พนักงานคนใหม่...ที่รู้จักดี(2)
กันตาสอนงานวินเซ่ทุกอย่างด้วยความจำใจและเก็บอาการไว้ไม่แสดงออกมาว่าเธออิจฉา เพราะไม่อยากให้เขาต่อว่าเธอได้ ว่าเธอสอนงานไม่ดี “เดี๋ยวน้องวินเซ่โทรไปนัดลูกค้าวันนี้และนัดสถานที่นะ คุณแบล็คจะได้ไปคุยงานกัน แต่น้องวินเซ่ต้องล่วงหน้าไปดูแลความสะดวกของลูกค้าก่อน แล้วคุณแบล็คจะตามไปทีหลัง” กันตาสั่งงานวินเซ่มอบหมายให้ลองทำหน้าที่เลขา “ค่ะ” วินเซ่รับคำแล้วรีบไปจัดการโทรนัดลูกค้า เมื่อเสร็จแล้วเธอจึงออกจากบริษัทมุ่งหน้าไปตามที่นัดหมายทันที กันตาเห็นวินเซ่ออกไปแล้ว เธอจึงถือเอกสารเข้าไปเตือนเจ้านาย “คุณแบล็คคะ ได้เวลาประชุมแล้วค่ะ” กันตาไม่ได้ไปแจ้งเตือนเจ้านายให้ตามไปคุยงานกับวินเซ่ แต่กลับแจ้งเตือนการประชุม จริงๆ แล้วแบล็คมีประชุมไม่ได้มีนัดคุยลูกค้า แต่กันตาหลอกให้วินเซ่ไปคุยกับลูกค้าให้เสียงาน เสียลูกค้าแทน แบล็คเดินนำไปประชุมตามกำหนด โดยมีกันตาเดินถือเอกสารตามหลังไปติดๆ ในขณะที่กำลังประชุมอยู่นั้น ไม้โทลูกน้องคนสนิทของเขาเปิดประตูห้องประชุมเข้ามาแล้วค้อมตัวก้มหัวขออนุญาตเขาเล็กน้อย เขาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ไม้โทจึงเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู เมื่อได้ฟังสิ่งที่ไม้โทบอก เขาก็ตวัดสายตาคมเข้มไปยังกันตาเลขาของเขาทันที ทำให้กันตารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาคมนั้น “วันนี้พอแค่นี้” แบล็คพูดจบแล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที สร้างความงุนงง และตกตะลึงให้กับคนในห้องประชุมเป็นอย่างมากที่อยู่ๆ เขาก็ยกเลิกประชุมกลางครัน สาเหตุที่เขาต้องยกเลิกประชุมกระทันหันนั้น ก็เพราะว่าไม้โทมาบอกว่า ‘นาที’ ลูกน้องของเขาอีกคนที่เขาให้ไปคอยดูแลวินเซ่โดยไม่ให้เธอรู้ เพราะเขาเป็นห่วงเธอลูกสาวหลานสาวของเหล่ามาเฟียที่ย่อมต้องมีศัตรูเยอะ แต่เธอกลับไม่มีบอดี้การ์ดเลยสักคน นาทีบอกว่าวินเซ่ขับรถออกจากบริษัทไปคุยกับลูกค้าข้างนอกซึ่งไม้โทบอกเขาว่า กันตาเป็นคนสั่งให้เธอออกไปก่อนที่เจ้านายของเขาจะเข้าประชุม “ไปร้านไดม่อนฟู๊ด” เขาสั่งเมื่อก้าวขึ้นรถมานั่งอยู่เบาะหลังคนขับ “นายรู้ได้ยังไงครับว่าคุณวินเซ่อยู่ที่ไหน” ไม้โทถามอย่างสงสัย ในขณะที่ออกรถไปด้วยความเร็วเท่าใจของผู้เป็นนาย “กูสั่งก็ไป ไม่ต้องถามมาก” เขาบอกเสียงเข้มด้วยอารมณ์หงุดหงิด นึกไปถึงคนตัวเล็กมาทำงานวันแรกก็โดนรับน้องใหม่เสียแล้วหรือนี่ ทางด้านของวินเซ่ “คุณบัญพจน์ รอสักครู่นะคะ อีกสักพักคุณแบล็คก็น่าจะมาแล้วค่ะ” เธอบอกเขาทั้งๆ ที่ไม่มีช่องทางติดต่อกับเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขาจะมากี่โมง หรือจะมาไหม “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ ที่นี่บรรยากาศดีนะครับ มีอาหารอร่อย แถมมีดนตรีสดให้ฟังสบายด้วยๆ คุณวินเซ่เป็นเลขาของคุณแบล็คเหรอครับ รู้จักที่นี่ได้อย่างไร ผมชอบมาก ” บัญพจน์ชวนวินเซ่สนทนาเพื่อลดความอึดอัดและกังวลมากไปของเธอ “อ่อ ใช่ค่ะ ฉันเป็นเลขาของคุณแบล็ค ฉันชอบที่นี่ค่ะ มาทานบ่อย เขามีให้ขึ้นไปร้องเพลงได้นะคะ คุณบัญพจน์ลองร้องสักเพลงไหมคะ ระหว่างรอ” วินเซ่ยิ้มๆ ชวนและพยายามเอ็นเตอร์เทรน หาอะไรให้ลูกค้าทำจะได้ไม่เบื่อระหว่างรอ “จะดีเหรอครับเนี่ย” “ดีค่ะ ฉันอยากฟังเพลงที่คุณบัญพจน์ร้อง โชว์สักเพลงนะคะ” พูดจบเธอก็ยืนขึ้นผายมือให้เกียรติ์ลูกค้าขึ้นไปร้องเพลง ก่อนที่จะได้ขึ้นเวที วินเซ่ก็ทำหน้าที่ไปขออนุญาตขอใช้เวทีสักหน่อย บัญพจน์ขึ้นไปร้องเพลงอย่างสบายอารมณ์ โดยมีวินเซ่นั่งปรบมือเบาๆ อยู่ที่โต๊ะ กำลังฟังเพลงเพลิน ก็มีมือหนามาสัมผัสที่ไหล่ ทำให้เธอหันควับไปมองเจ้าของมือได้ทันที “คุณแบล็ค...” วินเซ่พึมพำเรียกชื่อคนมาใหม่ “ไหนลูกค้า” เขาถามเพราะคิดว่าเขาอาจจะมาไม่ทัน ลูกค้าอาจจะไม่รอและเดินทางกลับไปแล้ว วินเซ่ไม่ได้ตอบคำถามอะไรเขา แต่ทำหน้าพยักเพยิดไปบนเวที สายตาคมเข้มมองตามไปยังจุดหมาย “โน่นค่ะ อยู่บนเวที” วินเซ่บุ้ยหน้าไปบนเวทีให้ชายหนุ่มมองตาม ภาพที่เห็นคือ ลูกค้าขึ้นไปร้องเพลงคาราโอเกะบนเวที แบล็คได้แต่ส่ายหน้าปวดหัวกับสิ่งที่วินเซ่ทำ นี่เธอจะทำให้เสียลูกค้าหรือจะได้ใจลูกค้ากันแน่นะ “ก็คุณมาช้านี่คะ รอนานๆ กลัวลูกค้าจะเบื่อ เลยหาอะไรให้ทำ ทำไมคุณเพิ่งมาล่ะคะ” “มีประชุม วันนี้ไม่มีคุยงานกับลูกค้า” แบล็คเอ่ยเสียงเรียบ หน้าตานิ่ง เขาขยับเก้าอี้นั่งลงข้างๆ เอาแขนพาดไปกับพนักพิงของเก้าอี้เธอด้วยท่าทางสบายใจ “อ้าว พี่ตาบอกให้วินซ์ เอ้ย หนูนัดลูกค้าให้คุณนี่คะ ไม่เห็นบอกว่าคุณมีประชุม แล้วคุณประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ?” ร่างบางหันขวับไปมองหน้าคนนั่งข้างๆ “ยัง หนีมา” เขาตอบหน้าตายเหมือนไม่ยี่หระกับการหนีประชุม เหมือนว่าการประชุมไม่สำคัญเท่าคุยงานลูกค้า “อ้าววว” “หลายอ้าวแล้ววันนี้” เขาอมยิ้มเล็กน้อย แอบแซวคนตัวเล็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าตัวเองโดนแกล้ง ได้แต่ร้องอ้าวๆ แปลกใจในความจริงที่เขาบอก “ก็หนูแปลกใจนี่คะ ไม่เห็นเหมือนที่พี่ตาสอนสักอย่าง” “แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นของเธอสิ” “ชื่อหนู?” วินเซ่ชี้นิ้วไปที่ตัวเอง แบล็คพยักหน้ารับเป็นคำตอบ “ดูน่ารักกว่าแทนตัวเองว่า หนู อีก” คำพูดของเขา คนพูดคิดอะไร แต่คนฟังคิดไกลไปนอกอวกาศแล้วนะ ทำเอาหน้าตาหญิงสาวเป็นสีแดงระเรื่อลามไปยันหู “เอิ่มมม หนู เอ่อ วะ...วินซ์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนิดหนึ่งนะคะ ก่อนลูกค้าจะลงมา คุณคุยงานไปก่อนเลยนะคะ” เธอพูดจบไม่รอคำอนุญาต รีบลุกออกไปเพราะไม่อยากให้เขาเห็นหน้าแดงๆ ของเธอ “หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอ เอ็นดูกับท่าทางของคนตัวเล็ก “น่ารักใช่ไหมครับนาย” เมื่อคนตัวเล็กลุกไปแล้ว ไม้โทที่ยืนเฝ้ารักษาความปลอดภัยของเจ้านายเอ่ยถามแบบแอบแซวนิดๆ เมื่อเห็นนายของตัวเองหัวเราะอมยิ้มแบบที่น้อยนักที่เขาจะได้เห็นแบบนี้ “ยุ่ง!!” เขาตวัดสายตาเข้มไปยังลูกน้อง “อ้าวววว” ไม้โทอุทานแค่นั้น แล้วอมยิ้มหันไปทางอื่นก่อนจะกลับไปยืนท่าเดิม “เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อย” “ลูกค้ามาโน่นแล้วครับ” ไม้โทบอกเจ้านายตัวเอง ‘รอดแล้วกู’ เขาคิดในใจ แอบโล่งใจ ลูกค้ามาช่วยไว้ทันพอดี “สวัสดีครับคุณแบล็ค” “สวัสดีครับคุณบัญพจน์ ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ พอดีผมติดประชุม” แบล็คทักทายลูกค้าก่อนยืนขึ้น ยื่นมือไปจับเพื่อเป็นการทักทาย “คุณแบล็คเลยส่งเลขามาก่อนใช่ไหมครับ คุณวินเซ่น่ารักมากครับ บริการ ดูแลผมดีเลย” บัญพจน์เอ่ยชื่นชมวินเซ่ ถ้าหากเขาตกลงทำธุรกิจร่วมกับบริษัทของแบล็ค อยากให้แบล็คยกความดีความชอบนี้ให้กับวินเซ่ “วินเซ่ไม่ใช่เลขาของผมครับ” แบล็คบอกปฏิเสธกับลูกค้า ทำให้บัญพจน์ถึงกับทำหน้าฉงนแปลกใจ “ถ้าไม่ใช่เลขา แล้วคือใครล่ะครับ” “วินเซ่คือคู่หมั้นของผมครับ” แบล็คเกอร์บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หน้าตาจริงจัง “โอ้ ยินดีด้วยนะครับคุณแบล็ค มีข่าวดีวันไหนอย่าลืมเชิญผมด้วยนะ ผมตกลงร่วมโปรเจ็คนี้กับคุณนะครับ” “เชิญแน่นอนครับ ขอบคุณครับ” แบล็คเกอร์ยืนขึ้นยืนมือไปจับเพื่อแสดงความขอบคุณ การคุยงานวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี แบล็คเกอร์และบัญพจน์ได้ร่วมกันทำโปรเจ็คใหญ่ ผลพลอยได้มาจากการดูแลลูกค้าของวินเซ่ในวันนี้...พิเศษ 3 รักได้ไหม บอกพี่ที เช้ามืดของอีกวัน นัตตี้งัวเงียตื่นขึ้นมา รู้สึกเหมือนมีอะไรกดทับที่บริเวณหน้าท้อง นัตตี้ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น แผงขนตาหนากระพริบถี่เพื่อปรับแสงภายในห้อง เธอก้มลงมองหน้าท้องว่าสิ่งที่กดทับหนักๆนั้นคืออะไร ท่อนแขนแกล่งพาดทับกอดเอวเธอไว้อย่างหลวมๆ นัตตี้หยิบนาฬิกาจากมือถือขึ้นมามอง เป็นเวลา หกโมงเช้า เธอค่อยๆหันไปเขย่าตัวคนที่หลับพริ้มสนิทไม่รู้เรื่องให้ตื่น เพื่อไปทำหน้าที่ของตัวเอง “พี่โท ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวนายตื่นจะถามหา” นัตตี้ปลุกคนร่างโตที่นอนหลับพริ้ม “อื้อ ไม่ตื่นหรอก นายน่าจะเพิ่งได้นอนเหมือนเราเนี่ยแหละ” ไม้โทงัวเงียพูด และจะหลับต่ออีกรอบ แต่โดนมือบางฟาดปลุกไปที่ไหล่แกร่งเสียงดัง จนทำให้ชายหนุ่มต้องสะดุ้งตื่นอย่างเต็มตา “ทำไมตื่นเช้า ไม่ง่วงเหรอ” “ไม่ง่วง ตื่นได้แล้ว” นัตตี้บอกก่อนยันตัวลุกขึ้น มองหาเสื้อผ้าเพื่อเอามาสวมใส่แต่กลับโดนท่อนแขนแกร่งคว้าหมับรอบเอวบางให้ล้มลงนอนเหมือนเดิม “นอนต่ออีกหน่อย เจ้านายไม่ว่าอะไรหรอก เจ้านายรู้” ไม้โทบอกนัตตี้ จนเธอใจอ่อนยอมล้มตัวลงนอนอีกรอบ แต่ไม่ได้
พิเศษ 2 กินได้เลย ฉันอนุญาต “อยากกิน แล้วทำไมไม่กินล่ะ” ไม้โทเอ่ยแค่นั้น ก่อนจะจับใบหน้าหวานเกินผู้ชายทั่วไปของนัตตี้ให้แหงนขึ้นมารับริมฝีปากหยักได้รูปที่ทาบทับลงบนริมฝีปากนุ่มมีลิปสติกสีอ่อนทาไว้ นัตตี้เบิกตากว้างเพียงชั่วครู่ให้กับการกระทำของชายหนุ่มที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะทำกับเธอ นัตตี้เริ่มหายใจติดขัดไม่ทั่วท้องเมื่อริมฝีปากหยักบดขยี้ริมฝีปากเธออย่างรุนแรง ก่อนจะเริ่มสอดแทรกลิ้นอุ่นที่มีกลิ่นจางๆของบุหรี่เข้ามาผสมผสานกับกลิ่นแอลกอฮอล์ ตวัดควานหาความหวานในโพรงปาก “อื้อออ” “จะกินหรือไม่กิน” ไม้โทถามขึ้นเมื่อถอนริมฝีปาก ปล่อยให้ปากบางได้รับอิสระ “กินได้จริงๆเหรอ” นัตตี้ถามเพื่อความแน่ใจ กลัวทำทำไปแล้วเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่ทำ เธอจะค้างคามากกว่านี้ “ไม่กินฉันจะไปนอนข้างนอกแล้ว” ไม้โททำท่าจะเดินออกไป แต่โดนนัตตี้ดึงรั้งขอบกางเกงเอาไว้เสียก่อน “กะ...กิน ค่ะ” นัตตี้พูดค่ะกับเขาเป็นครั้งแรก คำตอบของเธอทำรอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากหนาทันที ริมฝีปากหยักทาบทับบดขยี้ริมฝีปากบางนั้นอีกครั้ง ก่อนค่อยๆเลื่
พิเศษ 1 อยากจับไหม? อยากกินมากกว่า... นัตตี้ หรือ นาที ลูกน้องคนสนิทของแบล็คเกอร์ นัตตี้เป็นสาวประเภทสองที่แต่งตัวดูดี ไม่ได้แต่งตัวเป็นสาวจ๋าเหมือนสาวประเภทสองทั่วๆไป ที่สวยเหมือนผู้หญิงจนแยกไม่ออก นัตตี้มีรูปร่างสูงโปร่ง ค่อนข้างไปทางบอบบางกว่าชายปกติทั่วไป ผิวขาวใส ทรงผมรากไทรประบ่าไม่แมนเกินไปและไม่ยาวจนออกสาวมากนัก แต่เรื่องการแต่งหน้านัตตี้จัดเต็ม เพราะเธอชอบดูแลตัวเองให้สวยดูดี ดูแพงอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเป็นบอดี้การ์ดให้นายหญิง แม้ว่าจะเป็นการดูแลอยู่ห่างๆก็เถอะ แต่เธอก็ต้องพร้อมอยู่ทุกสถานการณ์ จึงต้องแต่งตัวให้ดูทะมัดทะแมง เสื้อเชิ้ตขาวสวมทับด้วยสูทสีชมพูอ่อน กางเกงรัดรูปสีขาวดูดี นัตตี้เป็นสาวประเภทสองที่ทั้งเก่งศิลปะป้องกันตัวและเก่งด้านไอทีพอสมควร เธอมีหน้าที่ติดตามดูแลวินเซ่อยู่ห่างๆตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากแบล็คเกอร์ คอยรายงานเรื่องราวของวินเซ่ตอนที่ไม่ได้อยู่กับแบล็ค แต่ดูเหมือนว่าจะดูแลห่างๆได้ไม่นาน บางสถานการณ์ก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยจนเธอเองรู้สึกอึดอัด อยากจะแสดงและติดตามอย่างเปิดเผยให้รู้แล้วรู้รอดไป จนแล้วจนรอดเธอก็ตัดสินใจแสดงตัวก
Special Bom Bay 3 ปีต่อมา... เตาะแตะ เตาะแตะ เด็กชายฝาแฝดวัย 3 ขวบ สองคน ในชุดไดโนเสาร์สีเขียวมีฮู้ด เดินเล่นเตาะแตะ อยู่บนถนนแข่งรถ ในสนามแข่งรถของมิวนิค โดยมีสายตาอบอุ่น สองคู่มองดูด้วยความเอ็นดู “ปีนี้ บอม กับ เบย์ ก็ 3 ขวบแล้ว เมื่อไรมึงจะมีเป็นของตัวเอง มาแย่งกูเลี้ยงลูกอยู่เนี่ยแหละ” แบล็คเกอร์เอ่ยขึ้นกับเพื่อนท่ามกลางความเงียบ “อย่ามาหวง กูแค่มาเล่นด้วยเป็นครั้งคราว ทำบ่น” มิวนิคตอบกลับ “ครั้งละหลายวัน บางทีก็เอากลับบ้านด้วย และมาทุกวัน แทบจะย้ายมาอยู่บ้านกูแล้ว” แบล็คตอบอย่างกวนๆ “ก็เมียมึงชวนเมียกู กูไม่ได้อยากมาสักหน่อย” “สาบาน!” แบล็คเกอร์ถามห้วนๆ อย่างไม่จริงจัง เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขาน่าจะติดหลานชาย เจ้าก้อนทั้งสองของเขาแน่นอน “ไม่! กูจะตายฟรี” มิวนิคตอบ แล้วเดินออกไปยังรถแข่งคันโปรดที่จอดไม่กลางสนามแข่ง เพื่อเช็คสภาพ เตรียมจะเอาไว้ลงแข่งในค่ำคืนนี้ แบล็คเกอร์ยิ้มๆ แล้วส่ายหัวให้กับความฟอร์มเยอะของเพื่อน ที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองเห่อหลานขนาดไหน เขาเดินตามมิวนิคลงมาเช็ครถ ปล่อยให้ลูกชายทั้งสองเดินเล่นไปเรื่อยๆ “ป๊ะๆ นุงๆ” เสียงอ้อแอ้ร้องเรียกป
แผนการสุดท้ายสำเร็จ... “อื้อออ~” วินเซ่ขยับตัวรู้สึกตื่น เมื่อรับรู้ความหนาวจากเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ วินเซ่พลิกตัวไปเมื่อ แขนเรียวควานหาคนข้างๆ แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ทันทีที่สติกลับมาเกือบเต็มที่ เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นปรับแสงจากด้านนอก “ไปไหนของเขานะ หรือไปทำงานแล้ว” วินเซ่ลุกขึ้นจากเตียง เตรียมตัวลงไปด้านล่าง เพื่อหายากินก่อนแล้วค่อยหาอาหารกินจากด้านล่าง วินเซ่เหลือบไปเห็นแก้วน้ำเปล่าและยาคุมฉุกเฉินวางอยู่ หญิงสาวนึกแปลกใจที่เขาเตรียมยาไว้ให้เธอ โดยที่เธอไม่ต้องบอกกล่าว ร่างบางกินยานั้นเรียบร้อยจึงจัดแจงทำธุระส่วนตัวแล้วลงไปด้านล่าง ด้านล่างของคฤหาสถ์ใหญ่ ค่อนข้างเงียบไร้ผู้คน เธอเห็นเพียงแค่แม่บ้านที่กำลังจัดเตรียมอาหารไว้ให้เธอเท่านั้น “เอ่อ...” วินเซ่อยากจะเอ่ยถามแม่บ้าน เมื่อกำลังเดินลงมาจากชั้น “นายหญิง ตื่นแล้วเหรอคะ ป้าเตรียมอาหารให้เสร็จพอดีเลย” ป้าแข ป้าแม่บ้านของตระกูลบูรณิมาเอ่ยหขึ้นกับนายหญิงคนใหม่ของบ้านนี้ “เขาไปไหนกันหมดอ่ะคะป้า” วินเซ่เอ่ยถามป้า เมื่อหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่ป้าจัดเตรียมไว้ให้ “คุณหนูแบล็คไปข้างนอกค่ะ สั่งป้าไว้ให้ดูแลนายห
จุดจบ...(ต่อ) หมอภูทำแผลให้แบล็คเกอร์แบบไวที่สุด เพื่อเขาจะได้เข้าพิธีสุดท้ายของการแต่งงานให้เสร็จครบทุกขั้นตอนนั้นก็คือ การส่งตัวบ่าวสาวเข้าเรือนหอ “ลุงหมอครับ” แบล็คเกอร์เอ่ยเรียกหมอที่ทำแผลให้เขา “ว่าไง เจ็บเหรอ” หมอภูถามเขา ในขณะที่ยังก้มหน้าก้มตาทำแผลให้ชายหนุ่มรุ่นหลาน “ไม่เจ็บครับ ผมมีเรื่องอยากให้ช่วย” หมอภูหยุดทำแผล แล้วเงยหน้าขึ้นถามเขา ถึงเรื่องจะให้ช่วย “จะให้ช่วยอะไร” “ลุงหมอพอจะช่วยทำยาให้ผมสักตัวได้ไหมครับ” แบล็คตัดสินใจบอกความต้องการของตัวเองไป “ฉันเป็นหมอ ไม่ใช่คนผลิตยาบ้า” หมอภูพูดด้วยรอยยิ้มมุมปาก แล้วก้มลังไปพันแผลต่อ “ผมรู้ว่าลุงมีโกดังผลิตยา ถึงจะไม่ใช่ยาบ้าหรือยาเสพติด แต่ลุงก็เป็นคนคิดค้นยาได้หลายตัว ผมอยากให้ลุงทำยาตัวหนึ่งให้ผมเท่านั้น” หมอภูละสายตาจากแผลขึ้นมาสบตากับแบล็คแวบหนึ่ง ก่อนก้มลงไปทำแผลต่อ แล้วเอ่ยปากให้เขาบอกสิ่งที่เขาต้องการมา ภายในห้องนอนกว้างขวาง ที่ตกแต่งสีขาวโทนสีชมพูไว้สำหรับทำพิธีเข้าหอ บนเตียงสีขาวมีกลีบกุหลาบที่จัดเป็นรูปหัวใจอยู่กลางเตียง เมื่อพิธีเสร็จสิ้น ภายในห้องทั้งห้องก็เหลือแค่เพียงเธอและเขาเท่านั้น “พี่แบล