โฮสต์: สวัสดีครับคุณผู้ฟังทุกท่าน! ยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ "ตำนานเล่าขานแห่งสังสารวัฏ" ครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวที่จะมาเขย่าขวัญและจิตใจของคุณทุกคน มันคือเรื่องราวที่ไม่ได้เป็นเพียงนิทานปรัมปรา... แต่มันคือ พงศาวดารแห่งจักรวาล ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทุกมิติ! เป็นเรื่องราวที่ถักทอด้วยโชคชะตา พลัง อำนาจ และการเสียสละอันยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้คุณมองโลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในจักรวาลอันกว้างใหญ่ที่เราเรียกว่า สังสารวัฏ ซึ่งมีเผ่าพันธุ์นับร้อยนับพันอาศัยอยู่ร่วมกัน... หรืออาจจะไม่ร่วมกันอย่างที่คิดครับ มันคือที่ที่ความเชื่อ ตำนาน และวิทยาศาสตร์หลอมรวมกัน กลายเป็นผืนผ้าแห่งความเป็นจริงอันซับซ้อน ภายในผืนผ้านั้น ชะตากรรมของบุรุษผู้หนึ่งก็ได้เริ่มต้นขึ้น
บทที่ 1: แดเรียส: เสียงกระซิบและเงาในมุมมืด (เสียงบรรยากาศโรงเรียน เสียงเด็กนักเรียนพูดคุยจอแจ เสียงครูสอนหนังสือที่แผ่วเบาจากห้องเรียนใกล้ ๆ) โฮสต์: เรื่องราวของเราจะเริ่มต้นที่โลกใบเล็ก ๆ ที่เราเรียกว่ามนุษย์ และวันนี้เราขอพาทุกคนย้อนไปยังวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ในจังหวัดนนทบุรี อำเภอไทรน้อย ณ ที่นี้ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ แดเรียส เขาอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยความฝันและความคาดหวัง แต่ชีวิตของเขากลับเต็มไปด้วยเรื่องราวที่โหดร้ายและน่าหดหู่ ในขณะที่เขาพยายามจะหลีกหนีจากความเป็นจริงที่เผชิญอยู่ แต่ความทรงจำในวัยเด็กของเขานั้นเต็มไปด้วยความเศร้าหมองและการรังแกจากเพื่อน ๆ ทำให้เขาตระหนักว่าโลกนี้ไม่เป็นธรรมกับเขาอย่างที่ควรจะเป็น นับตั้งแต่เขาเข้าวงการโรงเรียน แดเรียสต้องเผชิญกับการรังแกจากเพื่อน ๆ ที่มักจะล้อเลียนเขาเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างจากเด็กคนอื่น ๆ รวมทั้งการไม่เข้าใจจากคนรอบข้าง ทั้งเรื่องที่เขาเป็นคนขี้อายที่ชอบเก็บตัว หลีกหนีไปนั่งอยู่คนเดียวในมุมห้องเรียน หรือหลบไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสนามโรงเรียน ความรู้สึกเป็นปาร์ตี้ที่บางครั้งเขายังคงรู้สึกว่าเป็นคนที่มีมุมมองและความคิดที่แตกต่างออกไปจากคนทั่วไป ทำให้เขาไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นได้ เช่นเดียวกันกับพ่อของเขาที่ชื่อ อีธาน ซึ่งมักจะยุ่งอยู่กับการงานและทำให้แดเรียสรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น แดเรียส (เสียงในความคิดที่แผ่วเบา): "ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่ส่วนหนึ่งของที่นี่นะ? เหมือนมีบางอย่างขาดหายไป... หรือบางอย่างที่ไม่ควรมีอยู่... เหมือนฉันอยู่คนเดียวเสมอ" โฮสต์: เขาไม่มีเพื่อนในโลกแห่งความเป็นจริง มีเพียงเพื่อนสนิทคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอ... เพื่อนในจินตนาการที่ชื่อ จาเกอร์ (เสียงกระซิบแผ่วเบา เหมือนเสียงลมพัดผ่าน เสียงหัวเราะแผ่ว ๆ เหมือนกำลังเล่นซ่อนหา) จาเกอร์ (เสียงอ่อนโยน ลึกลับ แต่ก็ปลอบโยน): "ไม่เป็นไรหรอกแดเรียส นายไม่ได้อยู่คนเดียวนะ... ฉันอยู่ตรงนี้เสมอ... ไม่ว่านายจะไปที่ไหน ฉันก็จะอยู่ข้างนาย..." โฮสต์: จาเกอร์ไม่ใช่แค่เพื่อนในจินตนาการของเขา แต่ยังเป็นผู้สนับสนุนทางจิตใจในวันที่มืดมิด เอาใจช่วยแดเรียสอยู่เสมอ เผชิญหน้ากับความท้าทายที่เขาต้องรับมือ ในคืนหนึ่ง เงาของโลกอื่น ๆ มักจะเข้ามาในบทสนทนาของพวกเขา มันเป็นเรื่องราวของการต่อสู้ และศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์ที่ลี้ลับซึ่งแดเรียสมักมองว่าเป็นแค่เรื่องในจินตนาการ เพื่อให้เขาลืมกลับไปจุดที่เจ็บปวด ในขณะที่แดเรียสพยายามทำตัวกลมกลืนกับสังคม เขาก็เริ่มละเลยและไม่สนใจเสียงกระซิบแปลก ๆ ที่คอยเตือนสติอยู่ในหัว จนกระทั่งชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาอายุครบ 20 ปี...(เสียงบรรยากาศแปลก ๆ เสียงคล้ายฟ้าผ่าแต่ไม่มีฝนตก เสียงกระแสไฟฟ้าสถิตอ่อน ๆ เสียงเหมือนมีมิติบางอย่างกำลังถูกรบกวน) โฮสต์: เริ่มมีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นรอบตัวแดเรียสบ่อยขึ้น แสงสีประหลาดที่เคยคิดว่าเป็นเพียงการเบี่ยงเบนทางจิตใจ ตอนนี้กลับกลายเป็นความจริง เมื่อเสียงกระซิบที่ไม่ใช่เสียงจาเกอร์ แต่เป็นเสียงคล้ายภาษาโบราณซึ่งดังแว่วเข้ามาในความฝันของเขา บ่อยครั้งที่มันจะแทรกซึมเข้ามาในชีวิตจริงและสั่นสะเทือนความเชื่อที่ว่านี่คือโลกของมนุษย์เพียงอย่างเดียว ในคืนที่ฟ้ามืดมิด คล้ายกับจะมีพายุใหญ่... เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่บ้านของแดเรียสนี่คือเรื่องราวก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มขึ้น บทนำ: กำเนิดของผู้สร้างและคำสาปแห่งอสูร ในห้วงอวกาศอันว่างเปล่า "ธรรมชาติผู้สร้าง" ได้ถือกำเนิดขึ้นจากสิ่งๆ หนึ่งที่เขาเรียกว่า "เด็กแห่งจินตนาการ" ผู้สร้างได้สรรค์สร้าง "สังสารวัฏ" ซึ่งเป็นวัฏจักรแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และสรรพสิ่งทั้งมวลขึ้นมาด้วยพลังอำนาจอันไร้ขีดจำกัด แต่ในความเดียวดายนั้นเอง เขาก็ปรารถนาที่จะมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง จึงได้ให้กำเนิดบุตรชายคนแรกนามว่า แอสมาดิอุส แต่สิ่งที่ควรจะเป็นความสุขกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม เพราะด้วยความผิดพลาดบางอย่าง ผู้สร้างได้มอบชีวิตให้แก่บุตรชายที่มีจิตใจที่มืดมิดและโหดเหี้ยม แอสมาดิอุส เติบโตขึ้นมาเป็นปีศาจร้ายที่ไร้ซึ่งเมตตา เขาทำลายทุกอย่างที่ผู้สร้างสร้างขึ้นมา และพยายามที่จะลอบสังหารผู้เป็นบิดาของตนเอง ด้วยพลังอำนาจที่มากเกินไป ผู้สร้างจึงจำต้องใช้พลังทั้งหมดของเขาเพื่อกักขังจองจำแอสมาดิอุสไว้ในคุกที่มืดมิดและลึกที่สุดในสังสารวัฏ แต่ผู้สร้างก็รู้ดีว่า สักวันหนึ่งแอสมาดิอุสจะต้องหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ เขาจึงได้ให้กำเนิดบุรุษและสตรีคู่แรกขึ้นมานามว่า ฟาเธอร์ และ มาเธอร์ เพื่อหวังว่าในอนาค
บทที่ 13: กำเนิดนิวเวิลด์: ยูโทเปียแห่งสังสารวัฏ (เสียงเพลงแห่งความสงบสุข ความหวัง และการเริ่มต้นใหม่ที่ยิ่งใหญ่และงดงาม เสียงเหมือนจักรวาลกำลังก่อร่างสร้างตัว) โฮสต์: หลังจากสงครามอันยาวนานจบลง... ผู้ที่เคยเข้าร่วมกับอากัสก็ถูกจับเป็นนักโทษ รวมถึง เวอร์เม้า พี่ชายฝาแฝดของแดเรียสด้วย ซึ่งเขาถูกส่งไปคุมขังในคุกมิติที่เข้มงวดที่สุด เพื่อรอวันที่จะได้รับการตัดสินและไถ่บาปในสิ่งที่ได้ทำลงไป และด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่จากการร่วมมือกันโค่นล้มแอสมาดิอุส ธรรมชาติผู้สร้าง ที่เฝ้ามองทุกสิ่งมาตลอด จึงได้สร้าง นิวเวิลด์ หรือโลกใหม่ขึ้นมา! เป็นโลกที่เป็นยูโทเปียอย่างแท้จริง! เพื่อเป็นที่อยู่ของทุกสรรพสิ่งในสังสารวัฏ! นิวเวิลด์มีลักษณะเป็นดวงดาวทรงกลมที่สวยงาม ส่องประกายระยิบระยับในห้วงอวกาศ มีขนาดใหญ่มากๆ ใหญ่กว่ากาแล็กซีทางช้างเผือก หรือ มิวกี้เวย์ หลายเท่า มีเขตเมืองที่เจริญรุ่งเรืองด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและสถาปัตยกรรมที่งดงาม เขตหนาวจัดที่ปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็ง เขตร้อนจัดที่เต็มไปด้วยป่าฝนเขียวขจี ทะเลทรายอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา อุณหภูมิเยือกแข็งที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ได้ ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่
บทที่ 14: คำทำนายสุดท้าย: บุรุษสีแดงและการสิ้นสูญ (เสียงเพลงปิดที่ทิ้งท้ายด้วยความลึกลับและน่าติดตาม เสียงคล้ายคำทำนายที่ดังแผ่วเบาและสะท้อนก้อง) โฮสต์: ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงด้วยความสุขในโลกยูโทเปียแห่งนิวเวิลด์... สังสารวัฏเข้าสู่ยุคแห่งสันติสุขที่ยั่งยืน... แต่เรื่องราวนี้ยังคงมีปริศนาอีกอย่างที่รอคอยการเปิดเผย... ปริศนาที่จะกำหนดชะตากรรมของทุกสรรพสิ่งในสังสารวัฏในอนาคตอันไกลโพ้น... คำทำนายของเด็กหญิงตาบอด โซฮี ผู้เป็นธิดาของนักทำนายผู้ล่วงรู้ ได้ทำนายเอาไว้ว่า: (เสียงเด็กหญิงพูดช้าๆ เสียงสะท้อนเล็กน้อย เหมือนเสียงก้องมาจากอดีตหรืออนาคต) "อีกหลายแสนกัปข้างหน้า... โลกใหม่จะถึงจุดตกต่ำ... และจะถูกทำลายล้างทั้งสังสารวัฏ... ด้วยน้ำมือของบุรุษสีแดงผู้ถูกพันธนาการด้วยดาบที่หัก... เมื่อถึงวันนั้น... มังกรยักษ์จะหมดลมหายใจล้มลงใส่ต้นไม้... เลือดของมังกรจะไหลออกไปจนถึงอีกโลกธาตุ... และทุกอย่างจะสิ้นสูญ... และจะถือกำเนิดขึ้นใหม่จากเลือดของบุรุษสีแดง..." (เสียงเพลงปิดพอดแคสต์ที่ทิ้งท้ายด้วยความลึกลับและน่าติดตาม ค่อยๆ เฟดลง) โฮสต์: คุณผู้ฟังครับ... เรื่องราวของแดเรียส มลาด อากัส และตำนานแห่
บทที่ 12: สงครามที่บานปลายและการไถ่บาปครั้งสุดท้าย (เสียงบรรยากาศแห่งสงครามโลกครั้งใหญ่ เสียงปะทะของกองทัพขนาดมหึมาที่โหมกระหน่ำไม่หยุด เสียงคำรามของปีศาจ เสียงพลังงานมหาศาลที่ปะทุขึ้นทั่วทั้งสังสารวัฏ) โฮสต์: การกระทำของอากัสทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านก่อกบฏมากมายทั่วสังสารวัฏ โดยมี เจซซี่ หญิงสาวผู้แข็งแกร่ง และ ราฟาเอล องครักษ์ผู้พ่ายแพ้ในอดีต เป็นหัวหน้าผู้นำในการต่อสู้กับอำนาจของอากัส แต่อากัสก็ส่งคนไปกำจัดตลอด และเขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะหาชิ้นส่วน 5 อันที่เหลือให้ครบเพื่อปลุกแอสมาดิอุส ระหว่างช่วงเวลาแห่งสงครามอันยาวนานนี้เอง... ในชีวิตที่เต็มไปด้วยความมืดมิด... อากัสก็ได้เจอรักแท้อีกครั้ง! เป็นหญิงสาวที่ชื่อ ลอเลน เทพแห่งสงคราม! เธอเป็นคนเดียวที่เข้าใจเขา ยอมรับในความมืดในใจของเขา และได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เดวิน ผู้ที่ภายหลังแดเรียสจะนำไปเลี้ยงดู! (เสียงเพลงรักที่เศร้าหมอง แต่มีความหวังเล็กๆ เสียงหัวใจอากัสที่เต้นผิดจังหวะเมื่ออยู่กับลอเลน) โฮสต์: อากัสเชื่อว่าการปลุกแอสมาดิอุสจะนำไปสู่การชำระล้างครั้งยิ่งใหญ่ และสร้างโลกใบใหม่ที่บริสุทธิ์ในแบบที่เขาต้องการ แต่ในสงครามสุดท้าย...
บทที่ 10: อากัส: เบื้องหลังความมืดมิดของจอมวายร้าย (เสียงเพลงประกอบที่มืดหม่นและหดหู่ แสดงถึงความเจ็บปวดในอดีตที่ฝังลึกและก่อร่างสร้างความแค้น) โฮสต์: เราได้รู้ถึงปมในอดีตของแดเรียสและตระกูลของเขาไปแล้ว ตอนนี้เราจะมาเจาะลึกถึงชีวิตของจอมวายร้ายอย่าง อากัส กันบ้างครับ... บางครั้งความชั่วร้ายก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาเอง แต่มันถูกหล่อหลอมมาจากความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่เขาต้องเผชิญมาตั้งแต่เกิด... ความเจ็บปวดที่ผลักดันให้เขากลายเป็นจักรพรรดิผู้บ้าคลั่ง อากัส เกิดมาเป็นลูกของจักรพรรดิ นูมะ แห่งเผ่าพันธุ์เทวทูตผู้ร่วงหล่น... จักรพรรดิผู้เหี้ยมโหด เห็นแก่ตัว และไร้ซึ่งความเมตตา แต่เขาก็มี มีอา ราชินีผู้แสนใจดี และเป็นมารดาผู้มอบความรักให้ลูกจนวาระสุดท้าย ราชินีมีอา เป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของอากัสและฮามัส ชีวิตของอากัสและน้องชายของเขา ฮามัส จึงเริ่มต้นด้วยความเจ็บปวดครับ พวกเขาถูกพ่อทุบตีทารุณทั้งร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ ไม่เว้นแต่ละวัน ถูกบังคับให้ฝึกฝนอย่างหนักจนเกินขีดจำกัด ถูกปลูกฝังความโหดเหี้ยมตั้งแต่ยังเด็ก มีเพียงราชินีมีอาผู้เป็นแม่เท่านั้นที่คอยปลอบโยนทั้งสองเสมอ แม้ว่าตัวท่านเอ
บทที่ 11: การแสวงหาพลังและการแก้แค้นของอากัส (เสียงบรรยากาศที่มืดมิดและน่ากลัวมากขึ้น เสียงเหมือนมีบางสิ่งกำลังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากหลับใหล) โฮสต์: อากัสและฮามัสใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยความเสียใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แต่อากัสเครียดแค้นผู้เป็นพ่อและนิน่ามากกว่านั้น... ความแค้นนั้นกลายเป็นแรงขับเคลื่อนอันมหาศาล เขาเริ่มศึกษา ศาสตร์มืดโบราณ ที่ถูกกล่าวขานในตำนาน และพยายามค้นหา ชิ้นส่วนทั้ง 6 ซึ่งเป็นสิ่งที่เหลืออยู่จาก 6 ขุมพลังแห่งแรก ของนีโอ ราชาปีศาจตนแรก ที่ใช้ผนึกแอสมาดิอุส ความมุ่งมั่นของอากัสไม่ใช่แค่การแก้แค้นครับ! เขามีปรัชญาที่บิดเบี้ยวแต่ลึกซึ้ง... เขาเชื่อว่าสังสารวัฏนี้เน่าเฟะเกินจะเยียวยา เขาต้องการที่จะปลุกคืนชีพแอสมาดิอุส ปีศาจแห่งบาปบรรพกาลให้มาเป็นพลังของเขา และใช้พลังนั้นทำลายทุกอย่างที่มันโสมมในสังสารวัฏ! เพื่อให้วัฏจักรแห่งชีวิตและความตายกลับไปสู่ความว่างเปล่า และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง! เขาเชื่อว่านี่คือทางเดียวที่จะล้างความสกปรกทั้งหมดที่เขามองเห็น โฮสต์: เขาศึกษาประวัติศาสตร์ของสังสารวัฏอย่างลึกซึ้ง จนรู้เรื่องราวของธรรมชาติผู้สร้าง และสิ่งที่สร้างธรรมชาติมาก่อ