ภคชนท์พาฉัตรญาดามายังร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งคนที่เขานัดมาเจอในวันนี้ก็คือภูวริษ เมื่อมาถึงเขาก็พาหญิงสาวไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้ล่วงหน้าและเพื่อนของเขาก็มารออยู่ก่อนแล้ว
“มาแล้วเหรอรถติดมากใช่ไหมล่ะ” ภูวริษที่นั่งอยู่ก่อนทักทายผู้มาใหม่
“ติดมากเลยแหละ นายมานานหรือยัง”
“สักพักแล้วล่ะ”
“ญาดานี่ภูวริษเพื่อนของผม”
“สวัสดีค่ะคุณภูวริษ”
“สวัสดีครับ คุณญาดาเรียกภูเฉยๆ ก็ได้ เชิญนั่งก่อนครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“นายสั่งอะไรมาหรือยังภู” ภคชนท์ถามคนที่มาถึงร้านก่อน
“สั่งไปแล้วของโปรดของเรานั่นแหละ แล้วคุณญาดาอยากทานอะไรก็สั่งเพิ่มได้เลยนะครับ” ภูวริษส่งเมนูอาหารให้กับหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามกับเขา
“ฉันทานได้ทุกอย่างค่ะคุณภู เอาไว้อาหารมาแล้วไม่พอค่อยสั่งอีกครั้งก็ได้นะคะ”
“ทำงานกับเพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ เขาใช้งานคุณหนักไหม”
“ไม่เท่าไหร่คะ บอสเป็นเจ้านายใจดีค่ะ” หญิงสาวตอบพลางหันมองหน้าเจ้านายที่เหมือนกำลังรอคำตอบ
“นายชนท์เนี่ยนะใจดี คุณญาดาเข้าใจผิดอะไรไปหรือเปล่าปกติเขาเป็นคนเคร่งเครียดกับการทำงานมากนะ” ภูวริษรู้ว่าเวลาทำงานภคชนท์จะจริงจังมาก
“สงสัยเพราะฉันเพิ่งเข้าไปทำงานมั้งคะ บอสก็เลยยังไม่ค่อยเข้มงวดกับฉันเท่าไหร่”
“ก็ดีนะครับที่เขารับผู้ช่วย ที่ผ่านมาเขาทำงานหนักมาตลอดพอมีคุณญาดามาช่วยงานก็คงทำให้เพื่อนผมเหนื่อยน้อยลงเยอะเลยครับ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าจะทำให้บอสเหนื่อยน้อยลงหรือจะเป็นการเพิ่มภาระของบอสเพราะฉันไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณญาดาทุกอย่างมันฝึกกันได้ ว่าแต่ก่อนหน้านี้คุณญาดาทำงานอะไรมาเหรอครับ” ภูวริษถามทั้งที่ตัวเองก็รู้มาจากภคชนท์แล้วว่าก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานเป็นพยาบาลมาก่อน
“ฉันทำงานเป็นพยาบาลมาสามปีค่ะ”
“แล้วนึกยังไงถึงลาออกมาทำงานเป็นผู้ช่วยล่ะครับ ”
“ฉันอยากลองทำอะไรที่มันแปลกใหม่ออกไปค่ะ แล้วก็โชคดีมากบริษัทของบอสให้โอกาสกับคนที่ไม่มีประสบการณ์”
“ผมหวังว่าคุณจะชอบงานใหม่และทำงานกับเพื่อนของผมนานๆ นะครับ”
“ค่ะคุณภู”
บทสนทนาหยุดลงเพียงแค่นี้เมื่ออาหารจากทางร้านกำลังทยอยมาเสิร์ฟ
“อาหารน่าทานมากๆ เลยค่ะ บอสกับคุณภูมาทานที่นี่บ่อยไหมคะ”
“ผมกับเพื่อนชอบมาทานร้านนี้กันเป็นประจำ”
“อีกหน่อยคุณญาดาก็คงเป็นแขกประจำเหมือนกับเรานั่นแหละ เพราะเป็นผู้ช่วยนายชนท์ก็คงต้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด”
“ค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้าจากนั้นทั้งสามคนก็เริ่มรับประทานอาหารกันเงียบๆ ฉัตรญาดาสังเกตว่าเจ้านายของตัวเองนั้นเขี่ยต้นหอมและผักชีออกมาวางตรงขอบจานมันทำให้เธอนึกไปถึงผู้ชายคนหนึ่งไม่ได้
“แล้วมาทานข้าวด้วยกันอีกนะครับคุณญาดา”
“ถ้าบอสชวนมาฉันก็มาค่ะ”
“ถ้าเขาไม่ชวนเรามากันสองคนก็ได้ คุณมีเบอร์กับไลน์ของผมแล้วนี่ ติดต่อมาได้ตลอดเลย ถ้าเจ้านายใช้งานหนักก็โทรมาบอกผมได้นะ ผมจะช่วยจัดการให้เอง”
“ค่ะคุณภู”
“ไปกันเถอะญาดา คุณต้องไปเอารถที่บริษัทอีกนะ”
“ฉันไปก่อนนะคะคุณภู ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ฉัตรญาดาเดินตามเจ้านายมาที่รถเพื่อให้เขาขับไปส่งเอารถที่บริษัท
“บอสคะบอสมีพี่น้องมั้ยคะ” หญิงสาวถามขณะนั่งรถของเขากลับมายังบริษัท
“ผมเป็นลูกคนเดียวถามทำไมเหรอ”
“ก็หน้าตาของบอสเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันเคยรู้จักค่ะ ท่าทางก็เหมือนแถมยังไม่ชอบทานต้นหอมผักชีเหมือนกันอีกด้วยนะคะ” ฉัตรญาดาไม่อยากเก็บความสงสัยไว้อีกต่อไปก็เลยคิดว่าถามไปเลยจะดีกว่า
“ญาดาคนไม่ชอบทานต้นหอมผักชีบนโลกนี้มีเยอะแยะเลยนะ ผมคงไม่ใช่คนที่คุณเคยรู้จักหรอกเพราะถ้าอย่างนั้นเราก็คงจะจำกันได้แล้วใช่ไหมล่ะ”
“ค่ะ แต่ฉันคุ้นกับหน้าตาและท่าทางของบอสมากนะคะ บอสคล้ายกับเขามากจริงๆ ค่ะ เพียงแต่ชื่อนามสกุลต่างกันอีกอย่างบอสก็เรียนจบมาจากต่างประเทศ ส่วนเขาคนนั้นฉันไม่รู้เลยว่าได้เรียนจนจบหรือเปล่า”
“อ้าว...คุณพูดเหมือนคุณรู้จักผู้ชายคนนั้นแล้วทำไมถึงไม่รู้ล่ะว่าเขาเรียนจบหรือเปล่า”
“มันมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาค่ะ”
“ทำไมคุณไม่ถามเขาล่ะว่าเรียนจบไหมหรือไม่กล้าถาม”
“ฉันอยากถามเขามากค่ะและก็อยากรู้ข่าวคราวของเขามากๆ แต่เขาขาดการติดต่อไปเลย”
“ตอนนี้นี้มีสื่อโซเชียลเยอะแยะนะถ้าเราจะตามหาใครสักคนมันไม่ยากเลยนะญาดา”
“ฉันรู้ค่ะว่ามันไม่ยากแต่ฉันก็ติดต่อเขาไม่ได้จริงๆ”
“ถ้าติดต่อตัวเขาไม่ได้ก็ลองกลับไปถามครอบครัวเขาสิ คนเราต้องมีครอบครัวมีญาติพี่น้องอยู่แล้ว”
“ฉันถามแล้วค่ะ แต่ญาติพี่น้องของเขาก็ตอบว่าไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องเป็นหรือเพราะเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นกันแน่”
“ผู้ชายคนนั้นเขาทำอะไรเหรอญาติถึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวหรือว่าเขาเป็นคนไม่ดีล่ะญาดา”
“พี่วัชร์เขาเป็นคนดีค่ะ เป็นคนดีมากๆ”
“เป็นคนดีมากอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ ถึงคนอื่นจะมองเขาไม่ดีแต่สำหรับฉันแล้วเขาเป็นคนดีมากๆ ฉันไม่เคยลืมเขาได้เลยถึงแม้ว่าจะไม่ได้ติดต่อกันนานสิบปีแล้วก็ตาม” น้ำเสียงที่ฉัตรญาดาพูดถึงผู้ชายในอดีตนั้นเต็มไปด้วยความเศร้า
ภคชนท์ไม่รู้จะถามอะไรหญิงสาวต่อเขาอยากจะบอกว่าผู้ชายที่เธอพูดถึงก็กำลังขับรถให้เธอนั่งอยู่แต่คิดว่ามันยังเร็วไปถ้าจะถามว่าทำไมพี่สาวของเธอถึงเลิกติดต่อกับเขา
“ผู้ชายที่คุณพูดถึงเป็นแฟนคุณหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกค่ะ เขาคบกับพี่สาวของฉัน”
“ผมว่าพี่สาวของคุณน่าจะรู้ดีกว่าใครนะครับว่าตอนนี้ผู้ชายที่คุณพูดถึงอยู่ที่ไหน”
“พี่สาวของฉันเป็นคนสุดท้ายที่ฉันจะถามค่ะ” เมื่อพูดถึงพี่สาวน้ำเสียงของฉัตรญาดาก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาและดูห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด
“คุณมีปัญหากับพี่สาวเหรอญาดา”
“ทำไมบอสคิดอย่างนั้นล่ะคะ”
“ผมฟังจากน้ำเสียงน่ะ มันจริงใช่ไหม”
“จริงค่ะ”
“แก้ไขมันสิ”
“มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ”
“แล้วคุณไม่อยากเจอผู้ชายคนนั้นเหรอ”
“อยากเจอค่ะ แต่พี่สาวฉันก็คงไม่รู้หรอกว่าเขาอยู่ที่ไหนและฉันก็ไม่ได้ติดต่อกับพี่สาวมานานแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“เรื่องมันซับซ้อนค่ะบอส ตอนนี้พี่สาวของฉันเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลไปแล้วและฉันเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่สาวของฉันอยู่ที่ไหน”
ภคชนท์ตกใจกับคำตอบที่ได้ยินแต่ก็ยังทำตัวเป็นปกติและชวนเธอคุยต่อ
“ถ้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนคุณจะทำยังไงต่อเหรอญาดา”
“ก็ไม่ทำอะไรหรอกค่ะ ฉันไม่อยากเกี่ยวข้องกับเธออีกแล้ว”
“แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ บางทีฉันอาจจะเจอเขาแล้วแต่เวลามันผ่านมานานสิบปีฉันอาจจำเขาไม่ได้และเขาเองก็คงจำฉันไม่ได้เหมือนกัน”
“ผมไม่รู้จะช่วยเรื่องนี้ได้ยังไง”
“แค่บอสฟังที่ฉันเล่าก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ”
ภคชนท์อยากจะชวนฉัตรญาดาคุยต่อแต่ตอนนี้เขาก็ขับรถมาถึงบริษัทแล้ว
“ขอบคุณนะคะบอส”
บรรยากาศบ้านสวนของคุณนิวัฒน์และภัทราดูมีชีวิตชีวาเมื่อลูกสาวคนโตของบ้านกับน้องสาววัยสิบห้ากำลังคุยกันอย่างออกรส“พลอยอยากให้พี่ญาดากลับมาบ้านบ่อยๆ” พลอยภัทรานั่งเกาะแขนพี่สาวไว้ไม่ยอมปล่อย“พี่เขาต้องทำงานนะพลอยจะให้กลับมาบ่อยๆ คงไม่ได้หรอก” ภัทราบอกกับลูกสาวที่เอาแต่เกาะติดพี่สาวต่างมารดาไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ฉัตรญาดากลับมาถึงบ้าน“ก็พลอยเหงานี่คะ อยู่กับพ่อและแม่น่าเบื่อจะตาย ขอออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ไม่ได้”“จริงเหรอคะพ่อ” ฉัตรญาดาหันไปถามบิดาเพราะตอนที่เธออายุเท่ากับพลอยภัทราบิดาไม่ได้เข้มงวดขนาดนี้“ไม่หรอกน่า น้องก็พูดเกินไป”“ไม่เกินไปเลยค่ะ พ่อห้ามไม่ให้พลอยออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือถ้าให้ไปก็ไปนั่งเฝ้าพลอยอึดอัดนะ”“ก็พ่อเป็นห่วงพลอย”“แต่พลอยโตแล้ว” เด็กสาวเถียงเพราะเพื่อนๆ ของเธอไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ“พลอยจ้ะ พี่ว่าเอางี้ดีไหมล่ะ” ฉัตรญาดากำลังหาทางออกให้บิดาและน้องสาว“ยังไงคะ”“ก็เวลาที่พลอยจะไปไหนพลอยก็บอกพ่อและนัดเวลารับส่งที่แน่นอน ส่วนพ่อก็ต้องไว้ใจน้องนะคะ ญาดาว่าน้องก็โตพอที่จับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ตอนที่ญาดาอายุเท่าน้องพ่อยังให้ญาดาขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกับเพื่อนเลยน
บ่ายวันเสาร์ภคชนท์ขับรถไปรอลดาภัสน์ที่หน้าโรงพยาบาล พอถึงเวลานัดหญิงสาวก็ลงมาจากตึกด้วยชุดกระโปรงสายเดี่ยวผ้าพลิ้วสีฟ้าน้ำทะเลและสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกชายเสื้อไว้ทางด้านหน้า“รอนานไหมคะ”“ไม่ครับ คุณสวยมากเลยนะ วันนี้ใส่ชุดนี้มาทำงานเหรอ”“เปล่าค่ะเพิ่งเปลี่ยนเมื่อกี้คุณชนท์จะพาไปทานอาหารทะเลทั้งทีก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศหน่อยสิคะ” หญิงสาวยิ้มเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาก็แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงผ้าต่างจากทุกครั้งที่จะสวมเชิ้ตและสวมสูททับ“ผมซื้อพายกับกาแฟมาให้คิดว่าคุณคงหิวเพราะอีกนานเลยกว่าเราจะไปถึงร้านอาหาร” เขาส่งกล่องพายและกาแฟให้กับลดาภัสน์ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปจากหัวหินตามที่ได้คุยกันไว้“ขอบคุณค่ะโอปอกำลังหิวอยู่พอดีเลย คุณชนท์ทานด้วยกันไหมคะ”“ไม่เป็นไรครับผมทานมาแล้ว”ระหว่างทางไปหัวหินทั้งสองคนก็คุยกันอย่างสนิทสนม ลดาภัสน์รู้สึกเหมือนตัวเองรู้จักกับเขามานาน ถ้าหากภคชนท์ไม่ใช่นักเรียนนอกเธอคงจะคิดว่าเขาคือคนเดียวกับวีรวัชร์อย่างแน่นอน“ปกติแล้ววันหยุดคุณชนท์ทำอะไรคะ”“ก็ออกกำลังกาย ว่ายน้ำแล้วนอนดูหนังสักเรื่องที่คอนโดครับ คุณล่ะ”“ก็อยู่บ้านกับแม่ค่ะ ท
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะแม่” ลดาภัสน์แปลกใจที่กลับมาเวลานี้แล้วมารดายังไม่เข้านอน“ก็ว่าจะนอนแล้วล่ะ งานหนักเหรอกลับดึกเชียว”“เปล่าหรอกค่ะแม่ โอปอไปทานข้าวกับเพื่อนมาค่ะ แม่เป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ดีเลย”“เย็นนี้ญาดาโทรมาหาแม่”“เหรอคะ แล้วญาดาว่ายังไงบ้างคะ”“ก็ถามเรื่องงานแล้วก็บอกว่าจะให้เงินเดือนแม่เพิ่ม”“เหรอคะ แล้วญาดาบอกไหมว่าจะให้เท่าไหร่”“แม่บอกน้องไปแล้วว่าไม่ต้องให้เพิ่มเพราะที่ให้มาก็มากพอแล้ว”“พอเหรอคะแม่ โอปอว่าน่าจะขอเพิ่มอีกสักหน่อย”“แค่นี้ก็รบกวนน้องมากแล้วนะโอปอ แม่เองก็พอมีเงินอยู่”“ญาดาไม่ได้ลำบากอะไรหรอกค่ะแม่ ตอนนี้ก็เพิ่งเข้าไปทำงานที่บริษัทใหม่เงินเดือนเยอะกว่าเดิมมาก”“ญาดาก็เล่าให้ฟังแล้วแต่แม่ก็อยากให้น้องเก็บเงินไว้บ้าง น้องยังต้องผ่อนคอนโดอีก แล้วโอปอล่ะลูกที่ทำงานใหม่เป็นยังไงบ้าง”“ก็ดีค่ะแม่ เงินเดือนเยอะขึ้นแต่ก็ต้องรับผิดชอบมากขึ้น วันเสาร์โอปอก็ต้องทำงานครึ่งวัน”“แล้วแบบนี้จะมีเวลาไปหาอาร์ทเหรอ”“ทำไมโอปอจะต้องไปหาเขาล่ะคะแม่ เขาต่างหากที่ต้องมาหาโอปอ นี่ก็หยุดยาวติดกันสามวันเขายังไม่มาเลย”“คุยกับเขาแล้วเหรอ”“เราคุยกันเมื่อตอนบ่ายค่ะ เขาว่าช่วง
ออกจากร้านอาหารแล้วภคชนท์ก็ไปนั่งดื่มที่ร้านของกษิเดชแต่เขาไม่ได้โทรนัดภูวริษออกมาเหมือนอย่างทุกครั้งเพราะวันนี้อยากนั่งดื่มคนเดียวและใช้ความคิดไปด้วย“ฉายเดี๋ยวเหรอวันนี้” กษิเดชเข้ามาทักทายรุ่นน้องที่เขาเห็นนั่งดื่มคนเดียวมาเกือบชั่วโมงแต่ก็ยังไม่เห็นเพื่อนสนิทของเขาอย่างหมอภูวริษมาด้วย“สวัสดีครับพี่เดช”“ดื่มคนเดียวเหงาไหมล่ะ”“ผมว่าผมเหงาจนชินแล้วล่ะครับ”“ไม่สบายใจเรื่องอะไร เล่าได้ไหม”“วันนี้ผมเจอโอปอ”“ใครกันโอปอ พี่พลาดอะไรไปหรือเปล่าเหมือนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยนะ” เขานั่งข้างๆ สายตามองรุ่นน้องที่นั่งหน้าเครียด“ผมก็เพิ่งได้ยินวันนี้แต่ถ้าบอกว่าผมเจอรวีพี่ก็คงร้องอ๋อ”“จริงเหรอ แล้วเป็นไงบ้างได้คุยกันหรือเปล่า นายจำเธอได้ไหม”“เธอเหมือนจะจำได้แต่ผมก็ปฏิเสธไปแล้ว ถ้าพี่เป็นเธอพี่จะเชื่อไหมล่ะ”“มันอยู่ที่ว่านายกับเธอรู้จักกันดีมากแค่ไหนก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าว่ากันตามจริงก็เชื่อยากนะเพราะนายเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งชื่อนามสกุลรวมถึงการศึกษา”“มันก็จริงนะ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ”“ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลย อีกอย่างเธอก็แต่งงานไปแล้ว”“เสียใจไหม”“ก็นิดหน่อย แต่ผมก็เผื่อใจ
ฉัตรญาดาขับรถมายังร้านอาหารที่เธอมักมารับประทานเวลาเลิกงานกับเจ้านายเพราะถามแพรพรรณแล้วว่าร้านนี้น่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะมีทั้งที่จอดรถและอาหารอร่อยหญิงสาวมาถึงร้านอาหารก่อนเวลาเล็กน้อยและพี่สาวของเธอก็ยังไม่มาถึงฉัตรญาดาเลือกนั่งโต๊ะติดกับประตูทางเข้าเพราะกลัวว่าพี่สาวจะมาแล้วมองไม่เห็นหรืออีกเหตุผลหนึ่งก็คือถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็จะได้หนีแบบง่ายๆพนักงานของร้านรีบเดินเข้ามารับออเดอร์ทันทีที่เห็นหญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้“รับอาหารเหมือนเดิมมั้ยคะ” พนักงานสาวทำด้วยความคุ้นเคยเพราะจำได้ว่าเธอคือผู้หญิงที่มารับประทานอาหารกับแขกประจำอย่างภคชนท์“ขอเมนูดีกว่าค่ะวันนี้ฉันมากับคนอื่น”“ได้ค่ะ”พนักงานหยิบเมนูอาหารมาให้หญิงสาวสั่งสเต๊กปลาสองที่และสั่งสลัดผัดกับสปาเกตตี้มาอีกอย่างละหนึ่งจาน เหตุผลเธอสั่งอาหารไว้รอเพราะคิดว่าเมื่อพี่สาวมาถึงก็จะได้รีบคุยธุระกันทันทีฉัตรญาดานั่งรอไม่นานนักพี่สาวของเธอก็เดินเข้ามาในร้านและเห็นเมื่อเห็นน้องสาวนั่งรออยู่ก็รีบตรงเข้ามาหาทันที“รอนานไหมญาดา โทษทีนะพี่ไม่คุ้นกับถนนเส้นนี้เลยขับมาแบบช้ามากๆ”“ไม่นานหรอกค่ะ ญาดาสั่งสลัดสเต๊กปลาแล้วก็สปาเกตตี้ให้แล้วนะคะ
“บอสเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ฉัตรญาดาสังเกตว่าวันนี้เจ้านายของเธอมีท่าทางแปลกตั้งแต่ขับรถออกจากบริษัท เขาดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา“เปล่านี่”“แน่นะคะ ญาดาว่าบอสเหมือนกำลังตื่นเต้นนะคะ งานนี้ไม่ใช่งานแรกที่บอสจะต้องไปสักหน่อย”“ผมบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะเดี๋ยวงานก็จะเริ่มแล้ว”การเปิดแผนกเสริมความงามแบบครบวงจรมีผู้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ภคชนท์มอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับแพทย์เจ้าของโรงพยาบาลและพูดคุยเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เข้าไปแสดงความยินดีบ้างชายหนุ่มเดินไปตามบูทต่างๆ เพื่อหวังว่าจะเห็นผู้หญิงที่ชื่อลดาภัสน์แต่เขาผ่านมาหลายบูทก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา“บอสจะกลับเลยไหมคะ” ฉัตรญาดาเห็นว่าแขกบางคนเมื่อแสดงความยินดีเสร็จแล้วก็ทยอยกลับเขาจึงชวนเจ้านายกลับ“ผมว่าจะเดินดูรอบๆ สักหน่อย ถ้าคุณเมื่อยก็ไปนั่งรอได้นะญาดา”“ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้สบายมา ญาดาว่าคนให้ความสนใจเยอะเหมือนกันนะคะ เขาจัดโปรโมชั่นได้น่าสนใจทีเดียว”“คุณอยากทำศัลยกรรมบ้างไหมล่ะ”“ไม่ค่ะ ญาดากลัวเข็ม”“กลัวเข็มแต่มาเป็นพยาบาลเนี่ยนะ”“ก็เราใช้เข็มกับคนอื่นนี่คะไม่ได้