หลังการต่อสู้ เจซซี่กับราฟาเอลพาแดเรียสกับอีธานหนีไปยังฐานลับแถวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นั่น แดเรียสได้เรียนรู้เรื่อง “กลุ่มปฏิวัติ” ซึ่งต่อต้านสิ่งมีชีวิตจากเงามืดที่กำลังรุกรานโลก และพบเจอกับคนอื่นๆ ทั้งปกติและทั้งรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด
เจซซี่กล่าวว่า “เรารู้ว่ามันคือใคร... เราเรียกมันว่า ‘ผู้ร่วงหล่น’ พร้อมเปิดภาพชายมีปีกขนดำสนิทเหมือนในฝัน — นามนั้น คืออากัส ผู้ปกครองของเหล่าเดอะฟอล “มันมี ‘ดิอาย’ หนึ่งในอาวุธโบราณ...” ราฟาเอลเสริม หลังเรื่องราวที่ยังคงวุ่นวาย อีธานกับแดเรียส พ่อลูกนั่งคุยกัน แดเรียสร้องไห้พร้อมขอโทษผู้เป็นพ่อที่เขาเป็นสัตว์ประหลาด แต่อีธานก็ยิ้มแล้วกอดลูกพร้อมบอกว่า ลูกไม่ใช่สัตว์ประหลาด ลูกคือคนที่พิเศษต่างหาก จากนั้นเจซซี่ก็พาแดเรียสมารู้จักคนอื่นๆในกลุ่ม เนทีรี่ ราชินีแห่งโลกมังกร ผมขาว ผิวขาว นิสัยใจดี นิว มาจากเผ่าพันธุ์ไททัน เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ร่าเริง กาวาบ้า ครึ่งเผ่าพันธุ์เทวรูปครึ่งเผ่าพันธุ์ทะเล ตัวสูงใหญ่นิสัยใจดี รักพวกพ้อง มีเคราเป็นปลาหมึก ริดม่อนและริคค่อน เผ่าพันธุ์นักฆ่า ไม่ค่อยคุยอะไรกับใคร แรนดี้ เผ่าพันธุ์เวทย์มนต์ ร่าเริงคุยสนุก ขี้งอแง เท็น ครึ่งเพนกวินครึ่งจักรกล เป็นนักประดิษฐ์ประจำกลุ่ม ขี้โมโหตลอดเวลา ในกลุ่มพวกเราตอนนี้มี 9 คนกับอีก 1 ตัว รวมฉัน ราฟาเอลและนายแดเรียส เจซซี่กล่าว เจสซี่กล่าวต่อว่า จริงๆยังมีเผ่าพันธุ์อื่นอีกเป็น 100 เลย แต่พวกเขาไปทำภารกิจตามหาชิ้นส่วนอีก 5 ชิ้นที่เหลือคือ เอีย โน๊ส เทอส บอดี้ และ ฮาร์ส หรือหัวใจ ไม่เคยมีใครหามันเจอมาก่อน ซึ่งนี่คือหน้าที่ของพวกเรากลุ่มปฏิวัติที่ต้องหาให้เจอก่อนพวกของอากัส แน่นอนว่ามีหลายคนที่อยู่ทั้งฝั่งเราและฝั่งของอากัส ภารกิจนี้มันเสี่ยงมาก แต่นายจะทำไหม เราต้องการพลังของนาย แดเรียวอ่ำอึ่งพูดติดขัด แต่..แต่ว่าคนอย่างผมมันจะไปทำอะไรได้ล่ะ.. แดเรียสลังเลก่อนที่จะมองไปที่อีธาน อีธานก็พูดขึ้นว่า ไม่ต้องห่วงพ่อหรอก พ่อแข็งแกร่งกว่าลูกอีก ไปซัดพวกมันซะแดเรียส ...“ลูกไม่ต้องเป็นฮีโร่เพื่อใคร... แต่ถ้าในใจลูกรู้ว่ามันคือสิ่งที่ควรทำ ก็แค่ทำมัน” คำพูดของอีธานยังคงก้องอยู่ในใจของแดเรียส เขาหันไปมองเจซซี่ แววตาเปลี่ยนจากสับสนเป็นแน่วแน่ “ผมจะไปกับพวกคุณ” เขากล่าว “ถ้ามันเป็นหนทางเดียวที่จะหาคำตอบ... ผมก็พร้อม” เจซซี่ยิ้มบาง ๆ “ยินดีต้อนรับสู่กลุ่มปฏิวัติ แดเรียส... จากนี้ไป นายจะไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกว่า ‘คนบ้า’ กลายเป็นกุญแจสำคัญของสงครามที่กำลังจะกลืนโลกมนุษย์ และโลกอื่นๆ ไว้ในเงามืดแห่งเถ้าธุลี... ในห้องลับ เจซซี่มอบดาบเล่มหนึ่งแก่แดเรียส — เจซซี่กล่าวเพียงว่า นี่คือดาบของอดัม อดีตราชา แค่อดีต แดเรียสรับเอาดาบลักษณะยาวคล้ายลวดลายเปลวเพลิง หัวดาบคล้ายกระโหลกแพะสีทองไหม้ นามของดาบเล่มนี้คือ โกสเฟลม ราฟาเอลวางอีกกล่องหนึ่งข้างกัน แดเรียสเปิดออกเผยปืนพกคู่ขนาดกลางสีเงินดำและเงินขาวลวดลายแกะสลัก ชื่อของมันคือ แบล็คไนท์ และ ไลท์ซัน “นี่คืออาวุธของเอวา ธิดาแห่งแสงสว่าง” แต่แดเรียสยังไม่เข้าใจ “ทำไมพวกคุณถึงเอาของพวกนี้ให้ผม” เจซซี่ไม่ตอบ เพียงเอื้อมมือเกี่ยวสร้อยคอสีแดงประหลาดให้เขา “นี่คือของที่พวกเขาทิ้งไว้ให้... และเป็นสิ่งที่เราจะพูดถึงในวันข้างหน้า” ในขณะที่สถานการณ์อึดอัด แดเรียสจ้องมองทั้งสองคน แล้วถามทั้งสองคนว่า พวกคุณเป็นแฟนกันเหรอ? ราฟาเอลหน้าแดง ส่วนเจซซี่ก็เดินมาตบหัวแดเรียส แล้วบอกว่า ไม่ใช่ แค่เพื่อนร่วมงาน แดเรียสก็งงๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังเตรียมอีธานเข้าสู่สถานที่ปลอดภัย เจซซี่ประกาศภารกิจต่อไป — “มิติแห่งการแตกสลาย” โลกขนานที่เชื่อมโยงกับต้นกำเนิดของภัยพิบัติ ในคืนก่อนออกเดินทาง แดเรียสยืนมองสร้อยคอในมือ มันเรืองแสงแดงนุ่มนวล คล้ายจะมีเสียงลมหายใจจากคนที่เขาไม่เคยพบ แต่กลับคุ้นเคยราวกับอยู่ข้างในใจเขามาตลอดชีวิต “ถ้าแม่อลิตายังอยู่ เขาจะห้ามไม่ให้เราไปไหมนะ” เขาพึมพำ ณ อีกสถานที่หนึ่ง ในโลกที่เป็นเพียงชนบท ฉายให้เห็นภาพเด็กหญิงคนหนึ่งที่โลกทั้งใบยังไม่รู้จัก... ...แต่วันหนึ่ง เธอจะกลายเป็นหมากตัวสำคัญในเรื่องราวนี้ ไม่มีใครรู้ว่า ชายในจินตนาการ ผู้ตลกเจ้าสำราญคนนั้นยังอยู่ หรือเปล่า?เสียงของฝนตกกระทบหลังคาเก่า ๆ ดังก้องอยู่ในหูของแดเรียส ขณะที่เขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างโรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง — สถานที่ที่เขาและราฟาเอลใช้เป็นสถานที่ฝึกซ้อมลับ ๆ หลังเหตุการณ์ปะทะกับอสูรก่อนหน้านี้ โลกภายนอกเย็นเยียบ ราวกับสะท้อนความรู้สึกในใจเขา "อีกครั้ง" เสียงราฟาเอลดังก้องในความทรงจำ — เสียงที่ทั้งเข้มงวดและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ราวกับถูกพัดพา แดเรียสจำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อน — หลังจากเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด ราฟาเอลไม่ได้เลือกพาเขาไปหาหมอธรรมดา หากแต่เลือกสอนบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่า: การ "เยียวยาตนเอง" แฟลชแบ็ค – โรงพยาบาลร้าง, กลางคืน "หลับตา" ราฟาเอลสั่งเบา ๆ ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์รำไร "ฟังเสียงเลือดของตัวเองให้ดี" แดเรียสกำหมัดแน่น ร่างกายเขาสั่นด้วยพิษไข้และบาดแผลที่ไม่หายซักที ความเจ็บแสบแล่นทั่วร่าง ทว่าเขาก็ทำตาม — หลับตาลง กัดฟันกรอด ราฟาเอลนั่งคุกเข่าข้าง ๆ วางมือเบา ๆ บนบ่าของเด็กหนุ่ม
ในลานฝึกกว้างใหญ่ เนทีรี่ยืนกอดอกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “รู้ไหมว่าพ่อแกมีปีก?” เธอเอ่ยขึ้นลอย ๆ ก่อนที่แดเรียสจะตอบอะไร เนทีรี่ก็จับแขนเขาแล้วพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า“อะไรวะ!? เนทีรี่! ปล่อย!”“อยากบินไหม?” เธอหัวเราะแล้วปล่อยเขาดิ่งลงมา แดเรียสร้องลั่น ลมปะทะใบหน้า ร่างของเขาร่วงผ่านก้อนเมฆลงมาสู่แม่น้ำข้างล่าง...ก่อนจะถูกโฉบขึ้นอีกครั้ง“นี่มันทรมานกันชัด ๆ!”“ไม่หรอก! แกบินได้ แค่ยังไม่รู้ตัว!”การฝึกวันแรกเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงหัวเราะของเนทีรี่เพียงแค่คนเดียว แต่ในขณะเดียวกันร่างกายของแดเรียสก็ถูกบังคับให้แสดงศักยภาพสูงสุด นี่คือการเรียกสายเลือดปีศาจที่อยู่ในตัวเขาให้ตื่นขึ้นเสียงเหล็กกระทบดังก้องกลางลานฝึกที่เปียกชื้นจากฝนตกเมื่อตอนเย็น แดเรียสหอบหายใจหนัก มือทั้งสองกำดาบไม้จนสั่น ก่อนจะพุ่งเข้าหาเป้าหมายตรงหน้าอีกครั้งด้วยแรงฮึดสุดท้ายเพี๊ยะ!ด้ามดาบของเจซซี่บิดรับก่อนพลิกตีกลับอย่างแม่นยำ ร่างของแดเรียสถูกสกัดลงพื้น เสียงล้มกระแทกดินดังสนั่น เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่ก่อนจะทันได้ตั้งตัว เสียงเย็นเยียบก็ดังขึ้น
เสียงลมหายใจเงียบงันของกลางคืนคล้ายจะเลือนหายไปในความสงัด เมื่อ “ประตูมิติ” กรีดผ่านผืนอากาศเบื้องหน้าภูเขาสูงชันในป่าทึบ เสียงกรีดร้องของพลังลี้ลับบิดเบี้ยวแสงรอบข้าง บิดผันเป็นรอยแยกสีฟ้าอมม่วงเรืองแสง ลานหินวงกลมกลางป่าซึ่งไม่ปรากฏในแผนที่ใดบนโลกมนุษย์—ที่ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ระหว่างรอยต่อแห่งกาลเวลาจากเงาไม้ทึบ ชายชราผู้สวมผ้าฝ้ายสีดินเก่าขาด เดินออกมาช้า ๆ ไม้เท้าไม้ไผ่ในมือข้างหนึ่งกดลงพื้นเป็นจังหวะ ลมหายใจของเขาหนักแน่นแต่เนิบช้า ลุงจันทร์—ผู้เฝ้าประตู ด่านเชื่อมโลกทั้งสาม ผู้เคยหายตัวไปนานกว่าทศวรรษ ปรากฏตัวอีกครั้งเขาเดินตรงไปยังใจกลางลานหิน ที่ซึ่งมีบุรุษคนหนึ่งนั่งหลับตานิ่ง—อีธาน พ่อของแดเรียส เงาสะท้อนในดวงตาลุงจันทร์บ่งบอกถึงความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเมตตา ความเศร้า และความรู้สึกผิดบางอย่างที่ฝังแน่นในใจมานาน“โลกกำลังจะเปลี่ยน...” ลุงจันทร์พูดเบา ๆ ราวกับสายลมพัดพาเสียงผ่าน “เด็กคนนั้น...จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”แสงจันทร์ส่องลอดร่มไม้ ฉาบร่างอีธานไว้ในความสงบ เขาลืมตาช้า ๆ “ผมจำได้ ว่าท่านเคยเตือนผมเรื่องนี้...ตั้งแต่วันแรก”
หลังการต่อสู้ เจซซี่กับราฟาเอลพาแดเรียสกับอีธานหนีไปยังฐานลับแถวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นั่น แดเรียสได้เรียนรู้เรื่อง “กลุ่มปฏิวัติ” ซึ่งต่อต้านสิ่งมีชีวิตจากเงามืดที่กำลังรุกรานโลก และพบเจอกับคนอื่นๆ ทั้งปกติและทั้งรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดเจซซี่กล่าวว่า“เรารู้ว่ามันคือใคร... เราเรียกมันว่า ‘ผู้ร่วงหล่น’ พร้อมเปิดภาพชายมีปีกขนดำสนิทเหมือนในฝัน — นามนั้น คืออากัส ผู้ปกครองของเหล่าเดอะฟอล“มันมี ‘ดิอาย’ หนึ่งในอาวุธโบราณ...” ราฟาเอลเสริมหลังเรื่องราวที่ยังคงวุ่นวาย อีธานกับแดเรียส พ่อลูกนั่งคุยกัน แดเรียสร้องไห้พร้อมขอโทษผู้เป็นพ่อที่เขาเป็นสัตว์ประหลาด แต่อีธานก็ยิ้มแล้วกอดลูกพร้อมบอกว่าลูกไม่ใช่สัตว์ประหลาด ลูกคือคนที่พิเศษต่างหากจากนั้นเจซซี่ก็พาแดเรียสมารู้จักคนอื่นๆในกลุ่มเนทีรี่ ราชินีแห่งโลกมังกร ผมขาว ผิวขาว นิสัยใจดีนิว มาจากเผ่าพันธุ์ไททัน เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ร่าเริงกาวาบ้า ครึ่งเผ่าพันธุ์เทวรูปครึ่งเผ่าพันธุ์ทะเล ตัวสูงใหญ่นิสัยใจดี รักพวกพ้อง มีเคราเป็นปลาหมึก
"ในค่ำคืนหนึ่ง ที่หมอกเย็นกัดผิวและเงามืดกอดกุมมหานคร... ลมหายใจของรัตติกาลพัดผ่านม่านหมอกเหน็บหนาว แดเรียสสะดุ้งตื่นจากความฝันอันลึกล้ำ — ฝันที่ดั่งเปลวเพลิงเผาใจเขาจนแทบมอดไหม้ ในฝันนั้น เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักพัง เงาดำปกคลุมฟ้า อีกาสีดำตัวมหึมาเกาะอยู่บนตึกสูงสุดของมหานคร มันกรีดร้องก้องฟ้า เหมือนประกาศจุดจบของมนุษยชาติ เสียงระเบิด เสียงร้องไห้ และกลิ่นเลือดคละคลุ้ง ทุกอย่างย่อยยับป่นปี้ กลางเมืองย่อยยับนั้น ชายผู้หนึ่งยืนอยู่ เงาของเขาราวปีศาจจากบาดาล ปีกสีดำปานค้างคาว ปกคลุมด้วยขนนกกา สายตาเย็นชาไร้ความปรานี มองตรงมาที่เขา — แดเรียส เขาตื่นขึ้นมา ใจเต้นโครมคราม เด็กหนุ่มคนหนึ่งสะดุ้งตื่นจากฝันที่คล้ายภาพลางร้าย เขาหอบหายใจ ปวดหัวอย่างรุนแรง "อีกแล้ว... ฝันแบบเดิม... เมืองพัง เงาดำ... แล้วก็... มัน..." ในเช้าวันนั้น แดเรียสนั่งมองออกนอกหน้าต่างรถแท็กซี่ไปยังถนนกรุงเทพที่วุ่นวาย เขามุ่งหน้าไปโรงพยาบาลจิตเวชที่เ