ประตูรถตู้ปิดลงก่อนจะค่อยๆ ออกตัวไป ดาราสาวจึงขยับตัวลุกขึ้นจะไปนั่งที่เบาะด้านหลัง เหตุที่ไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรกเพราะกลัวว่าผู้จัดการส่วนตัวจะกังวลจนไม่เป็นอันทำงานในเรื่องปัญหาของเธอกับเขาที่ยังคงรู้สึกประดักประเดิดเล็กน้อยเวลาเจอกันเพราะมันไม่สามารถต่อกันติดแบบเดิมได้
คนตัวโตแค่นยิ้มหยันกับการแสดงของดารามืออาชีพเมื่อครู่ เขารู้ว่าที่เธอแสดงออกมาให้เหมือนว่าเขากับเธอกลับไปเป็นเหมือนเดิมกันแล้ว มันเป็น Acting ล้วนๆ ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เสียหน่อย
“จะไปไหน”
เขาดึงข้อมือเธอให้ลงมานั่งที่เดิม แต่รถที่กำลังแซง ส่งผลให้ร่างบางที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เซถลาลงไปนั่งบนตักของเขาอย่างหมดท่า
หนุ่มสาวชะงักไปก่อนจะหันมามองหน้ากัน เธอที่ได้สติก่อนพยายามจะลุกขึ้นแต่เขากลับกอดเอวเธอเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม
“ปล่อยนะพัชร์”
แม้รถตู้หรูหราคันนี้จะถูกต่อเติมโดยการมีผนังกั้นโซนคนขับและโซนโดยสารให้แยกจากกันอย่างสิ้นเชิง มีเพียงหน้าต่างบานเล็กที่ยังปิดสนิทแน่นอยู่ ทำให้เสียงของเธอกับเขาไม่สามารถเล็ดลอดไปในโซนคนขับด้านหน้าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงพูดกับเขาด้วยเสียงลอดไรฟันอยู่ดีเพื่อความปลอดภัย
“อะไรนะ”
แม้จะได้ยิน แต่ก็อยากจะแกล้งเธอให้นั่งอยู่บนตักของเขานานๆ เสียหน่อย กลิ่นกายหอมกรุ่นกับน้ำหอมราคาแพงที่คุ้นเคยของเธอมันทำให้เขาสดชื่นอย่างประหลาด
“ฉันบอกให้ปล่อย”
เธอเน้นเสียงให้ดังขึ้นอีกนิด แต่เขากลับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเธออีกครั้ง คนที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมจึงสงเคราะห์คนหูหนวกให้ด้วยการไปกระซิบเสียงดังที่ริมใบหูขาวสะอาด
“ฉันบอกให้ปล่อยไง”
แม้เสียงของเธอจะดังจนเขาหูอื้อ แต่กลับลอยหน้าลอยตาล้อเลียนเธอ แล้วกอดเอวบางให้แน่นขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก
“เธอลงมานั่งตักฉันเองนะ”
“แกเป็นคนดึงฉันมา”
“ก็เธอจะลุกไปไหนล่ะ รถวิ่งแล้ว อยากล้มหน้าแหกหรือไง”
“จะแหกไม่แหกก็หน้าฉัน ไม่ต้องมายุ่ง ฉันจะไปนั่งที่เบาะหลัง ปล่อย”
“เธอไม่ชอบนั่งข้างหลังเพราะเวียนหัว”
“แต่ฉันก็ชอบนั่งริมหน้าต่าง”
“นี่ไง ริมหน้าต่างแล้ว นั่งนิ่งๆ”
“แกประสาทกลับไปแล้วหรือไง นี่ฉันนั่งตักแกอยู่นะ ถ้าแกจะให้ฉันนั่งริมหน้าต่างตรงนี้ แกก็ขยับไปสิ”
“ฉันก็ชอบนั่งริมหน้าต่างเหมือนกันนี่ นั่งด้วยกันแบบนี้ก็สบายดี”
“แกสบาย แต่ฉันไม่ แกแข็ง ฉันเจ็บก้น”
“หึหึ ฉันยังไม่แข็งเลย แต่ถ้าอยากให้แข็งก็ขยับบ่อยๆ แบบนั้นแหละ”
คำพูดสองแง่สองง่ามของเขาทำเอาเธอหยุดชะงัก ที่เธอพูดมันหมายถึงขาของเขาที่ออกกำลังกายจนกล้ามเนื้อขามันแข็ง ไม่ได้นิ่มเหมือนที่เธอนั่งกับเบาะรถตูวีไอพีคันนี้
“ไอ้ลามก ฉันหมายถึงขาแก”
“อ้าว ใครจะรู้ล่ะ ก็ไม่พูดให้ครบๆ แล้วที่เธอกำลังนั่งทับอยู่ก็มีลูกชายของฉันด้วย”
“ไอ้ทุเรศ ปล่อยฉันลงได้หรือยัง”
“ไม่ล่ะ หนาว นั่งแบบนี้ก็อุ่นดี ง่วงใช่ไหม นอนสิ เดี๋ยวถึงจะปลุก”
เขากดศีรษะทุยให้ลงมาซบอก แล้วบังคับขืนใจเธอให้นั่งอยู่แบบนั้น แม้จะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่อาจสู้แรงเขาได้ ครั้นจะร้องตะโกนให้คนขับรถช่วยก็ใช่ที่ ไม่รู้จะได้ยินไหม หรือต่อให้ได้ยิน ถ้าเขาต้องมาเห็นฉากเด็ดระหว่างเธอกับพระเอกหนุ่มผู้เป็นเพื่อนรักอยู่กลุ่มเดียวกันมาสิบกว่าปีในสภาพคิดดีไม่ได้เลยแบบนี้ คงจะอับอายขายขี้หน้า เผลอๆ ได้จะเป็นข่าวใหญ่
“พัชร์ แกปล่อยฉันนะ”
คนตัวบางดิ้นรนจะลงจากตัก ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไรถึงได้ล่วงเกินถึงเนื้อถึงตัวกับเธออีกแล้ว ไหนว่าจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไง ตอนเป็นเพื่อนกันคราวนั้นก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้
“เราเคยทำมามากกว่านี้ตั้งเยอะ แค่นี้ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบโต้อะไรกลับไปให้เจ็บแสบที่บังอาจมาลวนลามคนอย่างเธอ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือก็สั่นเตือนสายเรียกเข้าเสียก่อน
“คุณเอก..”
ชื่อที่โชว์หราอยู่หน้าจอทำเอาเธอหลุดเสียงพึมพำออกมา ยังไม่กล้ากดรับสายเพราะร่างกายเธอยังโดนเพื่อนผู้เอาแต่ใจพันธนาการไว้ด้วยอ้อมแขนของเขา
“ผัวใหม่โทรมา รับสิ..”
เสียงทุ้มดังขึ้นชิดใบหู แม้มันจะฟังดูราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงขนลุกซู่ไปหมด
“ฉันไม่เคยมีผัวเก่า คุณเอกจะเป็นผัวใหม่ได้ยังไง”
มิตาหันขวับมองเขาด้วยความไม่พอใจ ปกติก็ชอบปากเสียใส่เธออยู่แล้ว ยิ่งมีเรื่องราวผิดพลาดของเธอกับเขาเกิดขึ้นมา คำพูดคำจายิ่งไม่น่าฟัง
“แล้วฉันล่ะ”
“แกชักจะพูดไม่รู้เรื่องอีกแล้วนะ ไหนว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้วไง”
“ฉันเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอ”
“ก็แกบอกเองว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก จะให้เรื่องนั้นมันจบไปไง”
“แล้วฉันไปรื้อฟื้นเรื่องของเราตอนไหน”
เขายื่นหน้าเข้าหาแล้วกระซิบถามเสียงแหบพร่า ราวกับจงใจปั่นประสาทเธอ แต่เธอกลับสั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อได้ยินโทนเสียงแบบนั้นของเขาที่เมื่อสองเดือนก่อนคอยกระซิบชื่นชมเธอไม่ขาดปากในตอนที่เขาตักตวงความหวานจากร่างกายของเธอ
ภาพความวาบหวามระหว่างคนทั้งคู่หลั่งไหลเข้ามาในสมองไม่ขาดสาย ความทรงจำแสนเร่าร้อนผุดขึ้นเป็นฉากๆ ใบหน้าสาวเห่อร้อนแดงเรื่อทันตา ดีที่ในตอนนี้ยังไม่สว่าง จึงไม่มีแสงจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามาให้เธอได้อาย
“ก็แกดึงฉันลงมานั่งทับแกนี่ไง”
กว่าที่เธอจะพยายามควบคุมความประหม่าได้ก็นานพอควร
“ก็ฉันหนาว”
“แต่แกใส่เสื้อแขนยาวและมีผ้าห่ม ฉันไม่ได้ใส่ ยังไม่หนาวเลย”
เขาก้มมองหน้าอกตัวเองที่มีผ้าห่มผืนเล็กคลุมทับเอาไว้ จึงดึงมันออกมากางห่มคลุมทั้งเธอและเขา ก่อนจะเอนเบาะลงอีกนิดแล้วกอดเธอแน่นๆ ไม่ยอมปล่อยให้ลุกไปไหน
“ฉันบอกว่าไม่หนาวไง ปล่อยสิ ฉันจะรับสายผัวฉัน”
“หึ ฉันไม่ให้รับแล้ว อีกอย่างฉันว่าเธอหนาวนะมิตา แขนเธอขนลุก ตอนที่ฉันกระซิบที่หูเธอเมื่อกี้”
“ไอ้บ้า”
เธอทุบอกเขาดังอึก โทษฐานที่ล้อเลียนทำให้เธอได้อายและฉวยโอกาสกับร่างกายของเธอ..ที่ไม่มีวันเป็นของเขา
“ฉันเจ็บนะมิตา”
“เจ็บก็ปล่อยสิ ฉันนั่งไม่ถนัด”
ในที่สุด ดาราหนุ่มก็ยกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ ก่อนจะจับคนตัวบางลงนั่งแทนที่ตัวเองในฝั่งชิดกระจก ตั้งใจกักขังไม่ให้เธอขยับไปนั่งที่เบาะด้านหลัง
โทรศัพท์มือถือยังคงสั่นเตือนต่อไปเรื่อยๆ แม้คนปลายสายจะรอจนกว่าสัญญาณจะตัดไป แล้วโทรกลับมาใหม่อีกหลายครั้ง แต่เจ้าของเครื่องก็ยังไม่ยอมรับสายเสียที
ท่าทีลังเลของเธอทำให้เขาเดาออกว่าเธอคงยังไม่ได้บอกผู้ชายคนนั้นว่าต้องเดินทางมาพร้อมเขา
“ก็รับสิ หรือเพราะมีฉันนั่งอยู่ตรงนี้ เธอเลยไม่กล้ารับสาย มีชนักติดหลังหรือไง ผู้ชายคนนั้นรู้ใช่ไหมว่าเราเคยมีอะไรกัน”
“หุบปากของแกให้สนิท แล้วก็นั่งไปเงียบๆ ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่ไอ้พัชร์”
“หึ”
“สวัสดีค่ะ คุณเอก”
“มิตา ถึงไหนแล้วครับ หลับเหรอ ไม่ยอมรับสายผมเลย ผมเป็นห่วง”
คนที่ไม่เคยตื่นเวลานี้ ยอมตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อโทรมาส่งเธอขึ้นรถด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกผิดที่ทนต่อความต้องการตามธรรมชาติของร่างกายไม่ไหว จึงแอบนอนกับผู้หญิงคนอื่นเพราะเธอไม่ยอมใจอ่อนให้เขาเสียที
เสียงทุ้มดังเล็ดลอดออกมาให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างได้ยินอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องทำทีไม่สนใจ เอนเบาะลงต่ำแล้วหลับตาลงแต่กลับแอบเงี่ยหูฟังเธอคุยกับผู้ชายที่เธอเลือก
กรามแกร่งขบกันแน่นเมื่ออดีตเพื่อนรักที่เคยร่วมหลับนอนพูดจาออดอ้อนเสียงหวาน ทั้งที่พยายามทำใจมาสองเดือนแล้วว่าเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกัน และคิดว่าตัวเองก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง แม้จะแอบคิดถึงเธอก่อนนอนทุกคืนก็ตาม
ในทะเลสาบที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา มีร่างบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังดีดตัวผลุบขึ้นเหนือน้ำเพื่อหายใจ แขนตะเกียกตะกายตีน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ก่อนเรี่ยวแรงที่มีจะค่อยๆ หมดลงไปในขณะที่ร่างบอบบางนั้นจะจมดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาปในเวลาต่อมาร่างใหญ่กำยำที่ไม่รู้มาจากไหนพุ่งตัวลงไปในน้ำ แหวกว่ายดำลึกลงไปควานหาผู้หญิงคนนั้น ก่อนคว้าเอวคนที่กำลังหมดลมหายใจทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือน้ำได้ทันเวลาพอดิบพอดี“พิมาลา ฟื้นสิ พิมพ์ อย่าตายนะ อยู่กับฉันก่อน”ชายหนุ่มบีบจมูกของเธอแล้วผายปอด สลับกับปั๊มหัวใจอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ร้องเรียกชื่อของสาวโชคร้ายผู้นั้นราวกับคนเสียสติสุดท้ายสวรรค์ก็เข้าข้างเมื่อคนตัวบางที่ใบหน้าซีดเซียวราวกับไร้ชีวิตสำลักน้ำแล้วค่อยๆ ลืมตาฟื้นคืนสติ“คุณเพลิง..”เขาผวาคว้าคนตัวบางขึ้นมากอดเอาไว้แนบอก ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวจะขาดใจ ดวงตาคมกริบแสนเศร้าจนผู้คนที่ยืนมุงดูอยู่ไกลๆ โดยรอบต้องลอบปาดน้ำตาด้วยความสะเทือนใจ“คัท...ดีมาก พัชร์ พี่โอเคเลย”สิ้นเสียงสั่งหยุดการแสดงของผู้กำกับมือดี ทีมงานก็รีบวิ่งเอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ไปคลุมให้ความอบอุ่นกับพระเอกนางเอกของเรื่องที่ตัวเปียกโชก ริมฝีปากขาวซีดเพร
ธพัชร์ขับรถวนไปวนมาอย่างไร้จุดหมาย หลังจากที่ได้รับรู้ว่าเธอตั้งใจจะหนีเขาจึงขอไปนอนกับผู้จัดการส่วนตัว เขาจึงออกมานั่งดื่มเหล้าคนเดียวจนดึก แม้จะเมาไม่น้อยแต่ก็ไม่ยอมกลับห้องเสียทีในตอนที่เขากำลังจะถอดใจขับรถกลับห้องเพื่อไปพักผ่อนเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว มยุรี ผู้หญิงที่เขาเพิ่งเขี่ยทิ้งก็โทรเข้ามาหา แม้จะไม่อยากรับสายเธออีกแล้ว แต่ก็อดรำคาญเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ไม่ได้ จึงตัดใจรับไปให้มันจบๆ“มีอะไรอีกยุรี”“พี่พัชร์ พี่อยู่ไหนคะ ยุรีไปหาที่ห้องเรียกพี่แทบตายพี่ก็ไม่ยอมมาเปิดประตู”“เธอไปที่ห้องพี่ทำไม บอกแล้วไงว่าถ้าไม่เรียกไม่ต้องเสนอหน้ามา”“ยุรีก็มาหาพี่ไง ทำไมพูดแบบนี้ เราเป็นผัวเมียกันนะ”“เธอเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องไปทุกทีแล้วนะ อย่าทำตัวน่ารำคาญ บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ชอบ อย่ามาอินได้ไหม ท่องจำให้ขึ้นใจว่าเราแค่เอากัน ไม่ได้คบกัน แล้วตอนนี้พี่ก็ไม่อยากเอาเธออีกแล้ว เรื่องของเราจบแค่นี้เถอะ เบื่อว่ะ รีบกลับห้องเธอไปซะ”“พี่พัชร์..”“แค่นี้นะ สายไหมโทรมา”“พี่พัชร์ ยุรีจะรอพี่อยู่ที่นี่ จนกว่าพี่จะมาคุยกับยุรีให้รู้เรื่อง”“ถ้าอยากเป็นข่าวว่านั่งเฝ้าหน้าห้องผู้ชายจนเช้าก็เอาเลย คืน
“พี่ปิ่น คืนนี้มิตาไปนอนด้วยนะ”หลังจากเลิกกองและเตรียมที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน มิตาก็พูดกับผู้จัดการส่วนตัวด้วยเสียงที่ไม่เบานัก หวังให้อดีตเพื่อนรักได้ยิน เพราะไม่แน่ใจว่าคืนนี้เขาจะแอบย่องมาหาเธอที่คอนโดเหมือนอย่างเมื่อคืนอีกหรือเปล่าเธอไม่ควรใจอ่อน ไม่ควรใกล้ชิด ไม่ควรอยู่ตามลำพังกับเขาสองต่อสองอีกแล้ว แม้เมื่อคืนไม่ได้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น แต่ผู้หญิงกับผู้ชายที่เคยมีค่ำคืนร้อนแรงกันมาก่อน ควรอยู่ให้ห่างกันเอาไว้ดีที่สุดยิ่งเกิดเหตุการณ์ที่เขาปล้ำจูบเธอไปเมื่อตอนบ่าย ทำให้เธอต้องคิดหาทางหนีทีไล่เพราะไม่ไว้ใจเขาอีกแล้ว ซึ่งทางเดียวที่เธอจะรอดจากเขาไปได้คือในช่วงนี้เธอต้องหอบเสื้อผ้าไปนอนกับผู้จัดการส่วนตัวผู้เป็นที่พึ่งที่สุดท้าย“เอาสิ เดี๋ยวพี่พาไปเก็บเสื้อผ้าที่ห้อง”มิตามั่นใจเลยว่าผู้จัดการส่วนตัวต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายอย่างแน่นอน เพราะไม่มีคำถามใดหลุดออกมาจากปากสักคำ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเหตุผลที่เธอต้องย้ายเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัยมันคืออะไรกันแน่“ไม่ต้องหรอกค่ะ มิตามีกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ในรถอยู่แล้ว เดี๋ยวขับตามพี่ไปที่บ้านเลยนะ”“อืม ตามนั้น”“เรื่องมันเป็นยังไง มิต
เพียะ!! ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามแรงตบ สองร่างหอบหายใจสะท้าน รสจูบหยาบโลนรุนแรงทำเอาหัวใจสองดวงเต้นผิดปกติ และเธอจำต้องเรียกสติตัวเองด้วยการหยุดเขาให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป“ถ้าแกยังกล้าแตะต้องฉันอีก ฉันจะถอนตัวจากละครเรื่องนี้”ดวงตาคมดุวาบขึ้น มองใบหน้าสวยงามของผู้หญิงที่เขากลับไปรู้สึกแค่เพื่อนไม่ได้อีก แล้วแค่นยิ้มหยัน เขารู้ว่าคนอย่างเธอไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ๆ แต่ก็กล้าเอามาขู่ ทำเหมือนไม่รู้จักนิสัยของคนอย่างเขา“เธอไม่ทำแบบนั้นแน่ มิตา”“อย่ามาดูถูกฉัน ตอนนี้ฉันไม่ใช่มิตาคนเดิมแล้ว แกไม่รู้หรือไงว่าผัวฉันเป็นใคร แค่ถอนตัวจากละครเรื่องนี้มันง่ายมาก”“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าถ้าเธอจะถอนตัว แป้งจะรู้สึกยังไง”“อย่าเอายัยแป้งมาขู่ฉัน”เพราะละครเรื่องนี้เป็นโปรเจคของเพื่อนรักที่ส่งน้องชายมาดูแลแทน หากเขาหรือเธอถอนตัวไปกลางคัน ทั้งปุณณดาและปิ่นต้องรู้ถึงความผิดปกตินี้ และแน่นอนว่าเธอกับเขาอาจโดนซักฟอกชุดใหญ่ เธอไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องผิดพลาดเหล่านั้นอีกแล้ว และไม่ต้องการให้เรื่องราวเหล่านั้นส่งผลให้เธอทำงานเสียหาย ทำคนอื่นเดือดร้อนไปทั่ว มันแสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งมันไม่ใช่เ
“มิตา รับโทรศัพท์หน่อย คุณเอกโทรมา”ปิ่นตัดสินใจเดินถือโทรศัพท์เข้าไปยื่นให้ดาราสาวที่หน้าเซตในขณะที่พระนางกำลังต่อบทกันด้วยความเคร่งเครียดเพราะซีนนี้คือซีนอารมณ์ที่เธอต้องทำอย่างนั้นเพราะเอกอนันต์กระหน่ำโทรเข้ามาเป็นสิบสาย แถมยังส่งไลน์มารัวๆ อีกต่างหาก ไม่รู้ว่าหนุ่มสาวคู่นี้มีเรื่องทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า“พี่ปิ่นรับสายเลยค่ะ บอกเขาว่ามิตาเข้าฉากอยู่ เมื่อคืนที่โทรหาเขา มิตาสะดุ้งตื่นมากลางดึกเพราะฝันร้ายค่ะ ไม่มีอะไรหรอก”“จ้ะ”นั่นไง ท่าทางจะมีเรื่องราวระหองระแหงกันจริงๆ สินะ อย่างน้อยๆ น้องสาวของเธอก็คงจะงอนที่เขาไม่รับสาย“หึ คงจะโทรมาง้อ ก็เล่นตัวหน่อยแล้วกัน เผื่อได้แหวนเพชรสักสองสามกะรัตปลอบใจที่มัวแต่เอาคนอื่นจนไม่ยอมรับสายเธอ”“ขอบใจที่บอกนะ แต่ฉันว่าฉันอาจเรียกค่าปลอบใจของฉันได้มากกว่านั้น อยากเห็นไหมล่ะ”คนสวยลอยหน้าลอยตาตอกกลับด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะยกบทขึ้นมาอ่าน ปิดจบบทสนทนาไร้สาระไว้แต่เพียงเท่านี้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดี ดอกกุหลาบสีขาวนำเข้าช่อโตจำนวน 88 ดอก จากนักธุรกิจสุดฮ็อตที่สาวๆ หลายคนอยากครอบครองก็ส่งมาถึงมือนางเอกสาว ท่ามกลางสายตาดุดันที่ลอบมองเธอจากระยะไกลเธอ
มิตาตามไปทุบประตูเรียกคนหน้ามึน ตั้งใจจะไล่เขาออกจากห้องให้ได้ก่อนที่จะดึกไปมากกว่านี้ แล้วประตูที่ปิดล็อกแน่นก็เปิดออกกว้าง โดยมีคนรูปหล่อหน้ามึนยืนแก้ผ้าโชว์เรือนร่างเพอร์เฟคสุดเซ็กซี่และอาวุธประจำกายที่ขยายใหญ่โดตั้งโด่ชี้หน้าเธออย่างหน้าไม่อายที่สุดดาราสาวยกมือทั้งสองข้างมาปิดตาแล้วหันหลังกลับทันที แต่ก็ไม่วายก่นด่าคนหน้าไม่อายให้หนำใจ“ไอ้พัชร์ ไอ้ทุเรศ ไอ้โรคจิต แกจะมาแก้ผ้าโชว์ฉันทำไม จะอ้วก”ดาราเจ้าสาวทำทีพะอืดพะอมกับ Acting การอาเจียนเสียสมบทบาท ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อมีลมร้อนๆ มาเป่ารดหลังใบหูพร้อมเสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นแผ่วเบา“ยังไม่ทันโดนกระแทกเลย แพ้ท้องแล้วเหรอ”“ไอ้บ้า”พูดจบก็เดินหัวเราะร่วนไปเปิดกระเป๋าของตัวเองแล้วหยิบของใช้ส่วนตัวเดินโทงเทงโชว์ปืนใหญ่สีชมพูเข้าห้องน้ำไป โดยที่คราวนี้เขาทำธุระส่วนตัวทุกอย่างโดยไม่ปิดประตูอีก ถ้าอยากไล่เขาออกจากห้องนัก ก็เข้ามาไล่ให้ถึงที่แล้วกัน จะจับปล้ำในห้องน้ำให้ดูร่างใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวมัดปมต่ำแสนต่ำจนแทบจะเห็นส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา บนผิวขาวเนียนละเอียดราวผิวผู้หญิงมีหยดน้ำเกราะพราวมุมปากสีแดงสดย