท้ายแถวเป็นคนสุดท้ายในวินาทีที่สิบเอ็ดพอดีและกอหญ้าเองก็เป็นเพียงคนเดียวที่มาช้าแค่หนึ่งวิหลังจากที่พี่ว๊ากนับ เธอหวังว่าพวกพี่ว๊ากคงไม่เห็นและคงจะไม่ว่าอะไร เพราะมันก็แค่วิเดียว
“ทีหลังถ้าพวกคุณมาช้าอีก บทลงโทษจะหนักกว่าวันนี้ ก่อนที่ผมจะเรียกคนมาช้ามาลงโทษ ใครที่รู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงเดินขึ้นมาข้างหน้าให้เร็ว”
กอหญ้ายืนตัวสั่น เธอกวาดสายตามองผู้หญิงคนอื่นก็รีบเดินก้มหน้าไปยืนอยู่หน้าแถวของตนเอง แต่แถวของเธอมีแค่กอหญ้าที่เป็นผู้หญิง ปากเรียวสวยเม้มเป็นเส้นตรงก่อนจะรีบเดินผ่านสายตาของผู้ชายหลายคู่ไปหยุดยืนอยู่หน้าแถว พอมาถึงหน้าแถวแล้วมือเล็กก็สอดประสานกันหน้าขาแน่น กอหญ้ายังคงก้มหน้าอยู่เพราะกลัวว่าตนเองจะถูกลงโทษ และแถวที่เธอยืนอยู่นั้นมันอยู่ตรงข้าม ‘เฮดว๊าก’ พอดี แถวโซนกลาง ๆแบบนี้รังสีความน่ากลัวมันแผ่ซ่านออกมาจนถึงเธอ
“ในเมื่อพวกคุณมาครบแล้วพวกผมในฐานะพี่ว๊ากจะแนะนำตัวก่อน เริ่มจากฝั่งซ้ายสุด” เสียงของเฮดว๊ากคนเดิมยังคงพูดแต่ละคนสอดประสานมือคัดหลังเดินไปมาผ่านหน้าเฟรชชี่ปีหนึ่งก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงกลาง เหมือนทุกอย่างมันเงียบขึ้นมาอีกครั้ง เงียบจนกอหญ้าเริ่มรู้สึกขนลุก..
ต่อจากนั้นเหล่าพี่ว๊ากก็เริ่มแนะนำตัว กอหญ้าไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าแต่ละคน เธอได้แต่ยืนก้มหน้าและสรุปได้ว่าแต่ละคนชื่ออะไร คนแรกชื่อ'ไคโร' คนที่สอง 'เจค’ คนที่สาม 'ริวเซย์’ คนต่อมา 'เคเลน' ส่วนรุ่นพี่จากกองกรรมการมหาลัยก็จะมี 'ยูกิ’ และ 'ขนมผิง’ หลัก ๆ สองคนที่เป็นผู้หญิงและตามมาด้วยคนอื่น ๆ ยิบย่อย
และก็มาหยุดที่คนสุดท้าย
“ส่วนผม…ชื่อแบดซ์ วิศวะเครื่องกลปีสาม ผมได้รับหน้าที่เป็นเฮดว๊ากของปีนี้ หน้าที่ของผมคือการคุมการรับน้องของคณะวิศวะทั้งหมด และพวกคุณทุกคนต้องฟังผม รู้ใช่มั้ยครับว่าการรับน้องของคณะวิศวะมันโหดแค่ไหน พวกคุณต้องผ่านมันไปให้ได้เพราะนี้มันแค่เริ่มต้น สี่ปีที่พวกคุณเรียนที่นี่ต้องเจออะไรอีกเยอะ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายเอ่ยออกมาพร้อมกับดวงตาอันตรายที่กวาดมองใครคนนั้นต้องกลัวจนหัวหด ไหล่ห่อ นํ้าเสียงน่าเกรงขามและเสียงดังฟังชัด
กอหญ้าหน้าซีดเผือดขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินชื่อและเสียงของเฮดว๊าก คนชื่อแบดซ์มันจะมีสักกี่คนกันแต่เธอก็ภาวนาอยู่ในใจว่าอย่าให้เป็นเขา
“เอาล่ะ…เพื่อจะไม่ให้เป็นการเสียเวลามากเกินไป ใครที่รู้ตัวว่าตนเองมาช้า ก้าวออกมาข้างหน้า ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ก้าวออกมาผมจะไปชี้ตัวออกมาเอง”
กอหญ้าแทบจะร้องไห้ออกมาเธอยืนตัวสั่นเทาก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับแบดซ์ แล้วจังหวะนั้นเองเขาก็ยืนจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว แบดซ์ที่เห็นใบหน้าของแฟนเก่าหลุดยิ้มมุมปากออกมาอย่างยากจะคาดเดาและชวนขนลุกในเวลาเดียวกัน
แววตานั้นมันสื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าพร้อมจะฉีกเธอออกมาเป็นชิ้น ๆ ท้าวหนาค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาเธอพร้อมกับนับถอยหลัง
“หนึ่ง”
“….”
“สอง”
“….”
“สาม…”
“พี่แบดซ์..”
กอหญ้าเอ่ยเรียกชื่อเขาออกมาแผ่วเบา เสียงของเธอสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัดเจน แบดซ์จ้องมองใบหน้าของเธอราวสิบวินาทีพร้อมกับทุกอย่างที่เงียบก่อนที่ใบหน้าหล่อจะยื่นเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูเธอเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ไง…คิดถึงกันมั้ย” พอได้ยินคำนั้นกอหญ้าก็รู้สึกเหมือนชะตาชีวิตขาดลงซะตอนนี้ยังไงยังงั้น เธอยังสบตากับแบดซ์อยู่ก่อนที่ร่างหนาเจ้าของความสูงร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตรจะก้าวแถวห่างกลับไม่กี่ก้าว กอหญ้ารู้สึกว่าชีวิตมหาลัยที่แสนจะมีความสุขของตนเองมันจบลงแล้ว
มันจบลงตั้งแต่เจอแฟนเก่าของตนเองในมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน แถมเรียนสาขาเดียวกันอีก มิหนำซ้ำเป็นเฮดว๊าก
นี่โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่..
“มาช้าหนึ่งวินาทีผมจะถือว่าเป็นความผิดครั้งแรกของคุณ เพราะฉะนั้นจะไม่เกิดการลงโทษใด ๆ ทั้งสิ้น อย่าให้มีครั้งที่สองอีกผมหวังว่าคุณจะเข้าใจที่ผมพูด…ใช่มั้ยกอหญ้า ?” แบดซ์พูดคำนั้นออกมาแปลว่าเขาจำเธอได้แน่นอน หนีพ้นไปรอบหนึ่งแล้วทำไมต้องวกกลับมาเจอกันได้อีก เธอไม่อยากจะกลับไปตกนรกทั้งเป็นอีกครั้ง
“…ค่ะ” ใบหน้าสวยหวานพยักตอบ ก่อนที่แบดซ์จะก้าวถอยกลับไปที่ของตนเอง ซึ่งสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้ก็ทำให้เหล่าพี่ว๊ากอีกสี่คนยืนงงอยู่ไม่น้อย ปกติแบดซ์ไม่น่าจะยอมปล่อยให้คนที่มาช้าแบบนี้ไปง่าย ๆ แต่นี้กลับปล่อยไปและยังรู้ชื่อรุ่นน้องปีหนึ่งที่เข้ามาใหม่อย่างกอหญ้า มันน่าแปลก
“เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลากันมากกว่านี้ ผมจะเริ่มประกาศกิจกรรมและกำหนดการของวันนี้..” การได้ยินของกอหญ้าอื้ออึงไปหมด เธอไม่สามารถจดจ่อหรือจับใจความกับสิ่งที่เฮดว๊ากพูดได้เลย ภายในหัวของกอหญ้ามีแต่คำถามผุดขึ้นมาอยู่ไม่หยุดอยู่คำถามเดิมว่า ทำไม และทำไม..
——————————————————
อัปอีพีหนึ่งแล้วนะคะ ก่อนกดออกอย่าลืมทิ้งคอมเมนท์กันไว้ด้วยน้า