Masuk“ผมอยากได้แบบหน้าใกล้ๆ กำลังจะจูบกัน แบบใกล้ชิดสุดๆเลย”
ปัณณธี ผู้จัดละครที่มารับหน้าที่แทนพี่สาวร้องสั่งเพื่อนรักของพี่สาวทั้งสองคนที่มารับบทเป็นพระเอกนางเอกของเรื่อง ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเข้าวงการมาพร้อมกันเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ยังไม่เคยโคจรมาเจอกันแบบจริงๆ จังๆ เสียที ก็คงไม่แปลกที่จะยังมีท่าทีประดักประเดิดต่อกันแบบนี้
แต่ด้วยสปิริตนักแสดงมืออาชีพ หนุ่มสาวที่แทบไม่เป็นตัวของตัวเองในอ้อมกอดของกันและกัน จึงค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะหยุดลงเมื่อคิดว่าระยะห่างขนาดนี้กำลังพอดี ซึ่งมันยังไม่เพียงพอสำหรับปัณณธีอยู่ดี
“อีกนิดนะครับพี่พัชร์ พี่พัชร์เอียงหน้าอีกนิด ครับ แบบนั้น ตามองต่ำครับ ส่วนพี่มิตาเผยอปากนิดนึงครับ ดีครับ ตากล้อง เอาเลย”
เสียงชัตเตอร์กดรัวๆ จากทุกทิศทุกทางเพราะต้องการเก็บภาพนี้ไปทำโปรโมตเรียกกระแสละคร ก่อนที่คู่พระนางจะแทบลืมหายใจเมื่อได้รับคำสั่งจากผู้จัดอีกครั้ง
“คราวนี้ผมขอเอาปากแตะกันเลยครับ”
คนตัวบางเกร็งตัวขึ้นทันทีแม้จะยังคงยืนให้เขากอดอยู่ในท่วงท่าเดิม แต่ไม่มีเหตุผลเลยที่เธอจะปฏิเสธคำสั่งของผู้จัดเพื่อความสมบูรณ์แบบของละคร จึงหลับตานิ่งๆ แล้วแต่ผู้ชายคนนั้นจะเป็นฝ่ายกระทำ
ธพัชร์หลุบตามองริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูสดที่เขาคิดถึงจับใจ ความนุ่มนิ่มหอมหวานและสัมผัสอบอุ่นรุ่มร้อนนั้นเขายังจำได้ไม่มีลืมเลือน แม้เขาจะเดินหน้ากับชีวิต มีคู่นอนคู่ควงมากลบทับร่องรอยของเธอบนร่างกายของเขาจนหมดแล้ว แต่ในหัวใจ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำได้เลย
ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเร็วๆ จากการกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาลอบถอนหายใจยาวลดความประหม่าแล้วค่อยๆ โน้มลงไปแตะริมฝีปากนุ่มนิ่มสั่นระริกนั้นอย่างแผ่วเบา
ทันทีที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสลงบนความนุ่มนิ่มของเธอ หัวใจของคนทั้งคู่ก็เต้นกระหน่ำแทบทะลุออกมานอกอกจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ เลือดในกายไหลวนวิ่งพล่านไปทุกส่วนจนร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง
เขาพยายามสะกดจิตตัวเอง ไม่ให้เผลอตัวขยับปากบดเบียดความนุ่มนิ่มนั้นให้สาสมกับความคิดถึง เพราะเจ้าของตัวจริงของเธอนั่งอยู่ตรงนั้น
กว่าที่วันอันหนักหน่วงต่อหัวใจของเธอจะหมดลง เล่นเอาแทบไม่มีแรงยืน มิตากลับคอนโดมิเนียมของตัวเองพร้อมกับคนรักหนุ่มที่นั่งรอเธอทำงานทั้งวันอย่างไม่มีบ่นสักคำ
“ขอผมขึ้นไปที่ห้องมิตาได้ไหมครับ”
แม้จะคบหากันมาถึงสองเดือนแล้ว แต่น้อยครั้งที่เธอจะยินยอมให้เขาขึ้นไปส่งเธอถึงบนห้อง เพราะทุกครั้งที่เขาได้มีโอกาสขึ้นไป เขาจะกอดจูบเธอและมีความต้องการตามประสาชายหนุ่มในแบบที่เธอไม่สามารถให้ได้ จึงตัดปัญหาด้วยการไม่ค่อยยอมให้เขาได้มีโอกาสขึ้นไปบนห้องเธอบ่อยนัก
“เอ่อ คือ..”
เขามองเธอด้วยแววตาผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่เธอเอ่ยออกมาแบบนี้ จะตามด้วยคำปฏิเสธและเหตุผลต่างๆ นานา ที่เขาไม่เข้าใจสักนิด แต่จำต้องทำตัวเข้าใจเพราะไม่อยากให้เธอต้องรู้สึกอึดอัดที่ยอมคบกับเขาเป็นแฟน
“ก็ได้ค่ะ แต่ไม่ค้างนะคะ”
“ครับ”
เสียงริมฝีปากบดเบียดผ่านความฉ่ำชื้นของน้ำลายดังอยู่ในห้องรับแขกของคอนโดมิเนียมสุดหรู เอกอนันต์ใช้สิทธิ์คนรักทันทีที่ประตูห้องปิดลงด้วยการกอดจูบคนรักสาวเพื่อลบเลือนสัมผัสของผู้ชายคนนั้น
เสียงหอบหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องใช้มือดันอกแกร่งเพื่อพยายามหยุดเขา แล้วเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากร้อนรุ่มที่พลาดเป้า จึงเปลี่ยนมากดจูบซุกไซ้ที่ซอกคอของเธอแทน
“คุณเอก หยุดค่ะ”
“มิตา ไม่ห้ามผมสักครั้งไม่ได้เหรอ ผมขอนะครับ เราเป็นแฟนกันนะมิตา”
“คุณเป็นแฟนกับมิตา เพราะแค่อยากนอนกับมิตาใช่ไหม”
ประโยคเด็ดที่เธอเอาไว้ใช้หยุดอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของเขา และมันก็ได้ผลในทุกครั้ง รวมถึงครั้งนี้ด้วย
“มิตา..”
“มิตายังไม่พร้อมค่ะ เราเพิ่งคบกัน”
คนตัวโตถอนหายใจยาวแต่ก็ยอมพยักหน้ารับรู้ในเหตุผลเดิมๆ เขาเข้าใจเธอนะ แม้จะไม่อยากเข้าใจก็ตาม เขารู้สึกว่าเขาชอบเธอมาก จนสามารถเรียกมันว่าความรักได้ เขาอยากอยู่กับเธอไปนานๆ เลยไม่อยากที่จะหักหาญน้ำใจของเธอด้วยการใช้กำลังบังคับให้เธอตกเป็นของเขา ทั้งที่ความจริงมันไม่ได้ยากเลยสักนิด
“ครับ ผมจะรอ”
“ขอบคุณที่คุณเอกเข้าใจมิตานะคะ วันนี้คุณกลับก่อนดีไหมคะ อยู่กับมิตาคุณอาจทรมาน”
ทั้งที่เธอก็รู้ว่าเขาทรมาน แต่เธอก็ไม่เคยยอมใจอ่อน และทั้งที่จริงแล้วเธอเองก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสีย เพราะพรหมจรรย์ก็ดันตกไปเป็นของเพื่อนรักเสียแล้ว แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงรู้สึกขยะแขยงเมื่อคิดภาพที่เขาจะขึ้นมาโยกขย่มอยู่บนกายเธอเพื่อลบเลือนร่องรอยของผู้ชายคนนั้น
“ขอผมนอนค้างที่นี่ได้ไหม ผมไม่ทำอะไรมิตาก็ได้ นะครับ”
“เอ่อ อย่าดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้มิตาต้องออกไปกองถ่ายตั้งแต่ตีสี่ ตอนนี้ก็เพลียมากแล้วด้วย อยากจะอาบน้ำนอนแล้วค่ะ เอาไว้เป็น..”
“คราวหน้า..ครับ ก็ได้”
คำปฏิเสธประจำที่เขาจำได้จนขึ้นใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวหน้าที่เธอว่าเสียที แล้วคืนนี้ อารมณ์ที่มันกำลังพลุ่งพล่านของเขาก็ต้องมีผู้หญิงชั่วคราวในความลับมาคอยดับให้อีกแล้ว
“พัชร์ มิตา ตั้งใจทำงานนะ เดี๋ยวพี่เสร็จธุระแล้วจะรีบตามไป”
ปิ่นยืนส่งดาราในสังกัดทั้งสองคนอยู่ที่ประตูรถตู้วีไอพีของนางเอกสาวที่มักจะเรียกใช้งานรถตู้พร้อมคนขับก็เฉพาะเวลาต้องยกกองไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัดหรือในช่วงที่ทำงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อนเท่านั้น ซึ่งวันนี้เป็นวันเปิดกล้อง สถานที่ถ่ายทำฉากแรกคือร้านอาหารในสวนชานเมือง และเพื่อความสะดวก ผู้จัดการดาราอย่างเธอจึงจัดแจงให้พระเอกนางเอกเดินทางไปกลับด้วยกันทุกวัน
ปกติถ้าเธอไม่มีงานสำคัญที่ไหน ก็จะสลับคิวตามไปดูแลดาราในสังกัดทั้งสองตลอดเวลา แต่วันนี้เธอกลับมีงานที่สำคัญกว่า เนื่องจากต้องพานางเอกน้องใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้ามาในสังกัดของเธอไปแคสละครฟอร์มยักษ์แห่งปี
เมื่อก่อนถ้าเธอมีงานสำคัญกว่าแทรกเข้ามา เธอก็จะปล่อยให้ดาราของตัวเองเดินทางไปกับรถตู้ส่วนตัว หรือบางทีธพัชร์จะชอบขับรถไปกลับเองเพราะรู้สึกมีอิสระมากกว่า ซึ่งเรื่องเล็กแค่นี้ไม่เคยทำให้เธอวุ่นวายเดือดเนื้อร้อนใจเหมือนคราวนี้เลยสักครั้งที่ต้องปล่อยให้คนสองคนที่เคยมีประเด็นร้อนแรงกัน และยังไม่ทันจะสามารถประสานรอยร้าวในความสัมพันธ์กันติดเดินทางไปด้วยกันสองต่อสองแบบนี้
“พี่ปิ่นคะ มิตากับพัชร์โตแล้วนะคะ อยู่ในวงการมาสิบปีแล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ทำอย่างกับเราสองคนเพิ่งเข้าวงการมาเมื่อวาน”
“เรื่องนั้นพี่ไม่เป็นห่วงหรอก แต่เรื่องเธอสองคน..”
“พี่ปิ่น มิตากับพัชร์ เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมค่ะ มีอะไรน่าห่วงที่ไหนกัน แล้วอย่าพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าคุณเอกเด็ดขาด เดี๋ยวคุณเอกจะไม่สบายใจ”
คนตัวโตที่นั่งอยู่ด้านข้างฝั่งติดกระจกรถเหลือบตามองเธอด้วยความไม่พอใจแวบหนึ่ง ก่อนจะเอนเบาะ หยิบหูฟังขึ้นครอบหูแล้วเปิดเพลงเสียงดัง ตั้งใจกลบเสียงหวานๆ ที่เอ่ยถึงผู้ชายคนอื่นหน้าตาเฉย
“พี่ปิ่น รีบไปเถอะครับ ผมจะสายแล้วนะ”
ด้วยความที่เปิดเพลงเสียงดัง ทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านในตัวรถเอ่ยเสียงดังกว่าที่ควร และมันดันไปรบกวนโสตประสาทของเพื่อนเคยรักที่ต้องการสมาธิในการนั่งเฉยๆ เพื่อคิดถึงแฟน
“โอ๊ย ไอ้พัชร์ ตะโกนมาได้ หูฉันจะหนวกแล้วนะ”
เธอหันหน้าไปแหวใส่เขาอย่างลืมตัว ก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มองเธอด้วยดวงตาคมกริบมีเสน่ห์ชวนใจสั่น แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขากำลังตั้งใจกวนประสาทเธออยู่
“อะไร”
เขาแค่นยิ้มแล้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ยิ่งกระตุ้นให้เธอหงุดหงิดเป็นเท่าตัว จึงดึงหูฟังของเขาออกแล้วตะโกนเข้าไปในหูของเขาแทน
“ตะโกนมาได้ หูหนวกหรือไง ถึงไม่ได้ยินเสียงตัวเองว่ามันดังขนาดไหน”
“เธอนั่นแหละ ตะโกนมาได้ หูหนวกหรือไงมิตา”
เขาใช้นิ้วปั่นเข้าไปในรูหู ดึงหูฟังออกแล้วปิดเพลง หมดอารมณ์จะฟังอะไรแล้ว เพราะเสียงแหลมๆ ของเธอมันเข้ามากระทบจนประสาทหูของเขาแทบพัง
“พอๆ หยุดทะเลาะกัน”
แม้จะเอ่ยห้าม แต่คนเป็นผู้จัดการส่วนตัวก็สบายใจขึ้นที่เห็นเด็กในสังกัดทั้งสองคนกลับมาพูดคุยด้วยท่าทีไม้เบื่อไม้เมาเหมือนเดิม
“ไปได้แล้วค่ะพี่ปิ่น เราทุกคนกำลังจะสาย แล้วก็ไม่ต้องตามไปนะคะ เสร็จธุระก็กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ พวกเราทำงานกันได้ค่ะ”
“โอเค งั้นพี่ไปก่อนนะ”
หนุ่มสาวที่กรำศึกสวาทมาทั้งคืนจนเช้า รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ปิ่นโทรมาแจ้งว่าอีกสองวันเขากับเธอต้องกลับไปถ่ายโฆษณาที่เลื่อนออกไปตอนที่เขาประสบอุบัติเหตุแล้ว จึงได้โอกาสย้ำเตือนอีกครั้งว่าอย่าเพิ่งรับงานละครให้กับมิตาทั้งคู่จึงอาบน้ำแล้วออกมากินอาหารมื้อแรกที่ร้านอาหารเจ้าประจำที่เขาและเธอรวมทั้งกลุ่มเพื่อนมักจะมาใช้บริการบ่อยๆ เพราะนอกจากอาหารอร่อย บรรยากาศดี เป็นส่วนตัว ที่นี่ยังมีขนมหวานและไอศกรีมแบบที่เธอชอบอีกด้วยธพัชร์มองคนตัวบางของเขาตักไอศกรีมรสหวานเข้าปาก ดวงตากลมโตเปล่งประกายราวกับมีความสุขเสียเต็มประดา เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ทำไมนะ ตอนนี้เธอถึงดูน่ารักกว่าตอนนั้นเป็นไหนๆ“ผมป้อน”เขาตักวิปครีมจนเกือบเต็มช้อนป้อนเธอ คนตัวบางที่ชอบกินวิปครีมเป็นชีวิตจิตใจอ้าปากรับแล้วยิ้มขอบคุณจนตาหยีวิปครีมที่เปื้อนอยู่ที่มุมปาก ทำเอาเขาหัวใจเต้นแรงจึงขยับลุกไปนั่งข้างเธอในทันทีเธอหันมามองเขาที่ทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างอย่างงงๆ แต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาร้อนแรง ทำให้ใบหน้านั้นหล่อเหลาขึ้นอีกเท่าตัวจนเธอใจสั่น“มีอะไรเหรอ”“มิตาอ่อยผมเหรอ”เธอเลิกคิ้วสูง ไม่เข้าใจว่าเธอไปอ่อยอ
ธพัชร์กดปิดทีวีทันทีที่ดูสายไหมแถลงข่าวจบ เขากระชับอ้อมกอดคนตัวบางที่นอนซบอยู่แนบอกให้แน่นขึ้นแล้วประทับจูบบนหน้าผากมนเบาๆ“เรื่องยุ่งๆ จบลงแล้วนะมิตา”เธอเงยหน้าแล้วยืดตัวขึ้นจูบมุมปากของเขาเร็วๆ คนที่โดนขโมยจูบอมยิ้มแล้วโน้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากลงบนความนุ่มนิ่มสีชมพูหวานของเธอแรงบดจูบเพิ่มขึ้นตามความรู้สึกที่มันอัดอยู่ในใจจนล้นปรี่ ลิ้นร้อนค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปเกี่ยวพันหยอกล้อลิ้นเล็ก ทั้งยังออกแรงดูดปลายลิ้นของเธอเบาๆ จนคนตัวบางร้องครางโหยในลำคอมือใหญ่บีบขยำดอกบัวตูมของเธอแรงๆ ทั้งยังแหวกสาปเสื้อเข้าไปสะกิดปลายยอดที่แข็งตั้งเป็นไต ตั้งใจหลอกล่อให้เธอหลงมัวเมาไปกับมนตร์สะกดของเขา“พัชร์ ไม่เอา”“หืม ทำไมล่ะ ผมคิดถึงมิตานะ”คนตัวโตที่ไม่ได้ลิ้มรสรักกับคนตัวบางตรงหน้ามาร่วมเดือนเพราะอาการเจ็บป่วยทางกาย แต่จิตใจที่พร้อมเต็มที่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้เธออีกต่อไปแล้ว“พัชร์ยังไม่หาย”“ผมหายตั้งนานแล้วมิตา ถ้าวันนี้มิตาไม่ให้ผมทำ ผมคงตายจริงแน่ๆ”เขาใช้มือรูดกางเกงขาสั้นเอวยางยืดและกางเกงชั้นในผ้าลูกไม้สีดำของเธอลงไปกองที่สะโพก แล้วใช้เท้าถีบมันลงไปจนสุดปลายเท้า มือร้ายข้างนั้นกรีดไล้ไปตามรอยแ
แม้จะหมดเวลาเยี่ยมไปแล้ว แต่นางเอกสาวก็แอบย่องเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยอย่างเงียบเชียบ เธอเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงในขณะที่คนเฝ้าไข้อย่างผู้จัดการส่วนตัวก็ลุกออกจากห้องไปให้คนทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังมิตาจับมือใหญ่ขึ้นมาแนบแก้มของตัวเอง เธอใช้ใบหน้าถูไถที่ฝ่ามือของเขาแล้วกดจูบตรงกลางฝ่ามืออย่างขอลุแก่โทษ“พัชร์ มิตาขอโทษ ขอโทษที่ไม่เชื่อพัชร์เลย”“มิตา..”คนที่กำลังสะลึมสะลือเหมือนอยู่ในห้วงฝันลืมตาขึ้นมองเงาตะคุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยทำให้เขามั่นใจ ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้คือมิตาของเขามิตาตกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย จึงลุกขึ้นหนีเขาในทันที แต่มือใหญ่กลับจับมือเธอเอาไว้แน่น แล้วออกแรงดึงจนเธอเซถลาขึ้นมาทับตัวเขา แม้จะเจ็บจนต้องสูดปาก แต่ก็เป็นการยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ใช่ความฝัน“ซี้ด..”“เจ็บเหรอพัชร์ ปล่อยก่อน มิตาจะไปตามหมอ”“ผมไม่เป็นไร มิตาอย่าไปนะ อยู่กับผมก่อน”“ปล่อยมิตาก่อนพัชร์ มิตานอนทับพัชร์อยู่นะ”“ถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานอนกับผมสิครับ”ไม่รู้อะไรดล
“มิตา..”คนที่สลบไปหลายวันรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงสายของวันถัดมา ริมฝีปากพึมพำเรียกชื่อคนที่อยู่ในหัวใจทั้งที่เปลือกตายังหนักอึ้ง ไม่สามารถลืมขึ้นได้“มิตา”ในที่สุด เขาก็ฝืนลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือเพดานสีขาวและห้องพักคนไข้ขนาดใหญ่ของโรงพยาบาลที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน แต่น่าแปลกที่สัมผัสอบอุ่นบนฝ่ามือยังคงอยู่ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมที่เธอใช้ประจำยังไม่จางหายไปไหน“พัชร์ ตื่นแล้วเหรอ”เขาหันไปทางต้นเสียง แต่กลับต้องผิดหวังเมื่อคนที่เรียกเขาไม่ใช่เธอคนนั้น แต่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขานี่เอง“พี่ปิ่น มิตาล่ะ”นี่คือคำพูดแรกของคนที่เพิ่งได้สติ ไม่ต่างจากเมื่อวานที่พอเขาฟื้นขึ้นมา ก็ถามหาเธอก่อนที่จะตอบคำถามต่างๆ ของหมอด้วยซ้ำ“เอ่อ มิตา..ไม่ได้มา”ผู้จัดการส่วนตัวต้องโกหกคำโตตามความต้องการของดาราสาว ทั้งที่มิตามานั่งเฝ้าเขาตั้งแต่เช้า ทั้งยังกุมมือไม่ยอมปล่อย เพิ่งจะหนีออกจากห้องไปเมื่อเขาหลุดเรียกชื่อเธอครั้งแรกก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาเท่านั้น“ไม่จริง มิตาต้องมาหาผมสิ กลิ่นน้ำหอมของมิตายังอยู่ในห้องนี้อยู่เลย”คนป่วยทำหน้าผิดหวัง เขามองไปรอบห้องอีกครั้งก็พบเพียงความว่างเปล่า สงสัยว่าเขา
เกือบสัปดาห์ที่ธพัชร์นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องไอซียู เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ต่อเธอเลย แม้ว่าทุกครั้งที่เธอได้เข้าเยี่ยม เธอจะพยายามขอร้องอ้อนวอนให้เขากลับมาหาเธอเสมอ มีเพียงสัญญาณชีพที่ยังคงเต้นอยู่เท่านั้นที่ทำให้เธอรู้ว่าเขายังไม่จากเธอไปไหนมิตากวาดตามองใบหน้าที่รอยบวมช้ำจางลงแล้ว แผลที่แขนขาบางจุดก็เริ่มตกสะเก็ด เธอกุมมือใหญ่ของเขาไว้แน่น แล้วพูดกับเขาด้วยถ้อยคำเดิมๆ“พัชร์ ตื่นเถอะ กลับมาหามิตาได้ไหม มิตามารอพัชร์ทุกวันเลยนะ ขอร้อง อย่าทิ้งมิตาไปเลยนะ มิตาอยู่ไม่ได้ถ้าพัชร์จากมิตาไปแบบนี้”เรื่องอาการเป็นตายเท่ากันของเขาหลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ได้กลบข่าวเสียหายทั้งของเขาและเธอในช่วงนี้ไปเสียหมด ทุกคนต่างส่งกำลังใจให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อน แม้ในตอนนี้ทั้งเธอและสายไหม ยังไม่มีใครออกไปพูดอะไรกับนักข่าวทั้งนั้นน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าของเธอ ไหลหยดลงบนมือของเขาเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ นิ้วมือที่เคยนิ่งสนิทของเขากลับขยับช้าๆ ก่อนจะกระตุกแรงขึ้นจนเธอรู้สึกได้“พัชร์ พัชร์ฟื้นแล้ว”หมอและพยาบาลเข้ามาดูอาการของเขาพร้อมทั้งข่าวดี ว่าเขารู้สึกตัวแล้ว แม้จะยังเบลอจากการกระทบกระเทือนอย่างหนัก แล
เมื่อหมดเวลาเยี่ยม เธอจึงเดินออกมาจากห้องนั้น ก็พอดีกับเพื่อนรักทั้งสองคนที่เดินเร็วๆ มาสวมกอดเธอเอาไว้แน่นๆ ความกดดันในหัวใจทำให้เธอร้องไห้โฮเสียงดังอย่างไม่อายใครอีกแล้ว“มิตา ใจเย็นๆ พัชร์ต้องหาย พี่น่านไม่มีทางปล่อยให้พัชร์เป็นอะไรไปแน่นอน”ปุณณดาที่มาถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอโทรหาทันทีที่ยื้อชีวิตของเขาเอาไว้ได้หลังจากที่เขาหัวใจหยุดเต้นไปแล้วเมื่อมาถึงโรงพยาบาล“แกต้องเข้มแข็งนะ คนอย่างพัชร์มันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก มันต้องตื่นขึ้นมาให้แกด่ามันอีกนาน”วาโย ทิ้งงานจัดสถานที่ของงานเปิดตัวรีสอร์ตแห่งใหม่ให้ลูกน้องดูแลแทน แล้วบึ่งรถมาจากต่างจังหวัดทันทีที่รู้เรื่อง“ฉันกลัว..”“แกไม่ต้องกลัว ไอ้พัชร์มันยังต้องการกำลังใจจากแกนะ เข้มแข็งเพื่อมันได้ไหม”วาโย กอดเพื่อนรักแน่นขึ้นอีกนิด ปกติมิตาเป็นคนเข็มแข็ง เด็ดเดี่ยว ไม่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ แต่ดวงตาบวมช้ำจากการร้องไห้มาอย่างหนัก และแววตาแสนเศร้านั้นทำเอาเพื่อนอย่างพวกเธอใจคอไม่ดี“ช่วงนี้แกมาอยู่กับฉันก่อนไหมมิตา”ปุณณดาชวนเพื่อนรักให้มาอยู่ด้วยกัน เพราะไม่อยากให้ไปนอนจมกับความทุกข์อย่างโดดเดี่ยวใน







