Beranda / ประวัติศาสตร์สมมติ / Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ / ตอนที่ 4 เป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ง่ายเลย

Share

ตอนที่ 4 เป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ง่ายเลย

last update Terakhir Diperbarui: 2025-09-08 03:25:23

แสงแดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามาในห้องนอนแคบๆ ของบ้านชั้นสองในตึกห้าชั้น ซุยหลันซีค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เธอยกมือขึ้นป้องแสงแดดที่ส่องเข้ามากระทบใบหน้า จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านนอกจากเธอคนเดียว

“อ้าว พี่เว่ยหมิงไม่อยู่เหรอเนี่ย” ซุยหลันซีพึมพำกับตัวเอง สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาเก้าโมงเช้า ซุยหลันซีถึงกับสะดุ้งโหยง

“ตายแล้ว! สายขนาดนี้แล้วเหรอ”

หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นกระดาษหนึ่งแผ่น มีซองสีแดงวางอยู่บนนั้น เธอหยิบขึ้นมาดูบนกระดาษมีตัวหนังสือเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบ

ผมไปทำงาน กลับบ้านตอนเย็น ผมทำอาหารไว้ให้ ถ้าอยากกินร้อนๆ ก็อุ่นเอาได้ ส่วนเงินนี้ผมให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายตามที่บอกไว้

ลงชื่อ เติ้งเว่ยหมิง

ซุยหลันซีเปิดซองสีแดง มีเงินสดห้าสิบหยวนอยู่ในนั้นอย่างที่เขาบอกไว้ จึงเดินเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋าถือที่อยู่ในห้องนอน จากนั้นเดินกลับมายังโต๊ะอาหาร

บนโต๊ะมีอาหารอยู่สองอย่าง จานหนึ่งเป็นผัดผัก ไม่มีเนื้อ กับอีกจานเป็นเต้าหู้ยัดไส้นึ่งซีอิ๊ว มีหม้อข้าววางไว้ข้างๆ พร้อมกับถ้วยเปล่าและตะเกียบ

เห็นอาหารบนโต๊ะ ท้องก็เริ่มประท้วง แต่อาหารนี่เขาน่าจะทำไว้นานแล้วเอามือไปแตะดูพบว่าเย็นหมดแล้ว ซุยหลันซีเดินไปตรงหน้าเตา กระทะใบใหญ่ล้างสะอาดมีฝาปิดวางอยู่บนนั้น ก้มลงมองด้านล่างมีช่องสำหรับจุดไฟอยู่ข้างใต้ และถุงถ่าน

“จุดเตาแค่นี้มันจะไปยากอะไร”

ซุยหลันซีขลุกอยู่หน้าเตาอยู่นานก็ไม่สามารถจุดไฟขึ้นมาได้ ทำให้นึกเสียใจอยู่เล็กน้อยที่ตอนเป็นเด็กไม่ได้สนใจ

เธอจำได้ว่าตอนที่เธอยังเล็กแม่พาไปบ้านที่ชนบทเพื่อเยี่ยมยายทุกปีใหม่ บ้านของยายยังใช้เตาดินที่ก่อด้วยอิฐ แม้จะมีเตาแก๊สให้ใช้แล้วก็ตาม ยายบอกว่ารสชาติของอาหารทำจากเตาถ่านจะอร่อยกว่า

ตอนนั้นเธอทำแค่ช่วยหยิบถ่านใส่เตา แต่ไม่เคยได้จุดเตาเอง ยายเคยพูดเอาไว้ว่า ‘เกิดมาทักษะพื้นฐานการใช้ชีวิตต้องทำให้เป็น’พอมาตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว

ความสะดวกสบายในยุคที่เธอจากมา ทำให้คนเราหลงลืมทักษะพื้นฐานพวกนี้ไปจริงๆ

หลังจากปลุกปล้ำอยู่นาน สุดท้ายซุยหลันซีก็ไม่สามารถจุดไฟได้ ใบหน้าของเธอมอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่นและเถ้าถ่าน ตอนนี้นึกเสียใจแล้วจริงๆ ที่ไม่ตั้งใจเรียนวิชาแรงงาน[1]

“ช่างเถอะ กินมันทั้งไม่อุ่นแบบนี้ก็ได้” คิดได้ดังนั้นเธอจึงล้มเลิกความตั้งใจ

กำลังจะเดินไปล้างมือก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง เธอขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ผละมือจากเตาเดินไปเปิดประตู มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู ข้างๆ เธอมีเด็กผู้ชายหน้าตาเกลี้ยงเกลาด้วยอีกคน หญิงสาวสวมชุดกี่เพ้า[2]สีเขียว สวมทับด้วยเสื้อคลุมไหมพรมบางๆ

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานใสกล่าวทักทายดังขึ้นเมื่อซุยหลันซีเปิดประตู

“ฉันชื่อหลี่ชิงหรงค่ะ อยู่ห้องข้างๆ ส่วนนี่ลูกชายฉัน เล่อเล่อเมื่อวานฉันเห็นอาหมิงพาผู้หญิงกลับมาด้วย คุณคงเป็นภรรยาของอาหมิงใช่ไหมคะ”

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซุยหลันซี เป็นภรรยาของพี่เว่ยหมิงค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ซุยหลันซีทักทายตอบพลางยิ้มให้เล็กน้อย

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะใสๆ ของเด็กชายก็ดังขึ้น “พี่สาวครับ หน้าพี่สาวดำเหมือนหมีเลยครับ”

หลี่ชิงหรงรีบปรามลูกชาย “เล่อเล่อ เด็กคนนี้ ต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ” เธอหันมาทางซุยหลันซี สีหน้าเป็นกังวล “ฉันขอโทษแทนลูกชาย อย่าถือสาเด็กคนนี้เลยนะคะ?”

ซุยหลันซียกมือเช็ดหน้า เมื่อเห็นคราบดำติดมือก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฉะ...ฉันกำลังพยายามจุดเตาถ่านนะคะ แต่ว่า...” เธอชะงักไป ไม่กล้าบอกว่าตัวเองทำไม่เป็น

“อ้อ คุณคงจุดเตาถ่านไม่เป็นใช่ไหมคะ อาหมิงบอกว่าจะกลับไปรับภรรยามาอยู่ด้วย คุณคงมาจากปักกิ่ง ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร พี่สาวคนนี้สามารถสอนได้นะคะ”

ซุยหลันซีลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มจริงใจของหลี่ชิงหรงและดวงตาเป็นประกายของเล่อเล่อ เธอก็ตัดสินใจ

“ขอบคุณมากค่ะ เชิญเข้ามาก่อนสิคะ”

หลี่ชิงหรงยื่นถุงผ้าใบเล็กที่ใส่ขนมเปี๊ยะกับชาให้ซุยหลันซี “นี่ค่ะ ของฝากเล็กๆ น้อยๆ เป็นธรรมเนียมต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่ของที่นี่”

ซุยหลันซีรับถุงผ้าใบเล็กด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ขอบคุณมากค่ะ พี่สาวใจดีจังค่ะ”

เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “ต่อไปพี่สาวก็เรียกฉันว่า หลันหลันก็ได้นะคะ”

ถึงแม้เพิ่งได้พูดคุยกันไม่กี่ประโยค แต่ท่าทางอ่อนโยนและจริงใจของหญิงมีอายุตรงหน้าทำให้ซุยหลันซีรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด เธอไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกผ่อนคลายกับคนแปลกหน้าได้เร็วขนาดนี้

“จริงเหรอคะ? งั้นหลันหลันก็เรียกฉันว่าพี่ชิงหรงได้เลยค่ะ” หลี่ชิงหรงตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง “จริงๆ พี่รู้จักกับสามีของเธอมาหลายปีแล้วล่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกันมานาน”

คำพูดนั้นทำให้ซุยหลันซีรู้สึกโล่งอก ความไว้วางใจค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจของเธอ ‘อ้อ อย่างนี้นี่เอง’ เธอพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองไปที่เด็กชายข้างๆ ซึ่งกำลังมองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย

ในช่วงเวลาปกติ เธอคงไม่กล้าเชิญคนแปลกหน้าเข้าบ้านง่ายๆ แบบนี้ แต่บรรยากาศอบอุ่นและการมีเด็กน้อยอยู่ด้วยทำให้ความระแวดระวังของเธอลดลงอย่างน่าประหลาด อีกทั้งความจำเป็นในการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานก็มีส่วนผลักดันให้เธอตัดสินใจเช่นนี้

ทั้งสามเดินเข้าไปในครัวที่ยังคงมีควันลอยฟุ้ง หลี่ชิงหรงเริ่มสอนวิธีจุดเตาถ่านอย่างละเอียด ตั้งแต่การจัดวางถ่าน การใช้กระดาษและไม้ขีดไฟ ไปจนถึงการพัดให้ไฟลุกท่วม

เล่อเล่อยืนมองด้วยความสนใจ บางครั้งก็ช่วยส่งอุปกรณ์ให้แม่ “แม่ครับ ให้ผมลองพัดไฟได้ไหมครับ?”

“ได้จ้ะ แต่ลูกต้องระวังนะ” หลี่ชิงหรงยิ้มให้ลูกชาย

ไม่นานนัก ไฟในเตาก็ถูกจุดขึ้น ซุยหลันซีรีบเดินไปที่อ่างล้างจานทำความสะอาดคราบสกปรกบนใบหน้า รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็สามารถจัดการกับเตาถ่านได้สำเร็จ

จากนั้นจัดการอุ่นอาหารบนโต๊ะ กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง

“ขอบคุณมากนะคะ พี่ชิงหรง เล่อเล่อ” ซุยหลันซียิ้มกว้าง “ถ้าไม่ได้พวกพี่ ป่านนี้ฉันคงยังนั่งหิวอยู่”

หลี่ชิงหรงยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีก บอกได้เลยนะคะ”

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

ซุยหลันซีรู้สึกอบอุ่นใจกับน้ำใจของเพื่อนบ้านคนใหม่

“พี่สาวครับ กับข้าวหอมจัง” เล่อเล่อเอ่ยขึ้นอย่างอายๆ บิดลำตัวไปมามือก็ลูบท้องไปด้วย เสียงท้องของเด็กชายร้องดังขึ้นเบาๆ

“ตายแล้ว เล่อเล่อ ลูกเพิ่งกินมื้อเช้าไปตอนเจ็ดโมงนี่เองนะ” หลี่ชิงหรงดุลูกชายเสียงเข้ม น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนโยนแม้จะพยายามทำเสียงดุ

“แต่แม่ครับ มันหอมมาก” เล่อเล่อตอบพลางทำตาปริบๆ

ซุยหลันซีหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะพี่ชิงหรง มาตรงนี้มา” เธอจูงมือเด็กชายมานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหาร จัดการตักข้าวมาสองถ้วยสำหรับตนเองกับเด็กชาย โดยมีหลี่ชิงหรงนั่งข้างๆ ลูกชาย

“พี่ชิงหรงพี่กินด้วยกันนะคะ”

หลี่ชิงหรงปฏิเสธอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกินมื้อเช้ามาแล้ว พวกเธอกินกันเถอะ พี่นั่งเป็นเพื่อนก็พอแล้ว”

เล่อเล่อกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ซุยหลันซีกับหลี่ชิงหรงมีโอกาสได้พูดคุยกันระหว่างที่กินอาหาร บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองแผ่ซ่านไปทั่วห้อง ทำให้ใจของซุยหลันซีสงบลงมาก

[1] วิชานี้เป็นวิชาที่สอนทักษะการใช้ชีวิตและการทำงานในโรงเรียนจีน ซึ่งรวมถึงการทำงานบ้าน การเกษตร และงานช่างพื้นฐาน

[2] หรือเรียกว่าฉีผาว เป็นเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวันของหญิงชาวจีนตั้งในสมัยราชวงศ์ชิง โดยเป็นชุดที่เกิดจากการหลอมรวมของชนเผ่าต่างๆในจีน ชุดกี่เพ้าจึงถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวจีน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 7 ซุยหลันซีปี 2025

    เสียงเครื่องช่วยหายใจดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลกลางเมืองปักกิ่ง ซุยหลันซีในชุดคนไข้นอนหลับนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าไร้สีเลือด แต่ยังคงความงดงามแฝงด้วยความสงบ ห้องที่เธอนอนอยู่ดูอบอุ่นกว่าห้องพักฟื้นทั่วไป ข้างเตียงมีกระถางดอกลิลลี่สีขาววางไว้ เติมความสดชื่นให้กับบรรยากาศ“นี่ฉัน...กลับมาที่ยุคของฉันแล้วใช่ไหม?”เธอถามตัวเอง หลังจากที่ยืนมองร่างของตนเองที่นอนอยู่บนเตียงจากนั้น ก็มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นหน้าห้องพักฟื้น เสียงนี้คุ้นเคยจนเธอรู้สึกอบอุ่น เพ่ยเพ่ยเดินเข้ามาเป็นคนแรก ตามด้วยลี่ลี่และเหอจิ้ง พวกเขาต่างถือถุงใส่อาหารและเครื่องดื่มมาด้วย สีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี“หลันหลัน! เธอต้องภูมิใจแน่ๆ”เพ่ยเพ่ยวางถุงไว้ที่โต๊ะข้างเตียง พร้อมกับจับมือขวาของซุยหลันซีขึ้นมาจับไว้ “คอมมิคของพวกเราผ่านการพิจารณาแล้วนะ! สำนักพิมพ์ใหญ่เซ็นสัญญาแล้วด้วย”ลี่ลี่หัวเราะเบาๆ “ใช่แล้ว จะขี้เซานอนไปถึงเมื่อไหร่ ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นดีใจ ฉลองกับพวกเราดีกว่าไหม”เหอจิ้งที่มักพูดน้อยที่สุดในกลุ่ม พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเราส

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 6 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 4

    ในงานเลี้ยงหลังการแสดงแบบ ซุยหลันซีกำลังจิบน้ำชาอย่างสงบ ด้วยเธอยังให้นมลูกอยู่จึงไม่สะดวกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สายตากวาดมองผู้คนที่กำลังสนทนากันอย่างออกรส เสียงหัวเราะ เสียงแก้วกระทบกันดังแว่วมาเป็นระยะ“คุณซุย” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักขึ้นเป็นภาษาจีนกลางที่มีสำเนียงกวางตุ้งแทรกซุยหลันซีหันไปพบกับชายวัยกลางคนในชุดสูทสีเทาเข้ม รูปร่างท้วมภูมิฐาน เขายิ้มอย่างมีไมตรีก่อนแนะนำตัว“ผมหว่องไห่เฉิง จากห้างสรรพสินค้าไท่ผิงหยางในฮ่องกงครับ” เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย “ชุดที่คุณออกแบบ...น่าสนใจมากทีเดียว”เติ้งเว่ยหมิงที่ยืนอยู่ข้างภรรยา สังเกตเห็นประกายในดวงตาของนักธุรกิจผู้นี้ นั่นคือสายตาของคนที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ“ขอบคุณมากค่ะ” ซุยหลันซีตอบอย่างถ่อมตน พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ“ทราบมาว่าคุณเพิ่งเริ่มออกแบบได้ไม่นาน” หว่องไห่เฉิงเอ่ยต่อ สายตาประเมินอย่างแยบยล “แต่ลายเส้นของคุณ...มันมีอะไรบางอย่างที่พิเศษ”“คุณชมเกินไปแล้วค่ะ” ซุยหลันซียิ้มบาง “ฉันแค่พยายามผสมผสานความงามแบบดั้งเดิมเข้ากับรสนิยมร่วมสมัย”“นั่นสิ” หว่องไห่เฉิงพยักหน้าอย่างเห็

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 5 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 3

    ในเวลาตอนเย็นที่เป็นการแสดงที่แท้จริง ทุกคนจากคณะของประเทศจีนก็มาเตรียมตัวในส่วนที่ทางเจ้าภาพจัดให้ไว้ ไมเคิลมาประกบคณะจากโรงงานเฟิ่งหยุนตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วที่ห้องเตรียมตัวชั้นล่างของโรงแรม ซึ่งเป็นห้องที่มีการจัดงาน เทศกาลแฟชั่นและวัฒนธรรมนานาชาติฮ่องกง ปี 1986 ซุยหลันซียืนจ้องชุด ‘กำเนิดหงส์ทอง’ ที่แขวนอยู่บนราวด้วยสายตาพิถีพิถัน ผ้าไหมสีม่วงอมน้ำเงินเข้มเป็นประกายระยับใต้แสงไฟ ลายปักนกหงส์ทองและดอกโบตั๋นที่ปักด้วยด้ายเงินดูมีชีวิตชีวา“พี่หลันหลัน” เสี่ยวน่าที่เพิ่งแต่งหน้าเสร็จเดินเข้ามาหา “พี่คิดว่าชุดนี้จะได้รับความสนใจจากนักธุรกิจฮ่องกงไหมคะ”“แน่นอนสิจ๊ะ” ซุยหลันซียิ้มให้กำลังใจ“เธอสวยมากวันนี้ เสี่ยวจูแต่งหน้าให้เข้ากับชุดได้ดีทีเดียว”เสี่ยวจูที่ยืนจัดอุปกรณ์แต่งหน้าอยู่ข้างๆ ยิ้มด้วยความภูมิใจ “ฉันตั้งใจมากเลยนะคะ วันนี้ต้องให้เสี่ยวน่าสวยที่สุด”หวงเสี่ยวเหมยเดินเข้ามาพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่ง “นี่ลำดับการเดินแบบ เราเป็นลำดับที่สาม ต่อจากร้านเสื้อดังของฮ่องกง”ซุยหลันซีพยักหน้า มือเธอสัมผัสผ้าไหมของชุดอีกครั้ง นึกถึงคำพู

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 4 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 2

    รุ่งขึ้นหลังจากที่กินอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว ไมเคิลก็มาพาคณะของประเทศจีนไปเยี่ยมชมสถานที่เป็นแลนด์มาร์กของฮ่องกง ซึ่งก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนของโรงงานเฟิงหยุนนั่นเองฟ้าใสไร้เมฆในยามสายทำให้การเริ่มต้นทัวร์ฮ่องกงของพวกเขาเป็นไปอย่างสดใส ไมเคิลวางแผนเส้นทางอย่างละเอียด เริ่มจากพีคแทรมที่พาทุกคนขึ้นสู่จุดชมวิวบนยอดเขาวิกตอเรีย“นี่คือพีคแทรม รถรางที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 1888” ไมเคิลอธิบายขณะที่พวกเขานั่งอยู่ในรถรางไม้เก่าแก่ที่กำลังไต่ระดับขึ้นไปบนเขาวิกตอเรีย เสียงล้อเหล็กครูดกับรางดังเป็นจังหวะซุยหลันซีนั่งข้างหน้าต่างบานเล็ก มือข้างหนึ่งโอบอุ้มซุยอวี้เซียนที่กำลังงอแง เด็กน้อยคงไม่คุ้นชินกับการเดินทางแบบนี้ ส่วนเติ้งเจียหาวนั่งบนตักของเติ้งเว่ยหมิง มือน้อยๆ เกาะขอบหน้าต่างแน่น ทุกครั้งที่รถรางสั่นไหว“พี่เสี่ยวเหมยคะ ดูตึกพวกนั้นสิ” เสี่ยวจูชี้ไปยังอาคารสูงสิบกว่าชั้นที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมอ่าว ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นหวงเสี่ยวเหมยมองตามนิ้วชี้ของเสี่ยวจู ใบหน้าเผยความประหลาดใจไม่ต่างกัน “ฮ่องกงช่างแตกต่างจากกว่างโจวจริ

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 3 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 1-2

    ซุยหลันซีเดินทางมาถึงวันจัดงานก่อนล่วงหน้าถึงสามวัน เนื่องจากว่าเธอเดินทางกับเด็กเล็กจึงต้องการให้มีเวลาได้พักผ่อนไมเคิล เป็นคนที่มีความสามารถพูดได้หลายภาษา ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีนกลาง ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนกวางตุ้ง ซึ่งเป็นภาษาหลักของคนพื้นเมืองของฮ่องกง แต่ภาษาทางการคือภาษาอังกฤษเนื่องจากฮ่องกงยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรนั่นเอง ในการสื่อสาร ไมเคิลใช้ภาษาจีนกลางในการสื่อสารจากคณะที่มาจากประเทศจีนด้วยการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพของไมเคิล ทำให้ขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น คณะของพวกเขาได้รับสิทธิพิเศษในการผ่านช่องทางสำหรับแขกของรัฐบาล“โรงแรมที่พวกเราจะเข้าพักคือ เดอะซาเลสเบอรี วายเอ็มซีเอ ตั้งอยู่ในย่านจิมซาจุ่ยครับ” ไมเคิลอธิบายขณะนำทางทุกคนขึ้นรถบัสปรับอากาศ“เป็นโรงแรมระดับสี่ดาวที่มีวิวสวยที่สุดแห่งหนึ่งของฮ่องกง พวกคุณจะได้เห็นอ่าววิกตอเรียและเส้นขอบฟ้าของเกาะฮ่องกงได้อย่างชัดเจนจากห้องพัก”หวงเสี่ยวเหมยกระซิบกับซุยหลันซี “โชคดีจริงๆ ที่ได้ท่านนายพลกุ้ยช่วย ถึงได้พักโรงแรมระดับนี้ในราคาถูก”ซุยหลันซีพยักห

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนพิเศษ 3 การแสดงแบบเสื้อที่ฮ่องกง 1-1

    หนึ่งวันก่อนการเดินทางไปฮ่องกง ที่โรงงานเฟิงหยุน มีการประชุมกันเป็นครั้งสุดท้ายอีกครั้ง“ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม?”เสียงใสของหวงเสี่ยวเหมยดังขึ้นในห้องประชุมของโรงงานเฟิงหยุน หญิงสาวกำลังตรวจรายการเอกสารและสัมภาระครั้งสุดท้ายก่อนการเดินทางไกลไปถึงต่างประเทศซุยหลันซีพยักหน้า พลางก้มมองแฟ้มเอกสารตรงหน้า ภายในบรรจุแบบเสื้อที่เธอทุ่มเทออกแบบจนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ชุด ‘กำเนิดหงส์ทอง’ จะได้ร่วมแสดงในงานเดินแบบที่ฮ่องกง งานนี้จัดขึ้นเป็นกรณีพิเศษภายใต้โครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงวันเวลาจากหกเดือนมาเป็นหนึ่งปี“นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญของพวกเรา” หวงเสี่ยวเหมยเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง“งานนี้จะมีนักธุรกิจจากฮ่องกงมาร่วมงานมากมาย ถ้าพวกเขาสนใจในแบบของเรา... ดังนั้นขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานออกมาให้อย่างเต็มที่”ซุยหลันซีนักออกแบบ เสี่ยวน่านางแบบและเสี่ยวจูช่างแต่งหน้าที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะต่างพยักหน้ารับ พวกเธอจะร่วมเดินทางไปในฐานะผู้ช่วย&nbs

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status