แสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันใหม่ส่องกระทบใบหน้าหวานขอองร่างเล็กที่นอนหลับอยู่บนเตียง เพราะไม่มีเรียน วันนี้เจียร์จึงตื่นสายเป็นพิเศษ
หลังเลิกเรียนเจียร์ยังคงไปทำงานแม้จะถูกสั่งห้ามให้เลิกทำ เธอยังไม่พร้อมบอกเรื่องนี้กับทางร้านของคุณป้าและตะวัน
ดวงตากลมค่อยๆ เปิดขึ้น แสงแดดจ้าทำให้ต้องหรี่ตาเล็กน้อย เมื่อปรับโฟกัสได้ก็พยุงตัวเองลุกขึ้นยืดแขนบิดตัวเอนไปทางซ้ายทีขวาที
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมา ใบหน้าหวานก็ร้อนผ่าวขึ้นสีแดงระเรื่อ เจียร์รู้ดีว่ามันใกล้เข้ามาแล้วและคงยื้อได้อีกไม่นาน ความคิดกวนใจยากจะปัดออกไป เธอถอนหายใจซ้ำๆ บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึมครึมขึ้น ทำให้ศีรษะมนสะบัดเบาๆ เพื่อไล่ความคิดออกจากหัว ก่อนจะพาตัวเองลุกขึ้นไปในห้องน้ำ
ขณะที่น้ำอุ่นไหลผ่านร่างกายเจียร์หลับตาลงปลอบใจตัวเองจากเหตุการณ์เมื่อคืน ความหนักอึ้งกลางอกค่อยๆ สงบลงทีละน้อย เธอถอนหายใจยาวอีกครั้งก่อนจะปิดน้ำ หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับเรือนร่างให้แห้ง
วันที่ว่างแบบนี้เจียร์มักจะใช้เวลาส่วนใหญ่พักผ่อนที่ห้อง ไม่ก็ทำความสะอาดแก้เบื่อดีกว่าออกไปข้างนอกแล้วต้องใช้เงิน เพราะในตอนนี้เงินที่เหลืออยู่ไม่มากเธอต้องใช้อย่างประหยัด
เสียงแจ้งเตือนเข้ามาในโทรศัพท์เรียกความสนใจของร่างเล็กที่จับไม้กวาดอยู่ให้หันไปมอง ก่อนจะเอื้อมมือหยิบขึ้นมาเปิดดูถึงได้รู้ว่าเป็นแชตกลุ่มจากเพื่อน จึงไม่ลังเลที่จะกดเข้าไปอ่าน
แชตกลุ่ม 3J
เจได: วันนี้ไปสนามแข่งกันไหม เจมีงาน
เจด้า: ชวนเหมือนเจียร์จะไป
เจได: ไปนะเจียร์ วันนี้ว่างไปเปิดหูเปิดตาหน่อย
เจียร์ใช้ความคิดทบทวนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้อยากปฏิเสธคำชวนของเพื่อน แค่กำลังกลัวว่าหากไปแล้วจะเจอกับคนที่ยังไม่พร้อมเผชิญหน้า
เจียร์: สนามไหนหรอเจ
เพราะสนามแข่งไม่ได้มีแค่ที่เดียวเจียร์จึงตัดสินใจถามเพื่อให้แน่ใจว่าวันนี้เธอจะไม่ได้เจอกับเขา
เจได: คาร์แท็ค สนามเปิดใหม่
เจียร์: ไม่คุ้นชื่อเลยแฮะ
เจด้า: พูดเหมือนบอกไปแล้วจะรู้จัก แกเคยสนใจเรื่องพวกนี้ซะที่ไหน
ไม่ผิดจากคำที่เจด้าพูด เพราะเจียร์ไม่เคยติดตามการแข่งรถ ต่อให้พูดชื่อไปกี่สนามเธอก็ไม่มีทางรู้จักหรือคุ้นหู
เจียร์: อือไปก็ได้แต่ด้ามารับหน่อยนะ
เจด้า: ได้สิๆ ไปรับได้อยู่แล้ว
คนตัวเล็กไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้องให้คิดมาก ก็เลยตัดสินใจออกไปสนามตามคำชวนของเพื่อน หลังจากวางโทรศัพท์ลงเจียร์ก็กวาดห้องต่อ เพราะกว่าที่เพื่อนจะมาถึงคงใช้เวลาร่วมชั่วโมง
สนามคาร์แท็ค
เจียร์ค่อยๆ ก้าวเรียวขาลงจากรถอย่างลังเล สายตาสอดส่องไปยังผู้คนที่เดินสวนกันไปมามากหน้าหลายตา เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น กลิ่นน้ำมันเครื่องคลุ้งและยางที่เผาไหม้อบอวลผสมกับเสียงผู้คนที่โห่ร้องเชียร์
“ทำไมจู่ๆ หน้าซีด” เสียงท้วงจากเพื่อนตัวสูงเรียกสติของร่างเล็ก เจียร์สะดุ้งเล็กน้อยกำลังเกิดอาการแพนิค จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ความกลัวผุดขึ้นในใจ มือเล็กกำแน่นใบหน้าซีดเผือกพร้อมเนื้อตัวที่สั่นเทาเบาๆ
“ป…เปล่าๆ สงสัยเพราะวันนี้อากาศร้อน” ริมฝีปากบางเม้มเบาๆ พลางเบือนหน้าหนีสายตาเป็นห่วงของเพื่อน เจียร์ไม่คิดว่าตัวเองจะมีอาการอย่างนี้เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นเธอก็ไม่เคยมาเหยียบที่สนามแข่งอีกเลย
“อือ ก็ร้อนจริงๆ” เจด้าพูดเสริม
จู่ๆ ด้านบนอัฒจันทร์เชียร์ก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นมา เรียกความสนใจของทั้งสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้หันไปมองด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจียร์ เจียร์ นั่นไงคนที่เจเคยเล่าให้ฟัง ฝีมือพี่เขาโคตรเทพเลยนะ แต่น่าเสียดายที่ไม่แข่งแล้วไม่รู้ทำไม” เจไดชี้ไปยังร่างสูงโปร่งสวมแว่นดำ มองแต่ไกลก็รู้ว่าเขาใส่แบรนด์เนมทั้งตัวแถมรถที่ขับมาสนามยังเป็นตัวท็อปราคาไม่ต่ำกว่าสามสิบล้าน
เพียงแค่ปรากฏตัวในสนาม ทุกสายตาก็พร้อมใจจับจ้องไปที่เขา บางคนมองด้วยความชื่นชม บางคนมองด้วยความสงสัย แต่เจียร์กำลังมองด้วยหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา เหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นในหัวเป็นฉากๆ
ทั้งที่เช็กถามกับเพื่อนแล้ว แต่เหมือนถูกความโชคร้ายกลั่นแกล้ง เป็นความบังเอิญที่เจียร์ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“เจียร์ฟังเจอยู่ไหม”
“อะ อื้อฟัง ฟังอยู่” แรงเขย่าจากเพื่อนเรียกสติให้กลับมาอีกครั้ง เจียร์ลอบกลืนน้ำลายหนืดลงคออึกใหญ่พลางก้มหน้าก้มตา ไม่มองไปยังร่างสูงที่เพิ่งลงจากรถสปอร์ตเฟอร์รารี่คันสีดำ
เจด้าหันขวับไปตามเสียงกรี๊ดที่ยังดังต่อเนื่อง เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะเอียงหน้าเข้าไปกระซิบถามน้องชายฝาแฝด
“ใครหรอเจ ทำไมเขาดูเป็นที่สนใจของทุกคนขนาดนี้”
“ชื่อล่า เคยเป็นเทพของสนาม” เจไดเน้นคำว่า‘เทพ’ ก่อนจะเล่าต่อ “ตัวตึงสุดๆ ทั้งชนะการเดิมพันไม่รู้กี่ครั้งรางวัลที่ได้ไม่ธรรมดา ไหนจะเกิดในตระกูลทรัพย์หิรัญสกุล บอกเลยได้คนนี้ไปสบายทั้งชาติ”
เจไดเล่าประวัติคร่าวๆ ของร่างสูงที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ไม่แปลกที่เขาจะรู้ประวัติส่วนตัวของนักแข่งหลายคนเพราะข้อมูลมีให้ค้นเจอได้ง่ายๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต
“อ๋อคนที่พูดถึงบ่อยๆ แต่ไหนว่าเลิกแข่งแล้วไง” เจด้าพยักหน้าเข้าใจในทันที เพราะเคยได้ยินเจไดพูดชื่นชมฝีมืออยู่บ่อยๆ
“ใช่ พี่เขาไม่แข่งแล้ว หลังจากแพ้แมตช์นั้น” เจไดเว้นจังหวะ ก่อนจะลดเสียงลงจนแทบกระซิบ “เท่าที่ฟังจากวงในเล่าเหมือนคู่แข่งจะเล่นสกปรก”
“อือ เรื่องนั้นช่างเถอะเพราะไม่ใช่เรื่องของเรา แต่ที่น่าสนใจคือเขารวยมาก” เจด้ายกมือขึ้นไปสะกิดแขนเพื่อนตัวเล็กที่กำลังยืนเหม่อฟังการเล่าเรื่องจากเจได “เจียร์แกต้องได้แล้วแหละ”
“พ…พูดอะไรน่ะด้า” ใบหน้าหวานเห่อร้อน เจียร์ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา เพราะกลัวความลับที่พยายามปิดบังเพื่อนทั้งสองเอาไว้จะถูกเปิดเผย
“ชี้นำหนทางรวยให้เลยนะ”
“อย่ายุ่งเลยนั่นน่ะเสือตัวพ่อ เท่าที่ตามดูประวัติชีวิตพี่แกควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลย” เจไดส่ายหน้าเตือน เขาชื่นชอบล่าในเรื่องฝีมือการแข่ง แต่ไม่อยากสนับสนุนให้เพื่อนตัวเล็กเข้าไปยุ่ง เพราะข่าวฉาวเรื่องผู้หญิงที่มีมาให้เห็นผ่านตาบ่อยๆ และเรื่องเล่าถึงวีรกรรมจากทีมช่างที่พูดกันอย่างหนาหู
“ขี้เสือกเหมือนกันนะเจ” เจด้าพูดเหน็บแฝดน้องที่ดูเหมือนจะรู้ประวัติส่วนตัวของคนอื่นเป็นอย่างดี เจไดไหวไหล่ก่อนจะเดินนำไปยังพิทของทีม
พิท คือตำแหน่งพื้นที่ของแต่ละทีม เมื่อเดินมาถึงเขาก็แนะนำให้รู้จักกับรุ่นพี่ทีมช่าง ทุกคนเป็นมิตรแถมยังเอาขนมกับน้ำมาให้เจีย์และเจด้านั่งกินเพื่อฆ่าเวลาระหว่างนั่งดูการแข่งขันที่ดุเดือด
“นั่งรออยู่ตรงพิทของทีมเจนะห้ามลุกไปไหน ถึงไม่ใช่สนามเถื่อนแต่ก็อันตราย” เจไดพูดย้ำ
“รับทราบค่ะ จริงๆ ห่วงขนาดนี้ไม่น่าชวนมา”
“ก็อยากพาเจียร์มาเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“ในสถานที่แบบนี้?”
“เอาน่า เจต้องไปร่วมกับทีมช่างแล้วนะครับสาวๆ”
เจียร์แทบไม่ได้พูดอะไรกับเพื่อนทั้งสองเลย เธอได้แต่ฟังเงียบๆ เพราะกังวลใจจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเขา ภาพริมฝีปากประกบบดเบียดกันชัดเจนขึ้นจนใบหน้าหวานร้อนผ่าว
ได้แต่ภาวนาขออย่าให้เขามองเห็นเธอในสายตา
ระหว่างนั้นก็มีเสียงสนทนาของช่างซ่อมบำรุงกับนักแข่ง ดังแว่วให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกลได้ยิน
“ตื่นเต้นไหมมึง”
“ไม่เท่าไร มีพี่ล่าช่วยแนะนำลดความตื่นเต้นลงได้เยอะ”
“เออ มันบอกกูว่าวันนี้จะเข้ามาดู ยังไม่โผล่หัวมาอีกหรอวะ อีกยี่สิบนาทีมึงก็จะลงสนามแล้ว”
“มาแล้วๆ ไม่รู้หายไปไหนแต่เดี๋ยวคงมา”
เมื่อรู้ว่าเขายังจะมาที่นี่ในอีกไม่ช้าหัวใจดวงน้อยของเจียร์กระตุกวูบไหวพร้อมความรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว หลังได้ยินชื่อที่เธอพยายามหลบหน้า
ดูเหมือนคำขอของเธอจะไม่ได้รับความเห็นใจจากพระเจ้า
ไม่นานหลังจากนั้นในตาคู่สวยก็ปรากฏร่างสูงโปร่งที่เพิ่งก้าวขาเข้ามาหยุดยืนใกล้กับกลุ่มทีมนักแข่ง สายตาเย็นชาและท่าทางสงบนิ่งทำให้เขาดูโดดเด่น เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สามารถสะกดบรรยากาศรอบๆ ตัวของร่างเล็กให้หยุดนิ่งไปชั่วขณะได้
เจียร์พยายามไม่มองร่างสูงของคนที่เพิ่งมาถึง แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
“อวยพรหน่อยพี่” นักแข่งพูดขึ้นเมื่อเห็นรุ่นพี่ที่ตัวเองเคารพเดินมา
“ตามองไปข้างหน้าแล้วเหยียบให้สุดตีน” เสียงทุ้มที่เยือกเย็นบอกเพียงสั้นๆ แต่หนักแน่นชัดทุกประโยค
“คำอวยพรโคตรเท่”
เมื่อเสียงสนทนาเงียบลง บรรยากาศรอบตัวก็ถูกแทรกด้วยแรงกดดัน เจียร์นั่งตัวแข็งทื่อมือเล็กเผลอบีบเข้าหากันแน่น เธอเหลือบสายตามองเล็กน้อย โดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองตรงๆ แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่กำลังจ้องมาจึงรีบก้มหลบทันที
เหมือนว่าเธอไม่สามารถหนีพ้นสายตาของเขาได้
“นั่นใคร” สายตาคมมองไปทางหญิงสาวสองคนที่นั่งอยู่ในเต็นท์ของทีม ด้วยท่าทางเหมือนกับว่าเขาและเธอไม่เคยเจอกันมาก่อน
“อ๋อ เป็นเพื่อนของน้องใหม่ในทีมซ่อมบำรุง” นักแข่งรุ่นน้องตอบ
เจียร์คลายความกังวลได้เปราะหนึ่งที่ล่าทำเป็นไม่รู้จัก แทนการเดินเข้ามาทักอย่างสนิทสนมแบบครั้งนั้น ก่อนจะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก