หน้าหลัก / ประวัติศาสตร์สมมติ / Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ / ตอนที่ 4 เป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ง่ายเลย

แชร์

ตอนที่ 4 เป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ง่ายเลย

ผู้เขียน: มายารัตติกาล
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-08 03:25:23

แสงแดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างบานเล็กเข้ามาในห้องนอนแคบๆ ของบ้านชั้นสองในตึกห้าชั้น ซุยหลันซีค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เธอยกมือขึ้นป้องแสงแดดที่ส่องเข้ามากระทบใบหน้า จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกก็เห็นว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านนอกจากเธอคนเดียว

“อ้าว พี่เว่ยหมิงไม่อยู่เหรอเนี่ย” ซุยหลันซีพึมพำกับตัวเอง สายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาเก้าโมงเช้า ซุยหลันซีถึงกับสะดุ้งโหยง

“ตายแล้ว! สายขนาดนี้แล้วเหรอ”

หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นกระดาษหนึ่งแผ่น มีซองสีแดงวางอยู่บนนั้น เธอหยิบขึ้นมาดูบนกระดาษมีตัวหนังสือเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบ

ผมไปทำงาน กลับบ้านตอนเย็น ผมทำอาหารไว้ให้ ถ้าอยากกินร้อนๆ ก็อุ่นเอาได้ ส่วนเงินนี้ผมให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายตามที่บอกไว้

ลงชื่อ เติ้งเว่ยหมิง

ซุยหลันซีเปิดซองสีแดง มีเงินสดห้าสิบหยวนอยู่ในนั้นอย่างที่เขาบอกไว้ จึงเดินเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋าถือที่อยู่ในห้องนอน จากนั้นเดินกลับมายังโต๊ะอาหาร

บนโต๊ะมีอาหารอยู่สองอย่าง จานหนึ่งเป็นผัดผัก ไม่มีเนื้อ กับอีกจานเป็นเต้าหู้ยัดไส้นึ่งซีอิ๊ว มีหม้อข้าววางไว้ข้างๆ พร้อมกับถ้วยเปล่าและตะเกียบ

เห็นอาหารบนโต๊ะ ท้องก็เริ่มประท้วง แต่อาหารนี่เขาน่าจะทำไว้นานแล้วเอามือไปแตะดูพบว่าเย็นหมดแล้ว ซุยหลันซีเดินไปตรงหน้าเตา กระทะใบใหญ่ล้างสะอาดมีฝาปิดวางอยู่บนนั้น ก้มลงมองด้านล่างมีช่องสำหรับจุดไฟอยู่ข้างใต้ และถุงถ่าน

“จุดเตาแค่นี้มันจะไปยากอะไร”

ซุยหลันซีขลุกอยู่หน้าเตาอยู่นานก็ไม่สามารถจุดไฟขึ้นมาได้ ทำให้นึกเสียใจอยู่เล็กน้อยที่ตอนเป็นเด็กไม่ได้สนใจ

เธอจำได้ว่าตอนที่เธอยังเล็กแม่พาไปบ้านที่ชนบทเพื่อเยี่ยมยายทุกปีใหม่ บ้านของยายยังใช้เตาดินที่ก่อด้วยอิฐ แม้จะมีเตาแก๊สให้ใช้แล้วก็ตาม ยายบอกว่ารสชาติของอาหารทำจากเตาถ่านจะอร่อยกว่า

ตอนนั้นเธอทำแค่ช่วยหยิบถ่านใส่เตา แต่ไม่เคยได้จุดเตาเอง ยายเคยพูดเอาไว้ว่า ‘เกิดมาทักษะพื้นฐานการใช้ชีวิตต้องทำให้เป็น’พอมาตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว

ความสะดวกสบายในยุคที่เธอจากมา ทำให้คนเราหลงลืมทักษะพื้นฐานพวกนี้ไปจริงๆ

หลังจากปลุกปล้ำอยู่นาน สุดท้ายซุยหลันซีก็ไม่สามารถจุดไฟได้ ใบหน้าของเธอมอมแมมเต็มไปด้วยฝุ่นและเถ้าถ่าน ตอนนี้นึกเสียใจแล้วจริงๆ ที่ไม่ตั้งใจเรียนวิชาแรงงาน[1]

“ช่างเถอะ กินมันทั้งไม่อุ่นแบบนี้ก็ได้” คิดได้ดังนั้นเธอจึงล้มเลิกความตั้งใจ

กำลังจะเดินไปล้างมือก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง เธอขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ผละมือจากเตาเดินไปเปิดประตู มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู ข้างๆ เธอมีเด็กผู้ชายหน้าตาเกลี้ยงเกลาด้วยอีกคน หญิงสาวสวมชุดกี่เพ้า[2]สีเขียว สวมทับด้วยเสื้อคลุมไหมพรมบางๆ

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานใสกล่าวทักทายดังขึ้นเมื่อซุยหลันซีเปิดประตู

“ฉันชื่อหลี่ชิงหรงค่ะ อยู่ห้องข้างๆ ส่วนนี่ลูกชายฉัน เล่อเล่อเมื่อวานฉันเห็นอาหมิงพาผู้หญิงกลับมาด้วย คุณคงเป็นภรรยาของอาหมิงใช่ไหมคะ”

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซุยหลันซี เป็นภรรยาของพี่เว่ยหมิงค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” ซุยหลันซีทักทายตอบพลางยิ้มให้เล็กน้อย

ทันใดนั้น เสียงหัวเราะใสๆ ของเด็กชายก็ดังขึ้น “พี่สาวครับ หน้าพี่สาวดำเหมือนหมีเลยครับ”

หลี่ชิงหรงรีบปรามลูกชาย “เล่อเล่อ เด็กคนนี้ ต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ” เธอหันมาทางซุยหลันซี สีหน้าเป็นกังวล “ฉันขอโทษแทนลูกชาย อย่าถือสาเด็กคนนี้เลยนะคะ?”

ซุยหลันซียกมือเช็ดหน้า เมื่อเห็นคราบดำติดมือก็อดหัวเราะไม่ได้ “ฉะ...ฉันกำลังพยายามจุดเตาถ่านนะคะ แต่ว่า...” เธอชะงักไป ไม่กล้าบอกว่าตัวเองทำไม่เป็น

“อ้อ คุณคงจุดเตาถ่านไม่เป็นใช่ไหมคะ อาหมิงบอกว่าจะกลับไปรับภรรยามาอยู่ด้วย คุณคงมาจากปักกิ่ง ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร พี่สาวคนนี้สามารถสอนได้นะคะ”

ซุยหลันซีลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มจริงใจของหลี่ชิงหรงและดวงตาเป็นประกายของเล่อเล่อ เธอก็ตัดสินใจ

“ขอบคุณมากค่ะ เชิญเข้ามาก่อนสิคะ”

หลี่ชิงหรงยื่นถุงผ้าใบเล็กที่ใส่ขนมเปี๊ยะกับชาให้ซุยหลันซี “นี่ค่ะ ของฝากเล็กๆ น้อยๆ เป็นธรรมเนียมต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่ของที่นี่”

ซุยหลันซีรับถุงผ้าใบเล็กด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ขอบคุณมากค่ะ พี่สาวใจดีจังค่ะ”

เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “ต่อไปพี่สาวก็เรียกฉันว่า หลันหลันก็ได้นะคะ”

ถึงแม้เพิ่งได้พูดคุยกันไม่กี่ประโยค แต่ท่าทางอ่อนโยนและจริงใจของหญิงมีอายุตรงหน้าทำให้ซุยหลันซีรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด เธอไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกผ่อนคลายกับคนแปลกหน้าได้เร็วขนาดนี้

“จริงเหรอคะ? งั้นหลันหลันก็เรียกฉันว่าพี่ชิงหรงได้เลยค่ะ” หลี่ชิงหรงตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง “จริงๆ พี่รู้จักกับสามีของเธอมาหลายปีแล้วล่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกันมานาน”

คำพูดนั้นทำให้ซุยหลันซีรู้สึกโล่งอก ความไว้วางใจค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจของเธอ ‘อ้อ อย่างนี้นี่เอง’ เธอพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองไปที่เด็กชายข้างๆ ซึ่งกำลังมองเธอด้วยดวงตาเป็นประกาย

ในช่วงเวลาปกติ เธอคงไม่กล้าเชิญคนแปลกหน้าเข้าบ้านง่ายๆ แบบนี้ แต่บรรยากาศอบอุ่นและการมีเด็กน้อยอยู่ด้วยทำให้ความระแวดระวังของเธอลดลงอย่างน่าประหลาด อีกทั้งความจำเป็นในการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานก็มีส่วนผลักดันให้เธอตัดสินใจเช่นนี้

ทั้งสามเดินเข้าไปในครัวที่ยังคงมีควันลอยฟุ้ง หลี่ชิงหรงเริ่มสอนวิธีจุดเตาถ่านอย่างละเอียด ตั้งแต่การจัดวางถ่าน การใช้กระดาษและไม้ขีดไฟ ไปจนถึงการพัดให้ไฟลุกท่วม

เล่อเล่อยืนมองด้วยความสนใจ บางครั้งก็ช่วยส่งอุปกรณ์ให้แม่ “แม่ครับ ให้ผมลองพัดไฟได้ไหมครับ?”

“ได้จ้ะ แต่ลูกต้องระวังนะ” หลี่ชิงหรงยิ้มให้ลูกชาย

ไม่นานนัก ไฟในเตาก็ถูกจุดขึ้น ซุยหลันซีรีบเดินไปที่อ่างล้างจานทำความสะอาดคราบสกปรกบนใบหน้า รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็สามารถจัดการกับเตาถ่านได้สำเร็จ

จากนั้นจัดการอุ่นอาหารบนโต๊ะ กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง

“ขอบคุณมากนะคะ พี่ชิงหรง เล่อเล่อ” ซุยหลันซียิ้มกว้าง “ถ้าไม่ได้พวกพี่ ป่านนี้ฉันคงยังนั่งหิวอยู่”

หลี่ชิงหรงยิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีก บอกได้เลยนะคะ”

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

ซุยหลันซีรู้สึกอบอุ่นใจกับน้ำใจของเพื่อนบ้านคนใหม่

“พี่สาวครับ กับข้าวหอมจัง” เล่อเล่อเอ่ยขึ้นอย่างอายๆ บิดลำตัวไปมามือก็ลูบท้องไปด้วย เสียงท้องของเด็กชายร้องดังขึ้นเบาๆ

“ตายแล้ว เล่อเล่อ ลูกเพิ่งกินมื้อเช้าไปตอนเจ็ดโมงนี่เองนะ” หลี่ชิงหรงดุลูกชายเสียงเข้ม น้ำเสียงของเธอฟังดูอ่อนโยนแม้จะพยายามทำเสียงดุ

“แต่แม่ครับ มันหอมมาก” เล่อเล่อตอบพลางทำตาปริบๆ

ซุยหลันซีหัวเราะเบาๆ “ไม่เป็นไรค่ะพี่ชิงหรง มาตรงนี้มา” เธอจูงมือเด็กชายมานั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหาร จัดการตักข้าวมาสองถ้วยสำหรับตนเองกับเด็กชาย โดยมีหลี่ชิงหรงนั่งข้างๆ ลูกชาย

“พี่ชิงหรงพี่กินด้วยกันนะคะ”

หลี่ชิงหรงปฏิเสธอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันกินมื้อเช้ามาแล้ว พวกเธอกินกันเถอะ พี่นั่งเป็นเพื่อนก็พอแล้ว”

เล่อเล่อกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ซุยหลันซีกับหลี่ชิงหรงมีโอกาสได้พูดคุยกันระหว่างที่กินอาหาร บรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเองแผ่ซ่านไปทั่วห้อง ทำให้ใจของซุยหลันซีสงบลงมาก

[1] วิชานี้เป็นวิชาที่สอนทักษะการใช้ชีวิตและการทำงานในโรงเรียนจีน ซึ่งรวมถึงการทำงานบ้าน การเกษตร และงานช่างพื้นฐาน

[2] หรือเรียกว่าฉีผาว เป็นเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวันของหญิงชาวจีนตั้งในสมัยราชวงศ์ชิง โดยเป็นชุดที่เกิดจากการหลอมรวมของชนเผ่าต่างๆในจีน ชุดกี่เพ้าจึงถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวจีน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนที่ 18 ผู้ชายกินจุ

    เวลาบ่ายสองโมง เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นทำให้เติ้งเว่ยหมิงรีบวางผ้าเช็ดตัวผืนเล็กลงในกะละมังแล้วลุกไปเปิดประตู ปรากฏว่าหลี่ชิงหรง เพื่อนบ้านยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าประตู“อาหมิง หลันหลันอยู่บ้านไหม พี่มีเรื่องจะมาบอก”“อยู่ครับ แต่ว่าตอนนี้หลันหลันน่าจะไม่สะดวกพบพี่นะครับ” เติ้งเว่ยหมิงแจ้งด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ไม่สะดวกเจอ หลันหลันเป็นอะไรหรือเปล่า”หลี่ชิงหรงถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“เป็นไข้ครับ ผมเลยให้นอนพัก”“อ้อ อย่างนี้นี่เอง ตอนเช้าพี่มาเคาะประตูรอบหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีใครออกมาเปิด เลยมาอีกทีตอนบ่าย พี่อุตส่าห์เตือนแล้วเชียวว่าอย่าหักโหมทำงานหนัก เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน อาจจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ไม่เป็นไร รอให้หลันหลันหายดีก่อนก็แล้วกัน ฝากบอกหลันหลันด้วยละกันว่าพี่มาหา” หลี่ชิงหรงบ่นอุบอิบถึงเพื่อนบ้านรุ่นน้องที่เธอก็รักไม่ต่างกับน้องสาวตนเองจริงๆ“ครับแล้วผมจะบอกให้ ถ้าหลันหลันค่อยยังชั่วแล้วจะให้ไปหาพี่ชิงหรงนะครับ”“ได้ งั้นพี่กลับบ้านก่อนละกัน”หลี่ชิงหรงกลับไปแล้ว เติ้งเว่ยหมิงจึงปิดประตูเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ทรุดตัว

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนที่ 17 เริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม

    เช้าวันรุ่งขึ้นซุยหลันซีตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเติ้งเว่ยหมิง หญิงสาวถึงกับเขินอายและทำตัวไม่ถูก เธอรีบลุกออกไปจากเตียงเงียบๆ โดยหารู้ไม่ว่าชายหนุ่มผู้ที่ตกลงว่าจะเป็นสามีแต่เพียงในนามของเธอนั้นตื่นก่อนเธอนานแล้ว แต่เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจระหว่างพวกเขา ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นยังไม่ตื่นซุยหลันซีตบหน้าเรียกสติตนเองอยู่สองสามทีก่อนจะทำหน้าที่ของตนเองเหมือนทุกวันที่ผ่านมา นั่นก็คือทำอาหารและเตรียมของให้เติ้งเว่ยหมิงไปทำงานทั้งคู่นั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่บรรยากาศกลับไม่ได้น่าอึดอัดอย่างที่คิด เติ้งเว่ยหมิงมีรอยยิ้มแต้มมุมปากอยู่ตลอดเวลา ส่วนซุยหลันซีก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าอย่างเงียบๆหลังจากที่ชายหนุ่มออกไปทำงาน ซุยหลันซีถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเริ่มลงมือทำงานบ้าน ซักผ้าแล้วไปปลุกเด็กชายเล่อเล่อ ล้างหน้าให้เด็กชาย ดูแลให้เด็กน้อยกินอาหารเช้า เสร็จแล้วก็มานั่งทำงานออกแบบลายผ้าเล่อเล่อนั่งเล่นคนเดียวอย่างเงียบๆ เด็กชายชินแล้ว เขาจะไม่เข้าไปกวนเวลาพี่สาวคนสวยทำงาน เพราะแม่ของเขาสั่งมาว่าห้ามกวนพี่สาวคน

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนที่ 16 จับผิดภรรยา

    ในเย็นวันเดียวกันนั้น หลังจากที่กินข้าวเสร็จเรียบร้อย เติ้งเว่ยหมิงช่วยซุยหลันซีเก็บจานล้างทำความสะอาด โดยบอกให้เธอไปอาบน้ำส่วนตัวเขานั่งรออยู่บนเตียง ใบหน้าตึงเครียด คิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาหญิงสาวอาบน้ำเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำ เดินไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง ใช้สายตามองชายหนุ่มผ่านทางกระจกบรรยากาศช่างน่าอึดอัดและเงียบจนซุยหลันซีรู้สึกไม่สบายใจจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม“พี่เว่ยหมิง พี่เป็นอะไรไปหรือเปล่า? หรือมีปัญหาอะไรที่ทำงานอีกไหม หรือว่าผู้จัดการจางทำอะไรให้พี่ไม่สบายใจ?” ซุยหลันซีหยุดมือที่กำลังหวีผม หันหน้ามาทางเขาที่นั่งอยู่บนเตียง ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยเติ้งเว่ยหมิงไม่ตอบ เขาเงยหน้าขึ้น จ้องมองหญิงสาวราวกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าสายตาลุ่มลึกที่มองมาทำให้ซุยหลันซีรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆ ชายหนุ่มก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเติ้งเว่ยหมิงผลักร่างของซุยหลันซี เธอไม่ทันได้ตั้งตัวล้มลงไปบนเตียงนอนเขาใช้มือข้างหนึ่งจับยึดข้อมือเล็กบางของเธอเอาไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างกดอยู่ที่เอวของเธอ ร่างสูงใหญ่

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนที่ 15 ข้อเสนอทางการค้า

    อี้ชุนคุ้นเคยกับเติ้งเว่ยหมิงเป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นคนรับชายหนุ่มเข้ามาทำงานด้วยตนเองเนื่องจากเติ้งเว่ยหมิงได้มีโอกาสช่วยชีวิตอี้ชุนขณะที่ถูกคนดักปล้น ซึ่งเป็นช่วงที่เติ้งเว่ยหมิงย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้ หลังจากช่วยเหลือกันแล้ว อี้ชุนต้องการตอบแทนบุญคุณ แต่เติ้งเว่ยหมิงปฏิเสธหลังจากพูดคุยกันอยู่พักใหญ่อี้ชุนก็รู้ว่าเขาจบการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์มา แล้วยังเคยเป็นทหารมาก่อน และตอนนี้กำลังหางานทำ จึงชวนเติ้งเว่ยหมิงมาทำงานคุมเครื่องจักรในโรงงานของตัวเอง จึงนับว่าทั้งคู่ค่อนข้างมีความสนิทสนมกันอยู่พอสมควร“ซุยหลันซี ภรรยาของผมครับ หลันหลัน คนนี้คือคุณอี้ชุนเถ้าแก่เจ้าของโรงงาน”เติ้งเว่ยหมิงเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกันซุยหลันซีจึงค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนกล่าวทักทาย“สวัสดีค่ะ เถ้าแก่อี้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”“ยินดีที่ได้รู้จักครับ อาหมิงฉันไม่คิดว่านายจะปิดบังเรื่องแต่งงานกับฉัน แต่เธอสวยงามและเหมาะสมกับนายมาก” เถ้าแก่อี้ค้อมหัวเล็กน้อยทักทายเธอกลับ แล้วหันไปพูดกับเติ้งเว่ยหมิง ตัดพ้อเขาเล็กน้อย แล้วเอ่ยชมด้วยความจริงใจซุยหลันซ

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนที่ 14 จางชุน

    ซุยหลันซีมาถึงโรงงานสิ่งทอจินเซิงที่เติ้งเว่ยหมิงทำงานก็เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี โรงงานแห่งนี้มีสวัสดิการอาหารกลางวันให้กับพนักงานทุกคนซุยหลันซีเป็นเพียงคนนอกไม่ได้เป็นพนักงานของโรงงาน เมื่อแจ้งความประสงค์ว่าต้องการขอพบสามีแล้วเธอก็เดินออกมาด้านนอก เพื่อหาอาหารกลางวันรับประทาน เพราะต้องรอให้เติ้งเว่ยหมิงกินข้าวกลางวันเสร็จก่อน เสร็จจากมื้อกลางวันก็เดินกลับเข้าไปที่โรงงานอีกครั้งเธอรออยู่ที่ห้องรับรองของโรงงาน ไม่นานเติ้งเว่ยหมิงก็เดินออกมา“พี่เว่ยหมิงมาแล้วเหรอคะ” ซุยหลันซีลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นเขา“ทำไมคุณถึงมานี่นี่ล่ะ? แล้วที่โรงงานเฟิงหยุนเป็นยังไงบ้าง สำเร็จไหม?”เติ้งเว่ยหมิงรู้ว่าวันนี้เธอไปที่โรงงานตัดเย็บผ้าเฟิงหยุนจึงถามเช่นนี้ แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือทำไมเธอถึงมาหาเขาที่โรงงานหรือว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายขนาดนั้น?เติ้งเว่ยหมิงขมวดคิ้วแน่น“พี่เว่ยหมิง ฝีมือระดับฉันแล้วจะพลาดเหรอคะ ว่าแต่พี่พอจะพาฉันไปพบเถ้าแก่โรงงานของพี่ได้ไหม ฉันมีข้อเสนอเรื่องธุรกิจจะมาคุยกับเขาค่ะ” ซุยหลันซียืดอกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียง

  • Back to 1985 ฉันกลายเป็นคุณหนูตกอับ   ตอนที่ 13 พันธมิตรคนใหม่

    “คุณซุย ฉันยอมรับว่าชุดที่คุณออกแบบมามันน่าทึ่งมาก คุณสามารถออกแบบชุดเพื่อมาจัดการกับผ้าที่ผลิตผิดพลาดได้ดี ฉันต้องยอมรับในความสามารถของคุณจริงๆ ตั้งแต่ฉันเปิดรับสมัครมาเป็นเวลาสามเดือน มีแบบของคุณซุยนี่แหละที่เข้าตาฉันมากที่สุด” หวงเสี่ยวเหมยเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น“ขอบคุณนะคะที่ชอบชุดของฉัน อันที่จริงที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะต้องการความร่วมมือของคุณค่ะ ฉันใช้ผ้าที่เหลือมาตัดชุดที่ฉันออกแบบ นอกจากชุดที่ฉันตัดมาเป็นตัวอย่างในวันนี้แล้ว ฉันว่าจะออกแบบอีกสักสองสามชุด มีชุดให้ลูกค้าเลือกหลายๆ แบบจะขายได้ง่ายกว่า ร้านค้าส่งที่เป็นคู่ค้าของโรงงานเฟิงหยุนสามารถช่วยขายชุดได้ ฉันเชื่อว่าต้องมีใบสั่งซื้อเพิ่มอีกแน่นอน” ซุยหลันซีโน้มน้าวเถ้าแก่เนี้ยอย่างสุดกำลัง เพราะอยากช่วยแก้ปัญหาให้กับเติ้งเว่ยหมิง นอกจากนี้อาจทำกำไรได้อีกนิดหน่อย“โรงงานเฟิงหยุนยินดีที่จะทำตามที่คุณซุยนำเสนอ แต่ว่าเฟิงหยุนของฉันจะได้อะไรบ้างคะ?” หวงเสี่ยวเหมยแสดงความยินดีที่จะทำตามข้อเสนอของซุยหลันซี แต่ก็ยังคงต่อรองถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับ สมกับเป็นเถ้าแก่เนี้ยเจ้าของโรงงานผู้มากประสบการณ์ ที่ไม่เคยเก็บงำเขี้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status