ตอนที่ 2 เดิมพันรักครั้งที่ 2 [1/3]

เดิมพันรักครั้งที่ 2

1/3

“มินนี่ไปก่อนนะ ขอบคุณที่มาส่งค่ะเดินทางดี ๆ นะ” ฉันลงจากรถและตอนนั้นเห็นว่ามีกลุ่มผู้ชายนั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าคณะ ฉันมองแวบหนึ่งและเห็นว่าเป็นกลุ่มเกียร์กับเพื่อน แต่ยิ่งเห็นก็ยิ่งอารมร์ไม่ดีก็เลยรีบเดินจ้ำไปที่ตึกคณะ วันนี้มันวะนอะไรของมินนี่กันนะ

ฉันรู้สึกแฮงค์อ่อน ๆ เพราะซ่ากินเหล้าแรงน่ะสิ แล้วก็มาฝันแปลก ๆ เมื่อคืนด้วย มาเจอเปรมที่บ้านแต่เช้าแถมพูดจาไม่เข้าหูอีก เห้อ ๆ

วันนี้ฉันมีเรียนเช้า สิบโมงถึงเที่ยง แล้วก็เรียนอีกทีบ่ายโมงถึงบ่ายสามดังนั้นฉันก็ต้องอยู่มหาลัยทั้งวัน ฉันมีเรียนสี่วันต่อสัปดาห์ มีเรียนเช้าแค่วันนี้วันเดียวคือวันจันทร์ นอกนั้นก็เรียนบ่ายหมดเลย ฉันไม่ได้อยู่หอ อยู่คอนโดเหมือนเพื่อน ฉันอยู่บ้านแต่ว่ามีรถมารับมาส่งทุกวันน่ะ

“นี่ มีคนจะเอาชานมไข่มุกไหมจ๊ะ” ขิงถามระหว่างที่เรากำลังนั่งทานข้าวเที่ยงกัน

“เอาสิ ๆ ใครจะไปซื้อเหรอ”

“ต้าร์อยู่ร้านอะ จะมากินข้าวด้วยจะฝากต้าร์ซื้อมาเลยขี้เกียจเดินไป”

“งั้นมินนี่เอาชานมหวานยี่สิบห้านะ” พอร่างกายขาดน้ำตาลแล้วเหมือนจะไม่มีแรงเรียนต่อตอนบ่ายเลยนะ แล้ววันนี้ฉันก็เอื่อยเฉื่อยเพราะไม่สบายตัวด้วย

“ของกูเอาชานมเผือกหวานห้าสิบนะแม่” น้ำหวานสั่ง

“นี่เอาเหมือนกับชีหวาน” พิงกี้พูดแล้วก็ตัดกระเพราะหมูกรอบเข้าปาก “โอ๊ย ได้กินเผ็ดแล้วสดชื่นจริงจริ๊ง เมื่อวานนะหัวถึงหมอนเหมือนเล่นม้าหมุนเลย อย่าหากินเหล้าก่อนวันจันทร์”

“นั่นสิ รู้งี้กูน่าจะชวนตั้งแต่วันศุกร์” เจ้าของวันเกิดอย่างขิงก็ทำหน้าแหยง ๆ “ว่าแต่น๊า เมื่อคืนเกียร์น่ะถามมินนี่ตรง ๆ ขนาดนั้นมินนี่รู้สึกอะไรไหม”

“ถามเรื่องอะไร” ฉันเฉไฉ

“ยัยคุณหนู ก็ที่เกียร์ถามว่ามินนี่มีแฟนยังไงล่ะ” น้ำหวานว่าให้ส่วนฉันก็เบะปาก “นี่ว่าเกียร์ต้องชอบมินนี่แน่เลย ตอนพูดสเปคก็คือ ข้ออื่นไม่เท่าไหร่นะ แต่มีลักยิ้มน่ะแถมพูดไปก็มองหน้ามินนี่ไปอีก”

“เกียร์อาจจะพูดถึงคนอื่นก็ได้ แล้วก็แค่ถามว่ามินนี่มีแฟนยังเพราะอยากรู้แค่นั้นเอง”

“อย่าค่า ๆ เกียร์ชอบมินนี่แน่ ๆ” ขิงบอกแต่ตอนนั้นก็เหมือนว่าขิงจะมองไปทางทางเข้าร้านแล้วก็โบกมือไปทางด้านหลัง ขิงบอกแล้วว่าต้าร์จะมานั่งทานข้าวด้วย ฉันไม่ได้หันไปมองตาม แต่พอต้าร์เดินมาถึงโต๊ะก็พึ่งรู้ว่าต้าร์ไม่ได้มาคนเดียว ต้าร์มากับเกียร์....

“ดีครับสาว ๆ” ต้าร์วางถุงชาไข่มุกลงบนโต๊ะ แล้วทักทายพวกเรา

“ทำไมมากับเกียร์ล่ะ” ขิงถาม แต่สายตาดูเหมือนกับว่ารู้อยู่แล้วเลยนะ

“เค้าติดรถมันมาด้วย จะมาหาข้าวกินน่ะ บ่ายเราเรียนด้วยกันใช่ไหม ขอนั่งด้วยนะครับ” ต้าร์เดินไปนั่งข้างขิง ซึ่งฝั่งนั้นก็มีขิงกับน้ำหวานนั่งอยู่แล้ว ส่วนฉันนั่งอยู่อีกฝั่งกับพิงกี้และแน่นอนว่าที่วางอีกที่ก็คือข้างฉันไงล่ะ “เกียร์มึงนั่งข้างมินนี่นะ”

“อืม” เขานั่งลงข้างฉัน โต๊ะมันไม่ใหญ่ก็เลยกลายเป็นว่าใกล้กันจนแขนจะชนแขน บ้าจริง ๆ เลยนะ วันนี้วันอะไรของมินนี่กันล่ะ “มึงเขียนให้กูด้วย ผักพริกแกงหมูกรอบ”

“ครับ คุณชาย” ต้าร์รับคำก่อนจะจดให้ ฉันน่ะรู้สึกเหมือนกินข้าวไม่อร่อยอีกแล้วนะ วันนี้เจอแต่อะไรที่ทำให้ขัดอกอัดใจ แถมพอเห็นเกียร์ก็ต้องไปนึกถึงเรื่องบ้าบอที่ฝันเมื่อคืนอีก มินนี่ เมื่อเช้าตำรวจที่ไหนมาส่งครับ เห็นตำรวจแล้วต้าร์ตกใจเลย

“ทำไม กลัวโดนตรวจฉี่เหรอ” พิงกี้แกล้งแซว

“พี่ชายฝาแฝดมินนี่เอง คนเมื่อคืนน่ะ”

“อ๋อ ที่หน้าตาดุ ๆ” ต้าร์บอกว่าเจ้ามิกกี้บ้านั่นหน้าดุด้วยล่ะ แต่เมื่อคืนนะแฝดฉันก็ทำหน้าเหมือนว่าจะไปต่อยใครตอนไปเรียกฉันกลับบ้านน่ะ “เมื่อคืนเห็นไม่ค่อยชัดเลย พี่ชายมินนี่เป็นตำรวจเหรอ”

“เรียนอยู่ค่ะ ยังไม่จบหรอก พี่ชายเราจะกลับโรงเรียนก็เลยแวะมาส่งก่อน”

“พี่ชายเป็นตำรวจท่าทางจะแม่นปืนนะ แบบนี้ไอ้เกียร์ต้องซื้อเสื้อเกราะไว้ใส่หลบกระสุนแล้วล่ะ” ต้าร์ว่าแล้วก็เหล่ไปมองเพื่อน แต่บรรยากาศแบบนี้น่ะมันอะไรกัน

“ทำไมเกียร์ต้องหลบล่ะ” น้ำหวานก็ถามพร้อมตาปริบ ๆ ที่ไม่น่าไว้วางใจเลย เหมือนว่าเพื่อนกำลังเล่นอะไรกันอยู่ ซึ่งฉันก็ไม่อยากจะคิดไปในทางที่ดีนักเลย

“นั่นสิทำไมน๊า ๆ” ยัยพิงกี้จีบปากจีบคอ

“เพราะว่าถ้าเกียร์จีบมินนี่คงโดนพี่ชายมินนี่ยิง” ตอนเกียร์ก็ตอบมาพร้อมกับหันมามองฉัน เขานั่งอยู่ข้าง ๆ นะใกล้กันมากแล้วก็ตามองตาเลยล่ะ

“ตลกจัง” ฉันขยับปากพูด พอสบตาเรื่องที่ห้องน้ำ เรื่องที่โต๊ะที่ร้านเหล้าเมื่อคืน เรื่องในฝัน รวมถึงเรื่องที่มิกกี้กับเปรมเล่าให้ฟังก็สาดเข้ามาไม่หยุด “จีบมินนี่ไม่ต้องกลัวพี่ชายมินนี่ยิงหรอกนะ กลัวสาว ๆ ของเกียร์จะตามมาทึ้งเอาจะดีกว่านะคะ”

“อูยยยย” เพื่อนส่งเสียงออกมาตอนฉันพูดแบบนั้น

“หึ” เกียร์ส่งเสียงเบา ๆ ก่อนข้าวเขาจะมาเสิร์ฟ ฉันไม่ได้อยากจะกล่าวถึงเรื่องที่เขาทำอะไรกับผู้หญิงในห้องน้ำเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว ดังนั้นฉันคิดว่าพูดแค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว

หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วเราก็กลับไปที่ตึกเรียนกัน ซึ่งต้าร์กับเกียร์ก็มาด้วยเพราะวิชานี้เป็นวิชาGen Ed ของมหาลัยแต่ว่าเซคเรียนก็จะจัดให้เป็นเด็กในคณะเดียวกันมาเรียน แล้วเซคที่ฉันก็มีเด็กจากหลากหลายสาขาในคณะ ต้าร์ก็อยู่คณะเดียวกันนี้แต่ว่าเขาก็ไม่ได้อยู่ในสาขากับฉัน กับเกียร์หรอก

“เห็นปีสี่บอกว่าข้อสอบวิชานี้ยาก ตัดอิงเกณฑ์ด้วย” ต้าร์กำลังโอดครวญอยู่ข้าง ๆ ขิง เขามานั่งด้วย เกียร์ก็มา แล้วไม่ต้องสืบนะว่าพวกสาว ๆ น่ะให้เกียร์นั่งข้างฉันด้วย

“ใกล้สอบมาติวด้วยกันไหมล่ะ กลุ่มเราติวกันประจำเลยมินนี่คนเก่งจะติวให้รับรองไม่มีเอฟ” น้ำหวานเสนอ แต่กลุ่มฉันก็ติวกันบ่อย ๆ แหละ ช่วยกันติวอ่านทวนบทนั้นบทนี้มาแล้วก็อ่านหนังสือด้วยกัน ใครไม่เข้าใจตรงไหนก็ช่วยกัน ซึ่งมันช่วยได้เยอะมาก

“งั้นก็ขอฝากตัวด้วยนะครับ ไอ้เกียร์มาด้วยกันสิมึงทำงานกลางคืนคงไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือมั้ง”

“ก็ต้องให้คนติวเขาชวนสิ กูเสนอตัวไปเองมันจะอึดอัดเปล่า ๆ” ตอนนั้นฉันเพื่อนทุกคนก็มองมาที่ฉันซึ่งฉันก็งงว่าฉันต้องเป็นคนชวนเหรอ หรือยังไง

“มินนี่เหรอ” ฉันชี้ใส่ตัวเองอีกรอบ “งั้นก็มาด้วยกันก็ได้”

“ขอบคุณครับ” เขาตอบมาแล้วก็ยิ้มให้ฉัน แต่เป็นรอยยิ้มร้าย ๆ แบบที่ห้องน้ำเลย

“เกียร์ไม่นั่งกับเพื่อนเกียร์เหรอ” ตอนที่ประตูหน้าห้องเปิดออกฉันเห็นเพื่อนกลุ่มเกียร์เดินเข้ามา ฉันจำได้นะเพราะในกลุ่มเกียร์มีคนที่ฉันรู้จักอยู่ในนั้นด้วยน่ะ

“ไม่เป็นไร ขี้เกียจเปลี่ยนที่” เขาบอกแล้วก็ไม่ได้มีท่าทีจะลุกไป ฉันไม่ได้ไล่นะแค่แบบว่าจำกลุ่มเพื่อนเขาได้น่ะ แล้วปกติเขาก็นั่งกับกลุ่มเขานี่นา “มินนี่ครับ”

“หืม” ฉันเอียงหน้ากลับไปมอง เพื่อนไม่ได้สนใจเราแล้ว และกำลังนั่งรออาจารย์เข้าคลาสอยู่

“คำถามที่ถามเมื่อวานมินนี่ยังไม่ตอบเกียร์เลย” เขาแทนตัวเองว่าเกียร์ด้วยล่ะ แปลก แต่ก็น่ารักเหมือนกัน แต่ว่านะทำไมต้องขุดเรื่องเมื่อคืนมาอีกด้วย...

“ถามว่าอะไรเหรอ” ฉันเฉไฉอีกรอบ

“มินนี่มีแฟนหรือยัง” เขาย้ำมันแบบว่าชัดเจนอีกรอบเหมือนกัน

“ไม่ใช่เกียร์ถามเพื่อนมินนี่ไปแล้วเหรอ” ฉันรู้ทันหรอกนะว่าเพื่อน ๆ กำลังพยายามจับคู่ให้ฉันกับเกียร์อยู่น่ะ เดาว่าเมื่อคืนก็คงจะถามไถ่กันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นทุกอย่างวันนี้คงไม่บังเอิญเหมาะเจาะหรอก “เพื่อนมินนี่ตอบเกียร์แบบไหน ก็คงจะแบบนั้น”

“แต่เกียร์อยากให้มินนี่ตอบเองมากกว่า” เขารั้นจังเลยนะ

“ไม่มีค่ะ” ฉันตอบสั้น ๆ ถามทำไมเหรอ

“ก็เพราะถ้าไม่มี เกียร์ก็คงจะจีบ” พูดออกมาตรง ๆ ได้ยังไงโดยไม่เขินนะ รู้ไหมคนฟังต้องเก็บอาการแทบตายเลย แก้มฉันร้อนจนต้องก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาเขา เราไม่ได้คุยกันเสียงดัง และเรานั่งแถวริมเพื่อนก็น่าจะไม่ได้สนใจอะไร ขิงที่นั่งข้างฉันก็กำลังคุยกับแฟนอย่างออกรส

“มินนี่ไม่ชอบคนเจ้าชู้” ฉันบอกไปตามตรง และนิสัยเขาคงเป็นอย่างนั้น ฉันไม่ได้อะไรที่เขามีอะไรกับคนอื่นไปเรื่อยนะ เพราะมันก็สิทธิ์ของเขาแต่แค่รู้สึกว่านิสัยคงจะไม่ถูกจริตกันสักเท่าไหร่ เขาคงจะรักสนุกมากกว่าจะคิดจริงจังกับใครนะ ส่วนฉันก็คงไม่น่าจะเอาเขาอยู่หรอกมั้ง

“ตรงไปไหม” เขาบอก “แต่ถ้าเกียร์มีแฟน เกียร์ไม่เจ้าชู้ครับ”

“แต่เกียร์มีอะไรกับแฟนชาวบ้านไม่ใช่เหรอ” ก็เพราะมิกกี้กับเปรมเอาแต่ไซโครฉัน ฉันเลยหลุดปาก แต่มันก็ไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอก “ขอโทษนะ แต่เรารู้เรื่องของเบล กับเปรม แล้วก็เกียร์แล้ว”

“ไอ้เปรมมันเล่าให้ฟังเหรอ” ดูท่าแล้วเปรมก็ไม่น่าจะไม่ชอบเกียร์คนเดียวแล้วนะ

“ไม่เรียกคนอื่นว่าไอ้แบบนั้นนะ” ฉันก็ไม่ได้สองมาตราฐานะ

“โอเคครับ” เขารับปากแล้วก็มองฉัน ฉันก็มองเขาอยู่ “ถ้าเปรมเล่าฝั่งของเปรมแล้ว งั้นเกียร์ขอเล่าฝั่งของเกียร์บ้างได้ไหม มินนี่จะได้ไม่ต้องฟังความข้างเดียวแล้วอคติ”

“ได้สิ” ฉันไม่มีปัญหาอะไรถึงทีแรกจะไม่ได้อยากรู้ก็เถอะ แต่ถ้าเปรมเล่า เกียร์ก็ควรจะเล่าได้เหมือนกัน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ใครอยากเล่าอะไรก็เชิญเลยจ้า....