“พี่จ๋า...”
“....”
“พี่จ๋าาาา”
“....”
“พี่จ๋า!!” เสียงเล็กสดใสดังขึ้นที่ข้างตัว ไมเคิลตื่นขึ้นตั้งแต่คำร้องเรียกครั้งแรกแล้ว แต่อยากที่จะนอนกอดเด็กน้อยในปกครองเอาไว้ต่ออีกสักนิด จึงแกล้งทำเป็นหลับ และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มสมหวัง เมื่อริมฝีปากนุ่มนิ่มจรดลงที่ข้างแก้ม
“คิสๆ พี่จ๋าตื่นนนน”
“หึ ตัวเล็ก” ว่าเสียงนุ่มพร้อมรวบเด็กตัวเล็กสมชื่อเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แกล้งงึมงำแผ่วเบา
“พี่ยังง่วงอยู่เลย”
“งื้ออออ” ไมเคิลว่าพร้อมหลับตา แต่ปรือตามองด้วยความอยากรู้ เห็นดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสเป็นประกายนอนเกยอยู่บนอก นอนมองตาแป๋ว จนพาให้มุมปากอยากที่จะขยับยกยิ้มไปเสียทุกที
จ้อง
จ้อง....
จ้อง.......
“ฮึ ตกลงตัวเล็ก ลงไปทานข้าวเช้ากันเถอะ” ว่าพร้อมกับพลิกตัวลงจากเตียง ทำให้เด็กน้อยกลิ้งลุ่นๆ หล่นตุ้บลงบนเตียง เอวายันตัวขึ้นนั่งทั้งที่เส้นผมชี้ฟู ไมเคิลยกยิ้มขำให้กับท่าทีนั้น ก่อนจะโน้มตัวลง แล้วอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน
“อาบกับพี่” ว่าแล้วก็อุ้มเด็กตัวจ้อย พาเดินไปห้องน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง วางลงแผ่วเบาในอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่มีลวดลายงดงาม ไม่ลืมที่จะเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างและหย่อนบาธบอมบ์กลิ่นกุหลาบประกายกากเพชรลงในอ่างให้อย่างเอาใจใส่
“ถอดชุดครับ” ว่าพร้อมกับขยับมือเข้าไปใกล้ ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกจากร่างบางอย่างช้าๆ ในขณะที่เอวายังคงเล่นกับบาธบอมบ์อย่างสนอกสนใจ
“หอม!” หันมาร้องเสียงใสพร้อมโกยฟองนุ่มมาไว้ในมืออย่างเป็นสุข ไมเคิลจัดการดึงทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างกายเล็กบาง ฟองโฟมนุ่มแผ่กระจายไปทั่วอ่างน้ำขนาดใหญ่ จนปกปิดเรือนกายเล็กที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนน้ำ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีสำหรับไมเคิล ไม่อย่างนั้นเขาคงจะจับร่างเล็กนี้กินจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก
“ตัวเล็ก หันหลังครับ” เด็กน้อยทำตามอย่างว่าง่าย ไมเคิลเผยรอยยิ้มบางแล้วรินรดสายน้ำลงบนศีรษะเล็ก เส้นผมยาวสลวยแผ่กระจายอยู่ใต้ผืนน้ำ ก่อนจะเทยาสระผมใส่มือ แล้วขยับสางเส้นผมอย่างนิ่มนวล
“ผมยาวแล้วนะ”
“อื้อ” เอวาตอบรับพร้อมพยักหน้าหงึกๆ
“ตัดไหมครับ เดี๋ยวพี่ตัดให้” พูดด้วยเสียงอ่อนโยน ขณะล้างฟองออกจากศีรษะเล็ก
“ไม่เอานะ!” เสียงใส่ร้องขึ้นดังลั่นพร้อมใช้มือจับเส้นผมของตนอย่างหวงแหน ทำให้ไมเคิลชะงักมือที่กำลังลูบสาง
“ครับ ไม่เอาก็ไม่เอา” ขยับริมฝีปากยกยิ้ม ก่อนจะเริ่มอาบน้ำต่ออีกครั้ง
กว่าจะออกจากห้องน้ำได้ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง จนเด็กตัวน้อยตัวเปื่อยซีดขาวจึงถูกไมเคิลดุเอา ถึงยอมขึ้นจากอ่าง ชายหนุ่มยืนเช็ดผมชื้นน้ำให้อย่างอ่อนโยนที่หน้ากระจกเงา เส้นผมสีดำเงางามคลอเคลียอยู่ที่แผ่นหลังบางภายใต้เสื้อคลุมสีครีม เด็กน้อยหยิบนั่นจับนี่อย่างสนอกสนใจ
“อันนี้หอม! กลิ่นเหมือนพี่จ๋า” เอวาหันมายกยิ้มหวานส่งให้ ในมือถือขวดน้ำหอมแบรนด์ดังที่เขาใช้เป็นประจำ
“ตัวเล็กก็หอมครับ” ว่าพร้อมจรดปลายจมูกลงที่ซอกคอขาวซึ่งมีเส้นผมสีดำอยู่คลอเคลีย สูดดมกลิ่นหอมเข้าลึกและผละจากมาอย่างแสนเสียดาย
“คิกคิก” เจ้าตัวหัวเราะคิกคัก ไม่ได้รับรู้ถึงภัยที่คืบคลานเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย
โครก~~~
“หึ รีบแต่งตัวเร็วครับ” สิ้นคำ เด็กน้อยก็ผุดตัวลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งกลับห้องของตนในทันที ไมเคิลได้แต่โคลงหัว มองตามหลังด้วยความเอ็นดู เห็นเส้นผมสีดำพลิ้วไหวก่อนจะหายไปหลังบานประตู
ดังนั้นแล้วไมเคิลจึงขยับตัวเดินไปหยุดยืนที่หน้าตู้เสื้อผ้าบิ้วอินสีทึบ เลื่อนเปิดออกช้าๆ กวาดสายตามองเพียงชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจหยิบเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มและกางเกงสแล็คสีดำมาสวมใส่ ตามด้วยสายรัดซองปืน เสียบมีดสั้นประจำกายลงที่ข้างลำตัว ไม่ลืมที่จะเหน็บปืนเอาไว้ที่ด้านหลังอีกหนึ่งกระบอก และหยิบเสื้อสูทมาสวมทับ
ขณะที่กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกกลัดเข้ากับรังดุม ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างถือวิสาสะ ทำให้ไมเคิลหันไปมองอย่างสนใจ ก่อนจะยกยิ้มส่งให้ เมื่อเห็นคนตัวเล็กหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู
“มาสิครับ” ว่าพร้อมกับเดินนำไปที่หน้ากระจกเงาเช่นเดิม เอวาเดินตามมาติดๆ แล้วทรุดตัวนั่งลงตรงหน้า ไมเคิลเผยรอยยิ้มบาง เอ่ยถามเสียงนุ่มละมุน
“วันนี้เอาทรงอะไรดีครับ”
“ปอมปอม! เอาฟูๆ นะพี่จ๋า” เด็กน้อยร้องตอบเสียงใสหันมาทำตาบ๊องแบ๊วส่งให้ ไมเคิลพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม แล้วเริ่มทำมวยผมให้กับเด็กน้อย เส้นผมสีดำสนิทถูกมัดรวบอย่างช้าๆ ทุกการหวีสางผมเป็นไปอย่างนุ่มนวล พยายามอย่างมากที่สุดที่จะไม่ทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วง
ไมเคิลจัดการทำผมให้เด็กน้อยอย่างคล่องแคล่วว่องไว จนในที่สุดมวยผมก็เสร็จสิ้น ปอยผมหลุดร่วงระไปกับใบหน้า ยิ่งทำให้เด็กน้อยมีใบหน้าที่อ่อนหวานสะกดสายตาจนคนมองแทบลืมหายใจ
“ตัวเล็ก.... สวยมากครับ....” ไมเคิลพูดราวกับคนเพ้อ ก่อนจะกระแอมไอออกมากลบเกลื่อนอาการ แล้วจึงจับจูงมือของน้องน้อยให้เดินตามกันไปที่ห้องรับประทานอาหาร ทั้งคู่ใช้เวลาช่วงเช้าด้วยกัน และหลังจากนั้นก็พากันเข้าครัวเพื่อนทำขนม
ไมเคิลหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาสวมใส่ให้กับเด็กตัวเล็ก วันนี้เอวาแต่งตัวน่ารักน่าชังเฉกเช่นตุ๊กตาดินเผากระเบื้องเคลือบ เด็กหนุ่มใส่เสื้อยืดแขนยาวสีเหลืองที่ด้านบน และด้านล่างนั้นเป็นกางเกงเอี๊ยมขาสั้น ปิดท้ายด้วยรองเท้าผ้าใบสีรุ้งพาสเทลเข้าคู่กันกับถุงเท้ารูปยูนิคอร์นที่สวมใส่ ในอ้อมแขนมีตุ๊กตาเสือขาวที่เขาให้ไว้เป็นของขวัญวันเกิดในปีแรกที่เจ้าตัวยังเป็นเด็กตัวเล็กอยู่
“วางมิลาก่อนครับตัวเล็ก” เอวาทำตามอย่างว่าง่ายไม่อิดออด จับตั้งตุ๊กตาลงบนเคาน์เตอร์ภายในห้องครัว ไมเคิลหยิบข้าวของอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาวางรอไว้อย่างเคยชิน ส่วนเอวานั้นขยับเอื้อมไปเปิดตู้ใต้เคาน์เตอร์ เพื่อหยิบหนังสือทำขนมออกมาเปิดดู จนเมื่อถึงหน้าที่พับไว้ก็จับกางตั้งบนโต๊ะ
หลังจากที่ไมเคิลจัดเตรียมของเสร็จก็ขยับมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ชะโงกผ่านไหล่แคบบางของคนตัวเล็กแล้วปรายสายตามอง
“วันนี้ทำอะไรครับ”
“พายบลูเบอรี่!” ไมเคิลพยักหน้ารับ กดจูบที่ขมับหนักๆ แล้วผละไปตระเตรียมข้าวของ หน้าที่ใช้แรงเป็นของเขา ไม่ว่าจะเป็นการนวดแป้ง หรือการตีผสมวัตถุดิบต่างๆ ให้เข้ากัน ส่วนเด็กน้อยในปกครองนั้นมีหน้าที่ตวงส่วนผสมและตกแต่ง สองพี่น้องคลุกอยู่ในครัวของคฤหาสน์หลังใหญ่ โดยที่มีเหล่าแม่บ้านคอยดูอยู่ห่างๆ ไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไร
“พี่จ๋าเอาหน้าแบบไหนดีครับ”
“แบบไหนก็ได้ครับ” ชายหนุ่มพูดพร้อมยกยิ้มอ่อนบางที่มุมปาก เอวาทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนจะเริ่มถักเปียแป้งพายเป็นเส้นๆ ก่อนจะวางตกแต่งที่ด้านบนสุดขดม้วนเป็นวงแลดูสวยงาม หลังจากทำเสร็จก็หันมาตบมือแปะๆ อย่างชอบอกชอบใจ ไมเคิลรับเอาพายนั้นเข้าตู้อบแล้วจึงพากันไปล้างไม้ล้างมือ
“ตัวเล็กจะจัดของเองหรือให้แม่บ้านจัดให้ครับ” ถามพร้อมลูบศีรษะไปพลาง เด็กน้อยทำท่าคิดส่งเสียงงึมงำในลำคอ
“งื้มมมมม หนูจัดเอง!” ดังนั้นแล้ว แทนที่ทั้งคู่จะพากันออกจากห้องครัวเพื่อรอเวลาแป้งพายสุก ก็กลับกลายเป็นว่าช่วยกันจับข้าวของลงตะกร้าปิกนิก เอวาเตรียมนมและขนมใส่ลงในตะกร้า ในขณะที่ไมเคิลทำแซนด์วิชอย่างง่ายๆ และน้ำส้มคั้นสดใส่ลงไปแทน เมื่อพายได้ที่ก็ตัดแบ่งเป็นชิ้นและใส่ลงไปเป็นอย่างสุดท้าย
ในเวลานี้เย็นย่ำพอดิบพอดี แดดไม่แรงมากจนเกินไปนัก ไมเคิลและเอวาพากันเดินออกจากบ้าน โดยที่มีโรมเดินตามมาติดๆ และบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่งซึ่งพากันถือถังสเตนเลสที่เต็มไปด้วยเนื้อสด บุคคลทั้งหมดเดินผ่านประตูรั้วเหล็กหนาเข้าไปด้านใน เหล่าบอดี้การ์ดต่างยืนหลังชิดกำแพง หันหน้าไปมองผู้เป็นนายอย่างแข็งขัน ในขณะที่เอวา ไมเคิล และโรมนั้นขยับเข้าใกล้ป่าทึบมากที่สุดอย่างไม่เกรงกลัว
เสียงผิวปากดังขึ้นหวีดแหลมเพียงชั่วครู่ บางสิ่งบางอย่างก็พุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ไมเคิลยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อเจ้าสิ่งนั้นโถมทับตัวเข้าหา หากแต่สองขายังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง แบกรับน้ำหนักมหาศาลที่พุ่งเข้าใส่ ความเปียกชื้นไล้เลียไปตามใบหน้าด้วยปลายลิ้นใหญ่อวบอ้วน อุ้งเท้าหนักๆ วางพาดอยู่บนบ่าทั้งสองข้าง ถูไถศีรษะใหญ่โตไปตามเนื้อตัวของไมเคิล
ซึ่งชายหนุ่มทำเพียงหันหน้าหลบเท่านั้น ก่อนที่จะใช้สองมือ จับขนบริเวณแผงคอ แล้วจับทุ่มพลิกให้นอนหงายบนพื้นดินอย่างรวดเร็ว
“มิลาด้าาาาาาาา” เสียงใสร้องดังก่อนจะวิ่งเข้าไปโถมตัวเข้าใส่ ทิ้งตัวลงนอนที่หน้าท้องของเสือหนุ่มเพศผู้ ใช้มือขยุ้มจับไปมาอย่างมันเขี้ยว ส่งเสียงกรีดกร๊าดหัวเราะสดใส ไมเคิลขยับผละออกมา นั่งชันขามองเด็กน้อยที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าเสือขาวตัวใหญ่ยักษ์จนล้มลุกคลุกคลาน เส้นผมชี้ฟู ตามเสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบน้ำลายจากการไล่งับและขบกัดของเจ้าเสือขาว
ไมเคิลนั่งมองอยู่อย่างนั้นนิ่งๆ ก่อนจะนึกหวนถึงอดีตเมื่อตอนที่ได้ชื่อนี้มา.....
.
.
.
“ปล่อยมันลง” เสียงทุ้มเข้มดุดันของคนอายุมากกว่าดังขึ้นพร้อมเหลือบตามองลูกเสือขาวในอ้อมแขนของเด็กตัวเล็กที่กำลังเดินเตาะแตะตามหลังมาพักใหญ่ เพราะตอนนี้กำลังจะออกพ้นจากเขตป่า และถึงเวลาต้องปล่อยสัตว์ป่าในอ้อมแขนเล็กๆ นั้นลงเสียที
“มะอาว” เด็กน้อยร้องปฏิเสธพร้อมกับโอบกอดเจ้าลูกเสือขาวแน่นขึ้นอีก ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ยินยอม
“ปล่อยมัน” เสียงนั้นเข้มขึ้นอีก 3 เท่า มาพร้อมนัยน์ตาสีดำมืดครึ้มวาววับอย่างเอาเรื่องอยู่ในที ไมเคิลยื่นมือออกไปด้านหน้า ขวางกั้นเด็กน้อยจากคนตรงหน้า เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
“ผมจะเลี้ยงมันเอง”
“มีปัญญา?” เสียงพูดเยาะเย้ย พร้อมทั้งยืดตัวขึ้นยืนกอดอก เหลือบตามองลงต่ำ
“ก็แค่ลูกแมว”
“หึ ตามใจแก แต่ถ้า ‘มัน’ ทำข้าวของเสียหาย แกต้องชดใช้แทน ไมเคิล” ว่าพร้อมชี้นิ้วกวาดขึ้นลง บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ใช่เพียงแค่ลูกเสือขาวที่ถูกพูดถึง แต่รวมถึงเด็กน้อยที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นคนเป็นพ่อจึงหันหลังเดินออกจากชายป่า ไมเคิลถอนหายใจแผ่วเบา หันกลับมาหาเด็กน้อยที่อยู่ด้านหลัง พร้อมเอ่ยถามเสียงนุ่มละมุน
“เอวาจะตั้งชื่อว่าอะไรครับ”
“ไมเคิล” เขากำลังจะแย้งว่านั่นชื่อของเขา แต่เด็กน้อยชี้นิ้วมาหาเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าแทน ก่อนจะวกกลับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เอวา” และท้ายที่สุดก็ชี้นิ้วเข้าหาเจ้าลูกเสือภายในอ้อมแขน
“มิลาด้าาาาา”
“อ่อ....”
“มิลาด้า ฉวยๆๆ” พูดพร้อมกอดและหอมอย่างรักใคร่ ทำให้ไมเคิลที่กำลังจะแย้งว่าเจ้านี่เป็นตัวผู้กลืนคำพูดลงท้องไป
เอาน่า มิลาด้า ถึงจะเป็นตัวผู้แต่ก็สวยสง่าล่ะนะ
ได้แต่คิด แต่ไม่ได้พูดออกไป นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อแสนหวาน ไม่สมกับเพศสภาพที่เป็นอยู่เท่าไหร่นัก
.
.
.
“พี่จ๋า หม่ำๆ” เสียงใสที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้ไมเคิลหันไปสนใจมอง พบว่าเอวาหยิบเอาแซนด์วิชชิ้นหนึ่งขึ้นมาป้อนให้ถึงปาก ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะอ้าปากงับลงไป เอวาหัวเราะคิกคักแล้วจึงหยิบเอาแซนด์วิชนั้นไปกินต่ออย่างไม่คิดรังเกียจ
โรมยืนมองสองพี่น้องที่หยอกล้อกันไปมา บนพื้นถูกปูด้วยผ้าผืนหนึ่งลายตารางสีแดงสด มุมทั้ง 4 ด้านถูกรองเท้าของสองพี่น้องวางทับไว้ ที่ตรงกลางมีแก้วน้ำและกล่องอาหารที่ถูกตระเตรียมมาวางกองไว้ ขยับออกไปที่ด้านข้างอีกเล็กน้อย เป็นเจ้าเสือขาวเพศผู้ขนาดใหญ่ที่กำลังกัดแทะชิ้นเนื้อจนหยาดเลือดเลอะไปทั่วริมฝีปาก
ในทุกๆ เดือน ไมเคิลจะหาเวลาว่าง 1 วัน เพื่อมานั่งเล่นกับมิลาด้าพร้อมกับเด็กน้อยในปกครอง เพราะภาระหน้าที่ที่แบกเอาไว้บนบ่ามีมากมายเหลือคณา การจะหาเวลาว่างในสักวันหนึ่งดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และไมเคิลนั้นจะพยายามเคลียร์งานในวันเสาร์หรืออาทิตย์สักวันหนึ่ง เพื่อใช้เวลาร่วมกันกับเด็กน้อยและเสือขาวไปพร้อมๆ กัน
บุคคลทั้งหมดนั่งชมพระอาทิตย์ลาลับในยามเย็น ก่อนจะช่วยกันเก็บข้าวของใส่ตะกร้า แล้วพากันเดินกลับเข้าสู่คฤหาสน์หลังโตแต่โดดเดี่ยว ทันทีที่มาถึง โรมก็ขยับเข้ามาประชิดตัว โน้มตัวลงกระซิบรายงานแผ่วเบา ไมเคิลทำเพียงพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะเดินตามเด็กน้อยไปในห้องครัว เอวาวางของลงเคาน์เตอร์ ไมเคิลก็เอ่ยบอกเสียงนุ่ม
“ตรงนี้พี่จัดการเองครับ ตัวเล็กไปอาบน้ำนะ”
“ครับ” เอวาพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะวิ่งขึ้นห้องไป ไมเคิลปรายตามองผู้ช่วยคนสนิท เอ่ยปากเสียงเย็น
“เตรียมรถคืนนี้.....” ว่าจบก็หันไปจัดการกับจานชามทั้งหลายที่วางกองอยู่ แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มล้าง จานก็ถูกแย่งออกไปจากมือ
“บอสพักสักหน่อยเถอะครับ ตรงนี้ผมจัดการเอง” ไมเคิลทำเพียงพยักหน้ารับ แล้วหมุนตัวเดินออกไป ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องของตน จัดการปลดอาวุธที่เหน็บอยู่รอบกายออกวางกองไว้ในลิ้นชักข้างเตียง แล้วจึงเดินเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย และกลับออกมาอีกครั้งด้วยชุดนอนผ้าไหมนุ่มมือ ไม่ลืมที่จะหยิบมีดพกประจำกายไปด้วยทั้งสองเล่ม
มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นเคาะประตูเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบรับจึงผลักประตูเข้าไป เอวาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว และกำลังนั่งเช็ดผมอยู่ที่หน้ากระจกเงา ไมเคิลจึงขยับไปหยิบเอาไดร์เป่าผมมาใช้งาน เปิดลมร้อนกำลังพอดี แล้วขยับเป่าเส้นผมสีดำนุ่มสลวยแผ่วเบา
“หิวข้าวอีกไหมครับ”
“ไม่ครับ พี่จ๋าล่ะ?” เด็กน้อยถามกลับพร้อมสบตาผ่านกระจกเงา มองคนตัวสูงที่กำลังสางผมให้อย่างเบามือ
“ไม่ครับ แต่เดี๋ยวพี่ให้คนยกนมอุ่นๆ มาให้นะครับ ตัวจะได้สูงกับเขาบ้าง”
“พี่จ๋า!!” เสียงใสร้องแว๊ด ทำแก้มพองลมอย่างขุ่นเคืองใจ ยกสองมือขึ้นกอดอกอย่างแง่งอน ไมเคิลหัวเราะในลำคอแผ่วเบา แล้วจึงปิดไดร์เป่าผมลม กดจูบลงที่กลุ่มผมหอมนุ่ม
“ล้อเล่นครับ แบบนี้ตัวเล็กก็น่ารักมากอยู่แล้ว” ว่าจบก็หยิบหวีมาหวีผมให้ต่อ จนกระทั่งเส้นผมสีดำสะบัดพลิ้วไหวเรียงตัวสลวย ไมเคิลจึงหยุดมือลง
“เดี๋ยวพี่ไปเอานมมาให้ครับ” เอวาพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะพุ่งตัวไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
“อ๊า สบายจังเลยยยยย” เสียงครางด้วยความสุขใจมาจากร่างเล็กที่นอนคว่ำอยู่บนเตียง ไมเคิลลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แผ่นหลังขาวเนียนชวนมองถูกเปิดเผยขึ้นต่อหน้า จากการทิ้งตัวลงนอนของเด็กน้อย เสื้อที่ด้านหลังร่นขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ สะโพกกลมกลึงทั้งสองข้างยังลอยเด่นชวนให้สัมผัสแล้วบีบขย้ำให้เต็มแรง
ชายหนุ่มหายใจหอบถี่ กำหมัดเอาไว้แน่น ก่อนจะตัดใจเดินออกจากห้อง บอกตัวเองว่าเด็กน้อยของเขายังเล็กเกินไปที่จะรับรู้เรื่องพวกนี้ เอวาพึ่งจะอายุ 17 ปีเท่านั้นเอง.....
ไมเคิลเดินลงบันไดไปอย่างช้าๆ เห็นโรมยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวจึงอดที่จะเอ่ยทักด้วยความแปลกใจไม่ได้
“ทำอะไร” โรมหันหน้ามามอง พร้อมกับยกถาดในมือขึ้นสูงและยื่นส่งให้เจ้านายของตน ในถาดนั้นมีนมอุ่นที่มีควันขาวลอยกรุ่น ข้างๆ กันนั้นเป็นแก้วใบเล็กที่มีน้ำผึ้งสีเหลือทองอยู่ภายใน ขยับไปอีกสักนิดเป็นกาน้ำชาสีใสที่มีดอกกุหลาบบานอยู่ก้นแก้ว แปรเปลี่ยนให้น้ำชาสีน้ำตาลเป็นสีชมพูอ่อนพร้อมกลิ่นหอมละมุน
“ผมเตรียมไว้ให้คุณหนูครับ” ไมเคิลพยักหน้ารับ ก่อนจะรับถาดนั้นไปถือเอาไว้เอง แล้วหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้อง จัดการป้อนนมอุ่นผสมน้ำผึ้งให้คนตัวเล็ก เอวาเงยหน้าขึ้นดื่มนมที่คนเป็นพี่ป้อนให้ หยาดน้ำนมสีขาวนวลไหลออกที่มุมปากและไหลลงต่ำไปตามลำคอ
“อึก! อื้ออออ” เอวาพยายามที่จะดันมือของคนเป็นพี่ออก หากแต่ไมเคิลไม่ยินยอม ยังคงฝืนที่จะป้อนนมต่อไป ทำให้น้ำนมไหลออกจากริมฝีปากและเลอะเสื้อจนชุ่มไปหมด จวบจนกระทั่งหมดแก้ว ไมเคิลจึงวางแก้วลง และได้สายตาค้อนขวับจากคนตัวเล็กกลับมาแทน
“พี่จ๋าง้ะ!” ว่าพร้อมทำหน้ายู่อย่างน่ารักน่าชัง ไมเคิลกดยิ้มมุมปาก เอ่ยบอกเสียงพร่า
“พี่ขอดื่มนมบ้างนะครับ” ว่าแล้วก็ไม่รอคำตอบ ใช้ริมฝีปากดูดซับส่วนที่เปื้อนน้ำนม ดูดดุนความหวานไปตามลำคออย่างคนหิวกระหาย ไล่เลียจากริมฝีปากลากลึกลงมาที่ลำคอ ใช้ฟันขบกัดเป็นระยะอย่างพยายามยับยั้งชั่งใจ
“อื้อออ คิกๆ” เอวาหัวเราะคิกคัก ย่นคอหนี จนทำให้ไมเคิลหลุดหัวเราะออกมาแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนไปกดจูบซับที่ไหปลาร้าและบริเวณเนินอก
“เสื้อเปียกหมดเลย” ว่าพร้อมลูบไล้ไปตามรอยชื้น ก่อนจะจรดริมฝีปากก้มลงดูดซับน้ำนมผ่านเนื้อผ้า
“อ้ะ” เสียงหวานครางอยู่ข้างหู ยิ่งทำให้ชายหนุ่มมัวเมา ขยับริมฝีปากไปตวัดลิ้นเลียติ่งเนื้อผ่านเนื้อผ้าที่มีรสนมซุกซ่อน
“อ๊ะ!” เด็กน้อยใต้อ้อมแขนสะท้านเฮือก ไมเคิลสูดลมหายใจเข้าลึก ขบกรามเอาไว้แน่น ภาพตรงหน้าเรียกได้ว่าอีโรติกอย่างที่สุด จากเด็กน้อยที่สดใสอยู่เป็นนิจกลับกลายเป็นเด็กตัวเล็กช่างยั่ว ด้วยดวงตาปรือปรอยใบหน้าแดงเรื่อ ริมฝีปากเผยออ้าน้อยๆ นัยน์ตาฉ่ำนี้แวววาว หายใจเข้าออกหอบสะท้านรุนแรง
“พะ พี่จ๋า”
“ตัวเล็กรับ อย่ายั่วพี่....” ว่าพร้อมลูบศีรษะแผ่วเบา เอวาทำหน้างอง้ำก่อนจะเอ่ยบอก
“หนะ หนูเปล่า....” ไมเคิลทิ้งตัวลงซบที่ซอกคอ สูดดมกลิ่นหอมจากผิวกาย นอนสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังโหมปะทุ ก่อนจากยังไม่วายกดจูบหนักๆ ที่ซอกคอ สร้างรอยรักเอาไว้บางเบาราวมดแมลงกัดต่อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา บ่นพึมพำกับตัวเอง
“รีบโตสักทีสิครับ”
“หื้อ?” เอวาหันมาทำหน้าซื่อตาใสส่งให้ ไมเคิลส่ายศีรษะไปมาก่อนจะผละออกในที่สุด ทันทีที่ไมเคิลขยับลงจากเตียง เอวาก็นอนขดกายเข้าหากันเป็นกุ้ง ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะเดินไปจับให้ลุกขึ้นแล้วถอดเสื้อออกจากกายบาง
“อาบน้ำอีกรอบนะครับ เดี๋ยวเหนียวตัว” เอวาพยักหน้าหงึกๆ สองขาหนีบเข้าหากันแน่น สองมือกุมไว้ที่กลางกาย บิดตัวไปมา
“เป็นอะไรครับ” ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นร้องบอกก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
“หนูอยากเข้าห้องน้ำ!” ไมเคิลมองตามหลังคนที่วิ่งหายไปหลังบานประตู มุมปากกดยิ้มร้ายเอ่ยแผ่วเบาแว่วไปตามสายลม
“ไม่ใช่หรอกครับตัวเล็ก....หึ” พูดจบก็เดินเข้าไปใกล้ เคาะประตูเบาๆ เชิงบ่งบอก สั่งการอีกนิดหน่อยแล้วจึงเข้าห้องไป ไมเคิลมุ่งตรงไปที่โทรศัพท์ภายใน กดเบอร์โทรออกที่จำได้ขึ้นใจ เพียงไม่นานปลายสายก็รับ ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปอย่างไม่รอให้เสียเวลา
“มาหาฉัน.....”
แกร๊ก!
อย่างไม่รอคำตอบ ไมเคิลก็วางสายลงทันที ถอดเสื้อผ้าทิ้งตามรายทางอย่างไม่สนใจ เดินเข้าห้องน้ำไปเปิดน้ำใส่อ่างพร้อมฟองโฟมนุ่ม เพียงไม่นานนัก ประตูห้องก็ถูกเปิดออกและลงกลอนอย่างดี ชายคนหนึ่งเดินตามรอยเสื้อผ้าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ไมเคิลเลื่อนดวงตาสีทองไปจับจ้อง ภายในนั้นมีห้วงอารมณ์ราคะรุนแรง แต่ใบหน้ากลับแสดงท่าทีออกมาด้วยความนิ่งเฉย
และเพียงแค่มองสบตา....
ชายผู้นั้นก็ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกอย่างไม่รีรอ และก้าวเท้าลงไปอยู่ในอ่างด้วยกัน ก่อนที่บนรักร้อนแรงจะถูกบรรเลงอย่างหนักหน่วงรุนแรง ไม่สนใจว่าคนรับแรงกระแทกกระทั้นจะเป็นอย่างไร ไม่สนว่าน้ำจะไหลออกจากอ่างมากแค่ไหน สิ่งที่สนใจมีเพียงต้องไม่มีเสียงใดหลุดรอดออกไปจากห้องแห่งนี้ได้.....
เด็กน้อยเจ้าของดวงใจต้องไม่รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้.......
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ