อี้ชุนคุ้นเคยกับเติ้งเว่ยหมิงเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นคนรับชายหนุ่มเข้ามาทำงานด้วยตนเอง
เนื่องจากเติ้งเว่ยหมิงได้มีโอกาสช่วยชีวิตอี้ชุนขณะที่ถูกคนดักปล้น ซึ่งเป็นช่วงที่เติ้งเว่ยหมิงย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้ หลังจากช่วยเหลือกันแล้ว อี้ชุนต้องการตอบแทนบุญคุณ แต่เติ้งเว่ยหมิงปฏิเสธ
หลังจากพูดคุยกันอยู่พักใหญ่อี้ชุนก็รู้ว่าเขาจบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์มา แล้วยังเคยเป็นทหารมาก่อน และตอนนี้กำลังหางานทำ จึงชวนเติ้งเว่ยหมิงมาทำงานคุมเครื่องจักรในโรงงานของตัวเอง จึงนับว่าทั้งคู่ค่อนข้างมีความสนิทสนมกันอยู่พอสมควร
“ซุยหลันซี ภรรยาของผมครับ หลันหลัน คนนี้คือคุณอี้ชุนเถ้าแก่เจ้าของโรงงาน”
เติ้งเว่ยหมิงเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกัน
ซุยหลันซีจึงค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ เถ้าแก่อี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ อาหมิงฉันไม่คิดว่านายจะปิดบังเรื่องแต่งงานกับฉัน แต่เธอสวยงามและเหมาะสมกับนายมาก” เถ้าแก่อี้ค้อมหัวเล็กน้อยทักทายเธอกลับ แล้วหันไปพูดกับเติ้งเว่ยหมิง ตัดพ้อเขาเล็กน้อย แล้วเอ่ยชมด้วยความจริงใจ
ซุยหลันซีกลั้นยิ้มบนใบหน้ารับคำชม ส่วนเติ้งเว่ยหมิงแม้ใบหน้าจะเรียบเฉย แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าใบหูของเขาแดงระเรื่อ
“มาๆ นั่งลงก่อน มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
ทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเถ้าแก่อี้
“เถ้าแก่คะ พี่เว่ยหมิงบอกฉันเรื่องที่ทำงานผิดพลาดจนทำให้ผ้าเกิดความเสียหาย ตอนนี้ฉันได้หาวิธีที่แก้ปัญหานี้ได้แล้วค่ะ เถ้าแก่ลองดูนี่ก่อนนะคะ” ซุยหลันซีพูดพลางหยิบชุดตัวอย่างสีแดงเบอร์กันดีออกมายื่นส่งให้กับเถ้าแก่อี้ดู
“นี่มัน...”
“นี่เป็นชุดที่ฉันออกแบบโดยจะใช้ผ้าที่มีปัญหาค่ะ ก่อนมาที่นี่ฉันได้ติดต่อไปที่โรงงานตัดเย็บเฟิงหยุนเจรจาเรื่องการตัดเย็บชุดนี้เรียบร้อยแล้ว และทางเฟิงหยุนตกลงรับผลิตชุดให้กับฉันแล้ว อีกไม่กี่วันทางโรงงานเฟิงหยุนจะติดต่อมาที่นี่เพื่อสั่งซื้อผ้าพับนี้ค่ะ”
สายตาของอี้ชุนจับจ้องอยู่บนกระดาษวาดแบบ แล้วพูดออกมาเบาๆ
“ไม่น่าเชื่อว่าผ้าที่สีเพี้ยนไปแล้ว คุณยังสามารถทำให้มันมีคุณค่ามีราคาขึ้นมาได้ ผมนับถือคุณจริงๆ เก่งมากสมกับเป็นภรรยาของเว่ยหมิง” เถ้าแก่อี้พิจารณาแบบชุดที่หญิงสาวนำมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ถึงแม้ว่าโรงงานของเขาจะทำสิ่งทอเป็นหลัก แต่อยู่ในวงการนี้มานาน เรื่องแบบชุดเขาก็มีความรู้พอสมควร
ตอนที่ได้ยินเถ้าแก่โรงงานจินเซิงกล่าวชม หญิงสาวหันไปมองหน้าเติ้งเว่ยหมิงที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ เธอสบตาและยิ้มให้เขา ชายหนุ่มถึงกับหัวใจกระตุกวูบให้กับรอยยิ้มนั้น ในหัวพลันคิดถึงตอนที่เธอนอนกอดเขาในคืนนั้น
พอรู้สึกตัวชายหนุ่มรีบเบนสายตาหลบทันที ซุยหลันซีเห็นดังนั้นก็อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปพูดกับเถ้าแก่อี้ต่อ
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ เถ้าแก่อี้คะที่ฉันมาวันนี้นอกจากเรื่องผ้าที่มีปัญหาแล้ว ฉันยังอยากคุยเรื่องการทำธุรกิจร่วมกันด้วยค่ะ”
“ธุรกิจหรือ? ธุรกิจแบบไหนคุณลองเสนอมา”
เถ้าแก่อี้วางแบบชุดในมือลง เขานั่งพิงเก้าอี้ นำมือมาประสานกันไว้บนโต๊ะ ตั้งใจฟังข้อเสนอของหญิงสาวรุ่นลูกอย่างตั้งใจ
“นอกจากโรงงานเฟิงหยุนตกลงจะตัดเย็บชุดที่ฉันออกแบบให้โดยใช้ผ้าที่มีปัญหานั่นแล้ว ฉันยังได้เสนอว่าจะออกแบบลายผ้าเพื่อให้ทางเฟิงหยุนนำไปตัดชุดขาย นี่คือเหตุผลที่ฉันมาขอพบคุณในวันนี้ค่ะ สิ่งที่ฉันถนัดที่สุด คือการออกแบบลายผ้า พี่เว่ยหมิงบอกกับฉันว่าทางโรงงานจินเซิงรับผลิตผ้าตามความต้องการของลูกค้า
ในเมื่อสามีของฉันทำงานอยู่ที่นี่ ดังนั้นฉันจึงอยากให้จินเซิงผลิตลายผ้าตามที่ฉันออกแบบส่งให้กับทางเฟิงหยุน แบบนี้ทุกคนจะได้ประโยชน์จากความร่วมมือทางธุรกิจนี้
อีกอย่างจะถือว่าฉันเป็นตัวแทนให้กับทางเฟิงหยุนมาเจรจาเรื่องราคาก็ได้นะคะ ถ้าหากเราตกลงเรื่องราคากันได้ ทางจินเซิงก็จะได้ใบสั่งซื้อจากทางเฟิงหยุนตลอด
และหากว่าจินเซิงอยากเป็นเจ้าของลายผ้าเอง ฉันก็สามารถออกแบบให้กับทางโรงงานโดยเฉพาะได้ค่ะ ส่วนค่าออกแบบลายผ้าฉันขอแค่ร้อยละเจ็ดจากยอดขาย ไม่ทราบว่าข้อเสนอนี้เถ้าแก่อี้เห็นเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
ซุยหลันซีอธิบายถึงการค้าที่เธอตั้งใจมานำเสนอให้กับทางเถ้าแก่โรงงานจินเซิงได้ฟัง ซึ่งเธอมั่นใจว่าผลประโยชน์ที่ตนเองนำเสนอยุติธรรมสำหรับทุกฝ่ายแล้ว
“อือ เท่าที่ฟังมาดูเหมือนว่าทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกันจริงๆ แต่ว่าตั้งร้อยละเจ็ดเชียวหรือ ลดลงมาเหลือร้อยละห้าได้ไหม” เถ้าแก่อี้ใช้นิ้วมือเคาะลงไปบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด หลังจากที่ฟังข้อเสนอของหญิงตรงหน้าแล้วชั่วครู่
“เถ้าแก่คะ ฉันเป็นคนค่อนข้างซื่อสัตย์ต่อคู่ค้า และคิดว่าข้อเสนอของฉันเหมาะสมแล้ว ถ้าฉันจะเรียกเผื่อเพื่อต่อรอง ก็คงจะบอกไปแล้วว่าร้อยละสิบ ขอเถ้าแก่ลองพิจารณาอีกครั้งดูนะคะ”
ซุยหลันสีไม่ได้ตื่นตระหนกหรือไม่พอใจกับการต่อรองของเถ้าแก่อี้ เธอตอบกลับอย่างหนักแน่นด้วยน้ำเสียงสุภาพ ทำให้เถ้าแก่เจ้าของโรงงานจินเซิงถึงกับพยักหน้าพอใจกับการเสนอการค้าครั้งนี้
“ผมพอใจกับข้อเสนอการค้านี้นะ สำหรับใบสั่งซื้อที่มาจากเฟิงหยุน ผมยินดีให้ส่วนลดร้อยละห้าของยอดสั่งซื้อ และทุกครั้งผมก็จะจ่ายให้กับคุณซุยอีกร้อยละสอง โดยผมจะจ่ายให้ทันทีเมื่อได้รับการชำระเงินจากทางเฟิงหยุน แบบนี้คุณพอใจไหม?”
“พอใจค่ะ”
เธอตอบรับทันที ได้รับเงินช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร จะช้าจะเร็วอย่างไรก็ได้เงินอยู่ดี
“ได้! สำหรับลายผ้าที่ทางจินเซิงจะผลิตออกมาขายเอง ผมขอดูฝีมือการออกแบบลายผ้าที่คุณกำลังจะออกแบบให้กับทางเฟิงหยุนก่อนก็แล้วกันนะ”
เถ้าแก่อี้ถึงแม้จะมีความมั่นใจว่าหญิงสาวตรงหน้ามีฝีมือพอตัว แต่แค่ชุดที่ออกแบบชุดเดียวยังไม่สามารถใช้เป็นตัวตัดสินอะไรได้ เขาจึงอยากจะขอดูฝืมืออีกเล็กน้อย เนื่องจากการออกแบบลายผ้านั้นเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและยากกว่าออกแบบชุดมาก
“ไม่มีปัญหาค่ะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะคะ”
ซุยหลันซียิ้มแล้วค้อมศีรษะให้กับเถ้าแก่อี้
“ยินดีเช่นกันที่ได้ร่วมงานกับคุณ เอาไว้เมื่อทางผมพิมพ์สัญญาเสร็จแล้วจะฝากอาหมิงไปให้ก็แล้วกันนะ”
เถ้าแก่อี้สรุปอีกครั้ง หลังจากนั้นทั้งสองคนก็คุยซักถามกันอีกพักใหญ่ ก่อนที่ซุยหลันซีจะขอตัวกลับ
เถ้าแก่อี้ออกมาส่งเธอถึงด้านนอก ตามองตามแผ่นหลังของหญิงสาวแล้วตบไหล่ลูกน้องกึ่งผู้มีพระคุณพร้อมกับเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงยินดี
“อาหมิง นายมีภรรยาดีจริงๆ”
ชายหนุ่มยิ้มรับ แล้วเดินกลับไปทำงาน
ถึงแม้ว่าในระหว่างที่มีการเจรจาเกี่ยวกับธุรกิจ เขาจะเป็นฝ่ายนั่งฟังเงียบๆ ไม่ได้มีข้อเสนอหรือแสดงความคิดเห็น ทว่าพฤติกรรมของคุณหนูผู้หยิ่งยโสที่เปลี่ยนไปดั่งหน้ามือเป็นหลังมือก็ทำให้เติ้งเว่ยหมิงถึงกับคิ้วขมวด ในหัวของเขาวนเวียนคิดเรื่องนี้ตลอดทั้งวัน
เวลาบ่ายสองโมง เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นทำให้เติ้งเว่ยหมิงรีบวางผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลงในกะละมังแล้วลุกไปเปิดประตู ปรากฏว่าหลี่ชิงหรง เพื่อนบ้านยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าประตู“อาหมิง หลันหลันอยู่บ้านไหม พี่มีเรื่องจะมาบอก”“อยู่ครับ แต่ว่าตอนนี้หลันหลันน่าจะไม่สะดวกพบพี่นะครับ” เติ้งเว่ยหมิงแจ้งด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ไม่สะดวกเจอ หลันหลันเป็นอะไรหรือเปล่า”หลี่ชิงหรงถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“เป็นไข้ครับ ผมเลยให้นอนพัก”“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ตอนเช้าพี่มาเคาะประตูรอบหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีใครออกมาเปิด เลยมาอีกทีตอนบ่าย พี่อุตส่าห์เตือนแล้วเชียวว่าอย่าหักโหมทำงานหนัก เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน อาจจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ไม่เป็นไร รอให้หลันหลันหายดีก่อนก็แล้วกัน ฝากบอกหลันหลันด้วยละกันว่าพี่มาหา” หลี่ชิงหรงบ่นอุบอิบถึงเพื่อนบ้านรุ่นน้องที่เธอก็รักไม่ต่างกับน้องสาวตนเองจริงๆ“ครับแล้วผมจะบอกให้ ถ้าหลันหลันค่อยยังชั่วแล้วจะให้ไปหาพี่ชิงหรงนะครับ”“ได้ งั้นพี่กลับบ้านก่อนละกัน”หลี่ชิงหรงกลับไปแล้ว เติ้งเว่ยหมิงจึงปิดประตูเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ทรุดตัว
เช้าวันรุ่งขึ้นซุยหลันซีตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเติ้งเว่ยหมิง หญิงสาวถึงกับเขินอายและทำตัวไม่ถูก เธอรีบลุกออกไปจากเตียงเงียบๆ โดยหารู้ไม่ว่าชายหนุ่มผู้ที่ตกลงว่าจะเป็นสามีแต่เพียงในนามของเธอนั้นตื่นก่อนเธอนานแล้ว แต่เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจระหว่างพวกเขา ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นยังไม่ตื่นซุยหลันซีตบหน้าเรียกสติตนเองอยู่สองสามทีก่อนจะทำหน้าที่ของตนเองเหมือนทุกวันที่ผ่านมา นั่นก็คือทำอาหารและเตรียมของให้เติ้งเว่ยหมิงไปทำงานทั้งคู่นั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่บรรยากาศกลับไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่คิด เติ้งเว่ยหมิงมีรอยยิ้มแต้มมุมปากอยู่ตลอดเวลา ส่วนซุยหลันซีก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าอย่างเงียบๆหลังจากที่ชายหนุ่มออกไปทำงาน ซุยหลันซีถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเริ่มลงมือทำงานบ้าน ซักผ้าแล้วไปปลุกเด็กชายเล่อเล่อ ล้างหน้าให้เด็กชาย ดูแลให้เด็กน้อยกินอาหารเช้า เสร็จแล้วก็มานั่งทำงานออกแบบลายผ้าเล่อเล่อนั่งเล่นคนเดียวอย่างเงียบๆ เด็กชายชินแล้ว เขาจะไม่เข้าไปกวนเวลาพี่สาวคนสวยทำงาน เพราะแม่ของเขาสั่งมาว่าห้ามกวนพี่สาวคน
ในเย็นวันเดียวกันนั้น หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อย เติ้งเว่ยหมิงช่วยซุยหลันซีเก็บจานล้างทำความสะอาด โดยบอกให้เธอไปอาบน้ำส่วนตัวเขานั่งรออยู่บนเตียง ใบหน้าตึงเครียด คิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาหญิงสาวอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำ เดินไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง ใช้สายตามองชายหนุ่มผ่านทางกระจกบรรยากาศช่างน่าอึดอัดและเงียบจนซุยหลันซีรู้สึกไม่สบายใจจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม“พี่เว่ยหมิง พี่เป็นอะไรไปหรือเปล่า? หรือมีปัญหาอะไรที่ทำงานอีกไหม หรือว่าผู้จัดการจางทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจ?” ซุยหลันซีหยุดมือที่กำลังหวีผม หันหน้ามาทางเขาที่นั่งอยู่บนเตียง ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยเติ้งเว่ยหมิงไม่ตอบ เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองหญิงสาวราวกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าสายตาลุ่มลึกที่มองมาทำให้ซุยหลันซีรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่มก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเติ้งเว่ยหมิงผลักร่างของซุยหลันซี เธอไม่ทันได้ตั้งตัวล้มลงไปบนเตียงนอนเขาใช้มือข้างหนึ่งจับยึดข้อมือเล็กบางของเธอเอาไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างกดอยู่ที่เอวของเธอ ร่างสูงใหญ่
อี้ชุนคุ้นเคยกับเติ้งเว่ยหมิงเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นคนรับชายหนุ่มเข้ามาทำงานด้วยตนเองเนื่องจากเติ้งเว่ยหมิงได้มีโอกาสช่วยชีวิตอี้ชุนขณะที่ถูกคนดักปล้น ซึ่งเป็นช่วงที่เติ้งเว่ยหมิงย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้ หลังจากช่วยเหลือกันแล้ว อี้ชุนต้องการตอบแทนบุญคุณ แต่เติ้งเว่ยหมิงปฏิเสธหลังจากพูดคุยกันอยู่พักใหญ่อี้ชุนก็รู้ว่าเขาจบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์มา แล้วยังเคยเป็นทหารมาก่อน และตอนนี้กำลังหางานทำ จึงชวนเติ้งเว่ยหมิงมาทำงานคุมเครื่องจักรในโรงงานของตัวเอง จึงนับว่าทั้งคู่ค่อนข้างมีความสนิทสนมกันอยู่พอสมควร“ซุยหลันซี ภรรยาของผมครับ หลันหลัน คนนี้คือคุณอี้ชุนเถ้าแก่เจ้าของโรงงาน”เติ้งเว่ยหมิงเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันซุยหลันซีจึงค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนกล่าวทักทาย“สวัสดีค่ะ เถ้าแก่อี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”“ยินดีที่ได้รู้จักครับ อาหมิงฉันไม่คิดว่านายจะปิดบังเรื่องแต่งงานกับฉัน แต่เธอสวยงามและเหมาะสมกับนายมาก” เถ้าแก่อี้ค้อมหัวเล็กน้อยทักทายเธอกลับ แล้วหันไปพูดกับเติ้งเว่ยหมิง ตัดพ้อเขาเล็กน้อย แล้วเอ่ยชมด้วยความจริงใจซุยหลันซ
ซุยหลันซีมาถึงโรงงานสิ่งทอจินเซิงที่เติ้งเว่ยหมิงทำงานก็เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี โรงงานแห่งนี้มีสวัสดิการอาหารกลางวันให้กับพนักงานทุกคนซุยหลันซีเป็นเพียงคนนอกไม่ได้เป็นพนักงานของโรงงาน เมื่อแจ้งความประสงค์ว่าต้องการขอพบสามีแล้วเธอก็เดินออกมาด้านนอก เพื่อหาอาหารกลางวันรับประทาน เพราะต้องรอให้เติ้งเว่ยหมิงกินข้าวกลางวันเสร็จก่อน เสร็จจากมื้อกลางวันก็เดินกลับเข้าไปที่โรงงานอีกครั้งเธอรออยู่ที่ห้องรับรองของโรงงาน ไม่นานเติ้งเว่ยหมิงก็เดินออกมา“พี่เว่ยหมิงมาแล้วเหรอคะ” ซุยหลันซีลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเขา“ทำไมคุณถึงมานี่นี่ล่ะ? แล้วที่โรงงานเฟิงหยุนเป็นยังไงบ้าง สำเร็จไหม?”เติ้งเว่ยหมิงรู้ว่าวันนี้เธอไปที่โรงงานตัดเย็บผ้าเฟิงหยุนจึงถามเช่นนี้ แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือทำไมเธอถึงมาหาเขาที่โรงงานหรือว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายขนาดนั้น?เติ้งเว่ยหมิงขมวดคิ้วแน่น“พี่เว่ยหมิง ฝีมือระดับฉันแล้วจะพลาดเหรอคะ ว่าแต่พี่พอจะพาฉันไปพบเถ้าแก่โรงงานของพี่ได้ไหม ฉันมีข้อเสนอเรื่องธุรกิจจะมาคุยกับเขาค่ะ” ซุยหลันซียืดอกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียง
“คุณซุย ฉันยอมรับว่าชุดที่คุณออกแบบมามันน่าทึ่งมาก คุณสามารถออกแบบชุดเพื่อมาจัดการกับผ้าที่ผลิตผิดพลาดได้ดี ฉันต้องยอมรับในความสามารถของคุณจริงๆ ตั้งแต่ฉันเปิดรับสมัครมาเป็นเวลาสามเดือน มีแบบของคุณซุยนี่แหละที่เข้าตาฉันมากที่สุด” หวงเสี่ยวเหมยเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น“ขอบคุณนะคะที่ชอบชุดของฉัน อันที่จริงที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะต้องการความร่วมมือของคุณค่ะ ฉันใช้ผ้าที่เหลือมาตัดชุดที่ฉันออกแบบ นอกจากชุดที่ฉันตัดมาเป็นตัวอย่างในวันนี้แล้ว ฉันว่าจะออกแบบอีกสักสองสามชุด มีชุดให้ลูกค้าเลือกหลายๆ แบบจะขายได้ง่ายกว่า ร้านค้าส่งที่เป็นคู่ค้าของโรงงานเฟิงหยุนสามารถช่วยขายชุดได้ ฉันเชื่อว่าต้องมีใบสั่งซื้อเพิ่มอีกแน่นอน” ซุยหลันซีโน้มน้าวเถ้าแก่เนี้ยอย่างสุดกำลัง เพราะอยากช่วยแก้ปัญหาให้กับเติ้งเว่ยหมิง นอกจากนี้อาจทำกำไรได้อีกนิดหน่อย“โรงงานเฟิงหยุนยินดีที่จะทำตามที่คุณซุยนำเสนอ แต่ว่าเฟิงหยุนของฉันจะได้อะไรบ้างคะ?” หวงเสี่ยวเหมยแสดงความยินดีที่จะทำตามข้อเสนอของซุยหลันซี แต่ก็ยังคงต่อรองถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ สมกับเป็นเถ้าแก่เนี้ยเจ้าของโรงงานผู้มากประสบการณ์ ที่ไม่เคยเก็บงำเขี้