เสียงของฝนตกกระทบหลังคาเก่า ๆ ดังก้องอยู่ในหูของแดเรียส ขณะที่เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างโรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง — สถานที่ที่เขาและราฟาเอลใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมลับ ๆ หลังเหตุการณ์ปะทะกับอสูรก่อนหน้านี้
โลกภายนอกเย็นเยียบ ราวกับสะท้อนความรู้สึกในใจเขา "อีกครั้ง" เสียงราฟาเอลดังก้องในความทรงจำ — เสียงที่ทั้งเข้มงวดและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ราวกับถูกพัดพา แดเรียสจำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อน — หลังจากเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด ราฟาเอลไม่ได้เลือกพาเขาไปหาหมอธรรมดา หากแต่เลือกสอนบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่า: การ "เยียวยาตนเอง" แฟลชแบ็ค – โรงพยาบาลร้าง, กลางคืน "หลับตา" ราฟาเอลสั่งเบา ๆ ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์รำไร "ฟังเสียงเลือดของตัวเองให้ดี" แดเรียสกำหมัดแน่น ร่างกายเขาสั่นด้วยพิษไข้และบาดแผลที่ไม่หายซักที ความเจ็บแสบแล่นทั่วร่าง ทว่าเขาก็ทำตาม — หลับตาลง กัดฟันกรอด ราฟาเอลนั่งคุกเข่าข้าง ๆ วางมือเบา ๆ บนบ่าของเด็กหนุ่ม "ความเจ็บปวดคือสัญญาณ ไม่ใช่ศัตรู จำไว้นะเด็กน้อย" เขากระซิบ แดเรียสรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง…เหมือนพลังงานอ่อน ๆ กำลังค่อย ๆ ไหลเวียนในตัว ร้อนวูบขึ้นมาจากกลางอก แล้วแผ่ออกไปตามเส้นเลือด แต่พริบตาต่อมา ทุกอย่างกลับกลายเป็นความเจ็บแสบที่ทวีคูณขึ้น เขาทรุดฮวบลงกองกับพื้น หอบหายใจหนัก "ไม่ต้องฝืน" ราฟาเอลยังคงพูดอย่างสงบ "ยอมรับมัน กอดมันไว้เหมือนเพื่อนสนิท เจ้าไม่ได้ต่อสู้กับความเจ็บ…เจ้ากำลังยอมให้มันเป็นส่วนหนึ่งของเจ้า" กลับสู่ปัจจุบัน แดเรียสยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา ดูรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่ยังหลงเหลือบนท่อนแขนของตัวเอง ความทรงจำนั้นเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน 'ยอมรับ…ไม่ต่อต้าน' เขายิ้มบาง ๆ ให้กับตัวเองก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ฝ่ามือที่แตะบาดแผลเริ่มปล่อยไออุ่นจาง ๆ ออกมา เสียงสายฝนยังคงโปรยปรายไม่หยุด ราวกับบรรเลงเป็นบทเพลงบำบัดใจให้เขา ในห้วงนิทราที่ไร้เสียง แดเรียสรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไป— บางสิ่งที่กำลังตื่นขึ้นในตัวเขา บางสิ่งที่มากกว่า "ฮีลลิ่ง" บางสิ่งที่เชื่อมโยงเขาเข้ากับสิ่งมีชีวิตทั้งมวล..." กลางดึก วันเดียวกันนั้น ในห้วงความฝันอันไร้กาลเวลา แดเรียสยืนอยู่กลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ สายลมเย็นเยียบพัดกรรโชกอย่างไร้ทิศทาง ท้องฟ้าเหนือศีรษะเขาเป็นสีเทาหม่น ไร้แม้แต่แสงดาว เบื้องหน้า... มีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ในม่านหมอก — ร่างสูงโปร่งในชุดเกราะสีดำที่เหมือนดูดกลืนแสงทุกหยาดหยด "ใครน่ะ..." แดเรียสพึมพำเสียงแผ่ว ขณะก้าวไปข้างหน้าอย่างลังเล เมื่อเข้าใกล้มากขึ้น ดวงตาแดงฉานคู่หนึ่งก็ลืมขึ้นกลางความมืด — ทั้งคุ้นเคยและแปลกแยกในเวลาเดียวกัน "แดเรียส..." เสียงก้องลึกแว่วมา ราวกับดังจากหลายภพหลายชาติ "…เจ้าจะต้องเลือกระหว่างแสงสว่างกับเงามืด" ก่อนที่แดเรียสจะทันตอบ เงานั้นค่อย ๆ ยกมือขึ้น — บนฝ่ามือของมัน มีบางสิ่งเปล่งแสงวาบอยู่ มันคือ "ดวงตา" ดวงตาสีทองสลัว กำลังส่องประกายราวกับมีชีวิต "ดิอาย" ทันใดนั้นเอง ภาพทั้งหมดก็กระจายเป็นเสี่ยง ๆ ทุ่งหญ้าถล่มลงกลายเป็นเหวลึก เสียงกรีดร้องของลมหอบเอาแดเรียสตกลงไปในห้วงอเวจี ฉึบ! เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาเหงื่อชุ่มตัว หอบหายใจรัวราวกับวิ่งหนีฝันร้ายมาทั้งคืน แต่ภาพในหัว — ดวงตาสีทอง ดวงตานั้น — ยังคงลอยวนอยู่ในความทรงจำเขาไม่เลือนหาย รุ่งเช้า – ฐานฝึกของกลุ่มปฏิวัติ แดเรียสเดินโซซัดโซเซไปยังลานฝึก ฝืนร่างกายที่ปวดระบมจากการฝึกหนักหลายวันติดกัน เจซซี่ยืนกอดอกมองเขาอยู่ก่อนแล้ว "วันนี้ไม่ฝึกเบาให้หรอกนะ" เสียงของเจซซี่ฟังดูติดตลก แต่แววตาเธอกลับแข็งกร้าว แดเรียสพยักหน้าเบา ๆ โดยไม่พูดอะไร เขารู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีที่ให้เขา 'หนี' ได้อีกแล้ว ลานฝึก – วันสุดท้ายของการฝึกก่อนสู้จริง เช้าตรู่ของวันสุดท้าย หมอกสีเทาหนาแน่นปกคลุมไปทั่วลานฝึก — อากาศเย็นยะเยือกเหมือนมีบางสิ่งกดทับอยู่บนไหล่ของทุกคน กลุ่มปฏิวัติเงียบผิดปกติ ทุกคนรู้ดีว่าวันนี้จะเป็นวันตัดสิน ไม่ใช่แค่ฝึก...แต่เป็นบทพิสูจน์ "ว่าจะรอด" หรือ "จะตาย" ในสนามรบจริงที่กำลังจะมาถึง แดเรียส ยืนตัวตรงกลางลานฝึก ดวงตาแดงเข้มมองตรงไปข้างหน้า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการฝึกตลอดหลายวัน ทว่าท่าทีกลับนิ่งสงบผิดวิสัย ด่านแรก – หมัดของนิว เสียงรองเท้าทหารกระทบพื้นอย่างหนักแน่น นิว เข้ามาเผชิญหน้า เขายิ้มเย็น ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ "ถ้าเอาแต่ใช้สมองคิดว่าควรหลบยังไง เจ้าจะโดนฆ่าก่อนทันขยับ" พั่ก!! หมัดแรกฟาดเข้าเต็มเบ้าตาแดเรียส โลกหมุนคว้างในชั่ววินาที แต่ครั้งนี้...แดเรียสไม่ล้ม เขากัดฟันแน่นจนได้กลิ่นเลือดในปาก ดวงตาเบิกโพลง แรงกระแทกทำให้สัญชาตญาณปะทุขึ้นโดยไม่รู้ตัว หมัดที่สองมา — เขาไม่ทันคิด สมองไม่ได้สั่ง ร่างกายขยับเอง — ก้มต่ำ หันไหล่ขวา หลบพ้นเฉียดเส้นผมอย่างเฉียดฉิว เสียงหัวใจเต้นกระหน่ำในอก ทุกอย่างรอบตัวช้าลง เหลือเพียงเสียงลมหายใจตัวเองกับแรงขับในอกที่เหมือนสัตว์ป่าเพิ่งตื่นจากการจำศีล "อย่าใช้หัว! ใช้หัวใจ!!" นิวตะโกนก้อง แดเรียสคำรามในลำคอ กำหมัดแน่น — สัญชาตญาณแห่งการอยู่รอดได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว ด่านสอง – แบกหินวิ่ง วากาบ้าแบกก้อนหินขนาดเท่าตัวคนมาวางตรงหน้าแดเรียส "หนึ่งรอบฐานให้ทันสิบห้านาที — ไม่งั้นโดนตื้บ" แดเรียสไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขายกหินขึ้นจนหลังแทบขาด เส้นเอ็นตามข้อมือปูดเป่งจากแรงกด ขาเริ่มวิ่ง ก้อนหินหนักเหมือนภูเขา แผ่นหลังแสบไปด้วยหยาดเลือดจากการเสียดสีกับผิวหินหยาบ หายใจเข้า — โลกหมุนคล้ายกำลังจะสลบ หายใจออก — หัวใจบีบแน่นจนแทบแตก แต่แดเรียสกัดฟันลากเท้าไปข้างหน้า หนึ่งก้าว สองก้าว สิบก้าว ความเจ็บปวดไม่ใช่ศัตรูอีกต่อไปแล้ว มันกลายเป็น "เชื้อเพลิง" ตึง! ตึง! ตึง! เสียงหัวใจเขาดังดุจเสียงกลองสงคราม — เต้นเป็นจังหวะบ้าคลั่งเร้าให้ไปต่อ ในห้วงวินาทีนี้...แดเรียสเริ่มหลอมรวมร่างกาย-ใจ-จิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียว ด่านสาม – การล่าในเงามืด ฐานฝึกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบจนมองไม่เห็นแม้แต่ปลายนิ้วตัวเอง ริดม่อน และ ริคค่อน แอบแฝงอยู่ที่ไหนสักแห่ง พร้อมจะโจมตีเขาแบบไม่ทันตั้งตัว แดเรียสหลับตา ปล่อยเสียงรอบตัวทะลุผ่านเข้าโสตประสาท ฟัง...เสียงรองเท้าบดกรวด เสียงลมหายใจแผ่ว เสียงเนื้อเสียดสีผ้า... ฟึบ! เงาดำพุ่งมาเบื้องหลัง — แดเรียสเบี่ยงตัวเฉียดคมมีดปลายแหลมไปได้เสี้ยววินาที ฉึบ! อีกเงาหนึ่งมาจากด้านข้าง เขาหันตัวหลบตามสัญชาตญาณบริสุทธิ์ ไม่ต้องใช้ตาคิด ไม่ต้องคาดเดา — มีเพียง "ความรู้สึก" ล้วน ๆ แดเรียสเริ่มรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจาง ๆ ใต้ฝ่าเท้า มองเห็นเงาในความมืดด้วยสัญชาตญาณที่กำลังแหลมคมยิ่งกว่าที่เคยเป็น ด่านสี่ – สู้ภายใต้ความกดดัน เท็น ขว้างปืนพกมาให้ "กระสุนมีแค่สามนัด ศัตรูมีห้า" รอบตัวแดเรียสจำลองสนามรบ — มีศัตรูจำลองแฝงอยู่ทั้งในซากอาคาร ผนังพัง และเงามืด เขาต้องยิงให้ได้ก่อนถูกฆ่า แต่...ปืนกระสุนติดขัดตั้งแต่นัดแรก "ชิบหาย..." แต่แดเรียสไม่ลังเล เขาสไลด์ลูกเลื่อนอัตโนมัติ แก้ไขการติดขัดในเสี้ยววินาทีเหมือนสัญชาตญาณของนักรบที่มีประสบการณ์สิบปี ปัง! ยิงศัตรูตัวแรกเข้าขมับ หมอบ! ยิงศัตรูที่ซุ่มอยู่ในเงาตึก ปัง! ปัง! กระสุนหมด — แต่แดเรียสไม่หยุด เขาขว้างปืนเข้าใส่ศัตรูตัวสุดท้ายแล้วพุ่งประชิดตัว ปักศอกกระแทกเข้าที่ลำคออย่างแม่นยำ ร่างปลอมของศัตรูร่วงลง เงียบสนิท หอบหายใจถี่ ร่างกายเหมือนจะพังลงไปตรงนั้น แต่ในดวงตาของแดเรียส... เปลวเพลิงในจิตวิญญาณได้ถูกจุดขึ้นแล้ว ท้ายลานฝึก — ขณะพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนในกลุ่มปฏิวัติเงียบกริบ มองเด็กหนุ่มตรงกลางลานฝึกที่ยืนอยู่ท่ามกลางรอยเลือด เหงื่อ และเศษซากหักพัง แดเรียสยืนหยัดตรงกลาง — เลือดไหลจากหางคิ้ว แขนซ้ายเจ็บปวดร้าว ขาขวาแทบขยับไม่ได้ แต่...ไม่มีแววอ่อนแอในแววตานั้นอีกแล้ว ราฟาเอลยิ้มบาง ๆ พลางพูดเบา ๆ ราวกับคำสาบาน "เจ้ากำลังเปลี่ยนไปแล้ว, แดเรียส..." "จากเด็กน้อย...กลายเป็นนักสู้ที่แท้จริง" จบฉาก ลานฝึกวันสุดท้าย ตอนพักสั้น ๆ แดเรียสยกน้ำขึ้นดื่ม มือสั่นเทา ขาทั้งสองข้างแทบยืนไม่ไหว แต่ในแววตา... "ไม่มีความลังเลอีกต่อไป" ราฟาเอลเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ พลางส่งผ้าเย็นมาให้ "เจ้าฝันถึงมันแล้วสินะ" เขาพูดขึ้นโดยไม่ต้องถาม แดเรียสหันขวับมอง "ฝันถึง...ใครกันแน่?" ราฟาเอลถอนหายใจเบา ๆ แววตาเศร้าเจือเจ็บปวดเล็กน้อย "ไม่ใช่แค่ใคร..." "แต่คือ 'สิ่งที่เจ้าต้องเผชิญ' ในวันที่เจ้าเลือกจะเป็นตัวของตัวเอง" แดเรียสมองท้องฟ้าไกลโพ้นที่เริ่มเรืองแสงสีทองสลัวของรุ่งอรุณ ในใจเขาไม่ได้มีเพียงแค่ความกลัวอีกต่อไป แต่มีบางสิ่งที่แข็งแกร่งกว่านั้น — ความเชื่อมั่นอันนิรันดร์ "ไม่ว่าฉันจะเป็นใคร..." "ฉันจะสร้างเส้นทางของตัวเอง" คืนนั้น หลังจบวันสุดท้ายของการฝึก ทุกคนหลับไปด้วยความอ่อนล้า — แต่แดเรียสถูกเรียกตัวโดย แรนดี้ เสียงเท้าเปล่า กระทบพื้นหินเย็นเฉียบ เขาตามแรนดี้ลงไปยัง "ห้องลับ" ใต้ฐาน — ลานกว้างที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่โลกยังไม่ถล่ม ไฟคบเพลิงสว่างริบหรี่ตามแนวผนังหินเก่า ๆ บรรยากาศรอบตัวหนาหนักจนหายใจแทบไม่ออก เหมือนก้าวข้ามผ่านกำแพงของโลกแห่งวิญญาณเข้าไป กลางห้อง — มีว5งเวทโบราณสลักไว้ด้วยอักษรประหลาด ราวกับหายใจได้เอง แรนดี้ยืนเท้าสะเอว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ติดอยู่บนใบหน้า "เจ้าพร้อมหรือยัง ไอ้หนู?" "พร้อมจะรู้จักตัวเอง...จริง ๆ น่ะ?" แดเรียสเงียบ แม้ใจเต้นรัวเหมือนกลองศึก แต่แววตากลับนิ่ง — เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขา "ต้องการ" รู้คำตอบนี้จริง ๆ พิธีปลุกพลัง แรนดี้กระชากเสื้อคลุมออก — เผยรอยสักเวทโบราณทั่วร่างกาย บางเส้นเรืองแสงสีทองจาง ๆ เขาเดินวนรอบแดเรียส ช้า ๆ เหมือนหมาป่ากำลังประเมินลูกหมูที่ยังไม่ได้ลืมตา ปากพร่ำถ้อยคำโบราณที่ทำให้แม้แต่หินบนพื้นยังสั่นสะท้าน แสงไฟคบเพลิงมืดดับทีละดวง เหลือเพียง "วงเวท" ใต้เท้าแดเรียสที่เปล่งแสงสีแดงสด "ตอนนี้..." เสียงแรนดี้หนักแน่นราวกับมาจากทั่วทุกทิศ "ปล่อยหัวใจของเจ้าออกมา — อย่าคิด อย่าเก็บกด...จงเป็นเพลิงดิบที่แท้จริง!" สัมผัสแรกของธาตุ แดเรียสหลับตา ปล่อยมือ ปล่อยใจ ปล่อยภาพทุกอย่างที่เคยกักขังเขา — ความเจ็บปวด ความกลัว ความอ้างว้าง... จากจุดเล็ก ๆ ใต้กระดูกอก — ไออุ่นเริ่มก่อตัว มันเริ่มจากประกายเล็กจิ๋ว... ก่อนจะปะทุเป็น เปลวเพลิงสีแดงเข้ม พวยพุ่งออกจากกลางอก! บึ้ม! แรงอัดกระแทกกระจายออกจากร่างแดเรียส วงเวทใต้เท้าเรืองแสงจ้า ผนังหินสั่นสะเทือนจนเศษฝุ่นปลิวว่อน ร่างกายเขาถูกย้อมด้วยเปลวไฟ แต่เขาไม่รู้สึกร้อน — กลับรู้สึกเหมือน "กลับบ้าน" เป็นครั้งแรก หัวใจ...ราวกับหลอมรวมเป็นเปลวเพลิง การทดสอบสุดท้าย แรนดี้ยิ้มกว้างขึ้น "อย่าเพิ่งดีใจ — จงควบคุมมัน!!" แดเรียสลืมตา ร่างกายเขาเปล่งแสงแดงสว่าง ทว่าเปลวไฟเริ่มคลุ้มคลั่ง รุกลามไปรอบตัวราวกับจะเผาทุกสิ่งที่ขวางหน้า เขากัดฟันแน่น — ดึงสมาธิทุกเส้นกลับมา แทนที่จะ "กด" ไฟไว้ — เขาเลือก "โอบกอด" เปลวเพลิงนั้น ไฟที่เคยป่าเถื่อน...เริ่มหดกลับเข้าอกอย่างเชื่องๆช้าๆ ตอนนี้แดเรียสทำได้แล้ว ไฟตอบรับตัวเขา และเป็นครั้งแรกที่เขา ยอมรับไฟในตัวของตัวเอ ภายในห้องหินลับใต้ฐาน — ไฟคบเพลิงที่มอดดับค่อย ๆ ปะทุขึ้นใหม่อย่างแผ่วเบา แดเรียสยืนนิ่งอยู่กลางวงเวท เสื้อผ้าที่เคยสวมใส่ขาดวิ่นจากแรงระเบิดของพลังดิบ ผิวหนังบางส่วนมีรอยไหม้เล็กน้อย แต่แปลกประหลาด — ไม่เจ็บ ไม่ลึก...เหมือนถูก "แต้ม" เครื่องหมายใหม่ลงบนเนื้อหนัง เขาไม่รู้ว่าผ่านมาแล้วกี่นาที หรืออาจจะเป็นชั่วโมง เขารู้แค่ว่า "หัวใจเขาเปลี่ยนไป" มันเต้น — แต่ไม่ใช่เพื่อเอาชีวิตรอด มันเต้น — เพื่อ "มีชีวิตอยู่จริง ๆ" เป็นครั้งแรก แรนดี้ เดินเข้ามาใกล้ เขามองแดเรียสด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป — ไม่ใช่ในฐานะเด็กที่ต้องปกป้อง แต่เป็นในฐานะ "คนที่จะเปลี่ยนบางอย่าง" ในโลกนี้ "ดีมาก...ไอ้หนู" เสียงเขาต่ำ แหบพร่า แต่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "เจ้าควบคุมมันได้เร็วกว่าที่ข้าคิด...แต่จำไว้นะ — นี่แค่เศษเสี้ยวเท่านั้น" แรนดี้ยกมือขึ้น นิ้วแตะกลางอกแดเรียส "พลังที่แท้จริง...อยู่ลึกกว่านี้อีกหลายชั้น" "แล้วเราจะขุดมันขึ้นมา...ทีละนิด" การมาถึงของเจซซี่ ขณะที่แดเรียสพยายามตั้งสติจากแรงสั่นสะเทือนในตัวเอง เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นที่ทางเข้าห้อง เจซซี่ ในเสื้อฮู้ดสีดำ ยืนพิงประตูไม้ผุพัง — เงาสะท้อนในแววตาเขาเหมือนรู้ความลับที่แดเรียสยังไม่รู้ด้วยซ้ำ "เสร็จแล้วเหรอ?" เจซซี่เอ่ยเสียงเรียบ ก่อนเดินเข้ามาใกล้ แดเรียส เงยหน้าขึ้นมอง — สัมผัสได้ถึงออร่าบางอย่างในตัวเจซซี่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือน...เจซซี่เองก็เป็น "บางสิ่ง" ที่ยังไม่เปิดเผย แรนดี้หัวเราะเบา ๆ "เจ้าหนูเจซซี่ก็เคยผ่านจุดนี้มาแล้ว...ต่างกันแค่ — หมอนั่นไม่ได้มีไฟในตัวเหมือนเจ้า" เขาหันไปสบตาเจซซี่อย่างรู้ทัน "หรือบางที...เขาอาจจะซ่อนมันเอาไว้ลึกยิ่งกว่าเจ้าด้วยซ้ำ" บทสนทนาที่เปลี่ยนทุกอย่าง แรนดี้เดินออกจากห้อง ปล่อยให้สองคนเผชิญหน้ากันตามลำพัง ประตูไม้ปิดลงด้วยเสียง "ปึง" หนักแน่น ความเงียบโรยตัว ไฟคบเพลิงส่องให้เห็นแค่เพียงครึ่งหน้าของเจซซี่ อีกครึ่งหนึ่งซ่อนอยู่ในเงามืด — เหมือนตัวตนจริง ๆ ของเขา "นายรู้ไหม..." เจซซี่เอ่ยเบา ๆ "เลือดในตัวนาย...มันไม่ใช่แค่เลือดมนุษย์ธรรมดา" "มันคือสายเลือดเก่าแก่ — จากยุคที่โลกยังไม่ถูกปนเปื้อน" แดเรียส ขมวดคิ้ว "นายหมายถึงอะไร?" เจซซี่เดินวนรอบแดเรียส ช้า ๆ มือหนึ่งลากปลายนิ้วไปตามลวดลายวงเวทเก่า น้ำเสียงของเขากระซิบเหมือนคำสาป "อดัม...เอวา...ตำนานที่นายได้ยินมา มันไม่ใช่เรื่องแต่ง" "พวกเขาคือผู้สร้างโลกใบนี้ขึ้นมา...และก็เป็นต้นกำเนิดของสงครามที่กำลังจะหวนกลับมา" เจซซี่หยุดตรงหน้าร่างไหม้เกรียมของแดเรียส สายตาคมกริบเหมือนจะเจาะทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา "และเลือดของพวกเขา...ก็ไหลอยู่ในตัวนาย" เปลวไฟใหม่ในหัวใจ แดเรียสยืนนิ่ง โลกทั้งใบหมุนวนเหมือนห้องนี้กำลังจะพังทลายลง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเอง "พิเศษ" ไม่เคยต้องการเป็น "ผู้ถูกเลือก" หรือ "ผู้กอบกู้" อะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ — เขาไม่มีทางหนีได้อีกแล้ว พลังในตัวเขา... สายเลือดในตัวเขา... กำลังตื่นขึ้น และมันจะเปลี่ยนโชคชะตาของทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ห้องนอนเก่า ๆ ที่มีกลิ่นอับชื้นในฐานลับเงียบสงัด แดเรียสยืนพิงหน้าต่างแตก ๆ มองออกไปในความมืด มือข้างหนึ่งกำกำปั้นแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เขารู้สึกถึงบางอย่างในตัว — บางอย่างที่ไม่ใช่เขา มันเหมือนกับสัตว์ร้าย กรงเล็บของมันข่วนไปทั่วกระดูกและเลือดในตัวเขา มันอยากออกมา...มันกระซิบกับเขา... "ยอมรับซะ...เจ้าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา" "เจ้าเกิดมาเพื่อเผาโลกใบนี้" แดเรียสกัดฟันแน่น พยายามไม่ฟัง แต่ยิ่งปฏิเสธ เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น...เหมือนกลองศึก รุ่งเช้า – ภารกิจสนามจริงครั้งแรก แดดยามเช้าหม่นมัว ท้องฟ้าปกคลุมด้วยหมอกดำทะมึน เหมือนลางร้าย แดเรียสในเสื้อคลุมฝึกฝนสีเทาเข้ม ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มนักสู้มือใหม่ที่เหลืออยู่ เจซซี่, ราฟาเอล และแรนดี้ยืนอยู่ไม่ห่าง เบื้องหน้า — คือหมู่บ้านร้างที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตชีวา ตอนนี้เหลือแต่ซากเผาไหม้ บ้านเรือนที่พังทะลาย และเงาของบางสิ่งที่เคลื่อนไหวในเงามืด "พวกแกมีเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง" แรนดี้ประกาศเสียงเข้ม "เข้าไป กำจัดมัน...หรือไม่ก็โดนมันฉีกกระชาก" ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีแผนที่ — มีแค่ภารกิจเดียว "เอาตัวรอด" นรกเปิดประตู ทันทีที่ก้าวเข้าสู่หมู่บ้าน เสียงคำรามต่ำ ๆ ดังสะเทือนพื้นดิน ปีศาจตัวแรก ปรากฏตัว — ร่างคล้ายมนุษย์ แต่บิดเบี้ยวผิดรูป หนังเน่าเปื่อย ตาเรืองแสงสีเลือด มันไม่พุ่งเข้าใส่ทันที...แต่มัน "ยิ้ม" ให้พวกเขา — ยิ้มเหมือนสัตว์ที่กำลังเล่นกับเหยื่อ "แดเรียส! ด้านซ้าย!" เจซซี่ตะโกนเตือน แต่สายไป — ตู้ม! หมัดปีศาจฟาดเข้ากลางสีข้างแดเรียสจนกระเด็นชนกำแพงหินแตกละเอียด โลกหมุนคว้าง เลือดไหลซึมออกจากปาก เจ็บ...จนแทบขยับไม่ได้ สัญชาตญาณดิบ – เริ่มตื่น แดเรียสพยายามยันตัวลุกขึ้น เสียงหัวเราะของปีศาจดังก้องในหู ข้างในอก — เปลวไฟเริ่มลุกไหม้ แต่ไม่ใช่เปลวไฟอบอุ่นอย่างที่เขาเคยสัมผัส มันคือเปลวเพลิงแห่งความบ้าคลั่ง "ยอมแพ้สิ" เสียงกระซิบในหัวดังขึ้นอีก "ปล่อยให้พวกมันตายหมด แล้วเป็นราชาในซากศพซะ..." ปะทะเลือด ปีศาจตัวที่สองพุ่งเข้ามา ร่างของมันแยกออกเป็นเงาหลายสาย — ความเร็วที่ตาเปล่าแทบมองไม่ทัน แดเรียสยกแขนขึ้นกัน แต่ก็โดนกรงเล็บกรีดขาเป็นทางยาว เลือดสาดลงพื้นหิน เจ็บปวด — จิตใจเริ่มแตกหัก เสียงกรีดร้องจากอดีตที่ฝังลึกในจิตเริ่มแทรกซึมกลับมา แม่ที่เขาจำหน้าแทบไม่ได้ พ่อที่ไม่เคยเล่าเรื่องจริง ความเดียวดายที่กัดกินเขามาตลอดชีวิต ความจริงอันโหดร้าย ขณะที่เขาทรุดลงกับพื้น เจซซี่กระโจนเข้ามา ช่วยบังการโจมตีสุดท้ายไว้แทน เลือดสาดกระจาย แดเรียสเงยหน้ามองเพื่อนตรงหน้า ในวินาทีนั้น — แววตาเจซซี่ส่องประกายเป็นสีทองวูบหนึ่ง...ไม่ใช่มนุษย์ "นาย...ก็ไม่ใช่คน..." แดเรียสพึมพำทั้งที่หายใจแทบไม่ทัน เจซซี่ยิ้มจาง ๆ — ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า "ใช่...ฉันเองก็เป็นครึ่งปีศาจ...เหมือนนาย" ความจริงที่เขาไม่พร้อมรับ ร่วงหล่นลงมาเหมือนโลกแตกสลาย เสียงกู่ร้องในหัวใจ "ฆ่า...ฆ่าพวกมัน...อย่าเชื่อใจใคร...!!" เสียงในหัวดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของแดเรียสเริ่มร้อนผ่าว เลือดในตัวเดือดพล่าน ผิวหนังแตกออก เผยให้เห็นลวดลายสีแดงเรืองแสงใต้ผิว เปลวเพลิงเริ่มโหมกระหน่ำรอบตัวเขา แต่แทนที่จะอบอุ่น...มันเหมือนกับนรกที่กำลังปะทุขึ้นมา ทันใดนั้นเสียงหัวเราะในเงามืดก็เริ่มแผ่ออกมา โปรดติดตามตอนต่อไป To be continued...เสียงของฝนตกกระทบหลังคาเก่า ๆ ดังก้องอยู่ในหูของแดเรียส ขณะที่เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างโรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง — สถานที่ที่เขาและราฟาเอลใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมลับ ๆ หลังเหตุการณ์ปะทะกับอสูรก่อนหน้านี้ โลกภายนอกเย็นเยียบ ราวกับสะท้อนความรู้สึกในใจเขา "อีกครั้ง" เสียงราฟาเอลดังก้องในความทรงจำ — เสียงที่ทั้งเข้มงวดและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ราวกับถูกพัดพา แดเรียสจำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อน — หลังจากเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด ราฟาเอลไม่ได้เลือกพาเขาไปหาหมอธรรมดา หากแต่เลือกสอนบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่า: การ "เยียวยาตนเอง" แฟลชแบ็ค – โรงพยาบาลร้าง, กลางคืน "หลับตา" ราฟาเอลสั่งเบา ๆ ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์รำไร "ฟังเสียงเลือดของตัวเองให้ดี" แดเรียสกำหมัดแน่น ร่างกายเขาสั่นด้วยพิษไข้และบาดแผลที่ไม่หายซักที ความเจ็บแสบแล่นทั่วร่าง ทว่าเขาก็ทำตาม — หลับตาลง กัดฟันกรอด ราฟาเอลนั่งคุกเข่าข้าง ๆ วางมือเบา ๆ บนบ่าของเด็กหนุ่ม
ในลานฝึกกว้างใหญ่ เนทีรี่ยืนกอดอกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “รู้ไหมว่าพ่อแกมีปีก?” เธอเอ่ยขึ้นลอย ๆ ก่อนที่แดเรียสจะตอบอะไร เนทีรี่ก็จับแขนเขาแล้วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า“อะไรวะ!? เนทีรี่! ปล่อย!”“อยากบินไหม?” เธอหัวเราะแล้วปล่อยเขาดิ่งลงมา แดเรียสร้องลั่น ลมปะทะใบหน้า ร่างของเขาร่วงผ่านก้อนเมฆลงมาสู่แม่น้ำข้างล่าง...ก่อนจะถูกโฉบขึ้นอีกครั้ง“นี่มันทรมานกันชัด ๆ!”“ไม่หรอก! แกบินได้ แค่ยังไม่รู้ตัว!”การฝึกวันแรกเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะของเนทีรี่เพียงแค่คนเดียว แต่ในขณะเดียวกันร่างกายของแดเรียสก็ถูกบังคับให้แสดงศักยภาพสูงสุด นี่คือการเรียกสายเลือดปีศาจที่อยู่ในตัวเขาให้ตื่นขึ้นเสียงเหล็กกระทบดังก้องกลางลานฝึกที่เปียกชื้นจากฝนตกเมื่อตอนเย็น แดเรียสหอบหายใจหนัก มือทั้งสองกำดาบไม้จนสั่น ก่อนจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้าอีกครั้งด้วยแรงฮึดสุดท้ายเพี๊ยะ!ด้ามดาบของเจซซี่บิดรับก่อนพลิกตีกลับอย่างแม่นยำ ร่างของแดเรียสถูกสกัดลงพื้น เสียงล้มกระแทกดินดังสนั่น เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่ก่อนจะทันได้ตั้งตัว เสียงเย็นเยียบก็ดังขึ้น
เสียงลมหายใจเงียบงันของกลางคืนคล้ายจะเลือนหายไปในความสงัด เมื่อ “ประตูมิติ” กรีดผ่านผืนอากาศเบื้องหน้าภูเขาสูงชันในป่าทึบ เสียงกรีดร้องของพลังลี้ลับบิดเบี้ยวแสงรอบข้าง บิดผันเป็นรอยแยกสีฟ้าอมม่วงเรืองแสง ลานหินวงกลมกลางป่าซึ่งไม่ปรากฏในแผนที่ใดบนโลกมนุษย์—ที่ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ระหว่างรอยต่อแห่งกาลเวลาจากเงาไม้ทึบ ชายชราผู้สวมผ้าฝ้ายสีดินเก่าขาด เดินออกมาช้า ๆ ไม้เท้าไม้ไผ่ในมือข้างหนึ่งกดลงพื้นเป็นจังหวะ ลมหายใจของเขาหนักแน่นแต่เนิบช้า ลุงจันทร์—ผู้เฝ้าประตู ด่านเชื่อมโลกทั้งสาม ผู้เคยหายตัวไปนานกว่าทศวรรษ ปรากฏตัวอีกครั้งเขาเดินตรงไปยังใจกลางลานหิน ที่ซึ่งมีบุรุษคนหนึ่งนั่งหลับตานิ่ง—อีธาน พ่อของแดเรียส เงาสะท้อนในดวงตาลุงจันทร์บ่งบอกถึงความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเมตตา ความเศร้า และความรู้สึกผิดบางอย่างที่ฝังแน่นในใจมานาน“โลกกำลังจะเปลี่ยน...” ลุงจันทร์พูดเบา ๆ ราวกับสายลมพัดพาเสียงผ่าน “เด็กคนนั้น...จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”แสงจันทร์ส่องลอดร่มไม้ ฉาบร่างอีธานไว้ในความสงบ เขาลืมตาช้า ๆ “ผมจำได้ ว่าท่านเคยเตือนผมเรื่องนี้...ตั้งแต่วันแรก”
หลังการต่อสู้ เจซซี่กับราฟาเอลพาแดเรียสกับอีธานหนีไปยังฐานลับแถวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นั่น แดเรียสได้เรียนรู้เรื่อง “กลุ่มปฏิวัติ” ซึ่งต่อต้านสิ่งมีชีวิตจากเงามืดที่กำลังรุกรานโลก และพบเจอกับคนอื่นๆ ทั้งปกติและทั้งรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดเจซซี่กล่าวว่า“เรารู้ว่ามันคือใคร... เราเรียกมันว่า ‘ผู้ร่วงหล่น’ พร้อมเปิดภาพชายมีปีกขนดำสนิทเหมือนในฝัน — นามนั้น คืออากัส ผู้ปกครองของเหล่าเดอะฟอล“มันมี ‘ดิอาย’ หนึ่งในอาวุธโบราณ...” ราฟาเอลเสริมหลังเรื่องราวที่ยังคงวุ่นวาย อีธานกับแดเรียส พ่อลูกนั่งคุยกัน แดเรียสร้องไห้พร้อมขอโทษผู้เป็นพ่อที่เขาเป็นสัตว์ประหลาด แต่อีธานก็ยิ้มแล้วกอดลูกพร้อมบอกว่าลูกไม่ใช่สัตว์ประหลาด ลูกคือคนที่พิเศษต่างหากจากนั้นเจซซี่ก็พาแดเรียสมารู้จักคนอื่นๆในกลุ่มเนทีรี่ ราชินีแห่งโลกมังกร ผมขาว ผิวขาว นิสัยใจดีนิว มาจากเผ่าพันธุ์ไททัน เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ร่าเริงกาวาบ้า ครึ่งเผ่าพันธุ์เทวรูปครึ่งเผ่าพันธุ์ทะเล ตัวสูงใหญ่นิสัยใจดี รักพวกพ้อง มีเคราเป็นปลาหมึก
"ในค่ำคืนหนึ่ง ที่หมอกเย็นกัดผิวและเงามืดกอดกุมมหานคร... ลมหายใจของรัตติกาลพัดผ่านม่านหมอกเหน็บหนาว แดเรียสสะดุ้งตื่นจากความฝันอันลึกล้ำ — ฝันที่ดั่งเปลวเพลิงเผาใจเขาจนแทบมอดไหม้ ในฝันนั้น เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักพัง เงาดำปกคลุมฟ้า อีกาสีดำตัวมหึมาเกาะอยู่บนตึกสูงสุดของมหานคร มันกรีดร้องก้องฟ้า เหมือนประกาศจุดจบของมนุษยชาติ เสียงระเบิด เสียงร้องไห้ และกลิ่นเลือดคละคลุ้ง ทุกอย่างย่อยยับป่นปี้ กลางเมืองย่อยยับนั้น ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ เงาของเขาราวปีศาจจากบาดาล ปีกสีดำปานค้างคาว ปกคลุมด้วยขนนกกา สายตาเย็นชาไร้ความปรานี มองตรงมาที่เขา — แดเรียส เขาตื่นขึ้นมา ใจเต้นโครมคราม เด็กหนุ่มคนหนึ่งสะดุ้งตื่นจากฝันที่คล้ายภาพลางร้าย เขาหอบหายใจ ปวดหัวอย่างรุนแรง "อีกแล้ว... ฝันแบบเดิม... เมืองพัง เงาดำ... แล้วก็... มัน..." ในเช้าวันนั้น แดเรียสนั่งมองออกนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ไปยังถนนกรุงเทพที่วุ่นวาย เขามุ่งหน้าไปโรงพยาบาลจิตเวชที่เ