“มีอะไรครับ เห็นเด็กบอกว่าให้ตามผม”
“อืม นั่งก่อนสิ”
เช้าวันต่อมา ไรอันที่ถูกเรียกตัวมาหาเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะนานแล้วที่จอห์นไม่ได้เรียกเขามาคุยเป็นการส่วนตัวแบบนี้
“ไม่คิดจะกลับบ้านบ้างรึไง”
“อ่าว ทำไมพ่อถามผมแบบนั้นล่ะก็นี่ไงบ้านผม จะให้ผมไปไหนอีก”
ไรอันตอบออกมาพร้อมกับเสไปมองที่อื่นเหมือนกับไม่สนใจที่จอห์นพูดออกมาทั้งๆที่รู้ดีว่าในคำพูดนั้นหมายถึงอะไร ส่วนจอห์นได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“ฉันรู้ว่าแกรู้ว่าฉันหมายความว่ายังไง นี่ก็สิบปีแล้วที่แกหนีมา ยังไม่ถึงเวลาต้องกลับอีกเหรอ หรือแกคิดจะตัดขาดพ่อกับแม่ของแกจริงๆ”
“............”
“ทุกอย่างมันมีเวลาของมันไรอัน อย่าคิดทำอะไรในวันที่มันสายเกินไป เพราะคนที่จะเสียใจที่สุดก็คือแก ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย”
“............”
ไรอันไม่ได้พูดอะไรออกมาก่อนจะเดินออกมาจากห้องของจอห์นโดยไม่มีคำเอื้อนเอ่ยใดใดอีก ส่วนจอห์น เขาไม่สามารถบังคับอะไรไรอันได้นอกจากแค่พูดให้ได้คิดบ้าง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก
“ผมคิดว่าบางทีนายอาจต้องมาหาไรอันด้วยตัวเอง”
“แกคิดว่ามันจะฟังฉันเหรอ ถ้ามันยอมฟังฉันมันคงไม่หนีออกจากบ้านเป็นสิบๆปีอย่างนี้หรอก”
“แล้วนายจะทำยังล่ะครับ ในเมื่อไรอันไม่ยอมฟังใคร นายน่าจะรู้ดีกว่าใคร”
“เฮ้อ ทำไมมันดื้ออย่างนี้นะ เอาไว้ฉันหาทางก่อนแล้วจะบอก แล้วนี่มันไปไหนล่ะ”
“น่าจะออกไปข้างนอก...”
“แกก็เลี้ยงมันได้ซะจน...”
เป็นคุณไบรอันที่จอห์นโทรไปหาเมื่อตอนนี้ถึงเวลาที่ไรอันจะต้องกลับบ้านแล้ว เพราะชายหนุ่มเป็นลูกชายคนเดียวและเป็นลูกคนโตของตระกูล จึงจำเป็นต้องให้กลับไปรับตำแหน่งแทนคุณไบรอันผู้เป็นบิดา ที่กำลังจะเกษียนตัวปีหน้า
ส่วนจอห์นที่ตอนนี้ก็หนักใจไม่แพ้คุณไบรอัน เมื่อไรอันทั้งดื้อและไม่ฟังใครแถมเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่อย่างนี้อีก เขาเองก็หมดปัญญาจะพูดแล้วเหมือนกัน
เขายังจำวันแรกที่เจอเด็กหนุ่มได้ดี เนื้อตัวมอมแมมแถมหน้าตาท่าทางไม่เป็นมิตร แทบไม่ยอมพูดยอมจา ตาคมแดงก่ำเหมือนกับว่าโกรธแค้นคนทั้งโลก สองไหล่โค้งงอเหมือนหมดหนทางที่จะไป
มานั่งทำอะไรตรงนี้ล่ะไม่กลับบ้านรึไง
ผมไม่มีบ้านให้กลับ ถึงมีก็ไม่คิดจะกลับ
อ้อ หนีออกจากบ้านนี่เอง...ทะเลาะกับพ่อหรือว่าทะเลาะกับแม่ล่ะ รู้ไหมว่าโลกใบนี้มันโหดร้ายเกินกว่าจะอยู่คนเดียวแบบไม่มีอะไรเลยแบบนี้นะ
อยู่ไม่ได้ก็แค่ตาย ผมไม่สนใจหรอก ในเมื่อถ้ามันโหดร้ายขนาดนั้นก็คงไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่
คำพูดของเด็กสิบแปดในวันนั้นทำเอาจอห์นถึงกับมองอย่างไม่คาดคิด
ไปอยู่กับฉันไหมล่ะ ฉันไม่มีลูกไม่มีเมีย เป็นมาเฟียอยู่ทางเหนือสุดของประเทศ บางทีมันอาจดีกว่าการอยู่คนเดียวก็ได้นะ
ไรอันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง นานสองนานกว่าที่หน้าตาอันหล่อเหลาที่เห็นครั้งแรกก็รู้เลยว่าเป็นลูกของใครจะพยักหน้าตอบรับ เมื่อคิดดีแล้วว่าจะหนีจากครอบครัวตัวเองไป และก็เป็นเวลากว่าสิบปีที่ไรอันไม่เคยพูดถึงครอบครัวจริงๆเลยสักครั้ง
ผลั๊วะ! ผลัก! ตุ๊บ! ตับ! ตุ๊บ! ตุ๊บ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!
“จำเอาไว้ ว่าอย่ามาซ่ากับกูอีก”
ผลั๊วะ!ผลั๊วะ!ผลั๊วะ!ผลั๊วะ!ผลั๊วะ!
เสียงกระหน่ำรัวทั้งหมัด ทั้งเท้า ใส่คู่อริไม่ยั้ง จนพวกลูกน้องที่มาด้วยมองพวกที่กำลังโดนกระทืบอย่างรู้สึกสงสาร เมื่อต้องมาเป็นเหยื่ออารมณ์ของไรอัน ทั้งๆที่มีคนมากกว่ามาเฟียหนุ่มถึงสิบเท่าเพราะไรอันไม่ให้ลูกน้องที่ตามมาด้วยเข้ามายุ่ง เขากระโดดเข้าไปจัดการด้วยตัวเองจนอีกฝ่ายต่างล้มระเนระนาดนอนเจ็บร้องโอดโอยกันไปจนหมด
“นายไปโกรธใครมาวะเนี่ย”
“ไม่รู้ ดูพวกนั้นสิ ได้ตายแน่นอน”
“อือ ดวงซวยแท้ๆที่โดนจัดการตอนนายโกรธ”
เสียงพวกลูกน้องของไรอันกระซิบคุยกัน เมื่อตอนนี้ไรอันเหมือนต้องการฆ่าคน มากกว่าสั่งสอนเสียแล้ว เตชินที่มองอยู่รีบเดินเข้าไปจับร่างใหญ่เอาไว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นหมดสติไปกันหมดแล้วแต่ไรอันไม่ยอมหยุด
“จะมาจับทำไมวะ! ปล่อย!”
“แต่นายครับ พวกนั้นสลบไปแล้ว ถ้ายังไม่หยุดมันได้ตายกันจริงๆแน่...”
“โว้ย!!! หรือจะให้ฉันกระทืบแกแทนห๊ะ!”
ร่างใหญ่สะบัดออกจนหลุดจากการเกาะกุมของลูกน้องคนสนิท ก่อนจะตะคอกออกมาเสียงดังพร้อมกับสายตาเกรี้ยวกราดถูกส่งไปให้กับทุกๆคนที่ยืนมองอยู่จนต้องหลบสายตากันในทันที
“โธ่เว้ย!!!! ไม่ได้ดั่งใจเลยเว้ย!”
ไรอันตะโกนออกมาก่อนจะเดินหนีออกไป ทำเอาพวกลูกน้องต่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อไม่เคยเห็นมาเฟียหนุ่มอารมณ์ร้ายอย่างนี้มาก่อนตั้งแต่ทำงานด้วยกันมา
“นายน้อยครับ นายให้ไปหาที่ห้องทำงานครับ”
พอกลับเข้ามาที่คาสิโน ไรอันถึงกับต้องกัดกรามแน่น เมื่อนี่เป็นครั้งที่สองของวันแล้ว ที่บิดาเรียกเขาไปพบ ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะเดินตรงไปที่ห้องทำงานของบิดาทันที
“!!!!!!!”
“มาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ”
พอเปิดประตูเข้ามา ไรอันก็แทบก้าวเข้าไปในห้องไม่ได้ เมื่อตอนนี้ร่างทั้งร่างกลายเป็นหินเรียบร้อยแล้ว
“หยุดเดี๋ยวนี้!!”
ร่างใหญ่ที่กำลังจะหมุนตัวเดินหนีออกไปถึงกับหยุดชะงักกับคำสั่งเสียงดังของผู้ที่มีอำนาจที่สุดที่นี่
“เข้ามา”
ไรอันค่อยๆหันกลับมา ก่อนจะเดินเข้ามาในห้องทำงานของบิดาที่ตอนนี้มีร่างใหญ่ของคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดนั่งอยู่ด้วย คุณไบรอันมองร่างใหญ่ของบุตรชายที่เปลี่ยนไปมากแต่ก็ไม่ทำให้เขาจำลูกชายคนเดียวของตนเองไม่ได้เมื่อไรอันถอดแบบเขามาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ถ้าจะไม่เหมือนก็น่าจะเป็นนิสัยที่จอห์นบอกว่าถอดแบบมาจากบิดาของเขาอย่างแท้จริง
“พ่อมีอะไรจะคุยกับผม”
ไรอันถามขึ้นโดยไม่ยอมหันไปมองคุณไบรอันแม้แต่น้อย ทำเอาคุณไบรอันอดน้อยใจกับสิ่งที่บุตรชายทำไม่ได้ เมื่อเขาผู้เป็นบิดาแท้ๆนั่งอยู่กลับไม่คิดจะทักทายเลยสักคำ
“ฉันมาตามแกกลับบ้าน”
เป็นคุณไบรอันที่เอ่ยขึ้น
“ผมถามว่าพ่อมีอะไรจะคุยกับผม!”
แต่ไรอันไม่ได้สนใจที่คุณไบรอันพูด กลับหันไปขึ้นเสียงใส่จอห์นที่นั่งมองสองพ่อลูกอย่างเหนื่อยใจ
“ถึงเวลาที่แกต้องกลับบ้านแล้วไรอัน”
“นี่บ้านผม! หรือพ่อก็อยากไล่ผมออกจากบ้านเหมือนที่ผมเคยเจอ ก็ได้ ผมไปก็ได้!”
ไรอันไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้นก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ครั้งหนึ่งคุณไบรอันเคยเห็นมาแล้ว
“ฉันบอกให้แกหยุด!!!!”
จอห์นที่หมดความอดทนลุกขึ้นตะคอกสุดเสียงพร้อมกับเดินเข้ามาหาร่างใหญ่ของไรอัน มือใหญ่ง้างขึ้นสูงก่อนจะตบลงที่ใบหน้าขาวสะอาดของไรอันจนมันขึ้นสีแดงปื้น ทำเอาทั้งไรอันและคุณไบรอันต่างก็ตกใจ
“ทำไม...”
ไรอันถึงกับพูดไม่ออก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จอห์นทำร้ายร่างกายเขาทั้งๆที่แทบไม่เคยแตะต้องหรือด่าว่ามาตลอดสิบปีที่เขาอยู่ด้วยแท้ๆ ความเสียใจน้อยใจผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ก็ได้ ผมจะกลับไปแล้วผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก พ่อต้องการอย่างนี้ใช่ไหม!”
มาเฟียหนุ่มบอกขึ้นด้วยตาแดงก่ำก่อนจะเดินหนี ทำเอาคุณพ่อทั้งสองถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกันเมื่อไรอันดื้อเกินกว่าจะคุยดีๆด้วยได้
“นายนี่มันจริงๆเลย ขนาดฉันเป็นพ่อยังไม่เคยตีมันสักนิด อ้อ แค่ครั้งเดียวจนมันหนีออกจากบ้านมานั่นแหละ”
“เฮ้อ ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นหรอก แต่ถ้าไม่ทำ ไรอันไม่ยอมกลับไปแน่ ขนาดทำถึงขนาดนี้ก็ไม่แน่ว่าจะยอมกลับ”
“เฮ้อ ทำไมดื้ออย่างนี้ แต่ก็ขอบใจนายมากที่เลี้ยงเขาแทนฉัน”
จอห์นได้แต่มองคุณไบรอันอย่างเหนื่อยใจ เมื่อความดื้อที่ไรอันมีคงถ่ายทอดมาจากบิดาโดยตรงนี่แหละ
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น เพชรพราวก็ต้องพาเด็กๆบินกลับประเทศไทย เมื่อไรอันถูกบังคับให้กลับไปทำงานหลังจากสองอาทิตย์แรกที่เด็กๆเกิดมา เพราะมันร่วมเดือนแล้วที่ชายหนุ่มบินไปที่อเมริกา และเมื่อไรอันบินกลับมา คุณปู่ คุณย่าและคุณตาก็อาสาอยู่เลี้ยงเด็กๆอยู่ที่โน่นจนกระทั่งกลับมาประเทศไทยพร้อมกันในวันนี้ เพราะคุณพ่อลูกสามทนคิดถึงลูกๆไม่ไหว ขู่เช้าขู่เย็นว่าจะลาออกจากบริษัทจนสุดท้ายเพชรพราวทนคำรบเร้าไม่ไหวพาเด็กๆบินกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย“อ๊าย!!! นี่มันพี่ไรอันตอนเด็กๆนี่คะ มาให้คุณอาอุ้มหน่อยสิหนุ่มๆ โอ๊ย อุ้มใครดีเนี่ย เหมือนกันไปหมดเล้ยยยย”พอมาถึงบ้าน ไรอาที่รอรับอยู่ถึงกับกรี๊ดกร๊าดออกมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อเธอโดดงานที่โรงพยาบาลมารออยู่บ้านร่วมชั่วโมงแล้ว ก่อนจะวิ่งไปรับเอาหนึ่งในสามมาอุ้มอย่างแสนตื่นเต้นดีใจที่สุดท้ายก็ได้เจอหลานๆตัวจริงๆสักที“หึหึหึ ไรอันก็เหมือนไรอานั่นแหละน่า ทำเป็นพูดไป ถ้าเอารูปมาเทียบกันแม่นึกว่าแฝดห้าเลยล่ะ&rd
“อ่าว คุณมนัสครับ จะรีบร้อนไปไหนครับนั่น”“อ่าวคุณไบรอัน! มาทำอะไรครับ ขอโทษทีพอดีผมรีบ เมื่อกี้ยัยพราวโทรมาบอกว่าคลอดลูกแล้ว”“อะไรนะ!!! หนูพราวคลอดลูก!! แล้วนี่กำลังจะไปโน่นเหรอครับ ผมไปด้วยๆ เดี๋ยวโทรบอกให้ภรรยาผมออกมาเลย แล้วไปยังไงครับ”“ผมจองตั๋วเอาไว้หนึ่งทุ่ม”“ไม่ต้องๆเอาเครื่องส่วนตัวไปเลยเดี๋ยวผมให้คนจัดการให้ โอ๊ย นี่พึ่งคลอดเหรอครับ”“เดี๋ยวไปคุยกันบนรถดีกว่าครับ”ทั้งคุณปู่และคุณตาแทบทำอะไรกันไม่ถูก เมื่อตื่นเต้นดีใจจนเนื้อเต้นพากันรีบเดินตรงไปที่รถของคุณไบรอันที่คนขับยังจอดรออยู่หน้าตึก ดีที่เขากับภรรยาพึ่งไปเที่ยวมาเมื่อสองเดือนก่อนแต่ทำวีซ่ายาวเป็นปีเลยไม่จำเป็นต้องทำวีซ่าใหม่กัน
“พราว!!! เธอ...ทำไมเธอไม่โทรบอกฉันเลยยัยเพื่อนบ้า ฮึก รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแทบแย่ ฮือ...”สองวันหลังจากที่เพชรพราวคลอดลูก เจสิก้าที่พึ่งได้รู้เรื่องจากแอนนารีบกลับมาทันทีเมื่อพยายามติดต่อเพชรพราวเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย เลยโทรมาหาแอนนาและก็ได้รู้ว่าเพชรพราวอยู่ที่โรงพยาบาลเธอเลยหนีงานกลับมาทันที“เจสซี่...มาได้ยังไงไหนว่าไปอีกสองอาทิตย์ไง”เพชรพราวที่ยกมือขึ้นโอบกอดร่างของเพื่อนสนิทที่โถมเข้าหาพร้อมกับถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจ“ก็ฉันโทรหาเธอแล้วไม่ยอมรับสายเลยโทรหาแอนนาน่ะสิ แล้วเป็นยังไงบ้าง หลานๆของฉันด้วย”“ปลอดภัยดี คุณพยาบาลพึ่งพากลับไปที่ห้อง น่าจะพามาอีกทีหกโมงเย็นน่ะ”“ฮือๆๆ ฉันเป็นห่วงจนแทบบ้ารู้ไหม...เจ็บมากไหม”“อือ แต่ตอนนี้ไม่เจ
“อ๊ะ! อื้อ...ทำไมวันนี้ดิ้นแรงนักล่ะลูก ตื่นเต้นที่ได้เจอคุณปู่กับคุณย่าเหรอครับ อู้ย...”พอวางสายจากบิดาไป เพชรพราวก็ต้องครางออกมาอย่างรู้สึกเจ็บเมื่อลูกๆของพากันพร้อมใจกันดิ้นจนหน้าท้องนูนเด่นขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด หญิงสาวพยายามลูบท้องเพื่อให้เด็กๆสงบลงเหมือนทุกครั้ง แต่ดูท่าจะไม่ฟังกันเลย เมื่อยิ่งดิ้นหนักเข้าไปใหญ่ จนเพชรพราวแทบทนไม่ไหว ตอนนี้เธอเจ็บจนเหงื่อแตกไหลอาบลงตามไรผมเมื่อเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ“ระ...ไรอัน อื้อออออ ไรอัน อ๊ะ! อื้อ ไรอัน...ระ...ไรอัน...”เสียงแหบโหยโรยแรงพยายามร้องเรียกไรอันที่ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารเย็นให้เธอ เมื่อเธอบอกว่าอยากทานสปาเก็ตตี้ฝีมือเขาอีกไรอัน...ขอร้อง...เข้ามาที เพล้ง!!!!เพชรพราวที่เจ็บจนหมดแรงพยายามภาวนาให้ไรอันเข้ามาเร็วๆก่อนที่เธ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา“คุณว่าอะไรนะ! สะ...สาม ไรอันมีลูกแฝดสามเนี่ยนะ!!!!”กลับมาทางด้านคุณมิรันหลังจากที่ไรอันบินไปหาเพชรพราว เธอพยายามติดต่อแต่ก็ติดต่อไม่ได้ เลยตัดสินใจบอกผู้เป็นสามีถึงความลับที่เธอเก็บเอาไว้ เพื่อปรึกษาว่าควรทำยังไงต่อดี และพอคุณไบรอันได้ฟังในทีแรกถึงกับลุกขึ้นตะโกนออกมาเสียงดังลั่นจนไรอาที่พึ่งเดินเข้าบ้านเพราะมารดาโทรตามก็รีบวิ่งเข้ามาตามเสียงของบิดา“มีอะไรคะคุณพ่อ! เสียงดังไปถึงหน้าบ้านเลย เป็นอะไรกันคะ!”“กะ...ก็แม่ของลูก...แม่ของลูกบอกว่ามีแฝดสาม...”“ห๊ะ!! คุณแม่ท้องแฝดสามเลยเหรอคะ!!! เป็นไปได้ยังไง...ไหนว่าประจำเดือนหมดไปแล้ว...”คุณมิรันถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับกับความเหมือนของสองพ่อลูกคู่นี้ ก่อนจะยกมือห้ามเสียงที่กำลังจะเปล่งออกมาให้รำคาญหัวใจอีก
“อื้ออออ อึดอัด...”เช้าวันต่อมา เพชรพราวที่รู้สึกรำคาญดิ้นไปมาก่อนจะนิ่งไปอีกครั้งเมื่อไรอันค่อยๆยกแขนที่เขากอดเธอเอาไว้ออก ร่างใหญ่ลุกออกจากเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน พอเสร็จชายหนุ่มก็เดินออกไปที่ครัวเพื่อดูว่ามีอะไรที่สามารถเป็นอาหารให้เขากับเธอได้ ก่อนจะเจอเส้น ที่ใช้ทำสปาเก็ตตี้และวัตถุดิบทุกอย่างครบครันเขาเลยลงมือทำทันที เพราะแต่ก่อนเขาก็ทำกินเองบ่อยๆเมื่อตอนไปเรียนที่อังกฤษตุ๊บ!!!“คุณเป็นใคร! เข้ามาในนี้ได้ยังไง!”แอนนาที่พึ่งเข้ามาทำงานตกใจถึงกับปล่อยนมบำรุงครรภ์ที่ซื้อติดมือมาหล่นลงพื้นเมื่อเจอเข้ากับไรอันในร่างเกือบเปลือย มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเอาไว้ ร่างอวบมองซ้ายมองขวาก่อนจะรีบวิ่งตรงไปที่ห้องนอนของเพชรพราวและพบว่าเธอยังปลอดภัยดีก็ถอนหายใจออกมา“ตกลงคุณเป็นใคร เข้ามาทำอะไรที่นี่ แล้วเข้ามาได้ยังไง”แอนนาถามออกมาชุดใหญ่ เมื่อมองดูรอบๆพบว่ามันไม่ได้มีอะไรหายไปหรือแตกหัก แสดงว่าเขาไม่ใช่คนร้าย ส่วนไรอันก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อเขาลืมไปเสียสนิทว่าแอนนาต้องเข้ามาทำงานที่นี่“เอ่อ คือ...ผม เอ่อ...”“อ่าว สวัสดีค่ะแอนนา มีอะไรกันรึเปล่าคะ”