3
เก็บเอาไว้คนเดียว
“ทำไรกันวะ” ในตอนที่กอหญ้ากำลังจะหมดลมหายใจเพราะแรงจากมือหนาที่พยายามบีบคอตนเองอยู่นั้นเสียงของริวเซย์ก็เอ่ยเข้ามาภายในห้องชมรมพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามา ทำให้แบดซ์รีบปล่อยมือออกจากลำคอระหงจนร่างกายของเธอกลายเป็นอิสระ กอหญ้ารีบกอบโกยลมหายใจเข้าปอดก่อนจะรีบสาวเท้ากึ่งวิ่งผ่านร่างริวเซย์ออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือดและแววตาแห่งความหวาดกลัว ริวเซย์ได้แต่มองตามร่างบางของคนตัวเล็กไปก่อนจะเดินมาหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาแล้ววางใบรายชื่ออีกประมาณ 5-6 แผ่นลงไว้กับของเดิมอีกหลายแผ่นที่วางทับกันอยู่บนโต๊ะ
“น้องคนเมื่อกี้เข้ามาทำอะไร” ริวเซย์ถามยํ้าเพราะแอบสงสัยกับท่าทางของกอหญ้าที่ดูกลัวจนผิดปกติ
“ใส่ใจทำไม” แบดซ์ตอบออกไปปัด ๆ แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนที่เดิม สีหน้าของเขาคล้ายกับเก็บความรู้สึกอะไรหลายอย่างเอาไว้ภายในใจ
“กูเอาใบรายชื่อเพิ่มเติมมาให้ สรุปรับน้องสาขาตอนเปิดเรียนมึงจะไปไหม อาจารย์ฝากมาถาม” ริวเซย์เอ่ยถามเพราะเมื่อกี้เขาและเจคไปประชุมกับอาจารย์มาส่วนที่เหลือก็พากันไปเดินตรวจเช็คกิจกรรมของเย็นนี้ว่าจะทำอะไรบ้าง เพราะกิจกรรมรับน้องส่วนใหญ่ทุกอย่างคือหน้าที่ของพี่ว๊ากหมด ส่วนแบดซ์เขาไม่มีอารมณ์ออกไปทำอะไรทั้งนั้นจึงปลีกตัวออกมานั่งที่ชมรมเพราะยังไงหลังจากที่ทุกคนจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยก็ต้องกลับมารวมตัวกันที่ชมรมเหมือนเดิม
“ไป” แบดซ์ตอบออกมาสั้น ๆ
“ไหนตอนแรกมึงบอกไม่ว่างติดออกงานสำคัญกับคุณหญิงแม่มึงไงวะ ทำไมจู่ ๆ เสือกเปลี่ยนใจกะทันหัน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ริวเซย์เป็นลูกชายคนเดียวของ ‘ราเชนทร์’ มาเฟียที่มีอำนาจครอบคลุมทั่วเอเชียและยุโรป อำนาจ เงินทองล้นมือ เบื้องหน้าของราเชนทร์คือนักการเมืองยศน้อย ส่วนแม่ของริวเซย์เป็นลูกสาวของอดีตท่านนายพล ปัจจุบันอยู่บ้านเป็นแม่บ้านคอยดูแลสามีส่วนริวเซย์เรียนอยู่คณะวิศวะเครื่องกลและคอยทำธุรกิจสีดำช่วยพ่อ นิสัยของเขาค่อนข้างนักเลงและไม่กลัวใคร ปากหมาหาเรื่องเก่งที่หนึ่ง ที่สำคัญชอบกวนตีนคนอื่นเขาไปทั่วและริวเซย์เองก็มีแฟนสาวของเขาอยู่แล้วแต่เรียนอยู่ต่างประเทศ
“งานสังคมน่าเบื่อ รับน้องสาขาคงสนุกกว่า” เดิมทีแบดซ์ปฏิเสธทำหน้าที่การรับน้องสาขาเพราะตนเองติดออกงานกับคุณพ่อและคุณแม่และจะให้เฮดว๊ากรุ่นก่อนมาทำหน้าที่แทนตนเองตรงนี้ แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนใจว่าตนจะยังคงทำหน้าที่เฮดว๊ากในการรับน้องสาขาอยู่ สาเหตุก็คงเป็นเพราะ…
“แน่ใจ ?”
“เออ มึงจะจับผิดทำเหี้ยไร”
“เปล่า ร้อนตัว กูยังไม่พูดอะไรสักคำ” ริวเซย์ยักไหล่ก่อนจะเหยียดกายลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วพูดกับแบดซ์อีกหนึ่งประโยค“ใบรายชื่อของน้อง ๆ ครบแล้วลองอ่านดูแล้วกัน”
“อืม” แบดซ์ขานรับก่อนจะหยิบใบรายชื่อของกลุ่มกอหญ้าขึ้นมาอ่าน มีสมาชิกแค่สิบคนเท่านี้เองหรอ…?
......
อีกด้าน
“กอหญ้า ทางนี้!” ในขณะที่กอหญ้ารีบเดินออกมาหน้าคณะวิศวะเธอก็เห็นเข้ากับ ‘เต’ แฟนหนุ่มของตนที่มารับกลับพร้อมกันเธอพยายามปรับสีหน้าตนเองให้ดูปกติมากที่สุดเพราะเตยังไม่รู้เรื่องนี้ว่ากอหญ้าเจอแฟนเก่าตนเองเรียนในคณะเดียวกันแถมยังสาขาเดียวกันอีก
“มารับตรงเวลาจังเลยนะ”
“กลัวรอนาน กลับเลยไหมหรือจะไปหาอะไรกินก่อน”
“กลับเลย กอหญ้าต้องไปเก็บของที่ห้องแล้วกลับเข้ามาในคณะอีกอ่ะ” ตามจริงแล้วเธอก็อยากจะแวะหาอะไรกินก่อนเหมือนกันเพราะเวลาว่างก็เหลือเฟือพอประมาณแต่กอหญ้าไม่อยากออกไปใช้ชีวิตเพ่นพ่านข้างนอกมากเท่าไหร่หากไม่มีเรื่องจำเป็นหลีกเลี่ยงการเจอกับแบดซ์คงเป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุด
“โอเคครับ งั้นเรากลับกัน” เตตอบอย่างว่าง่ายก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายข้างของกอหญ้ามาถือไว้ให้แล้วเดินตรงมาที่รถจักรยานยนต์ แล้วทั้งสองก็ขึ้นมาก่อนจะขับเคลื่อนตัวออกมาจากบริเวณหน้าคณะ ระหว่างทางในสมองของเธอก็เอาแต่คิดถึงเรื่องนั้นมาตลอด จนมันกลายเป็นความรู้สึกหวาดกลัวภายในใจขึ้นมา
เวลาล่วงเลยผ่านมาไม่ถึงสิบนาทีก็เดินมาถึงหอพักของกอหญ้า คนตัวเล็กลงมาจากรถจักรยานยนต์แล้วรับกระเป๋ามาจากเตพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณนะเตที่คอยมารับมาส่ง วันไหนไม่ว่างบอกกอหญ้าได้นะ”
“เข้าใจแล้ว”
“ช่วงสัปดาห์แรกกอหญ้าต้องไปค้างที่คณะเพราะต้องซ้อมเชียร์ก่อนวันเชียร์กลาง เราต้องนัดเจอกันข้างนอกไม่งั้นก็ในมหาลัยเอา” ก่อนจะเดินขึ้นห้องพักของตนเองไป กอหญ้าก็ไม่ลืมบอกกับแฟนหนุ่มของตน
“ครับ รู้แล้ว”
“กอหญ้าขึ้นห้องก่อนนะ” เธอยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะหมุนตัวเพื่อจะเดินหายเข้าไปในหอพักแต่เท้าเรียวบนรองเท้าผ้าใบสีขาวก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเตเอ่ยเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวกอหญ้า”
“หืม ?”
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า บอกเตได้นะ”
“ปะ…เปล่า แค่คงเหนื่อยแหละมั้ง” กอหญ้าส่ายหน้าปฏิเสธ เตจึงพยักหน้าตอบ
“ไว้เตจะโทรหา” พอกอหญ้ายืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรเตจึงตอบตกลงและยกมือขึ้นโบกลาแฟนสาวแล้วรอให้คนตัวเล็กเดินหายเข้าไปในหอพักจนลับสายตาก่อนจะขับออกมาจากบริเวณหน้าหอพักของเธอ ส่วนกอหญ้าก็เดินขึ้นมาบนห้องของตนเองที่อยู่บนชั้นสามมือบางหยิบกุญแจขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วไขเข้าไป ร่างเล็กเดินไร้เรี่ยวแรงมาที่โต๊ะอ่านหนังสือของตนเองก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะทน เธอทั้งกลัว และเจ็บปวด เมื่อกี้ตอนอยู่กับเตก็กลัวว่าเขาจะเห็นรอยแดงจากการถูกบีบที่คอ
กอหญ้าเจ็บปวดที่ได้เจอกับเขาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าคนบอกเลิกจะไม่เจ็บ
บางที คนบอกเลิกอาจจะเจ็บมากกว่าก็ได้
เพราะเขานั้นไม่รู้ใน ‘ ในเหตุผล ’ ที่กอหญ้าต้องหยุดความสัมพันธ์
ครืด… ครืด…
ในขณะที่กอหญ้ากำลังนั่งร้องไห้อยู่กับตนเองอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็มีสายเรียกเข้า คนตัวเล็กเลยหยุดร้องไห้แล้วหยิบออกมาดูรายชื่อบนหน้าจอ ปรากฏว่าเจ้าของชื่อที่โทรมาเป็นคุณยาย ‘ศีรไพร’ คุณยายของเธอเอง เมื่อเห็นดังนั้นกอหญ้าก็ไม่ลังเลที่จะกดรับแล้วกรอกเสียงผ่านปลายสายลงไปพร้อมกับพยายามควบคุมเสียงของตนเองไม่ให้สั่นเครือมากเกินไป
“ว่าไงคะยาย” ถึงแม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหนแต่เวลาที่ได้ยินเสียงของคุณยายกอหญ้าก็รู้สึกดีมากขึ้นในทุกครั้ง รู้สึกมีกำลังใจใช้ชีวิตในวันต่อ ๆ ไป
( เอ็งเป็นยังไงบ้างกอหญ้า ไปมหาลัยวันแรก มีเพื่อนรึยัง ) เสียงที่บ่งบอกถึงช่วงอายุของคนพูด พูดผ่านปลายสายออกมาอย่างชัดเจน ตอนนี้คุณยายของเธอได้เปลี่ยนไตใหม่เรียบร้อยแล้วและได้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดในบ้านพักคนชรา มีเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลเป็นอย่างดี
เมื่อมีเวลากอหญ้าก็จะหาโอกาสกลับไปเยี่ยมยายของตน ในช่วงแรกที่คุณยายของเธอป่วยกอหญ้าจึงพามาอยู่กรุงเทพด้วยกัน แต่พอหลังผ่าตัดอาการดีขึ้นและกอหญ้าก็สอบติดมหาลัยศีรไพรก็ขอกลับไปอยู่ที่บ้านพักคนชราในจังหวัดบ้านเกิดของตนเอง โดยให้เหตุผลว่าตนนั้นไม่อยากเป็นภาระของหลานสาวเพราะเรียนในมหาลัยคงยุ่งมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทั้งกิจกรรม ทั้งเรียน ไหนจะต้องทำงานอีก
กอหญ้าพยายามบอกให้คุณยายศีรไพรมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพคุณยายก็ไม่อยากมาและบอกอีกหนึ่งเหตุผลว่ากลัวหลานสาวเพื่อนไม่คบ เนื่องจากมหาลัยที่กอหญ้าเรียนเป็นมหาลัยดัง กลับกันเธอไม่เคยคิดแบบนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว..
“ทุกอย่างโอเคดีค่ะ เพื่อนใหม่ของกอหญ้าน่ารักมากเลย ยายไม่ต้องห่วงนะคะ” กอหญ้าเลือกที่จะเก็บความเจ็บปวดของตนเองเอาไว้คนเดียวภายในใจเพราะเธอไม่อยากให้คุณยายที่ร่างกายไม่แข็งแรงต้องมาคิดมากเพราะตน
( ดูแลตัวเองดี ๆ นะกอหญ้า ยายจะอยู่คอยดูเอ็งในวันที่เอ็งประสบความสำเร็จ )
“กอหญ้าจะดูแลตัวเองให้ดีค่ะ ยายเองก็เหมือนกันนะคะ ดูแลตัวเองด้วย นอนพักผ่อนให้เพียงพอ กินข้าวให้อิ่ม แล้วไม่ต้องคิดมากหรือเป็นห่วงกอหญ้า หลานสาวคนนี้ของยายเก่งจะตายไป”
( ได้ยินแบบนั้นยายก็ชื่นใจ งั้นยายไม่กวนเอ็งแล้ว ไว้ยายจะโทรหาใหม่ )
“คิดถึงนะคะ”
( ยายก็คิดถึงเอ็ง )
“บ๊ายบายค่ะ” สองยายหลานคุยโทรศัพท์กันเรียบร้อยกอหญ้าก็กดวางสายก่อนจะเหยียดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางของตนเองออกมา เธอเลือกหยิบชุดที่ต้องสวมทำกิจกรรม ชุดนอน ชุดลำลองแบบสุภาพและรวมถึงพวกซับในและของใช้จำเป็นทุกอย่างใส่กระเป๋าเดินทางให้เรียบร้อยรวมถึงอุปกรณ์อาบนํ้าเพื่อจะเตรียมตัวกลับเข้าไปในคณะอีกครั้ง ที่เหลือก็แค่รอเวลาแล้วก็ออกไปเท่านั้น หลังเก็บของเข้ากระเป๋าเรียบร้อยร่างเล็กก็ทิ้งตัวนอนแผ่หลาลงบนเตียงเพื่อรวบรวมเอาแรงอีกครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทักบอกแฟนหนุ่มของตนเอง
ติ้ง…!
และในจังหวะเดียวกันก็มีข้อความจากแอคเค้าท์เดิมที่เคยส่งมาขู่เธออยู่ตลอดแจ้งเตือนเข้ามาอีกในรอบสามเดือน..
ข้อความมันเขียนเอาไว้ว่า
‘ ฉันคอยจับตามองเธออยู่ :) ’
กอหญ้ามั่นใจว่านี้เป็นฝีมือของใคร มันคอยหลอกหลอนเธออยู่ตลอดตั้งแต่เลิกกับเขา..
—————————————————