/ แฟนตาซี / Before The Fall / Chapter 4 - ปีกปีศาจและเสียงหัวเราะ

공유

Chapter 4 - ปีกปีศาจและเสียงหัวเราะ

작가: MR.K
last update 최신 업데이트: 2025-07-05 16:29:50

ในลานฝึกกว้างใหญ่ เนทีรี่ยืนกอดอกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “รู้ไหมว่าพ่อแกมีปีก?” เธอเอ่ยขึ้นลอย ๆ ก่อนที่แดเรียสจะตอบอะไร เนทีรี่ก็จับแขนเขาแล้วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

“อะไรวะ!? เนทีรี่! ปล่อย!”

“อยากบินไหม?” เธอหัวเราะแล้วปล่อยเขาดิ่งลงมา แดเรียสร้องลั่น ลมปะทะใบหน้า ร่างของเขาร่วงผ่านก้อนเมฆลงมาสู่แม่น้ำข้างล่าง...ก่อนจะถูกโฉบขึ้นอีกครั้ง

“นี่มันทรมานกันชัด ๆ!”

“ไม่หรอก! แกบินได้ แค่ยังไม่รู้ตัว!”

การฝึกวันแรกเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะของเนทีรี่เพียงแค่คนเดียว แต่ในขณะเดียวกันร่างกายของแดเรียสก็ถูกบังคับให้แสดงศักยภาพสูงสุด นี่คือการเรียกสายเลือดปีศาจที่อยู่ในตัวเขาให้ตื่นขึ้น

เสียงเหล็กกระทบดังก้องกลางลานฝึกที่เปียกชื้นจากฝนตกเมื่อตอนเย็น แดเรียสหอบหายใจหนัก มือทั้งสองกำดาบไม้จนสั่น ก่อนจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้าอีกครั้งด้วยแรงฮึดสุดท้าย

เพี๊ยะ!

ด้ามดาบของเจซซี่บิดรับก่อนพลิกตีกลับอย่างแม่นยำ ร่างของแดเรียสถูกสกัดลงพื้น เสียงล้มกระแทกดินดังสนั่น เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่ก่อนจะทันได้ตั้งตัว เสียงเย็นเยียบก็ดังขึ้น

“ลุก!” เจซซี่ตวาด ดวงตาเรียวสีอำพันจ้องเขม็ง “แกคิดว่าพ่อแกจะยอมให้แกโตมาอ่อนแอแบบนี้เหรอ?”

แดเรียสกัดฟัน หยัดตัวขึ้นช้า ๆ “พ่อเหรอ...? เขาไม่เคยสอนฉันเรื่องดาบด้วยซ้ำ”

คำพูดนั้นทำให้เจซซี่ชะงัก ดวงตาเธออ่อนแสงลง เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะกระซิบ

“อดัม...ช่วยฉันไว้ตอนฉันยังเด็ก...” เธอหันหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ “เขาไม่ได้เป็นแค่ราชาปีศาจนะ...แต่เป็นพ่อคนหนึ่งด้วย”

ฉากย้อนอดีต

กลางซากหมู่บ้านที่ถูกไฟเผา แสงสีแดงสาดไปทั่วฟ้า เด็กหญิงคนหนึ่ง—เจซซี่วัย 7 ขวบ—กอดร่างไร้วิญญาณของแม่ไว้แน่น น้ำตาเปื้อนแก้ม ดิน ไฟ และเลือด ท่ามกลางเสียงปีศาจคำรามในความมืด

ทันใดนั้น เงาร่างสูงสง่าในชุดเกราะดำก้าวออกจากม่านเพลิง ดวงตาสีทองของเขาสะท้อนแสงไฟเหมือนเทพสงคราม—อดัม

เขากวาดดาบเพลิงเพียงครั้งเดียว ทุกสิ่งรอบข้างก็สงบ

“เธอชื่ออะไร” เขาถามด้วยเสียงนุ่มลึก

“เจ...เจซซี่...”

อดัมชะโงกลง ยื่นมือมา “ถ้าไม่มีใครปกป้องเจ้าอีก...เจ้าจะปกป้องตัวเองได้ไหม?”

เด็กหญิงพยักหน้าทั้งน้ำตา

“ดี...จำไว้ว่า พลังไม่ใช่เพื่อแก้แค้น แต่เพื่อไม่ให้ใครต้องร้องไห้อีก”

เขาพาเธอจากหมู่บ้านนั้น ไปยังเมืองของเขา ณ ที่ชั้นใต้ดิน—ที่ซึ่งอดัมเริ่มปลุกปั้นเธอให้ใช้ชีวิตใหม่ ฝึกให้เธอรู้จักการต่อสู้ การคิด และอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีในโลกที่ไร้ความเมตตา

เจซซี่ยกมือจับสร้อยคอที่ห้อยอยู่ข้างลำคอเล็ก ๆ ของตัวเอง—สร้อยดวงตาเพลิง ที่อดัมเคยให้ไว้

“เขาเคยบอกว่า...วันหนึ่งจะมีเด็กคนหนึ่งที่ทำให้โลกเปลี่ยนได้” เธอกระซิบขณะมองแดเรียส

กลับมาปัจจุบัน

แดเรียสยืนเงียบ มองเจซซี่ในแง่มุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอไม่ได้แข็งแกร่งเพราะอยากเป็น...แต่เพราะไม่มีทางเลือกอื่น

“เจ้าอยากเก่งเพื่ออะไร?” เจซซี่ถาม ดาบไม้ในมือตั้งตรง

แดเรียสนิ่งไป ก่อนจะตอบช้า ๆ “เพื่อปกป้องคนที่สำคัญ...เหมือนที่พ่อของเธอเคยทำกับเธอ”

เจซซี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโยนดาบไม้เล่มใหม่ให้ “งั้นเริ่มใหม่...และคราวนี้ ถ้าล้ม—เจ้าจะต้องลุกให้เร็วกว่าเดิม”

เสียงดาบเริ่มปะทะกันอีกครั้ง—แต่ครั้งนี้ แรงของแดเรียสไม่ได้มาจากความโกรธ แต่มาจาก คำสาบานเงียบ ๆ ในใจ

“ฉันจะไม่ใช่แค่รอดชีวิต...แต่จะเป็นผู้เปลี่ยนชะตาทุกสิ่ง อย่างน้อยก็ขอ ขอให้ฉันได้เป็นคนที่ดีคนนึงให้พ่อกับแม่ได้ภูมิใจสักครั้งเถอะ”

“ถ้าแกยังหายใจหนักขนาดนั้น แกไม่มีทางลอบฆ่าใครได้”

ริคค่อนกระซิบข้างหูขณะกดหัวแดเรียสให้แนบกับพื้นป่า กลิ่นดินชื้นลอยแตะจมูก เสียงใบไม้สั่นไหวเบา ๆ ทุกจังหวะคือการฝึกเพื่ออยู่ในเงามืด—เงาที่นักฆ่าอาศัยอยู่

แดเรียสหายใจช้าลง เขาพยายามควบคุมร่างกายให้เบาที่สุด ขยับตามริดม่อนที่โผพุ่งไปข้างหน้าอย่างเงียบงัน ป่ากลางค่ำคืนเหมือนกลืนร่างพวกเขาให้เป็นส่วนหนึ่งของมัน

อีกมุมหนึ่งของฐานฝึก

เสียงปืนดังสนั่นกลางอากาศ เปรี้ยง!

เท็นขมวดคิ้วก่อนจะเดินมาคว้าปืนจากมือแดเรียส

“นี่ไม่ใช่เกม!” เขาตะคอก “เล็งแบบนักฆ่า ไม่ใช่เด็กเล่นปืน”

จากนั้นโยนกระสุนใส่มือเด็กหนุ่มอย่างแรง “โหลดซะ แล้วทำใหม่ให้แม่นกว่าที่ผ่านมา”

แดเรียสกัดฟันแน่น แต่กลับไม่หวั่น เขาทำตามทันที

เวลาผ่านไปไม่นาน ท่ามกลางแสงจันทร์และไฟแคมป์ริบหรี่ ริคค่อนนั่งอยู่ข้างกองไม้ ฟังเสียงธรรมชาติพลางลับมีด ริดม่อนเทน้ำจากกระบอกใส่กระติก ส่วนเท็นก็ยังทำหน้าบึ้งแต่ไม่ได้พูดอะไรมากเหมือนเดิม

“เด็กนั่นเริ่มกลั้นหายใจได้นานกว่ารอบก่อน ๆ แล้วนะ” ริดม่อนเอ่ยขึ้นเบา ๆ

“อืม...ไอ้หมอนั่นเรียนรู้ไว” ริคค่อนพยักหน้า “พอมีวินัยขึ้นหน่อย เขาอาจเร็วกว่าฉันตอนวัยเดียวกันด้วยซ้ำ”

เท็นปรายตามองพวกเขาเล็กน้อยแล้วหันกลับไปทำความสะอาดปืน เสียงเขาดังขึ้นโดยไม่มองหน้าใคร

“ตอนฉันฝึกปืนเดือนแรก ยังยิงโดนต้นไม้ข้างหลังเป้าอยู่เลย”

เขาหยุดเล็กน้อยก่อนพูดว่า “หมอนั่น...มันไม่ธรรมดา”

ทั้งสามเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงลมหวิวผ่านใบไม้เหมือนคล้ายเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้น

ในเงามืดของค่ำคืน แดเรียสยังคงฝึกซ้อม เขาล้มลง ลุกขึ้น เล็ง แล้วยิง

แม้ไม่มีใครบอกตรง ๆ แต่ในสายตาของผู้ฝึก...เขาคือความหวังใหม่—เงาแห่งอนาคตที่อาจเร็วกว่า แรงกว่า และแม่นกว่าใครทั้งหมด

เสียงระเบิดเวทมนตร์ดังกึกก้องกลางลานฝึก

บึ้ม!!

กลุ่มควันพวยพุ่ง แสงไฟสว่างวาบ ก่อนที่ร่างของแดเรียสจะลอยกระแทกพื้น

กลางวงเวท แรนดี้ยืนสงบนิ่ง เปลือกตาหลับลง ขณะธาตุทั้งสี่—ดิน, น้ำ, ลม และไฟ—หมุนวนรอบตัวเขาอย่างเป็นจังหวะ ดุจการเต้นรำของธรรมชาติ

แดเรียสพยายามควบคุมพลังเวทที่เพิ่งเริ่มตื่นขึ้นในตัว แต่ธาตุทั้งหลายกลับสับสน ปะทะกันและระเบิดใส่เจ้าตัวเอง

“อีกแล้วเหรอวะ!” แดเรียสพึมพำขณะปัดเปลวไฟออกจากเสื้อยับ ๆ

ทันใดนั้นเอง วากาบ้า—ชายร่างสูงแกร่งผู้เป็นโค้ชสายถึก เดินเข้ามาพร้อมโล่ห์เหล็กที่หนักจนพื้นดินแทบทรุด

“ยืนให้มั่น! หายใจให้ช้า จินตนาการว่าแกกำลังฝึกอยู่ใต้ทะเลลึก...”

ยังไม่ทันจบประโยค เขาโยนโล่ห์ใส่แดเรียส โครม!

“รับไปซะ! จะได้รู้ว่าต้อง ‘ถึก’ แค่ไหนถึงจะรอดในสนามจริง!”

แดเรียสหน้าคะมำอีกรอบ โล่ห์เหล็กครึ่งตัววางทับเขาจนขยับแทบไม่ได้

ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบา ๆ ของแรนดี้ อีกคนหนึ่งเดินเข้ามา—ร่างเล็ก ผมสั้นประบ่า มีเขาเล็ก ๆ คล้ายมงกุฎหินขึ้นที่หน้าผาก

นิว เด็กหญิงเผ่าไททันผู้เงียบขรึม น่ารัก และอันตรายอย่างเหลือเชื่อเวลาสอน

“พอได้แล้ววาก้า เขาจะหักซี่โครงเอา”

นิวกล่าวเรียบ ๆ ก่อนจะยกโล่ห์เหล็กด้วยมือเดียวแล้วโยนมันออกไปราวกับขนนก

เธอหันมาทางแดเรียส ดวงตาสีเทาของเธอจ้องเขาอย่างสงบนิ่ง

“ฟังนะ...เกราะไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่มันเป็นร่างกายที่สอง”

เธอชูแขนขึ้น ก่อนที่ร่างกายจะเปล่งแสงเบา ๆ และเปลี่ยนผิวหนังให้กลายเป็นเกราะหินเนื้อโลหะที่ประสานกับกล้ามเนื้อแนบเนียน

“การแปลงร่างของไททันคือสมดุลระหว่างการยืนหยัดกับการโต้กลับ”

เธอกระทืบเท้าเบา ๆ พื้นสั่นสะเทือน แค่ครั้งเดียวก็ทำให้ดินตรงหน้าแตกร้าว

“และตอนที่แกคิดว่าชั้นน่ารัก แกแพ้ไปแล้วหนึ่งจังหวะ”

นิวกล่าวอย่างเย็นชา แล้วกระชากแดเรียสให้ลุกขึ้น “มา...ฉันจะสอนวิธีใช้เกราะให้กลายเป็น ‘หมัด’”

หลายชั่วโมงผ่านไป แดเรียสหอบหายใจ มือช้ำ แขนชา และยังคงโดนกลิ้งจากแรงเตะของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนเดิม

“พระเจ้า...เธอโหดยิ่งกว่าเท็นอีก...”

แดเรียสบ่น ขณะที่นิวเหงื่อซึมเล็กน้อย แต่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย

“เธอคือภัยเงียบ...ที่ถึกที่สุดในทีมนี้เลยว่ะ” แรนดี้หัวเราะเบา ๆ พลางชูนิ้วโป้งให้นิว

ภายใต้เหงื่อและเสียงระเบิด แดเรียสเริ่มจับจังหวะเวท เริ่มกลั้นลมหายใจได้ดีขึ้น และเริ่มแปลงผิวบางส่วนให้กลายเป็นโลหะชั่วขณะ

แม้ยังไม่สมบูรณ์...แต่ทุกคนเห็นแล้ว—เขากำลัง “เปลี่ยน"

วันที่ห้า แดเรียสยืนอยู่กลางลาน ฝ่ามือเต็มไปด้วยรอยแผล ปีกปีศาจกางออกเต็มความยาว หลังจากตกไปนับสิบรอบ ในที่สุดเขาก็บินได้ด้วยตนเอง

อีธานกับลุงจันทร์มายืนดูห่าง ๆ สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มปนเศร้า

“เขาโตแล้วสินะ” อีธานกล่าว

ราฟาเอลเดินเข้าไปหาแดเรียสกลางลาน “พอแล้ว...สำหรับตอนนี้”

“ฉันยังฝึกต่อได้นะ!”

“แกไม่รู้หรอกว่าเลือดของใครไหลอยู่ในตัวแก...แต่พวกเรารู้” ราฟาเอลเอามือแตะแขนเขาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองท้องฟ้า

“อดัม...เอวา...ลูกของพวกท่านเติบโตแล้ว”

แสงสุดท้ายของวันสาดส่องลานฝึก เสียงลมหายใจของแดเรียสกลายเป็นจังหวะมั่นคง ราวกับหัวใจแห่งสงครามได้เริ่มเต้นอีกครั้ง

ปิดท้าย ราฟาเอล พึมพำเบาๆท่ามกลางห้องของตัวเองว่า

ถึงเราจะปกป้องพ่อของท่านไม่ได้ แต่เราจะปกป้องลูกชายของท่านให้ได้ เอวา..

ต่อจากนี้คือการลงสนามจริงครั้งแรกของแดเรียส

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • Before The Fall   Before The Fall ก่อนถึงฤดูใบไม้ร่วง Chapter 5 ร่องรอยแห่งบาดแผล

    เสียงของฝนตกกระทบหลังคาเก่า ๆ ดังก้องอยู่ในหูของแดเรียส ขณะที่เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างโรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง — สถานที่ที่เขาและราฟาเอลใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมลับ ๆ หลังเหตุการณ์ปะทะกับอสูรก่อนหน้านี้ โลกภายนอกเย็นเยียบ ราวกับสะท้อนความรู้สึกในใจเขา "อีกครั้ง" เสียงราฟาเอลดังก้องในความทรงจำ — เสียงที่ทั้งเข้มงวดและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ราวกับถูกพัดพา แดเรียสจำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อน — หลังจากเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด ราฟาเอลไม่ได้เลือกพาเขาไปหาหมอธรรมดา หากแต่เลือกสอนบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่า: การ "เยียวยาตนเอง" แฟลชแบ็ค – โรงพยาบาลร้าง, กลางคืน "หลับตา" ราฟาเอลสั่งเบา ๆ ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์รำไร "ฟังเสียงเลือดของตัวเองให้ดี" แดเรียสกำหมัดแน่น ร่างกายเขาสั่นด้วยพิษไข้และบาดแผลที่ไม่หายซักที ความเจ็บแสบแล่นทั่วร่าง ทว่าเขาก็ทำตาม — หลับตาลง กัดฟันกรอด ราฟาเอลนั่งคุกเข่าข้าง ๆ วางมือเบา ๆ บนบ่าของเด็กหนุ่ม

  • Before The Fall   Chapter 4 - ปีกปีศาจและเสียงหัวเราะ

    ในลานฝึกกว้างใหญ่ เนทีรี่ยืนกอดอกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “รู้ไหมว่าพ่อแกมีปีก?” เธอเอ่ยขึ้นลอย ๆ ก่อนที่แดเรียสจะตอบอะไร เนทีรี่ก็จับแขนเขาแล้วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า“อะไรวะ!? เนทีรี่! ปล่อย!”“อยากบินไหม?” เธอหัวเราะแล้วปล่อยเขาดิ่งลงมา แดเรียสร้องลั่น ลมปะทะใบหน้า ร่างของเขาร่วงผ่านก้อนเมฆลงมาสู่แม่น้ำข้างล่าง...ก่อนจะถูกโฉบขึ้นอีกครั้ง“นี่มันทรมานกันชัด ๆ!”“ไม่หรอก! แกบินได้ แค่ยังไม่รู้ตัว!”การฝึกวันแรกเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะของเนทีรี่เพียงแค่คนเดียว แต่ในขณะเดียวกันร่างกายของแดเรียสก็ถูกบังคับให้แสดงศักยภาพสูงสุด นี่คือการเรียกสายเลือดปีศาจที่อยู่ในตัวเขาให้ตื่นขึ้นเสียงเหล็กกระทบดังก้องกลางลานฝึกที่เปียกชื้นจากฝนตกเมื่อตอนเย็น แดเรียสหอบหายใจหนัก มือทั้งสองกำดาบไม้จนสั่น ก่อนจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้าอีกครั้งด้วยแรงฮึดสุดท้ายเพี๊ยะ!ด้ามดาบของเจซซี่บิดรับก่อนพลิกตีกลับอย่างแม่นยำ ร่างของแดเรียสถูกสกัดลงพื้น เสียงล้มกระแทกดินดังสนั่น เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่ก่อนจะทันได้ตั้งตัว เสียงเย็นเยียบก็ดังขึ้น

  • Before The Fall   Chapter 3 – ผู้เฝ้าประตู

    เสียงลมหายใจเงียบงันของกลางคืนคล้ายจะเลือนหายไปในความสงัด เมื่อ “ประตูมิติ” กรีดผ่านผืนอากาศเบื้องหน้าภูเขาสูงชันในป่าทึบ เสียงกรีดร้องของพลังลี้ลับบิดเบี้ยวแสงรอบข้าง บิดผันเป็นรอยแยกสีฟ้าอมม่วงเรืองแสง ลานหินวงกลมกลางป่าซึ่งไม่ปรากฏในแผนที่ใดบนโลกมนุษย์—ที่ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ระหว่างรอยต่อแห่งกาลเวลาจากเงาไม้ทึบ ชายชราผู้สวมผ้าฝ้ายสีดินเก่าขาด เดินออกมาช้า ๆ ไม้เท้าไม้ไผ่ในมือข้างหนึ่งกดลงพื้นเป็นจังหวะ ลมหายใจของเขาหนักแน่นแต่เนิบช้า ลุงจันทร์—ผู้เฝ้าประตู ด่านเชื่อมโลกทั้งสาม ผู้เคยหายตัวไปนานกว่าทศวรรษ ปรากฏตัวอีกครั้งเขาเดินตรงไปยังใจกลางลานหิน ที่ซึ่งมีบุรุษคนหนึ่งนั่งหลับตานิ่ง—อีธาน พ่อของแดเรียส เงาสะท้อนในดวงตาลุงจันทร์บ่งบอกถึงความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเมตตา ความเศร้า และความรู้สึกผิดบางอย่างที่ฝังแน่นในใจมานาน“โลกกำลังจะเปลี่ยน...” ลุงจันทร์พูดเบา ๆ ราวกับสายลมพัดพาเสียงผ่าน “เด็กคนนั้น...จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”แสงจันทร์ส่องลอดร่มไม้ ฉาบร่างอีธานไว้ในความสงบ เขาลืมตาช้า ๆ “ผมจำได้ ว่าท่านเคยเตือนผมเรื่องนี้...ตั้งแต่วันแรก”

  • Before The Fall   Chapter 2 : แผนต่อไป

    หลังการต่อสู้ เจซซี่กับราฟาเอลพาแดเรียสกับอีธานหนีไปยังฐานลับแถวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นั่น แดเรียสได้เรียนรู้เรื่อง “กลุ่มปฏิวัติ” ซึ่งต่อต้านสิ่งมีชีวิตจากเงามืดที่กำลังรุกรานโลก และพบเจอกับคนอื่นๆ ทั้งปกติและทั้งรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดเจซซี่กล่าวว่า“เรารู้ว่ามันคือใคร... เราเรียกมันว่า ‘ผู้ร่วงหล่น’ พร้อมเปิดภาพชายมีปีกขนดำสนิทเหมือนในฝัน — นามนั้น คืออากัส ผู้ปกครองของเหล่าเดอะฟอล“มันมี ‘ดิอาย’ หนึ่งในอาวุธโบราณ...” ราฟาเอลเสริมหลังเรื่องราวที่ยังคงวุ่นวาย อีธานกับแดเรียส พ่อลูกนั่งคุยกัน แดเรียสร้องไห้พร้อมขอโทษผู้เป็นพ่อที่เขาเป็นสัตว์ประหลาด แต่อีธานก็ยิ้มแล้วกอดลูกพร้อมบอกว่าลูกไม่ใช่สัตว์ประหลาด ลูกคือคนที่พิเศษต่างหากจากนั้นเจซซี่ก็พาแดเรียสมารู้จักคนอื่นๆในกลุ่มเนทีรี่ ราชินีแห่งโลกมังกร ผมขาว ผิวขาว นิสัยใจดีนิว มาจากเผ่าพันธุ์ไททัน เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ร่าเริงกาวาบ้า ครึ่งเผ่าพันธุ์เทวรูปครึ่งเผ่าพันธุ์ทะเล ตัวสูงใหญ่นิสัยใจดี รักพวกพ้อง มีเคราเป็นปลาหมึก

  • Before The Fall   Before The Fall Chapter 1: เงาในฝัน

    "ในค่ำคืนหนึ่ง ที่หมอกเย็นกัดผิวและเงามืดกอดกุมมหานคร... ลมหายใจของรัตติกาลพัดผ่านม่านหมอกเหน็บหนาว แดเรียสสะดุ้งตื่นจากความฝันอันลึกล้ำ — ฝันที่ดั่งเปลวเพลิงเผาใจเขาจนแทบมอดไหม้ ในฝันนั้น เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักพัง เงาดำปกคลุมฟ้า อีกาสีดำตัวมหึมาเกาะอยู่บนตึกสูงสุดของมหานคร มันกรีดร้องก้องฟ้า เหมือนประกาศจุดจบของมนุษยชาติ เสียงระเบิด เสียงร้องไห้ และกลิ่นเลือดคละคลุ้ง ทุกอย่างย่อยยับป่นปี้ กลางเมืองย่อยยับนั้น ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ เงาของเขาราวปีศาจจากบาดาล ปีกสีดำปานค้างคาว ปกคลุมด้วยขนนกกา สายตาเย็นชาไร้ความปรานี มองตรงมาที่เขา — แดเรียส เขาตื่นขึ้นมา ใจเต้นโครมคราม เด็กหนุ่มคนหนึ่งสะดุ้งตื่นจากฝันที่คล้ายภาพลางร้าย เขาหอบหายใจ ปวดหัวอย่างรุนแรง "อีกแล้ว... ฝันแบบเดิม... เมืองพัง เงาดำ... แล้วก็... มัน..." ในเช้าวันนั้น แดเรียสนั่งมองออกนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ไปยังถนนกรุงเทพที่วุ่นวาย เขามุ่งหน้าไปโรงพยาบาลจิตเวชที่เ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status