ผ่านไปสักพัก
ปัง! ปัง! ปัง!
'โธ่เว้ย!!...' ขณะที่เรียวปากหนากำลังจะสบถคำหยาบออกมาด้วยความหัวเสีย
'โอ๊ย!! หยุดเล่นสักทีได้ไหมแพทริค!' เสียงพราวดาวหันไปตะโกนใส่เพื่อนตัวสูงด้วยท่าทีรู้สึกหัวเสียยิ่งกว่า
'...' ร่างสูงก็นิ่ง
'ฉันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องก็เพราะเสียงน่ารำคาญของนายเนี่ย!' ทันทีที่ริมฝีปากบางพูดจบ แพทริคก็จัดการโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอนลุกขึ้นเดินตรงไปยังพราวดาวที่นั่งโวยวายอยู่
'ไหน อ่านอะไร' ว่าแล้ว มือหนาก็เอื้อมลงไปหยิบหนังสือเข้ามาดู
'พื้นฐานเทคนิคทางด้านการถ่ายภาพ...'
'...เธอจะอ่านไปเพื่ออะไร?' ใบหน้าหล่อเหลือบสายตาลงมองถามเพื่อนตัวเล็ก
'ก็ฉันไม่เก่งเรื่องการถ่ายภาพไง มันก็จะต้องรู้พวกเรื่องเทคนิคพื้นฐาน'
'กระจอก'
'หุบปากไปเลย!' เรียวปากสวยพูดใส่หน้าร่างสูงเสียงดังก่อนจะกระชากหนังสือตัวเองกลับ ทว่าแพทริคก็ยังคงจับหนังสือเล่มหนาไว้แน่นทำให้พราวดาวอดไม่ได้ที่จะหันไปส่งสายตาเอาเรื่อง
'แพท!'
'ติวให้ เอาไหม'
'เหอะ'
'จริงจังนะ เธอก็รู้ ฉันมีความรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว' ดวงตาคมมองหน้าเอ่ยบอกเพื่อนตัวเล็กท่าทีจริงจัง
'...' พราวดาวก็นิ่งมองหน้าเพื่อนด้วยความลังเล เพราะยิ่งอ่านเอง เธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ หากได้แพทริคเข้ามาช่วยอธิบาย...
'ทำหน้าแบบนี้ คือสนใจใช่ไหม?' เรียวปากหนาถาม
'อืม' ใบหน้าสวยพยักหน้าตอบกลับตามตรง
'งั้นก็ดีเลย' สิ้นเสียงทุ้มเอ่ย อยู่ ๆ มือหนาก็เคลื่อนเข้ามาคว้าแขนเล็กของคนเป็นเพื่อนให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่ง
'อะ อะไรของนายเนี่ย?'
'ไปโยนโบว์กัน'
'ฮะ!?'
'ก็ถ้าเธออยากติวกับฉัน ก็ต้องไปโยนโบว์เป็นเพื่อนฉัน'
'ตลกหรือไงแพท! ไหนนายบอกว่า...'
'วันนี้ไม่มีอารมณ์ ค่อยติววันอื่น'
'นี่!'
'ไปกัน' แล้วมือแกร่งก็ลากพาเพื่อนตัวเล็กเดินออกไปด้วยกันทันที โดยตลอดทางก็มีเสียงโวยวายของพราวดาวดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
'แพทริค ไอ้บ้านี่!...'
@BWxx
ตึก
ตึก
เสียงสองเท้าเล็กของพราวดาวถูกเพื่อนตัวสูงพาเดินเข้ามายังบริเวณลานโยนโบว์ลิงที่มีแสงสีมากมายรวมถึงเพลงจังหวะมัน ๆ
'อะ ของเธอ' แพทริคเอ่ยพร้อมกับยื่นถุงเท้าและรองเท้าสำหรับการใส่เล่นโบว์ลิงให้แก่ร่างบางที่เอาแต่ยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่
'รับไปดิ'
พรึบ!
ทว่าสุดท้ายยังไง คนตัวเล็กก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากรับถุงเท้ารองเท้าเข้ามาสวมใส่เพื่อเล่นกิจกรรมโยนโบว์ลิงไปกับร่างสูงอย่างที่อีกคนต้องการ
'เลิกทำหน้าแบบนั้นดิพราว'
'ก็นายอะ! แม่ง...'
'แม่งอะไรวะ ก็คนมันไม่มีอะไรทำ'
'แต่ฉันอยากอ่านหนังสือไง! ไม่ได้อยากมาโยนโบว์'
'อ่านไปก็เท่านั้น ยอมรับเถอะว่ะ ว่าไอคิวเธอมันน้อย อ่านไปก็เท่านั้น'
'อะ...ไอ้แพทริค!'
'ฮ่า ๆ' เสียงทุ้มหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ แม้ว่าจะถูกมือเล็กฟาดเข้าใส่แขนแกร่งของเขาเข้าอย่างจังหลังจากที่ไปพูดจากวนประสาทใส่ร่างบางตรงหน้า โดยขณะที่สองคนกำลังยืนทะเลาะถกเถียงเล่นกันอยู่
'คุณแพทริคครับ จะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ" พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามแพทริคขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ
'เหมือนเดิม' เรียวปากหนาหันตอบ พนักงานชายคนนั้นจึงพยักหน้ารับรู้ รีบเดินไปเตรียมเครื่องดื่มให้แก่ลูกชายคนรองของนักธุรกิจใหญ่ระดับประเทศในทันที
'เริ่มเลยไหม' ใบหน้าหล่อหันเอ่ยถามเพื่อนตัวเล็กที่ยืนอยู่ขึ้น
'เอาสิ' พราวดาวตอบกลับ ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มเล่นเกมโยนโบว์ลิงไปอย่างทุกครั้ง
'อ๊ะ! หนักฉิบ...' เสียงเล็กหลุดสบถออกมาหลังจากที่พยายามยกลูกโบว์ลิงขึ้นมาหมายจะนำไปโยน
'จะไม่หนักได้ไง ดูเบอร์ที่เธอเลือกดิ'
'ยุ่ง...' ว่าแล้ว พราวดาวก็ยังคงดื้อรั้นพยายามยกลูกโบว์ลิงที่ค่อนข้างหนักเกินความสามารถของตัวเองขึ้นมา
พรึบ!
สุดท้ายแพทริคที่ทนไม่ไหวก็เดินเข้าไปปัดมือเพื่อนตัวเล็กออก
'เอาเบอร์ 7 ไม่ก็ 8 พอ' ริมฝีปากหนาเอ่ยบอกร่างบาง
'เรื่องอะไรอะ ถ้างั้นถ้านายใช้เบอร์ 14, 15 เล่น นายก็ชนะอะดิ' คนตัวเล็กเถียงอย่างไม่ยอม เพราะน้ำหนักลูกโบว์ลิงที่แพทริคแนะนำให้เธอใช้ มันค่อนข้างที่จะเสียเปรียบอยู่ไม่น้อย เพราะน้ำหนักนั้นเบากว่าที่อีกคนจะใช้เป็นอย่างมาก
'เธอก็ดูสังขารตัวเองด้วยสิพราว'
'ทำไม สังขารฉันมันทำไม'
'เตี้ย แต่ห้าว'
'แพท!'
'หึ ใช้เบอร์ 7 ไม่ก็ 8 ไป'
'ไม่เอา'
'พราวดาว'
'งั้นนายก็ใช้เบอร์เดียวกับฉันดิ จะได้เท่าเทียม' พราวดาวเสนอ
'อืม' คนตัวสูงก็พยักหน้าตอบกลับอย่างยอมในท่าทีของเพื่อนตัวเล็ก เพราะหากเขาไม่ยอมทำตามที่เธอบอก พราวดาวก็จะยังคงห้าวพยายามใช้ลูกโบว์ลิงที่มีน้ำหนักเกินตัวไม่เลิก
'เยี่ยม! นายเตรียมตัวแพ้ได้เลย' พูดจบ ร่างบางก็เดินไปยกลูกโบว์ลิงใช้ตามที่เพื่อนตัวสูงบอกเดินไปโยนเข้ายังลานโยนโบว์ตรงหน้าด้วยความหมายมั่นอยากเอาชนะ แพทริคที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มออกมากับความบ้าคลั่งต้องการเอาชนะของอีกคน สายตาคมเอาแต่หัวเราะยิ้มจ้องมองไปยังเพื่อนสนิทของตัวเองอยู่อย่างนั้น
หกปีต่อมา..."จะกลับกี่โมง" เสียงแพทริคมองหน้าถามภรรยาตัวเล็กที่ยืนอยู่ตรงหน้า"ยังไม่รู้เลยอะ ทำไม""เดี๋ยวลูกถามหา""อย่าเวอร์ อยากมีนักไม่ใช่เหรอ เลี้ยงเองสิ" เจ้าของใบหน้าเรียวสวยตอบกลับคนรักไปด้วยความประชดประชันหมั่นไส้ไม่จริงจัง"..." แพทริคก็นิ่ง"ไปละ ดูลูกให้ดีด้วย แล้วก็อย่าตามใจลูกให้มาก" พูดจบ พราวดาวก็เดินตรงไปยังรถสปอร์ตราคาแพงที่คนรักเพิ่งซื้อให้ใหม่ได้ไม่กี่เดือน ขับออกไปจากบ้านหลังใหญ่ด้วยความรวดเร็ว โดยมีสายตาของแพทริคที่มองตามรถหรูไปนิ่ง ซึ่งวันนี้พราวดาวได้มีนัดออกไปเจอกับวาเลนเพื่อนสนิทของเธอ"ป๊า! พิมพราวปีนต้นไม้อีกแล้ว" เสียงพีร์พูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีร่างน้อยของเด็กสาววัยสี่ขวบกว่ากำลังปีนเล่นอยู่ แพทริคที่ได้ยินก็รีบเดินเข้าไปดูด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะเห็นร่างน้อยของลูกสาวคนเล็กของตัวเองกำลังปีนเล่นอยู่บนต้นไม้ด้วยความซุกซนโดยมีพีร์คนเป็นพี่ชายยืนมองหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง"พิมพราว! ให้ตายเถอะ" ชายหนุ่มที่ตอนนี้อายุแตะเลขสามพึมพำด้วยสีหน้าปลงไปกับความดื้อซนของคนเป็นลูก เขากับพราวดาวมีลูกทั้งหมดสองคน ซึ่งก็คือพีร์อายุห้าขวบกว่า และพิมพราวที่อา
หนึ่งปีต่อมา...@ปารีส"จะไปไหน" เสียงแพทริคเอ่ยถามคนรักขึ้นหลังจากที่คนตัวเล็กทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียงนอนเมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามา โดยตอนนี้ทั้งสองได้มาพักผ่อนท่องเที่ยวยังต่างประเทศตามความต้องการของพราวดาว"ฮ ฮะ...กะ ก็จะไปอาบน้ำไง""ยังไม่ต้องอาบ""ทำไมล่ะ""ก็ยังไม่ได้เอากันเลย จะรีบอาบไปทำไม เดี๋ยวก็ต้องเลอะ" คำพูดตรง ๆ ของคนเป็นสามีเอ่ย ทำเอาร่างเล็กที่นั่งอยู่ชะงักไป ตอนนี้ทั้งสองได้แต่งงานจดทะเบียนกันแล้วเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่เรียนจบปริญญาโทได้ไม่กี่เดือน"..." พราวดาวนั่งนิ่งเผลอแสดงสีหน้าบางอย่างออกมา"สีหน้าแบบนั้น คืออะไร" แพทริคก้มลงถาม คนตัวเล็กที่ได้ยินจึงได้โอกาสรีบเอื้อมมือไปคว้าแขนหนาของอีกคนเข้ามาออดอ้อน"ที่รัก~""..." เจ้าของใบหน้าหล่อก็นิ่งเหลือบสายตาลงมองไปยังคนรัก"เรายังไม่ต้องทำกันได้ไหมอะ เขาขออีกปะ..." ยังไม่ทันที่เรียวปากเล็กจะพูดจบ"จำคำพูดฉันได้ไหมที่บอกเธอไว้""ฮะ""ถ้าถัดอีกปี จะโดนอะไร""อ อึก..." ร่างบางเม้มปากแน่นกลืนน้ำลายลงคอไปทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน"...ตะ แต่...""ปีนี้เราเที่ยวกันเยอะมาก ฉันใช้วันหยุดที่มีในการพาเธอท่องเที่ยวไปเกือบทุกโซนแล้วพร
สองปีผ่านไป...(มีรูป)"รูปน่ารักจัง..." เสียงพราวดาวยิ้มเอ่ยขณะที่กำลังนั่งดูรูปวาดในมือที่ได้มาเป็นของขวัญวันเรียนจบปริญญาโทจากวาเลนเพื่อนสนิทของเธอ โดยวันนี้เป็นวันรับปริญญาโทของเธอกับแพทริค หลังจากที่ทั้งสองหมั้นหมายกัน พราวดาวก็ตัดสินใจชวนคนรักเรียนต่อเพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้มาในการทำหน้าที่การงานให้ดียิ่งขึ้น แถมใบปริญญายังสามารถทำให้แพทริคดูดีมีความภูมิฐาน ซึ่งคนตัวสูงก็ไม่ได้ขัดอะไรคนตัวเล็ก ทั้งสองต่างทำงานและช่วยกันค้นคว้าความรู้จนในที่สุดก็ได้บรรลุเป้าหมายไปอีกขั้น"...เรียนจบเพราะนายเลยนะเนี่ย" พราวดาวยิ้มบอก อย่างที่หลายคนรู้ ในเรื่องการเรียนนั้น พราวดาวไม่ได้เก่งสักเท่าไร โชคดีที่มีแพทริคคอยช่วยคอยดูและอธิบายให้ ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี"หึ" เจ้าของใบหน้าหล่อที่ถูกคนรักชมเชยก็หัวเราะยิ้มออกมา ซึ่งสองปีหลังมานี้ แพทริคค่อนข้างที่จะสุขุมขึ้นเนื่องจากงานที่เขารับผิดชอบอยู่ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไป ทว่าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปซะหมด ในเวลาที่อยู่กับพราวดาวสองต่อสอง เขาก็ยังคงเป็นแพทริคคนเดิม เพียงแค่ว่าไม่ได้ดูขี้เล่นเท่าเมื่อก่อน พราวดาวเองก็เข้าใจแถมยังรู้สึกชอบ
สองเดือนต่อมา...@งานหมั้นงานหมั้นของหนุ่มสาวถูกจัดขึ้นเล็ก ๆ เรียบง่ายภายในบ้านหลังใหญ่ของเจ้าสัวทรงอิทธิพล โดยมีบรรดาแขกคนสนิทของทั้งสองเท่านั้นที่เข้ามาร่วมงาน"สวยจัง" เสียงทุ้มของแพทริคหันไปเอ่ยชมคนรักสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลไม่ปกปิด"เก็บอาการหน่อย" พราวดาวยิ้มกระซิบบอกคนตรงหน้า"ทำไมต้องเก็บด้วย ก็เมียฉันสวย""โอ๊ย! รำคาญ" แม้ปากจะบอกไปแบบนั้น ทว่าแก้มใสก็แดงระเรื่อขึ้นมาในทันที ก็คู่หมั้นหนุ่มเล่นเอ่ยชมกันต่อหน้าขนาดนั้น ร่างบางจะไม่รู้สึกเขินอายได้ยังไง"เฮ้ย ไอ้เจ้าบ่าวหนุ่มครับ เก็บทรงหน่อย" เสียงมอสที่ยืนอยู่เอ่ยแซวคนเป็นเพื่อน"..." แพทริคก็ไม่สนใจยังคงจ้องมองไปยังคนรักไม่หยุด กระทั่งสองคนต้องเข้าพิธีการไหว้ผู้ใหญ่ โดยมีสุรชัย นภา แล้วก็อภิชัยต่างนั่งกันอยู่ตรงหน้า คู่หมั้นบ่าวสาวก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปไหว้ยังอภิชัยที่นั่งอยู่ก่อน"ขอให้ทั้งสองมีความสุขมาก ๆ กับคู่ชีวิตที่เลือก ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร ก็ให้ผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดี...""...ฝากดูแลพราวด้วยนะแพทริค แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็งมาก แต่พราวดาวก็ไม่ได้เข้มแข็งมากขนาดนั้น""..." พราวดาวก็ก้มหน้าน้ำตาคลออีกครั้ง ก่อนจะถ
@บ้านแพทริคตึกตึกเสียงแพทริคกับพราวดาวเดินตรงเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ด้วยสีหน้าท่าทีปกติ โดยมีแม่บ้านวัยกลางคนคอยยืนให้การต้อนรับลูกชายคนรองของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี"พ่ออยู่ไหน" เรียวปากหนาถาม"โต๊ะอาหารค่ะ" หลังจากที่แม่บ้านตอบกลับ ร่างสูงก็เดินตรงไปยังห้องอาหารทันที ก่อนจะเห็นว่าทุกคนต่างนั่งกันอยู่ครบ"อ้าว แพทริค" นภายิ้มทักทายยังชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่พร้อมกับทำท่าจะเชิญชวนร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน ทว่า..."ผมมีเรื่องจะมาบอก" เสียงทุ้มพูดขึ้น ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่หันมองยังเจ้าของเสียง"มีอะไร" สุรชัยถาม"ผมจะแต่งงานกับพราวดาว" คนตัวสูงบอกออกไปด้วยความไม่สนใจอะไร เขาต้องการมาเพื่อที่จะให้ทุกคนรับรู้เท่านั้น"ว่าไงนะ" เจ้าสัวใหญ่มองหน้าถามคนเป็นลูกเสียงเข้ม"ผมจะแต่งงาน...""ใครอนุญาตแก""ผมนี่แหละ อนุญาตตัวเอง""ไอ้แพทริค!""ผมจะแต่ง" ปากหนายังคงย้ำบอกพ่อตัวเองออกไปท่าทางไม่แคร์อะไรแม้แต่น้อย แถมแววตายังเต็มไปด้วยความดื้อรั้นตามประสา โดยท่าทีพวกนั้นทำเอาสุรชัยโมโหทำท่าจะลุกขึ้นมาจัดการคนเป็นลูก ทว่าก็ต้องถูกนภาเอื้อมมือไปแตะข้อมือสามีตัวเองไว้"คุณคะ อย่า...""..." สุรชัยก็นั่งหอบหายใ
สามวันต่อมา..."พ่อ..." พราวดาวเดินเข้าไปหาพ่อตัวเองที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่บริเวณหน้าบ้าน"ยัยพราว" อภิชัยก็หันไปยิ้มทักทายลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยแซว"แต่งตัวแบบนี้ ไม่เหมือนเป็นแกเลยนะ" ชายวัยกลางคนหัวเราะบอก ซึ่งเขาพอจะรู้มาจากพราวดาวแล้วว่าคนตัวเล็กได้เปลี่ยนงานจากการทำงานกลางคืนไปเป็นเลขาให้เพื่อนสนิทอย่างแพทริค อภิชัยรู้แค่นั้น แล้วก็ไม่ได้สงสัยอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสอง"อาชัย สวัสดีครับ" แพทริคเข้ามาทักทายพ่อคนรัก"อืม กินอะไรกันมาหรือยัง" อภิชัยเอ่ยถามสองคนที่ยืนอยู่"ยังเลย พราวรอมากินพร้อมพ่อ" ว่าแล้ว คนตัวเล็กก็ชี้ไปที่อาหารมากมายที่แพทริคกำลังถืออยู่"พราว แล้วแกทำไมให้แพทริคถือคนเดียว" อภิชัยทำท่าจะเดินเข้าไปช่วย"ไม่เป็นไรครับอาชัย เดี๋ยวผมเอาไปไว้ในบ้านเลยนะครับ" แล้วคนตัวสูงก็เดินถือถุงอาหารเข้าไปภายในบ้านตามปกติ โดยมีอภิชัยที่หันไปเอ็ดใส่คนเป็นลูก"ทำไมถึงให้แพทเป็นคนทำล่ะ เขาเป็นเจ้านายแกนะ ถึงจะเป็นเพื่อนก็เถอะ""เพื่อนอะไรกันล่ะพ่อ""..." ชายวัยกลางคนทำหน้างุนงงมองหน้าลูกสาว"นั่นอะแฟนหนู""ฮะ!?""ฮ่า ๆ กำลังจะแต่งงานกันด้วย ถูกขอแต่งงานแ