Se connecter"คำพูด..ไม่เคลิ้ม แต่การกระทำของฉัน ทำเธอเคลิ้มตลอดนะ..เยิ้มด้วย" ********************** ตัวอย่าง คนตัวโตที่นุ่งผ้าเช็ดตัวอย่างหมิ่นเหม่ มีหยดน้ำเกาะพราว ออกจากห้องน้ำอย่างเงียบเชียบ แล้วมายืนอยู่ด้านหลังของเธอที่กำลังเปิดลิ้นชักกางเกงชั้นใน เขาขยับเข้าใกล้กักเธอเอาไว้ด้วยสองแขนที่ยื่นเข้าไปแย่งกางเกงในตัวเดียวกันกับที่เธอจับอยู่ ความใกล้ชิดทำให้เธอได้กลิ่นหอมของแชมพูและครีมอาบน้ำที่เขาใช้ประจำ ไหนจะลมร้อนๆ ที่ยังคงหลงเหลือกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ชวนให้หัวใจดวงน้อยสั่นสะท้าน "ไอ้พัชร์ แกทำอะไร" "ก็จะใส่กางเกงในไง" "มีเต็มลิ้นชัก แกจะมาแย่งตัวที่ฉันถืออยู่ทำไม ปล่อย จะพับใส่กระเป๋าให้ จะได้รีบเดินทางกันซะที เมาเหมือนหมา ทำคนอื่นตกเครื่องแล้วยังจะมาเรื่องมากอีกนะ" คนตัวบางไม่ยอมแพ้ ยื้อยุดสิ่งที่อยู่ในมือ ไม่ยอมให้คนกวนประสาทแย่งไปได้
Voir plusรองเท้าส้นสูงแบรนด์เนมไฮเอนด์สีแดงสดกระทบพื้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวนักแสดงของบริษัทผลิตละครที่คุ้นเคย ก่อนชะงักจังหวะไปเล็กน้อยเมื่อเจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองสบประสานสายตากับคนมาก่อนที่กำลังนั่งทำผมอยู่หน้ากระจก ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าได้ความบริสุทธิ์ของเธอไป มองเธอนิ่งๆ ไร้ซึ่งความรู้สึกผ่านกระจกเงาบานโต
ดวงตากลมโตวูบไหวเพียงครู่ ก่อนกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยไม่ทันมีใครสังเกตเห็น
ตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาสัญญาว่าจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอและคนรักของเธออีก เธอกับเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ไม่เคยคิดเลยว่าเวลาผ่านไปร่วมสองเดือนที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเองตามแบบที่ควรจะเป็น มันไม่ได้ทำให้เธอลืมค่ำคืนร้อนแรงระหว่างเขากับเธอไปได้เลยแม้แต่น้อย
ความจริงก็ไม่ต่างจากเขา ดาราหนุ่มรูปหล่อขบกรามแน่น พยายามบังคับลมหายใจให้เป็นปกติ ทั้งที่หัวใจดวงโตเต้นกระหน่ำรัว ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่เมื่อเห็นหน้าของอดีตเพื่อนรักที่เขาพรากพรหมจรรย์ไปจากเธออย่างหน้าด้านๆ อีกครั้ง กลับไม่สามารถควบคุมสมองที่มันเอาแต่คิดภาพความสุขระหว่างเธอกับเขาไปได้เลย
หนุ่มสาวเอาแต่จ้องมองกันผ่านกระจกเงา ทำให้เกิดความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอกับเขาซึ่งเป็นคนเดียวกันเห็นท่าไม่ดี จึงเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบออกมาก่อนใคร
“ว้าว นางเอกของเรามาแล้วค่ะ ช่างหน้าช่างผมพร้อมนะ”
ปิ่น กุลีกุจอจัดที่นั่งให้ดาราสาว พร้อมทั้งช่วยช่างแต่งหน้าจัดเรียงอุปกรณ์จนครบเซต ทั้งที่ปกติไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องแบบนี้เลยสักครั้ง
“สวัสดีค่ะพี่ๆ ขอโทษนะคะที่วันนี้มิตามาสาย”
มิตา นางเอกสาวลูกรักของช่อง ยกมือไหว้ทักทายทีมงาน พร้อมทั้งเอ่ยขอโทษที่วันนี้ตัวเองเดินทางมาถึงกองถ่ายสาย ทั้งที่เช้านี้มีพิธีบวงสรวงแล้วตามด้วยการฟิตติ้งเสื้อผ้าและถ่ายรูปสำหรับทำการโปรโมตละครกันทันที ก่อนที่พรุ่งนี้จะเริ่มเปิดกล้องอย่างเร่งด่วนแทบไม่มีวันพัก เพราะโปรเจคนี้ผู้ใหญ่ทางช่องเร่งมาเป็นกรณีพิเศษ
“ไม่เป็นไรค่ะน้องมิตา พี่นีออนเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เรามาเริ่มแต่งหน้ากันดีกว่านะคะ อีกไม่ถึงชั่วโมงพิธีก็จะเริ่มแล้วค่ะ”
ดาราสาวพยักหน้า ก่อนเหลือบสายตาไปสบกับผู้ชายที่นั่งมองหน้าเธอนิ่งๆ อยู่ที่เก้าอี้ตัวข้างกัน ทั้งที่เขาแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว
“เอ่อ พัชร์ ไม่เจอกันนาน แกสบายดีนะ”
แม้ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนเดิม แต่ถ้าหากเธอไม่เอ่ยทักทายให้เหมือนปกติ คงไม่พ้นตกเป็นประเด็นต้องสงสัยให้ดวงตานับสิบคู่ในกองถ่ายที่คอยสอดส่องหาข่าวดาราได้เอาไปซุบซิบนินทากันสนุกปาก
“สบายดี เธอล่ะ”
แม้เขาจะเรียกเธอแตกต่างไปจากเดิมตั้งแต่คืนนั้น แต่ก็ยังดีที่เขายังดูปกติเหมือนเดิม ราวกับไม่เคยมีเรื่องราวผิดพลาดของเธอกับเขาเกิดขึ้นมาก่อน
วันนี้เขาคงคิดได้และเดินหน้าต่อกับชีวิตอิสระของดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์แล้ว คงมีแต่เธอ ที่ยังคงคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นในทุกค่ำคืน กว่าจะข่มตานอนหลับลงไปได้ช่างยากเย็นเหลือเกิน
“อืม สบายดี”
“ตาย เด็กๆ อย่าเพิ่งเม้ามอย มิตามาแต่งหน้าก่อน มีเวลาเม้ากันอีกหลายเดือน พัชร์ นายแต่งหน้าเสร็จแล้วก็ไปใส่เสื้อผ้าสิ แล้วมานั่งรอที่นี่แหละ เดี๋ยวคุณแป้งก็คงจะมาแล้ว”
“ครับ พี่ปิ่น”
ธพัชร์ พระเอกรูปหล่อคิวทองเดินออกไปแล้ว ปิ่นจึงลอบสบตาให้กำลังใจดาราสาวที่ตนรักราวกับน้องสาวแท้ๆ ผ่านกระจกเงาโดยไม่ต้องพูดจาก็สื่อสารกันเข้าใจ
หลังจากพิธีบวงสรวงและการสัมภาษณ์ทีมดารา ผู้กำกับและผู้จัดผ่านพ้นไป แสงแฟลชก็สว่างวูบวาบพร้อมเกิดเสียงเซ็งแซ่ของกองทัพนักข่าว เมื่อนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อผู้ซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจตัวจริงของนางเอกสาวที่เพิ่งเปิดตัวคบหากันในฐานะแฟนได้เพียงสองเดือน หอบดอกกุหลาบสีขาวช่อโตมาให้กำลังใจคนรักถึงที่
“ผมเป็นกำลังใจให้นะครับมิตา”
“ขอบคุณมากค่ะ คุณเอก โดดงานมาหามิตาอีกแล้วนะคะ”
นางเอกสาวรับกุหลาบช่อโตจากผู้ชายที่เพอร์เฟคที่สุดมากอดแนบอก แล้วสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้สีโปรดท่ามกลางเสียวโห่แซวของกองทัพนักข่าวที่ได้โอกาสขอถ่ายรูปคู่และขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับความรักของคนทั้งคู่เสียเลย
มิตาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลำแขนแกร่งของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าแฟนโอบกอดรอบเอว เธอเงยหน้ามองเขา ก่อนค่อยๆ ฉีกยิ้มกว้างเพื่อถ่ายรูปคู่
แม้ว่าเธอกับเขาจะกอดจูบกันมาหลายครั้งตามประสาคนรัก แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะยอมให้เขาทำอะไรเธอมากไปกว่านี้ ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่เขาเองก็อดทนรอคอยเธอได้โดยไม่มีท่าทีหัวเสียอย่างที่เธอกังวล เธอกับเขาจึงคบกันในฐานะคนรักด้วยความสบายใจจนครบสองเดือนแล้ว
หลังจากถ่ายรูปคู่กับแฟนหนุ่ม เธอก็ขอตัวไปทำงานด้วยเวลาที่จำกัดจึงใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องให้สัมภาษณ์เรื่องความรักของเธอต่อหน้านักข่าว และต่อหน้าเขา อดีตเพื่อนรักของเธอที่ยังคงยืนมองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ราวกับท่าทีจะเป็นจะตายในครานั้นที่เธอปฏิเสธความรับผิดชอบจากเขา มันเป็นเพียงแค่การแสดงของดาราระดับรางวัลตุ๊กตาทองเท่านั้น
การฟิตติ้งเสื้อผ้าและถ่ายรูปเพื่อทำการโปรโมตละครอย่างเร่งรีบแข่งกับเวลาเกิดขึ้นทันทีโดยปิ่นมีหน้าที่ดูแลคนรักของดาราสาวในสังกัด ที่ตอนนี้กำลังนั่งคุยกับปุณณดา ผู้จัดละครที่คราแรกผู้ใหญ่ไว้ใจโยนโปรเจคสำคัญมาให้ทำ
“ผมก็นึกว่าคุณแป้งเป็นผู้จัดเรื่องนี้เสียอีก เป็นน้องชายคุณแป้งเองหรอกหรือครับ”
“ค่ะคุณเอก ตอนแรกแป้งจะเป็นคนทำเอง แต่พอดีแป้งท้องซะก่อน นับเดือนแล้วน่าจะคลอดก่อนละครถ่ายจบ น่าจะไม่ไหวค่ะ เลยต้องยกโปรเจคนี้ให้เจ้าปัณณ์ดูแลแทน”
“คุณปัณณ์เก่งนะครับ ได้ข่าวว่าอยากจะกำกับละครเองด้วยนี่ครับ”
“ค่ะ จบเรื่องนี้เขาจะขอเป็นผู้กำกับด้วย ตามที่เขาเรียนมานั่นแหละค่ะ ปัณณ์ชอบงานกำกับมากกว่า”
“ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ผมว่าต้องออกมาดีแน่ๆ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณเอกที่ให้กำลังใจ แล้วคุณเอกกับมิตาเป็นยังไงบ้างคะ ช่วงนี้แป้งไม่ค่อยได้คุยกับมิตาเท่าไหร่ กวินแพ้ท้องแทนแป้งหนักมาก แทบไม่ได้หลับได้นอนเลยค่ะ”
“ก็ดีครับ มิตาไม่ค่อยมีเวลาให้ผมเท่าไหร่ รับงานหนักจังเลยนะครับ ไม่รู้ว่าจะใจอ่อนยอมแต่งงานกับผมเมื่อไหร่ ไม่อยากให้ทำงานหนักแบบนี้แล้วครับ”
ปุณณดาเบิกตาโต ที่ได้ยินคนรักของเพื่อนที่เป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ มีคู่ควงเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดจนแทบจะเหมาทั้งวงการบันเทิงเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงาน ทั้งที่เพิ่งคบกันได้เพียงสองเดือนเท่านั้น
“หึหึ คุณแป้งไม่เชื่อหรือครับ ว่าผมอยากแต่งงานกับมิตา”
“ก็แหม คุณเอกดูไม่น่าจะอยากหยุดที่ใครง่ายๆ นี่คะ”
“ผู้ชายตอนที่ยังไม่เจอคนที่ใช่ ก็ไม่มีใครทำให้หยุดได้ง่ายๆ หรอกครับ เป็นเหมือนกันทุกคนนั่นแหละ แต่คุณแป้งวางใจได้ ผมคิดว่ามิตาคือผู้หญิงที่ใช่แล้วครับ”
“แป้งดีใจด้วยค่ะ ให้เวลามิตาหน่อยนะคะ รายนั้นแทบไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้หรอก แต่ถ้าคุณเอกรอได้ ยัยมิตาหนีไปไหนไม่รอดหรอกค่ะ”
“ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะครับคุณแป้ง”
เอกอนันต์ หันไปมองยังผู้หญิงที่เขาคิดว่าใช่ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก สองเดือนที่ผ่านมา ใช่ว่าเขาจะดูเธอไม่ออกว่าเธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาเกินจากคำว่าเพื่อนเลยแม้แต่น้อย แต่เธอกลับเลือกที่จะคบกับเขาเป็นแฟน
ตอนแรกเขาไม่ใส่ใจ เพราะคิดว่าผู้หญิงทุกคนก็ต้องเลือกผู้ชายเพอร์เฟคอย่างเขาเป็นคู่ครองทั้งนั้น ในตอนนั้นไม่ว่าหัวใจของเธอจะมีใคร หรือจะไม่มีเขาอยู่ในนั้นเลยก็ตาม ถ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว อย่างไรเธอก็ต้องรักและผูกพันกับเขา
แต่ที่ไหนได้ นอกจากกอดกับจูบ เธอไม่ยอมให้เขาทำอะไรกับร่างกายของเธออีกเลยแม้แต่อย่างเดียว แถมทุกครั้งที่เธอกอดจูบกับเขา แม้จะลึกซึ้งฉ่ำหวานเพียงไหน เขากลับไม่เคยสัมผัสได้ถึงความสุขของเธอแม้แต่น้อย
และที่เขามาปรากฏตัวในวันนี้ เพราะเธอกำลังจะกลับมาใกล้ชิดกับผู้ชายคนนั้น คนที่มันต่อยหน้าเขาด้วยความหึงหวง คนที่อยู่ในสถานะเพื่อนของเธอมาสิบกว่าปี และเป็นคนที่เธอยอมมีอะไรลึกซึ้งด้วย..ต่างจากเขาเหลือเกิน
บอกตามตรงว่าเขาไม่วางใจ น้ำมันใกล้ไฟอะไรก็เกิดขึ้นได้ และสายตาของเธอที่มองผู้ชายคนนั้นมันเป็นคำตอบให้เขาหมดแล้ว
หนุ่มสาวที่กรำศึกสวาทมาทั้งคืนจนเช้า รู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ปิ่นโทรมาแจ้งว่าอีกสองวันเขากับเธอต้องกลับไปถ่ายโฆษณาที่เลื่อนออกไปตอนที่เขาประสบอุบัติเหตุแล้ว จึงได้โอกาสย้ำเตือนอีกครั้งว่าอย่าเพิ่งรับงานละครให้กับมิตาทั้งคู่จึงอาบน้ำแล้วออกมากินอาหารมื้อแรกที่ร้านอาหารเจ้าประจำที่เขาและเธอรวมทั้งกลุ่มเพื่อนมักจะมาใช้บริการบ่อยๆ เพราะนอกจากอาหารอร่อย บรรยากาศดี เป็นส่วนตัว ที่นี่ยังมีขนมหวานและไอศกรีมแบบที่เธอชอบอีกด้วยธพัชร์มองคนตัวบางของเขาตักไอศกรีมรสหวานเข้าปาก ดวงตากลมโตเปล่งประกายราวกับมีความสุขเสียเต็มประดา เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ทำไมนะ ตอนนี้เธอถึงดูน่ารักกว่าตอนนั้นเป็นไหนๆ“ผมป้อน”เขาตักวิปครีมจนเกือบเต็มช้อนป้อนเธอ คนตัวบางที่ชอบกินวิปครีมเป็นชีวิตจิตใจอ้าปากรับแล้วยิ้มขอบคุณจนตาหยีวิปครีมที่เปื้อนอยู่ที่มุมปาก ทำเอาเขาหัวใจเต้นแรงจึงขยับลุกไปนั่งข้างเธอในทันทีเธอหันมามองเขาที่ทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างอย่างงงๆ แต่เขากลับมองเธอด้วยสายตาร้อนแรง ทำให้ใบหน้านั้นหล่อเหลาขึ้นอีกเท่าตัวจนเธอใจสั่น“มีอะไรเหรอ”“มิตาอ่อยผมเหรอ”เธอเลิกคิ้วสูง ไม่เข้าใจว่าเธอไปอ่อยอ
ธพัชร์กดปิดทีวีทันทีที่ดูสายไหมแถลงข่าวจบ เขากระชับอ้อมกอดคนตัวบางที่นอนซบอยู่แนบอกให้แน่นขึ้นแล้วประทับจูบบนหน้าผากมนเบาๆ“เรื่องยุ่งๆ จบลงแล้วนะมิตา”เธอเงยหน้าแล้วยืดตัวขึ้นจูบมุมปากของเขาเร็วๆ คนที่โดนขโมยจูบอมยิ้มแล้วโน้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากลงบนความนุ่มนิ่มสีชมพูหวานของเธอแรงบดจูบเพิ่มขึ้นตามความรู้สึกที่มันอัดอยู่ในใจจนล้นปรี่ ลิ้นร้อนค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปเกี่ยวพันหยอกล้อลิ้นเล็ก ทั้งยังออกแรงดูดปลายลิ้นของเธอเบาๆ จนคนตัวบางร้องครางโหยในลำคอมือใหญ่บีบขยำดอกบัวตูมของเธอแรงๆ ทั้งยังแหวกสาปเสื้อเข้าไปสะกิดปลายยอดที่แข็งตั้งเป็นไต ตั้งใจหลอกล่อให้เธอหลงมัวเมาไปกับมนตร์สะกดของเขา“พัชร์ ไม่เอา”“หืม ทำไมล่ะ ผมคิดถึงมิตานะ”คนตัวโตที่ไม่ได้ลิ้มรสรักกับคนตัวบางตรงหน้ามาร่วมเดือนเพราะอาการเจ็บป่วยทางกาย แต่จิตใจที่พร้อมเต็มที่จะไม่ยอมอ่อนข้อให้เธออีกต่อไปแล้ว“พัชร์ยังไม่หาย”“ผมหายตั้งนานแล้วมิตา ถ้าวันนี้มิตาไม่ให้ผมทำ ผมคงตายจริงแน่ๆ”เขาใช้มือรูดกางเกงขาสั้นเอวยางยืดและกางเกงชั้นในผ้าลูกไม้สีดำของเธอลงไปกองที่สะโพก แล้วใช้เท้าถีบมันลงไปจนสุดปลายเท้า มือร้ายข้างนั้นกรีดไล้ไปตามรอยแ
แม้จะหมดเวลาเยี่ยมไปแล้ว แต่นางเอกสาวก็แอบย่องเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยอย่างเงียบเชียบ เธอเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างเตียงในขณะที่คนเฝ้าไข้อย่างผู้จัดการส่วนตัวก็ลุกออกจากห้องไปให้คนทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังมิตาจับมือใหญ่ขึ้นมาแนบแก้มของตัวเอง เธอใช้ใบหน้าถูไถที่ฝ่ามือของเขาแล้วกดจูบตรงกลางฝ่ามืออย่างขอลุแก่โทษ“พัชร์ มิตาขอโทษ ขอโทษที่ไม่เชื่อพัชร์เลย”“มิตา..”คนที่กำลังสะลึมสะลือเหมือนอยู่ในห้วงฝันลืมตาขึ้นมองเงาตะคุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยทำให้เขามั่นใจ ว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนี้คือมิตาของเขามิตาตกใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย จึงลุกขึ้นหนีเขาในทันที แต่มือใหญ่กลับจับมือเธอเอาไว้แน่น แล้วออกแรงดึงจนเธอเซถลาขึ้นมาทับตัวเขา แม้จะเจ็บจนต้องสูดปาก แต่ก็เป็นการยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ใช่ความฝัน“ซี้ด..”“เจ็บเหรอพัชร์ ปล่อยก่อน มิตาจะไปตามหมอ”“ผมไม่เป็นไร มิตาอย่าไปนะ อยู่กับผมก่อน”“ปล่อยมิตาก่อนพัชร์ มิตานอนทับพัชร์อยู่นะ”“ถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานอนกับผมสิครับ”ไม่รู้อะไรดล
“มิตา..”คนที่สลบไปหลายวันรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงสายของวันถัดมา ริมฝีปากพึมพำเรียกชื่อคนที่อยู่ในหัวใจทั้งที่เปลือกตายังหนักอึ้ง ไม่สามารถลืมขึ้นได้“มิตา”ในที่สุด เขาก็ฝืนลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นคือเพดานสีขาวและห้องพักคนไข้ขนาดใหญ่ของโรงพยาบาลที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน แต่น่าแปลกที่สัมผัสอบอุ่นบนฝ่ามือยังคงอยู่ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมที่เธอใช้ประจำยังไม่จางหายไปไหน“พัชร์ ตื่นแล้วเหรอ”เขาหันไปทางต้นเสียง แต่กลับต้องผิดหวังเมื่อคนที่เรียกเขาไม่ใช่เธอคนนั้น แต่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขานี่เอง“พี่ปิ่น มิตาล่ะ”นี่คือคำพูดแรกของคนที่เพิ่งได้สติ ไม่ต่างจากเมื่อวานที่พอเขาฟื้นขึ้นมา ก็ถามหาเธอก่อนที่จะตอบคำถามต่างๆ ของหมอด้วยซ้ำ“เอ่อ มิตา..ไม่ได้มา”ผู้จัดการส่วนตัวต้องโกหกคำโตตามความต้องการของดาราสาว ทั้งที่มิตามานั่งเฝ้าเขาตั้งแต่เช้า ทั้งยังกุมมือไม่ยอมปล่อย เพิ่งจะหนีออกจากห้องไปเมื่อเขาหลุดเรียกชื่อเธอครั้งแรกก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาเท่านั้น“ไม่จริง มิตาต้องมาหาผมสิ กลิ่นน้ำหอมของมิตายังอยู่ในห้องนี้อยู่เลย”คนป่วยทำหน้าผิดหวัง เขามองไปรอบห้องอีกครั้งก็พบเพียงความว่างเปล่า สงสัยว่าเขา





