‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“เราจะไปไหนกันครับ?” เด็กชายตัวน้อยหันไปร้องถามกับหญิงสาวข้างตัว ที่กำลังขับรถอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยใบหน้าเครียดขึง หากเมื่อได้ยินเสียงร้องถาม ใบหน้าหวานล้ำก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนละมุน ละสายตาจากถนนตรงหน้าชั่วครู่ พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับปล่อยมือจากพวงมาลัยรถยนต์ ขยับมาลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา“เรากำลังจะไปเที่ยวกันครับ” ว่าแล้วก็ดึงมือกลับไป ตั้งใจขับรถเหมือนเดิม“เที่ยว?” แทนที่จะได้เห็นใบหน้าเล็กตื่นเต้นดีใจ กลับฉายแววประหลาดใจออกมาแทน ทำให้หญิงสาวที่กำลังขับรถอยู่ละสายตากลับมามองอีกครั้งแล้วจึงเอ่ยตอบ“ใช่ครับ ไปเที่ยว”“สองคนหรือครับ?” เด็กน้อยเอ่ยปากถามอีกครั้ง ใบหน้าเล็กที่ฉายแววหล่อเหลาแต่เด็กเริ่มขมวดคิ้วหมุนชนเข้าหากันอย่างเคลือบแคลงใจ“อ่อ......” หญิงสาวเงียบเสียงลงไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบขึ้นมาอีกครั้ง“เดี๋ยวแด๊ดดี๊ก็ตามมาครับ” ว่าพร้อมหันมาหาพร้อมส่งรอยยิ้มหวานชวนมอง แล้วโน้มตัวขยับเข้ามาใกล้ กดจมูกลงที่ศีรษะเล็กของคนที่เป็นดั่งดวงใจ เอ่ยปากพึมพำ“หรือคงจะดีกว่าถ้าเขาไม่มา....”“มัม!!!” เด็กน้อยร้องตะโกนสุดเสียง ทำให้หญิงสาวที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่หันกลับไปสนใจมองถนนหนทาง ก่อนที่ด
“ว่ามา” ถ้อยคำเรียบง่ายถูกเอ่ยขึ้นแผ่วเบาเมื่อชายหนุ่มนั่งลงที่ประจำตำแหน่ง มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นเท้าคางอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก ผู้ช่วยคนสนิทเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมขวดไวน์ราคาแพงที่แช่อยู่ในถังน้ำแข็งเย็นจัดจนหยดน้ำเกาะพราวและแก้วไวน์ทรงสูงขอบทองงดงามประณีตไมเคิลปรายตาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มองโรมที่หยิบจับสิ่งต่างๆ คล่องมือเพียงชั่วครู่ ก่อนจะถูกดึงความสนใจจากผู้ช่วยคนสนิทไปเนื่องจากเสียงของผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ“บอสครับ ตอนนี้พวกเราถูกมิเกลจับตามองอยู่ อาจจะทำให้เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก.......”“......” ไมเคิลขยับมือรับแก้วไวน์จากโรมมาถือไว้ โคลงแก้วภายในอุ้งมือ ก่อนจะยกขึ้นดมกลิ่นแล้วจิบเพียงเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร“เปลี่ยนเส้นทางได้ไหมครับ” โรมที่ยืนอยู่ข้างกายเอ่ยถามขึ้นบ้างพร้อมเลิกคิ้วมอง“คือ.... ถ้าเปลี่ยนเส้นทาง มันจะใช้เวลานานมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า แถมยังสุ่มเสี่ยงเพราะต้องผ่านพื้นที่ชุมชน ผมเกรงว่า......”ตึก“.......” ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงแผ่วเบา ก่อนจะปรายสายตาขึ้นมองคนที่กำลังพูดอยู่ในตอนนี้ ทำให้คนที่สบตาด้วย
“พี่จ๋า...”“....”“พี่จ๋าาาา”“....”“พี่จ๋า!!” เสียงเล็กสดใสดังขึ้นที่ข้างตัว ไมเคิลตื่นขึ้นตั้งแต่คำร้องเรียกครั้งแรกแล้ว แต่อยากที่จะนอนกอดเด็กน้อยในปกครองเอาไว้ต่ออีกสักนิด จึงแกล้งทำเป็นหลับ และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มสมหวัง เมื่อริมฝีปากนุ่มนิ่มจรดลงที่ข้างแก้ม“คิสๆ พี่จ๋าตื่นนนน”“หึ ตัวเล็ก” ว่าเสียงนุ่มพร้อมรวบเด็กตัวเล็กสมชื่อเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แกล้งงึมงำแผ่วเบา“พี่ยังง่วงอยู่เลย”“งื้ออออ” ไมเคิลว่าพร้อมหลับตา แต่ปรือตามองด้วยความอยากรู้ เห็นดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสเป็นประกายนอนเกยอยู่บนอก นอนมองตาแป๋ว จนพาให้มุมปากอยากที่จะขยับยกยิ้มไปเสียทุกทีจ้องจ้อง....จ้อง.......“ฮึ ตกลงตัวเล็ก ลงไปทานข้าวเช้ากันเถอะ” ว่าพร้อมกับพลิกตัวลงจากเตียง ทำให้เด็กน้อยกลิ้งลุ่นๆ หล่นตุ้บลงบนเตียง เอวายันตัวขึ้นนั่งทั้งที่เส้นผมชี้ฟู ไมเคิลยกยิ้มขำให้กับท่าทีนั้น ก่อนจะโน้มตัวลง แล้วอุ้มเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน“อาบกับพี่” ว่าแล้วก็อุ้มเด็กตัวจ้อย พาเดินไปห้องน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง วางลงแผ่วเบาในอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่มีลวดลายงดงาม ไม่ลืมที่จะเปิดน้ำอุ่นใส่อ่างและหย่อนบาธบอมบ์กลิ่นกุหลาบประกายกากเพ
“เตรียมเสร็จรึยัง” ไมเคิลเอ่ยถามกับผู้ช่วยคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างกาย โรมโน้มตัวลงอย่างนอบน้อม เอ่ยตอบเสียงเบาราวกระซิบหากแต่ได้ยินชัดเจน“เรียบร้อยแล้วครับ”“ดี” พูดจบก็ก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ มุ่งตรงไปที่รถยนต์คันหรูซึ่งมีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด 5 คัน และทุกคันต่างบรรทุกคนเต็มอัตรากำลัง ไมเคิลก้าวขาขึ้นรถ อดไม่ได้ที่จะหันมองหน้าต่างห้องๆ หนึ่งซึ่งดวงไฟปิดสนิท“ให้ซีนอนมาคอยดูแล”“ครับ” เพียงเท่านั้นมือเรียวยาวของโรมก็ล้วงเข้าไปในเสื้อสูท กดเบอร์โทรออกที่คุ้นเคย ได้ยินเสียงปลายสายโวยวายมาเล็กน้อยเนื่องจากรบกวนเวลานอนหลับ แต่พอบอกว่าเป็นคำสั่งของบอสก็หุบปากฉับและวางสายไปอย่างรวดเร็วไมเคิลขึ้นรถที่ถูกขับมาด้วยความเร็วมากกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถบริวารทั้ง 4 รายล้อมทั้งสี่มุม คุ้มกันอย่างแน่นหนาแชะ!แสงแฟลชสะท้อนเข้าตาคนขับ หลังถูกจับบันทึกภาพขับรถเร็วกว่ากว่ามาตรฐานกำหนด จนอดที่จะเอ่ยหยอกเย้าไม่ได้“น่าจะเรียกไซเรนมานำขบวนนะครับ”“ไม่จำเป็น....”“ฮึฮึ” ไมเคิลละสายตาจากโรมที่หัวเราะในลำคอแผ่วเบาแล้วก้มลงมองหยาดน้ำสีม่วงแปลกตาที่ถูกบรรจุอยู่ในขวดสีใสขนาดเล็ก“ผลเป็นยังไง.....”“แรงกว่าสู
Michael Partและแล้วเอวาก็ได้รู้ว่าเพราะอะไร เพราะตอนนี้ไมเคิลกำลังดึงทึ้งดอกไม้ออกจากศีรษะเล็กพร้อมแกะเปียผมออกไปพลาง ปากก็ยังคงบ่นไม่หยุด“ตัวเล็ก คราวหลังอย่าให้คนอื่นเล่นผมนะคะ”“บาร์คไม่ใช่คนอื่นนน” เด็กน้อยลากเสียงยานค้าง ทำให้ไมเคิลปรายตามองเพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยปากอีกหน“ไม่ใช่คนอื่น แต่พี่ก็ไม่ให้ใครเล่นค่ะ พี่หวง” ว่าพร้อมกับหยิบหวีขึ้นมาสางผมสีดำสนิทอย่างเบามือ“เจ็บไหมคะ บาร์คมือหนัก เบาไม่เป็น” ว่าพร้อมกับเริ่มมัดผมให้ใหม่ คนถูกกล่าวถึงรีบแทรกขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว“เฮ้ๆ ให้มันน้อยๆ หน่อย อย่าเวอร์น่า” เพียงเท่านั้นไมเคิลก็ตวัดสายตามองจ้องดุดันด้วยสายตาเย็นเหยียบ หากแต่บารอนไม่เกรงกลัว หัวเราะในลำคอ และเอื้อมหยิบแก้วไวน์จากถาดสีเงินที่โรมเดินนำมาเสิร์ฟได้ทันท่วงที ก่อนที่ถาดนั้นจะวางลงบนโต๊ะ“ไปซะบาร์ค.....” ไมเคิลเหลือบตามองด้วยความเฉยชา ในดวงตาปรากฏร่องรอยความขุ่นเคืองใจ แต่คนโดนไล่กลับหัวเราะในลำคอแผ่วเบาอย่างชอบใจ ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดแล้วเอนตัวนอนลงบนเบาะกำมะหยี่สีแดงสดดิ้นทองอย่างสบายอารมณ์“ไม่ไป นานๆ นายจะกลับมาสักที”“ใครจะนั่งว่างเหมือนนายกันบาร์ค”“ใครบอกว่าฉันว่าง
Michael Partไมเคิลกำลังลูบศีรษะเล็กที่วางเกยอยู่บนตักด้วยความเอ็นดู ปลายนิ้วมือม้วนปอยผมสีดำสนิทไปมาอย่างเพลิดเพลิน ในขณะเดียวกันก็อดที่จะเอ่ยปากไม่ได้“นายเคยเห็นอะไรแบบนี้ไหม โรม.....” ว่าพร้อมใช้ปลายนิ้วมือเกลี่ยแก้มนุ่มแผ่วเบา“ครับ?”“เทพธิดาตัวน้อยที่วิ่งเล่นบนโลกมนุษย์.....” เพียงได้ยิน โรมีโอก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะตอบรับกลับไปอย่างนอบน้อม“เคยครับ”“เคยรึ?” ถามโดยไม่แม้แต่สนใจจะเงยหน้ามอง หากแต่โรมีโอก็ยังคงเอ่ยปากตอบอย่างหนักแน่น“ใช่ครับ..... น้องของผมเอง.....” โรมีโอมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเล็กน้อยยามกล่าวถึงบุคคลในอดีตที่ตนกำลังนึกถึง“นายมีน้อง? .......”“ครับ จำได้ว่าพ่อกับแม่มักจะไม่ค่อยพาน้องออกงานเท่าไหร่นัก” โรมีโอเว้นไปจังหวะหนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดคุยกับนายของตน“พวกท่านบอกว่าน้องร่างกายไม่แข็งแรง ต้องแยกอยู่ต่างหาก ให้ใกล้ชิดกับแพทย์ จึงไม่อยากพาออกไปไหนน่ะครับ แต่สำหรับผมแล้วน้องเหมือนเทวดาตัวน้อยๆ เช่นเดียวกันกับคุณหนูเลยล่ะครับ” ไมเคิลเหลือบตาขึ้นมองเพียงชั่วครู่ แล้วจึงละไป แม้จะเป็นเพียงการสบตากันไม่นานนัก แต่บ่งบอกได้ว่าโรมีโอมองเอวาด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ส
Ava Part“อย่ามายุ่งนะ!” เสียงใสร้องดังขึ้น สองมือก็เอื้อมคว้า พยายามหยิบของที่ถูกฉกชิงไปกลับคืนอย่างสุดความสามารถ“แค่การ์ดต้องตั้งใจขนาดนี้ไหม?” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเบ้ปากใส่พร้อมกับยื่นส่งการ์ดใบเล็กกลับคืน เอวาทำหน้ามุ่ยแล้วรีบคว้าการ์ดนั้นมาไว้ในมือ ทำแก้มพองลมอย่างน่ารักน่าชัง“ตั้งใจสิ! อันนี้เอาไว้ให้พี่จ๋านะ!” ว่าพร้อมเชิดหน้าขึ้น คนฟังกลอกตาใส่อย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะนั่งเท้าคางมองเด็กตัวเล็กที่อายุไม่น้อยนั่งทำการ์ดแนบกับของขวัญอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะโคลงหัวไปมา แล้วเอื้อมคว้าอีกครั้ง“อย่าจับนะ!!” เสียงใสร้องแว๊ดเข้าให้อีกหน ใช้สองแขนกวาดต้อนข้าวของทั้งหมดที่กองบนโต๊ะไปไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน ดวงตากลมโตสีฟ้าสดใสขึ้งใส่มองแรง แต่กลับดูน่ารักน่าชังเหมือนลูกแมวขู่ฟ่อกระไรอย่างนั้น“ก็ฉันเบื่อนี่!!” ซีนอนพูดอย่างมีน้ำโห ท่านั่งแปรเปลี่ยนเป็นการนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยินยอมเช่นกัน“มีงานก็ไปทำจิ! จะมาเฝ้าหนูทำไม!” ซีนอนเบ้ปากใส่อีกหน ก่อนจะพึมพำออกมา“ก็นั่งมองเด็กมันคืองานของฉันนี่!”“พี่ซีว่าอะไรนะ?” เอวาถามพร้อมเอียงคอมองอย่างสงสัย ซีนอนโบกมือไ
‘ลุงงงงงงงงงง’ มิลาด้ากลอกตามองอย่างเบื่อหน่าย พลิกกายหนีไอ้ลูกเสือตัวเล็กที่ชอบล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุดมิลาด้าไปเจอเจ้าลูกเสือตัวนี้เพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่ดังสนั่นจากทางด้านหลังของป่า พอไปถึงก็เห็นแม่เสือตัวหนึ่งที่นอนไร้ลมหายใจ อยู่ข้างนอกรั้ว โดยมีชายคนหนึ่งเอาปืนจ่อเอาไว้ ส่วนเจ้าลูกเสือนั้นเข้ามาในกรงด้วยกันกับมันอย่างงงๆ ซึ่งมันได้มารู้ภายหลังว่าแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ขุดหลุมเพื่อใช้หลบหนี แต่เพราะมันหลุมเล็กเกินไป เจ้าลูกเสือจึงรอดมาได้แค่ตัวเดียว ส่วนแม่ของมันถูกยิงตายและนอนปิดทางเข้าออกไว้แทนกรรรรรรรรรรมันขู่คำรามเสียงดังทำให้มนุษย์คนนั้นรีบวิ่งหนีไป มันมองหน้าลูกเสือตัวเล็กเพียงชั่วครู่ พอได้ยินเสียงเจ้านายร้องเรียกก็พุ่งทะยานกลับไปหาทันที ไม่สนใจเจ้าจิ๋วอีกใครจะไปรู้ว่าเจ้าจิ๋วนี่วิ่งตามมาแถมยังทำร้ายเจ้านายของเขาจนได้เลือดอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายเขาสั่งไว้ เจ้าจิ๋วคงไม่ได้มาวิ่งเล่นรอบตัวเขาแบบนี้เป็นแน่ เพราะเขาจะกัดหัวมันทิ้งด้วยตัวเอง!‘ลุงงงงงง หนูหิวนมมมมม’ เจ้าลูกเสือร้องแง้วๆๆ น่ารำคาญ ปีนป่ายตัวของมิลาด้าไม่หยุด จนเจ้าเสือหนุ่มรำคาญ ใช้เท้าหลังดีดเจ้าจิ๋วจ
“ไมค์”“...”“องค์ชายชาลส์ส่งจดหมายมาขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี”“ไม่...” โรมีโอกลอกตาใส่คนรัก แล้วจึงทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน พร้อมเอ่ยปากบอก“ไมค์ คุณเป็นองค์รัชทายาทนะ ในอนาคตข้างหน้าก็คือคนที่มีหน้าที่ปกครองประเทศอาณาราช หากคุณไม่คิดสร้างสัมพันธ์กับละแวกเพื่อนบ้านใกล้เคียงบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นมาเราจะขอความช่วยเหลือลำบากนะ” โรมีโอพูดด้วยความเป็นเหตุเป็นผล ไมเคิลเหลือบตามองเพียงชั่วครู่แล้วเอ่ยต่อ“ไม่...” ไมเคิลไม่ค่อยชอบองค์ชายคนนี้เท่าไหร่นัก ตั้งแต่ครั้งที่พบกันในสมัยเด็กแล้ว องค์ชายผู้นั้นค่อนข้างไม่น่าคบหาสักเท่าไหร่...“ไม่ครับ ถ้าคุณไม่อยากพบเขา ผมจะพบเขาเอง” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเขียนจดหมายตอบกลับที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไมเคิลคิวกระตุกเข้าหากัน มองจ้องโรมีโอนิ่ง ๆ แล้วจึงสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่งเดือนผ่านไป...ตอนนี้องค์ราชินี ไมเคิล โรมีโอ และเอวาพร้อมด้วยบารอน กำลังมายืนอยู่ที่หน้าประตูของพระราชวัง หลังจากที่โรมีโอเขียนจดหมายตอบกลับไป อีกฝ่ายก็ตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็ว และแจ้งกำหนดการเดินทางในทันทีโรมีโอจึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างไม่ขาดตกบกพร
“โรมไปไหน...” ไมเคิลถามพร้อมกับยื่นส่งเสื้อสูทของตนเองให้กับเมดสาวรับไปเก็บ พร้อม ๆ กับการดึงเนคไทออกจากลำคอแกร่งไปพลางก้าวเดินไปพลาง“คุณโรมยังไม่กลับค่ะ” เมดสาวตอบกลับและเดินตามหลังไปเงียบ ๆ ไมเคิลขมวดคิ้วหมุนด้วยความไม่ชอบใจ ก่อนจะพยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ไปหนึ่งที เพียงเท่านั้นเป็นอันเข้าใจ เมดสาวผละตัวไปจัดการข้าวของส่วนตัวของไมเคิลแล้วจัดวางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะล่าถอยไปอย่างเงียบเชียบตอนนี้ทั้งไมเคิลและโรมีโอแต่งงานกันได้มากกว่า 3 ปี แล้ว การอยู่กินใช้ชีวิตคู่ของพวกเขาไม่ค่อยแตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ยังคงอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไป ๆ มา ๆ ระหว่างคฤหาสน์ตระวัลโด้ และตระกูลวอลเลอร์ ส่วนน้องน้อยของเขานั้นหลังจากที่ได้สวมแหวนหมั้นไป ก็แทนจะย้ายไปกินนอนอยู่ที่ตระกูลบาลักซ์แบบเต็มตัว อาจจะมีการแวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไมเคิลก้าวเดินไปที่ทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังคฤหาสน์ อันมีเจ้าเสือขาวตัวใหญ่พักอาศัยอยู่ในป่าจำลอง ในขณะที่ก้าวเท้าชายหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านหลังให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างว้างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาต่างมีงาน มีหน
คำเตือน มีเนื้อหาที่ขัดต่อศีลธรรมRomeo Partหลังจากที่บาลักซ์เข้ามาทำการสู่ขอเอวาด้วยตนเองและผลสรุปออกมาที่ทั้งสองคนต่างหมั้นหมายเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงจะจัดงานแต่งในอีก 4 ปีข้างหน้า หลังเสร็จสิ้นการพูดคุย และน้องน้อยของเขาเดินตามหลังว่าที่คู่หมั้นตามต้อยๆ ไปแล้วนั้น โรมีโอก็ถูกสามีของตนอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด มุ่งตรงพาไปที่ห้องโพธิ์แดง และรังแกเขาอย่างหนักหน่วง เพื่อเป็นการชดเชยให้กับการร่วมรักตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาถึงกับต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยทีเดียวตอนนี้ไมเคิลและโรมีโอกำลังนั่งอยู่คู่กัน โดยตรงหน้ามีเอวากับบารอนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถัดไปด้านข้างมีองค์ราชินีที่ทรงประทับ ทอดพระเนตรมองจ้องด้วยรอยยิ้มบางเบา ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นบาลักซ์ที่กำลังจ้องมองมาเช่นกันด้านข้างนั้นมีพานอันใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเพชรพลอยในวันนี้คืองานหมั้นของคนทั้งคู่......บารอนสวมใส่ชุดสูทสีขาวคล้ายกับชุดเจ้าบ่าวส่วนเอวานั้นสวมใส่ชุดสีงาช้างเข้าคู่กันอย่างลงตัวกึก กึก กึกโรมีโอหันมองตามทิศทางของเสียงที่ตนได้ยิน เมื่อดวงตาสีฟ้าสดใสหันมองคนข้างกายก็ได้พบกับที่มาของเสียงนั้น“ฮึฮึ” โรม
Ava Partตอนนี้ทั้งเอวาและบารอนกลับมาจากการเที่ยวทะเลกันแล้ว เนื่องจากไมเคิลวางแผนฮันนีมูนกับโรมีโอและน้องน้อยของบ้านที่ผ่านมาได้ยิน จึงเข้าไปออดอ้อนขอพี่ชายตามมาเที่ยวด้วย จนบารอนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากห้ามปราม แต่ถึงกระนั้นไมเคิลก็ใจดีกับน้องน้อยเสมอ ตกปากรับคำในทันทีโดยไม่ต้องถามภรรยาที่กำลังนอนหลับพักผ่อนแม้แต่น้อยดังนั้นแล้วทำให้ท้ายที่สุดเอวาและบารอนก็ตามไปเที่ยวด้วยในทริปฮันนีมูนของพวกพี่ชาย แต่เด็กน้อยก็รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นจึงขอตามมาเพียงแค่สามวันสองคืน หลังจากนั้นจะเป็นไมเคิลที่ทำหน้าที่พาภรรยาออกเที่ยวรอบโลกตลอดหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ตามแผนที่วางไว้ตอนนี้เอวาและบารอนกำลังเดินกลับเข้ามาพักผ่อนในบ้านหลังใหญ่ของชายหนุ่ม เพราะพวกพี่ชายไม่อยู่บ้านตลอดหนึ่งเดือน ทำให้คนตัวเล็กอดที่จะรู้สึกเหงาหงอยไม่ได้ แม้ว่าแต่เดิมทั้งสองคนจะชอบไม่อยู่บ้านบ่อยๆ จนเคยชินก็ตามที เห็นทีก็คงจะมีเพียงช่วงนี้ที่มีเรื่องหลายๆ อย่างต้องจัดการ จึงทำให้บุคคลทั้งสองอยู่ติดบ้านและเอวาก็ชื่นชอบให้มันเป็นเช่นนั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้น้องน้อยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ไมเคิลจึงออกปากอนุญาตให้มาอยู่อาศัยกับบารอ
Baron Part“หึหึ” เสียงทุ้มขี้เล่นของใครบางคนดังขึ้น ปลายนิ้วมือไล้เกลี่ยไปตามกรอบหน้าและเส้นผมที่ปรกตาของเด็กน้อยในอ้อมแขนออกให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะจมูกเล็กเชิดรั้นอย่างเอ็นดู คนตัวเล็กยู่หน้าเล็กน้อย ก่อนจนมุดหนี ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของอีกฝ่าย แล้วหลับลงอย่างสบายอารมณ์อีกหนบารอนเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า สองแขนรวบเอาคนตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวสมองหวนคิดไปถึงเมื่อครั้งที่เขาได้เจอกับเด็กน้อยที่เขาเคยมองว่าเป็นตัวเกะกะในครั้งแรก........ในเย็นวันหนึ่งเขากลับบ้านมาพร้อมกับไมเคิล ด้วยความที่ทั้งคู่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน และบารอนเป็นคนที่มีเพื่อนมากเพราะความขี้เล่น ส่วนไมเคิลนั้นปั้นหน้านิ่งไม่รู้สึกยินดียินร้าย มีเพียงใบหน้าที่เรียบเฉย ข้างกายมีผู้ช่วยคนสนิทคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่าง นายเดินไปไหนผู้ช่วยคนนั้นก็เดินตามไปด้วย ซึ่งบารอนมารู้ทีหลังว่าชื่อโรมีโอ และเพราะความเรียบนิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอยากจะเห็นตอนไมเคิลทำสีหน้าท่าทางแบบอื่นดูบ้าง จึงเข้าไปตีสนิทด้วยไม่ว่าเขาจะพยายามทำอย่างไร ไมเคิลก็จะเพียงปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้นหรือไม่ก็อาจจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้เขาเจ็บช้ำจนต้องกุ
Michale Part“เริ่มได้.......” ไมเคิลพูดขณะที่กวาดสายตาไปทั่วห้องอัศวิน วันนี้ไมเคิลมีแผนที่จะขนย้ายข้าวของ ของโรมีโอไปไว้ในห้องคิง คงจะดูแปลกไปสักหน่อย หากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนพักผ่อนในห้องอัศวินที่ถูกตั้งไว้สำหรับบอดี้การ์ดคนสนิทหรือมือขวาของเจ้าของบ้านความจริงโรมีโอนั้นต้องได้นอนที่ห้องควีนเพื่อคู่กัน แต่น้องน้อยอยู่อาศัยในห้องนั้นตั้งแต่เจ้าตัวจำความได้ และไมเคิลก็ไม่อยากแย่งห้องของน้องน้อยมา ดังนั้นแล้วจึงตัดสินใจให้โรมีโอย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในห้องคิง เมื่อคิดดูแล้วก็ถือว่าเหมาะสมในตอนนี้โรมีโอกำลังนอนหลับพักผ่อนในห้องโพธิ์แดงหลังจากกลับมาเลี้ยงฉลองปีใหม่กันที่ตระกูลวัลโด้ ซึ่งไมเคิลไม่อยากจะเข้าไปกวนการหลับใหลของภรรยา ดังนั้นเขาจึงเป็นควบคุมการจัดเก็บและขนย้ายด้วยตนเอง ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงหลังกับกำแพงห้อง มองดูเหล่าบอดี้การ์ดและเมดสาวพากันขนย้ายข้าวของด้วยความรวดเร็วและเงียบเชียบทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจเป็นอย่างมากไมเคิลยืนมองนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียงของโรมีโอ ยกฝ่ามือลูบไล้บนหมอนนุ่มแผ่วเบา อดที่จะยกมันขึ้นมาดมกลิ่นไม่ได้แชมพูส่วนตัวที่เป็นกลิ่นเด
“ขอนะ......”“ดะ เดี๋ยว” โรมีโอร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นดันแผ่นอกแข็งแกร่งเอาไว้พลางหันหน้าหลบไปอีกทาง อ้อมแอ้มบอกไม่เต็มเสียง“ตัวเล็กยัง-”“ไม่อยู่แล้ว.....” ไมเคิลบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งดึงรั้งกางเกงว่ายน้ำของโรมีโอลงต่ำ มือข้างหนึ่งบีบขย้ำก้อนเนื้อนุ่ม ในขณะที่มืออีกข้างก็บีบเคล้นไปตามเนื้อตัว โรมีโอหันไปมองตามทิศทางที่เอวาเคยยืนอยู่ เมื่อหันไปก็พบว่าบารอนจับเอวาอุ้มพาดบ่า เดินมุ่งตรงเข้าบ้านไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมา เสียงโวยวายแว่วมาเป็นระยะ“อ๊ะ!! ไมค์!” โรมีโอสะดุ้งสุดตัวเมื่อช่องทางด้านหลังถูกล่วงล้ำโดยนิ้วมือเรียวยาวของไมเคิล ชายหนุ่มทำการสอดแทรกปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอุ่นร้อนแล้วขยับเข้าออกในทันทีเพื่อเรียกร้องความสนใจ โรมีโอรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงจนพยุงตัวไม่อยู่ ศีรษะของโรมีโอซุกลงที่บ่ากว้างของไมเคิล ลมหายใจร้านผ่าวเป่ารินรดที่ซอกคอของไมเคิลแผ่วเบา ยิ่งเป็นการโหมกระหน่ำทำให้ไมเคิลมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น“โรม.....” ไมเคิลกัดฟันกรอด ปลายนิ้วที่สอดแทรกเข้าไปภายในเริ่มขยับเข้าออก พร้อมๆ กับการดึงรั้งให้กางเกงว่ายน้ำของโรมีโอให้ต่ำลงอีกครั้ง และครั้งนี้มันลงต่ำจ
ตอนนี้ผมกำลังกะพริบตาปริบยืนมองภาพตรงหน้าสลับกับหันมองคนข้างกาย......“ไมค์......คุณแน่ใจนะว่าเป็นที่นี่?”“อืม....” ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่หาดทรายสีขาวนวลตา รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าครามที่ดึงดูดให้ลงไปแหวกว่ายแต่คือ......ตอนนี้มันหน้าหนาวไงครับ.......อากาศเย็นๆ แบบนี้มันควรจะตั้งแคมป์ผิงไฟในป่าใหญ่ไม่ใช่หรอ!!!ผมโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ หลังจากผ่านวันสุดท้ายของปีในตอนนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาราวหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งไมเคิลเป็นคนวางแผนในการจัดทริปฮันนีมูนระหว่างเรามีแพลนกำหนดยิงยาวเดือนกุมภาพันธ์ทั้งเดือน เพราะผมไม่มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษโดยปกติแล้วการจัดการงานการต่างๆ อย่างการจองตั๋วจองบ้านพักกำหนดแผนการเดินทางอะไรพวกนี้จะเป็นหน้าที่ของผมเพราะเป็นเลขาส่วนตัวให้ไมเคิลมาครึ่งชีวิต ดังนั้นจึงจะจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า แต่เพราะผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ไมเคิลเลยอาสารับหน้าที่ส่วนนี้ไปทำเอง ดังนั้นแล้วผมจึงให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจกับไมเคิลได้เต็มที่ผมเอ่ยถามในตอนเขากำลังหาข้อมูลว่าเราจะไปที่ไหนกัน เขาก็ตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า เซอร์ไพรส์และปล่อยให้เขาจัดการเอง ผลเป็นยังไงน่ะหรอครับ? ก็คือกา