“มันชื่อเพลิง”
ใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าละสายตาจากโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่
ทันทีที่สองสายตาสบประสานกันกลับรู้สึกว่ามีประกายบางสิ่งบางอย่างในแววตากำลังเกิดขึ้น
“เอาว่ะ” พายุยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจเมื่อเห็นอาการคนทั้งสอง เขาสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาทางเคมีบางอย่างที่เกิดขึ้น
“เอาเชี่ยไร โน่น... มึงไปนั่งข้างมันเลย” ไฟเอ่ยไล่พายุให้ไปนั่งอีกฝั่งข้างกันกับเพลิง ก่อนจะเรียกให้เฟียร์มานั่งข้างกันกับเขา
เสียงเรียกของไฟส่งผลให้สองสายตาของทั้งคู่ละจากกัน ไฟเลือกนั่งลงตรงข้ามกับพายุ ส่วนเฟียร์นั่งลงตรงข้ามกันกับเพลิง
ชายหนุ่มคนเดิมหันกลับมาก้มหน้าสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ คล้ายว่าไม่ได้สนใจต่อการมาเยือนของหญิงสาวอีก
แต่... ก็ไม่ใช่จะไม่สนใจ เพราะคนตรงหน้าก็จัดว่าสวยสะดุดตาอยู่ไม่น้อย
บรรยากาศในโต๊ะกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง และเป็นพายุที่เริ่มหาเรื่องชวนเพื่อนใหม่คุยเพราะกลัวว่าเฟียร์จะเหงา
“แล้วย้ายมานี่เธอมีเพื่อนยัง ?”
ทว่า... นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบ เรียวคิ้วสวยยังขมวดเป็นปมให้กับคำถามเมื่อครู่ ดวงตาเฉี่ยวตวัดมองหน้าพายุก่อนจะเบือนหนีไปทางอื่น
“เออว่ะ เธอเพิ่งมาวันแรกนี่เนอะ จะไปมีได้ไง” พายุยิ้มแห้งก่อนจะบ่นพึมพำออกมาเหมือนกับพูดคนเดียวพลางตบปากตัวเองเบา ๆ แก้เขิน
“กูถามอะไรของกูไปวะเนี่ย” ก็นะ… หญิงสาวพึ่งมาเรียนที่นี่วันแรกจะมีเพื่อนได้อย่างไร ถ้ามีคงไม่มานั่งกับพวกเขาที่นี่ ตรงนี้
เฟียร์ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนที่เธอจะรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างรอบ ๆ ตัว ดวงตาคู่สวยกวาดตามองไปรอบโรงอาหาร แล้วเธอก็พบกับสาเหตุที่ว่านั่น !
แววตาแห่งความอิจฉาจากบรรดานักศึกษาหญิงนับสิบคู่ที่มองมา แถมบางคนก็มองเธอจนเหมือนอยากจะจิกหัวมาตบเลยด้วยซ้ำ
“มีอะไรที่ฉันต้องรู้ป้ะ” เฟียร์หันกลับไปมองหน้าเพื่อนชายทีละคน
ที่พอรู้มาบ้างก็คือความฮอตของพวกเขาทั้งสามเรียกว่าดังพอตัว ชนิดที่ว่าชื่อเสียงเลื่องลือไปถึงกลุ่มนักศึกษาหญิงจากมหาวิทยาลัยเก่าของเธอเลยก็ว่าได้
จากที่คิดว่าจะอยู่มหาวิทยาลัยใหม่ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างสงบสุข แต่จากสายตาที่มองมาในตอนนี้
เดาได้เลยว่าไม่ !
"เธอก็ระวังหน่อยแล้วกัน” พายุเอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วง เพราะไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งสาว ๆ ที่พวกเขาเคยคั่วอาจมาหาเรื่องเฟียร์ก็เป็นได้
“หึ แต่กูว่าสาว ๆ ของพวกมึงต่างหากที่ควรระวังมัน” ไฟแค่นหัวเราะ เขารู้จักนิสัยของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดีว่าเธอแรงมากแค่ไหน
“นั่นปาก ?” เฟียร์ทำท่าเบะปากคว่ำหน้าให้กับคำพูดของไฟ ก่อนจะหันกลับมาด้วยความหงุดหงิด
ทว่า… ดันมาสบตาเข้ากับนัยน์ตาคมเข้มของเพลิงที่กำลังจ้องเธออยู่
“แล้วสรุปฉันควรต้องระวังสาว ๆ ของใคร” เสียงหวานเอ่ยถามพลางหยุดสายตาไปที่คนตรงข้าม
“ของไอ้เพลิง เยอะสุด” พายุชิงตอบก่อนจะเอาแขนกระทุ้งไปที่เพลิง แต่ก็โดนไฟพูดเบรกพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ
“สัสมึงก็ใช่ย่อยไอ้ยุ”
“แล้วนายล่ะ” เฟียร์ละสายตาจากเพลิงก่อนจะหันไปถามไฟบ้าง
“ไอ้ไฟก็ใช่ย่อย แต่คนที่เยอะสุดในกลุ่ม กูบอกเลย ต้องยกตำแหน่งนี้ให้มัน” พายุยื่นแขนไปโอบไหล่เพื่อนสนิทพลางตบบ่าเพลิงเบา ๆ
ใบหน้าหล่อเงยหน้ามองไปที่เฟียร์ด้วยแววตาเรียบนิ่ง
“ถ้าโดนหาเรื่องก็มาบอกละกัน จะจัดการให้” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยบอก
“ชิ ใครจะได้จัดการใครกันแน่” เฟียร์เบ้ปากใส่ทันที เพราะหญิงสาวจะไม่มีวันปล่อยให้คนมาหาเรื่องเธออยู่ฝ่ายเดียวหรอก คนอย่างเธอน่ะเหรอที่จะยอมเป็นฝ่ายโดนกระทำ
ลองมาหาเรื่องสิ ! ได้เห็นดีกันแน่
“มึงอย่ามีเรื่องกับใครดีที่สุด ถ้ามึงมีอีก คราวนี้กูรายงานคุณลุงแน่” ไฟหันมาปรามแกมข่มขู่ลูกพี่ลูกน้องสาว
“โอเค้” เธอยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“แต่ช่วยล่ามคนของตัวเองเอาไว้ดี ๆ ก็แล้วกัน อย่าให้ใครมายุ่งกับฉันเด็ดขาด” ไม่รู้หัวเสียอะไรขึ้นมาอีก ทั้งที่ก่อนหน้าก็ว่าจะอารมณ์ดีแล้วแท้ ๆ
“ไปละ จะไปเรียน” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไปทันที
พายุมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่สับเท้าออกไป เขาถึงกับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“อย่างเฟียสสัส”
ภาพสาวสวยหุ่นเอ็กซ์ในชุดรัดรูปกระโปรงสั้นเดินออกจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ดูเชิด ๆ หยิ่ง ๆ ราวกับไม่แคร์และไม่สนใจต่อสายตาคนรอบข้าง
ดูสวยมากก็จริง แต่ก็ดูเฟียสมากด้วยเช่นกัน
ไฟได้แต่ส่ายหัวให้กับเฟียร์ลูกพี่ลูกน้องสุดแซ่บของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเห็นว่ามีสายตานักศึกษาชายหลายสิบคู่ที่จดจ้องไปทางร่างบางเป็นตาเดียว
ทว่าเมื่อเบนสายตามายังโต๊ะกับกลุ่มเพื่อน กลับเห็นสายตาของเพลิงกำลังมองแผ่นหลังของเฟียร์ด้วยเช่นกัน
“คนนี้กูขอ ห้ามเด็ดขาด” ไฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“โนครับ กูผ่านครับ ไม่ใช่สเปกกูครับ กูว่ากูเอาไม่อยู่แน่นอน” พายุส่ายหัวพรืดใหญ่พร้อมยกมือโบกปัดปฏิเสธ
“ไม่ใช่มึง” ไฟเอ่ยแก้คำเสียงแข็งและส่งสายตาซีเรียสไปทางอีกคน
เพลิง… ละสายตาจากแผ่นหลังบางในทันทีเมื่อได้ยินไฟเอ่ยขึ้น ก่อนจะสบตานิ่งเข้ากับสายตาของไฟที่จ้องอยู่
“กู ?” คิ้วหนาเลิกขึ้นพลางเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
@คอนโดเพลิง“อื้อ” เสียงครางในลำคอแกร่งดังขึ้นเป็นระยะให้กับหญิงสาวที่กำลังนั่งคล่อมบนตักเขาอยู่ในตอนนี้อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์บวกกับความคิดถึงในส่วนลึกที่ทำให้เธอกลายเป็นฝ่ายรุก ส่งเรียวลิ้นทั้งสองดูดดึงตวัดหยอกเย้ากันไปมาอย่างไม่มีใครยอมกันอีกทั้งสะโพกมนก็ร่อนเอวบดเร้าไปมาทำเอาเพลิงแทบบ้าคลั่งไปกับความเร่าร้อนของคนตัวเล็กบนตักเมี๊ยวเสียงแมวตัวน้อยเดินวนไปมาด้านล่าง แต่ก็ไม่อาจทำให้ทั้งคู่สนใจได้ เพราะตอนนี้ต่างก็สนใจที่กันและกันอย่างโหยหา“อ่า ใจเย็นสิ” เมื่อละริมฝีปากออกจากกัน เพลิงเชิดหน้าร้องครางอย่างกระเส่าเสียวซ่าน เมื่อใบหน้าสวยได้ทำการซุกไซ้ซอกคอเขาอย่างหื่นกระหายและมีหรือที่เขาจะยอมให้เธอเป็นฝ่ายกระทำอยู่ฝ่ายเดียว มือแกร่งเลื่อนลูบไล้ไปตามลำตัวผ่านแผ่นหลังบาง เอวคอดและสะโพกมน บีบเคล้นมันอย่างหนัก“เย็นไหวเหรอ” เฟียร์เงยหน้าขึ้นจ้องมองดวงตาคม ตอนนี้ความเขินอายได้ละลายหายไปสิ้นเพราะเธอคิดถึงสัมผัสจากเขาเป็นที่สุดเหมือนว่าตัวตนจริง ๆ ของเธอได้กลับมาแล้ว“งั้นก็” สิ้นเสียงของเพลิงเขาจัดการถอดเสื้อของตัวเองออกเผยให้เห็นมัดกล้ามและหุ่นที่สมส่วนสุดเพอร์เฟคเฟียร์ก็ไม่น้อยห
“ปากแข็งนะเรา แต่พอเมาปากหว๊านหวาน”หมับ เมื่อเล็กยกขึ้นทาบทับปิดปากเพลิงในทันที ดวงตาสวยตาโตใจสั่นระรัวเมื่อนึกถึงคืนนั้นเธอเมาจนจำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็พอจำได้“อย่ามาหื่น” เฟียร์ก้มลงดุและสิ่งที่แปลกไปอีกอย่างสำหรับการห่างกันไปหนึ่งปีและกลับมาเจอกันอีกครั้งก็คือ เมื่อพูดถึงเรื่องอย่างว่าหรือแม้แต่แต่การกอดจูบทีไร เธอรู้สึกเขินอายทุกที อาจจะเป็นเพราะห่างหายกันไปนาน“เสร็จงานแล้วกลับกันเลยนะ” เพลิงยิ้มจ้องมองคนหน้าแดงด้วยความเอ็นดู“ไม่ได้ ต้องไปกินเลี้ยงทีมก่อน ไม่คิดจะไปด้วยหรอกใช่ไหม” เฟียร์ก้มมองถาม“ก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว นี่ลูกเจ้าของบริษัทนะ”“ถามอะไรหน่อยสิ” และจู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้จากประโยคเมื่อครู่ของเขา“ว่าไงครับ ถามเยอะ ๆ เลยก็ได้” ได้ทีแขนแกร่งก็กระชับกอดแน่นขึ้น พร้อมกับลอบสูดดมกลิ่นหอมเฉพาะตัวหญิงสาวอย่างคิดถึงและโหยหา“เรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือนายใช่ไหม”“เรื่องอะไร”“อย่ามาทำเป็นตีหน้ามึน เรื่องที่ให้มีอามาแนะนำบริษัทนายให้เรามาสมัคร ฝีมือนายใช่ไหม” เฟียร์หรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างจับผิด เพราะเมื่อประติประต่อเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่มีอาแนะนำบริษัทให้สมัครงานแถมเธอผ่านการค
ท่ามกลางสายตาของพนักงานที่กำลังชื่นชมสปิริตและความตั้งใจทำงานของเธอรวมถึงเพลิงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพร้อมกับยืนมองอย่างชื่นชมแงะภาคภูมิใจในตัวคนที่เขารักยังโชคดีที่ฝนไมาได้ตกหนักอะไรมาก แค่ปรอยลงมาพอชุ่มเท่านั้นฟึบ เสียงกางร่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุ้มที่เอ่ยบอก“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก เข้าไปหลบฝนดีกว่าไหม เธอโดนละอองฝนนิดเดียวก็ป่วยแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอก เมื่อเขาเดินมาทุกคนที่อยู่ก็หันมามองทั้งคู่เป็นตาเดียว“บอกไว้ว่าอะไร” เฟียร์หันมากระซิบคนที่ยืนกางร่มบังฝนให้เธออยู่ด้วยแววตาเหวดุใส่เพราะเธอเคยบอกกับเขาแล้วว่าอย่าแสดงออกเกินไป“แต่เธอจะป่วยเอานะ” เพลิงไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ตอนนี้ทั้งสองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนอยู่“เดี๋ยวคนอื่นสงสัย” เฟียร์กระซิบกระซาบอีกครั้ง พร้อมกับพยายามถอยห่างจากเขา“ไม่สน คบกับลูกเจ้าของบริษัทไม่เห็นมีอะไรน่าเสียหายเลย” ไม่ว่าเปล่ามือหนายังเอื้อมไปจับไหล่มนอีกฝั่งก่อนจะออกแรงกระชับกอดให้คนตัวเล็กเข้ามาแนบชิดติดกับอกแกร่งยิ่งขึ้น“เดี๋ยว เราไปตกลงคบกับเธอตอนไหน” เฟียร์หันเงยหน้าเพื่อค้อนมองคนข้าง ๆ แต่เมื่อหันมามองปรากฏว่าหน้าหล่อก็ก้มลงมาใกล้ ส่งผลให้จ
@คอนโดมิเนียมของเพลิงกว่าที่เพลิงจะเกลี้ยกล่อมให้เฟียร์มาที่ห้องได้ก็ใช้เวลาเนิ่นนาน แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเขาเลยเพราะชายหนุ่มรู้ว่าพอเฟียร์เริ่มเมาแล้ว เขาจะพูดอะไร ขออะไร เธอก็พยักหน้ายอมไปเสียหมดเพลิงจึงได้พาร่างเล็กมาที่ห้องของตัวเอง“น้องเหมียวคิดถึงกันไหมคะ” เมื่อเข้ามาถึงก็พบกับน้องเหมียวตัวเดิมแต่เพิ่มเติมคืออ้วนขึ้นเพลิงย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมที่ทั้งใกล้บริษัทและใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า“จำได้ด้วย” เฟียร์ที่มีอาการมึน ๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไป ทำให้เธอทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นส่งผลให้เจ้าเหมียวขนปุยขึ้นมาเล่นบนเรือนร่างเพรียวอย่างออดอ้อนภาพเฟียร์หัวเราะคิกคักเล่นกับแมวอยู่ในสายตาของเพลิงที่ยืนมองอยู่ ทำให้เขานึกถึงวันแรกที่เธอได้เล่นกับแมวที่คอนโดมิเนียมเก่าเขามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหยิบอาหารเปียกของแมวมาฉีกและยื่นให้เธอพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆเฟียร์หันมามองซองขนมเปียกในมือแกร่งที่ยื่นมาให้ก่อนจะมองตามมือของเพลิงไล่ไปยังดวงตาคมคู่นั้นที่มองเธออยู่ราวกับเป็นภาพเดจาวูที่ฉายขึ้นมาอีกครั้ง เธอนึกย้อนไปถึงวันนั้น วันที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของทั้งสองค
ตกเย็นวันนี้เป็นวันนัดรวมตัวกินข้าวกับมีอา ไฟ พายุ และภรรยาของพายุ ที่ตอนนี้เพิ่งจะได้กลายเป็นคุณแม่คุณพ่อมือใหม่ไปหมาด ๆ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเฟียร์เดินเข้ามายังร้านอาหารสุดหรูที่นัดกับเพื่อน ๆ ไว้ โดยตลอดทางที่เดินเข้ามาล้วนมีสายตาจากบรรดาลูกค้าผู้ชายภายในร้านมองตามตลอดทางแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเจอเข้ากับสายตาคมดุที่เดินตามหลังร่างบางเข้ามาเพลิงเดินตามหลังเฟียร์มาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ามีใครเดินตามมาตั้งแต่ที่ลานจอดรถ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภายในร้านอาหารมีคนมองตามเธอตาเป็นมันขนาดไหนก็มีแต่เพลิงที่เห็นและทำหน้าดุใส่ไปจนคนเหล่านั้นต้องหลบสายตาของเขากันอย่างลุกลี้ลุกลนนี่แค่วันแรกเธอยังทำให้เขาต้องสู้รบกับคนมากมายขนาดนี้การกลับมาเจอกันครั้งนี้เพลิงไม่อยากจะรีบร้อนผลีผลามอย่างเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นที่ผ่านมาเขาอยากจะค่อย ๆ แสดงความจริงใจและแสดงความรู้สึกให้ชัดเจนมากที่สุด อยากจะตั้งใจเดินหน้าจีบเธออย่างที่ควรจะเป็นตามสเต็ปและขั้นตอนเมื่อเข้าใกล้ห้องอาหารที่นัดรวมตัวกัน เสียงจากด้านในก็ยิ่งดังขึ้นจนได้ยินมาถึงด้านนอกความรู้สึกของคนที่ไม่ได้เจอเพื่อน ๆ มานานอย่างเฟียร์ก็อดไม่ได้ที่จะตื
เสียงของหัวใจที่นิ่งสงบมานานนับปี พลันเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง...เฟียร์หันหลังกลับไปมองแผ่นหลังกว้างที่คุ้นเคย เพื่อดูให้แน่ชัดว่าเป็นเขาจริง ๆ และชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคนที่เพิ่งเดินผ่านไปเป็นเขา คนที่เธอคิดถึงมาตลอด...เมื่อครู่ ทั้งเธอและเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียวแต่ดูเหมือนว่าเพลิงจะมองไม่เห็นมาทางเธอเลยด้วยซ้ำและคิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เพลิงจบวิศวะแต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ในเมื่อที่นี่เป็นบริษัทผลิตสื่อโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แถมยังใส่สูทผูกไทและบทสนทนาเมื่อครู่กับคนที่มาด้วยกันราวกับเป็นผู้บริหารท่านหนึ่งแต่ก่อนที่เธอจะสงสัยไปมากกว่าเดิม เสียงลิฟต์ก็ดังขึ้นติ๊ง!เฟียร์เดินเข้ามาในลิฟต์ก่อนที่คนข้างกายจะกดไปยังชั้นจุดหมาย และเมื่อประตูลิฟต์เปิดสนิท...“คนเมื่อกี้ที่เดินผ่านไปคือคุณเตโช ลูกชายท่านประธานที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเป็นรองประธานได้ไม่นานนี้เองค่ะ” พนักงานที่อยู่ข้างกายของเธอหันมาเอ่ยบอกในทันทีและทุกอย่างที่เฟียร์สงสัยก่อนหน้าก็ถูกไขกระจ่างขึ้นมาทันทีพลางคิดว่าโลกมันช่างกลมอะไรขนาดนั้น ที่เธอได้มาทำงานที่บริษัทของเพลิง และเป็นบริษัทแรกที่เฟียร์ยื่นใ