Se connecter“ถ้าครอบครัวคุณจอมพลมาแล้ว แกก็ทำตัวให้มันดี ๆ หน่อยละ อีกไม่นานครอบครัวเรากับเขาก็จะต้องเกี่ยวดองกันแล้ว”
คินนั่งฟังอยู่เงียบ ๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรตอบกลับ หลังจากที่วันนี้เขามีนัดกับครอบครัวของว่าที่คู่หมั้นเพื่อมาทานอาหารด้วยกัน
ชายหนุ่มนั่งรออยู่อย่างนั้นประมาณห้านาที ก่อนที่ประตูห้องอาหารที่ปิดสนิท จะถูกผลักเปิดออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่ม
วัยกลางคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อเขาที่เดินนำหน้าครอบครัวของตัวเองเข้ามาภายในห้องเขากับครอบครัวจึงลุกขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ต้อนรับอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับคุณจอมพลคุณลีลาวดี”
“สวัสดีครับคุณครามคุณณฉัตร ขอโทษทีนะครับที่มาช้า พอดีรถติดนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรเลยครับ พวกเราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญนั่งก่อนครับ”
พ่อของคินกล่าวเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร ก่อนจะสะกิดเขาเบา ๆ ให้หันไปมอง ละอองฝน ว่าที่คู่หมั้นของตัวเองที่ยืนอยู่ โดยชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้เธออย่างสุภาพ
“ขอบคุณนะคิน”
ละอองฝนเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มก่อนจะนั่งลง ส่วนคินก็กลับ มานั่งลงที่เดิมของตัวเองเช่นกัน
“เอาอาหารมาเสิร์ฟได้เลย”
คุณหญิงณฉัตรแม่ของเขาที่นั่งอยู่ด้านหัวโต๊ะเอ่ยสั่งกับพนักงานที่ยืนรออยู่ไม่ไกล น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงความนอบน้อม
ไม่นานนักพนักงานของร้านก็ทยอยเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารจานแล้วจานเล่าอย่างคล่องแคล่ว บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอบอวลจากเมนูต่าง ๆ ที่ถูกจัดวางอย่างประณีต
“วันนี้ดิฉันให้ทางร้านจัดเตรียมเมนูพิเศษไว้ให้ เป็นสเต๊กเนื้อวัวเกรดพรีเมียมนำเข้าจากออสเตรเลียโดยเฉพาะ หวังว่าคุณจอมพลกับ
คุณลีลาวดีและหนูละอองฝนจะชอบนะคะ”“อาหารน่ากินมากเลยค่ะคุณป้า”
“ป้าดีใจที่หนูชอบนะลูก”
“แล้วเจ้าคิมไม่ได้มาด้วยเหรอครับคุณณฉัตร”
“วันนี้เขาติดเรียนค่ะคุณจอมพล เป็นคลาสสำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ ก็เลยฝากคำขอโทษมาด้วยค่ะที่ไม่ได้มาทักทายด้วยตัวเอง”
“เสียดายมากเลยที่ไม่ได้เจอหลานชาย”
“แล้วนี่หนูละอองฟองล่ะคะ มาไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม”
“ใช่ครับ วันนี้ลูกสาวคนเล็กผมก็ติดเรียน เป็นคลาสสำคัญที่ขาดไม่ได้เหมือนกัน”
คินที่นั่งฟังอยู่ก็เอาแต่นั่งฟังเงียบ ๆ เพราะเขารู้ดีว่าคนที่อีกฝ่ายพูดถึงวันนี้ไม่มีเรียนเลย แต่เป็นจอมพลที่โกหกว่าลูกสาวตัวเองติดเรียน ทั้งที่ความเป็นจริงเขาไม่ได้คิดที่จะเอ่ยชวนเธอเลยสักนิด ชายหนุ่มเอาแต่นั่งจิบแก้วไวน์โดยไม่ชิมสเต๊กเนื้อตรงหน้าเลยสักชิ้น เพราะเขามีนัดที่จะต้องไปกินข้าวกับละอองฟองอยู่
“ทำไมดื่มหนักจังเลยล่ะลูก แม่ไม่เห็นลูกกินสเต๊กเลยนะ”
“ผมไม่ค่อยหิวน่ะครับ”
“แม่เห็นลูกดื่มหนัก กลัวจะเมาเอาได้ มันเพิ่งเที่ยงวันอยู่เอง”
“ผมไม่เมาหรอกครับ” คินยิ้มให้แม่ แล้วนั่งดื่มไวน์ตัวเองต่อ ในขณะที่พ่อแม่เขาและพ่อแม่ละอองฝนกินข้าวกันอยู่
“เด็กสมัยนี้เรียนกันหนักจริง ๆ” คุณหญิงณฉัตรเอ่ยออกมา “แต่ก็ดีค่ะ ตั้งใจเรียนไว้ก่อน เดี๋ยวเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
“ใช่เลยครับ” คุณจอมพลหัวเราะ “แต่บางทีก็แอบนึกนะครับ
ว่าจะเรียนไปทำไมให้เหนื่อย ในเมื่อสุดท้ายถ้าจับธุรกิจครอบครัวได้ ก็มีทางเดินชัดเจนอยู่แล้ว”“อาจจะจริงครับ แต่ผมว่าให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้างก็ดีเหมือน กัน อย่างน้อยก็ฝึกความอดทนด้วย” พ่อของคินรับคำด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
ละอองฝนเหลือบตามองมาที่เขา ซึ่งพอเขามองกลับเธอก็ยิ้มให้แล้วหันไปพูดคุยกับแม่เขาด้วยน้ำเสียงสดใส
“อาหารร้านนี้อร่อยจังเลยค่ะ ปกติคุณป้ามาที่ร้านนี้บ่อยไหมคะ”
“ก็มาบ่อยลูก ส่วนมากก็จะมากับคุณลุงนี่แหละ เพราะลูกชายสองคนก็ไม่ค่อยชอบออกมากินข้าวข้างนอกอะไรแบบนี้” คุณหญิง
ณฉัตรตอบยิ้ม ๆ“เพิ่งรู้ว่าคินเขาไม่ค่อยชอบออกมากินข้าวข้างนอก” ละอองฝนพูด พลางเหล่ตามามองคินที่นั่งจิบไวน์อยู่
“รายนี้เขาชอบกินข้าวที่บ้านลูก ชวนออกมากินข้าวข้างนอกด้วยทีไรก็เทนัดทุกที”
“งั้นต่อไปคุณป้าชวนหนูมาด้วยก็ได้นะคะ”
“หนูว่างหรือลูก”
“ถ้าคุณป้าโทรมาก่อนนัดสักวัน ฝนมาได้แน่นอนค่ะ”
“งั้นดีเลย ไว้เดี๋ยวป้าจะโทรชวนมากินข้าวด้วยกันแล้วกัน”
“คินคะ หลังจากนี้มีนัดที่ไหนอีกหรือเปล่า”
“ทำไม” คินวางแก้วลง แล้วเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“พอดีว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของคุณยายแล้ว ฝนอยากได้ของขวัญให้คุณยายค่ะ คินช่วยไปเลือกซื้อกับฝนหน่อยได้ไหม” ละอองฝนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส
คินที่ฟังอยู่ก็หันไปมองพ่อของตัวเองที่นั่งจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน โดยอีกฝ่ายพยักหน้าพร้อมกับมองเขาด้วยสีหน้ากดดัน ซึ่งเขาเห็นแบบนั้นก็พยักหน้าตอบกลับหญิงสาว เพื่อสื่อว่าตัวเองว่างและจะพาเธอไป
“ขอบคุณนะคะคิน แม่คะ หนูจะไปซื้อของกับคินนะ คุณพ่อกับคุณแม่กลับบ้านไปก่อนเลยค่ะ” ละอองฝนหันไปเอ่ยพูดกับพ่อแม่ตัวเองด้วยน้ำเสียงใส
“แล้วลูกจะกลับยังไงล่ะ”
“เดี๋ยวหนูนั่งแท็กซี่กลับก็ได้ค่ะ”
“ไม่ได้หรอกลูก นั่งแท็กซี่คนเดียวน่ะอันตรายจะตาย ยังไงเจ้าคินก็พาไปอยู่แล้ว ก็ให้เขาไปส่งที่บ้านด้วยเลยก็แล้วกัน นะคินลูก ลูกไปส่งหนูฝนที่บ้านด้วยนะ”
นี่ไม่ใช่เสียงของแม่ละอองฝน แต่เป็นเสียงของแม่เขาที่เอ่ยแทรกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม แต่ก็จริงจังพอที่สามารถไม่ให้เขาปฏิเสธลง
“ครับแม่ เดี๋ยวผมไปส่งละอองฝนที่บ้านเองครับ” ชายหนุ่มจำใจเอ่ยพูด
“ว่าแต่ทางคุณณฉัตรได้ไปดูฤกษ์หมั้นของเด็ก ๆ ไว้บ้างหรือยังคะ”
“ยังเลยค่ะคุณลี พอดีดิฉันได้นัดพระอาจารย์ไว้ต้นเดือนหน้าเลย”
“ถ้าอย่างนั้น พอได้ฤกษ์แล้ว ก็นัดมาคุยกันอีกทีนะคะ”
“ได้เลยค่ะ”
“ตอนนี้ทุกคนก็กินกันเรียบร้อยแล้ว ผมว่าแยกย้ายกันดีกว่า”
“คุณจอมพลมีงานต่อเหรอครับ”
“ใช่ครับ ผมมีประชุมสำคัญต่อช่วงบ่าย”
“โอเค งั้นวันนี้แยกย้ายกันครับ”
ทุกคนต่างทยอยลุกจากโต๊ะ เอ่ยลากัน แล้วพากันเดินออกจากห้องอาหารตรงไปยังรถที่จอดอยู่ด้านนอกร้าน
“แม่กลับก่อนนะลูก”
“ค่ะแม่” ละอองฝนโบกมือลาแม่ตัวเอง แล้วเดินมาขึ้นรถเขาอย่างคุ้นเคย
คินที่นั่งรออยู่ในรถเพียงแค่ปรายตามอง แต่ต้องฝืนแสดงสีหน้าเรียบนิ่งไว้ให้ดูไม่เฉยชาเกินไป
“จะให้พาไปไหน”
“ห้าง xx ค่ะ ที่นั่นมีช็อปแบรนด์เนมเยอะดี น่าจะมีให้เลือกเยอะกว่าที่อื่น”
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยตอบอะไรออกมาอีก เพียงแค่สตาร์ตรถแล้วขับออกมาด้วยความเร็วไม่มาก มุ่งตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่หญิงสาวข้างกายต้องการจะไป
ติ๊ง!
ขณะที่ขับมาได้ไม่นานเท่าไร รถก็จอดติดไฟแดง เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นพอดี เขาล้วงหยิบมันขึ้นมาเปิดดูด้วยความเคยชิน ก็พบว่าเป็นละอองฟองที่เป็นคนส่งมา เขาจึงรีบเปิดอ่าน
ละอองฟอง : คุยธุระเสร็จหรือยังคะ
คินอ่านข้อความอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าเช่นเดิม
ทันใดนั้นไฟจราจรก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว เขาจึงเร่งเครื่องขับออกไปโดยไม่พูดอะไรเช่นเคย
“คินคะ”
“อะไร”
“คินสนิทกับน้องสาวฝนมากเลยเหรอ”
“ทำไมถึงถามแบบนั้น”
“ก็เมื่อวานเพื่อนฝนโทรมาบอกว่าเห็นคินกินข้าวกับยัยฟองที่ร้านอาหาร xx”
“บังเอิญเจอกัน ฉันเลยชวนน้องเธอมากินข้าวด้วย”
“ชวนกินข้าว แสดงว่าทั้งคู่สนิทกันน่าดูนะ”
“ก็ครอบครัวเรารู้จักกันอยู่แล้ว ไม่แปลกหรอกที่ฉันจะชวนละอองฟองมากินข้าวด้วยกัน”
“คินคะ คินอย่าลืมนะคะว่าอีกไม่นานเราสองคนก็ต้องหมั้นกัน แล้วสุดท้ายก็ต้องแต่งงานกันด้วย คินไปไหนมาไหนกับยัยฟองตามลำพังแบบนี้ ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดีเอาได้นะ”
ละอองฝนพูดด้วยน้ำเสียงหวานอย่างมีจริต โดยทำให้คินที่ฟังอยู่รู้สึกขัดหูขัดใจ แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้แสดงออก
“ฉันลืมคิดไป ครั้งหน้าจะระวังให้มากกว่านี้”
“ก็ดีค่ะ แต่ก็ยังแอบงงอยู่นะว่ายัยฟองกล้าไปไหนมาไหนกับคินได้ยังไง ไม่รู้จักวางตัวเลย เดี๋ยวฝนคงต้องคุยกับน้องหน่อยแล้วละ”
คินเอาแต่นั่งเงียบฟังละอองฝนพูดอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนรถก็แล่นตรงสู่ห้างสรรพสินค้าโดยใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงจึงถึงที่หมาย
“หนังที่ฝนอยากดูเพิ่งเข้าโรงเมื่อวานนี้เอง ไปดูกันไหมคะ ฝนอยากดูมากเลย”
“อยากดูเหรอ”
“ใช่ค่ะ ไปดูกันนะคะ ดูจบแล้วค่อยไปซื้อของ”
“ก็ได้” คินยอมเดินตามมาอย่างว่าง่ายจนมาหยุดอยู่หน้าโรงภาพยนตร์
“ว้าว คนเยอะจังเลย” หญิงสาวเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“จะดูเรื่องนั้นเหรอ” เขาชี้ไปยังแถวที่กำลังรอกดตั๋วหนัง ซึ่งละอองฝนก็พยักหน้าตอบกลับโดยไม่ลังเล
โดยคินเห็นแล้วก็เงียบไป เพราะหนังเรื่องนี้ เขาเพิ่งพาละอองฟองมาดูเมื่อวานนี้เอง
“คนเยอะนะ ที่นั่งจะยังเหลืออยู่เหรอ”
“ถ้าไม่เหลือก็ค่อยดูเรื่องอื่นก็ได้ค่ะ คินช่วยไปซื้อพ็อปคอร์นให้ฝนหน่อยนะ เดี๋ยวฝนไปต่อแถวซื้อตั๋วเอง”
“อืม” เมื่อถูกไหว้วาน ชายหนุ่มก็พยักหน้าแล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์ขายพ็อปคอร์นอย่างว่าง่าย
ละอองฝนที่ยืนมองอยู่ไม่วางตา ริมฝีปากเรียวยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่อยู่ในกระเป๋าสะพายใบหรูขึ้นมากดถ่ายภาพของคินหลายรูป หลังจากนั้นแล้วเธอก็กดส่งไปให้ใครบางคนดู
หลังจากหญิงสาวปลดปล่อยคราบคาวรักออกมา จนถึงกับหอบหายใจถี่ คินก็พลันปาดลิ้นโลมเลียไปทั่วกลีบดอกไม้ เพื่อกลืนกินน้ำหวานทั้งหมดของเธอแน่นอนว่าในจังหวะนั้น ร่างกายของเธอก็พลันสั่นกระตุกอีกครั้งคล้ายคนจวนจะเสร็จสม ทั้งเสียวซ่าน ทรมานและรู้สึกสุขสมอารมณ์ไปพร้อมกัน“อึก...อื้อ พี่คิน พอแล้ว นะ...หนูเสร็จแล้ว อือ...”เธอเอ่ยเสียงสั่นพลางพยายามดันใบหน้าของชายหนุ่มอีกห่างจากตัวเอง เพราะแค่ถูกเขาสัมผัสเพียงเล็กน้อย เธอก็เสียวซ่านจนใจแทบจะขาดเสียให้ได้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะถูกเขากินในห้องครัวแทนข้าวแบบนี้“หนูเสร็จแล้ว แต่พี่ยังไม่เสร็จนี่” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเรียบ ๆ แบบไม่อายปาก“พะ...พี่ยังไม่เสร็จแล้วจะให้หนูทำยังไงเล่า”ละอองฟองเอ่ยตอบทั้งที่หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย แถมยังเริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมานิด ๆ จนต้องยกมือขึ้นปิดหน้าอก พลางหุบขาเข้าหากันอีกครั้งทว่าคินกลับเร็วกว่า เขาคว้าวงแขนเรียวทั้งสองข้างเอาไว้ ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาเต้าอวบที่ชูช่อเต่งตึงล่อใจอยู่ตรงหน้า พลางอ้าปากงับด้วยท่าทางหิวโหย“อ๊ะ! อะไรกัน พี่คิน อื้ออ กินไปรอบหนึ่งแล้วนี่นา อ๊า”ละอองฟองแกล้งโวยวายเบา
คินเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อารมณ์ดีตั้งแต่ยังไม่ก้าวพ้นประตู เพราะเพียงแค่คิดว่าภรรยาสาวกำลังลงมือทำอาหารรอเขาอยู่ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันก็พลันสลายไปในพริบตาโดยทันทีที่เสียงประตูบ้านปิดลง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาหัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิม เพราะตอนนี้ภรรยาสาวกำลังยืนอยู่หน้าเตาในครัว ร่างบอบบางสวมผ้ากันเปื้อนพิมพ์ลายน่ารัก ผมยาวถูกรวบขึ้นลวก ๆ ให้พ้นใบหน้า เผยลำคอระหงขาวนวล ขณะที่มือเล็กกำลังขยับปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่วเธอกำลังฮัมเพลงเบา ๆ ไปตามจังหวะดนตรีที่เปิดคลออยู่ เสียงหวานนั้นกลมกล่อมพอ ๆ กับกลิ่นหอมจากหม้อแกงที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องครัวคินหยุดยืนมองอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไร แววตาคมเต็มไปด้วยความละมุน ราวกับต้องมนตร์สะกด เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าความสุขของตัวเองจะเรียบง่ายเพียงเท่านี้ การได้กลับบ้านมาเจอผู้หญิงคนนี้ที่ยืนรออยู่ในครัวริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนที่เขาจะเดินย่องเข้าไปข้างหลังเธออย่างเงียบเชียบ พลางยกแขนกว้างโอบเอวบางจากด้านหลังแนบแน่น ก้มหน้าซุกลงที่ไหล่ขาวพร้อมสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธออย่างเต็มปอด“หอมทั้งกับข้าว หอมทั้ง
“คุณหนู”ทันทีที่ร่างบางก้าวลงจากรถ เหล่าแม่บ้านต่างก็รีบวิ่งกรูเข้ามาหาด้วยสีหน้าดีใจที่ได้เห็นเจ้านายสาวกลับมา หญิงสาวเห็นดังนั้นก็รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“สวัสดีค่ะ ช่วยเอาของหลังรถเข้าไปในบ้านให้หน่อยนะคะ วันนี้หนูแวะซื้อของมาเยอะเลย” เธอกล่าวเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะยิ้มบาง “มีขนมครกด้วยนะ เอาไปแบ่งกันกินได้เลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะคุณหนู” เสียงแม่บ้านตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ต่างช่วยกันขนของเข้าไปอย่างขะมักเขม้น“แล้วนี่คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ไหนเหรอคะ” เธอหันไปถามแม่นมที่คอยเดินตามไม่ห่าง“คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายกำลังนั่งดื่มชาที่หลังบ้านค่ะ”“อ๋อ งั้นหนูไปหาคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะคะ แม่นมไปนั่งพัก กินขนมกับพี่ ๆ เขาได้เลย”“ได้ค่ะคุณหนู” แม่นมพยักหน้า ยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะถอยออกไปหญิงสาวเดินตรงไปยังสวนด้านหลังบ้านอย่างคุ้นเคย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิที่ปลูกเรียงรายตามทางเดินโชยมาตามสายลมอ่อน ๆ จนทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวพอมาถึงหลังบ้าน ก็พบว่าคุณพ่อกับคุณแม่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ที่ศาลากลางสวน บรรยากาศร่มรื่นจนชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจ“คุณพ่อ คุณแม่ สวัสดีค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมทันทีที่
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”ทันทีที่รถจอดสนิท ละอองฟองก็รีบเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินจูงมือสามีหนุ่มตรงเข้าไปในตัวบ้านด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคนบ้านหลังนี้เมื่อก้าวเข้ามาด้านในแล้ว เธอก็พบกับคุณพ่อคุณแม่ของคินที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับหลานชายตัวน้อยวัยสองขวบ ลูกชายคนเล็กของคิมน้องชายฝาแฝดของสามี ซึ่งทันทีที่ทั้งสองท่านเห็นเธอเดินเข้ามา ก็ยิ้มกว้างพลางกวักมือเรียก ละอองฟองจึงรีบเดินเข้าไปกอดท่านทั้งคู่ด้วยความรักและผูกพัน“คิดถึงจังเลยลูก ตอนพี่คินโทรมาบอกว่าหนูมาหาที่บริษัท แม่ก็ตกใจนะ เพราะเมื่อวานยังคุยกันอยู่ ไม่เห็นบอกอะไรเลย”“ถ้าบอกก่อน งั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ละอองฟองยิ้มสดใส ก่อนจะหันไปโบกมือทักหลานชายตัวน้อยที่นั่งเล่นอยู่ “ตัวเล็กน่ารักจังเลยค่ะแม่”“จริงจ้ะ น่ารักมากเลย”ละอองฟองมองเด็กน้อยด้วยสายตาอบอุ่น ก่อนจะหันกลับมาถาม “แล้วพ่อแม่ของหลานไปไหนกันคะ”“พ่อแม่เขาพาเจ้าแฝดไปซื้อชุดนักเรียนน่ะลูก เปลี่ยนชั้นเรียนแล้ว ชุดมันคับก็เลยต้องไปซื้อใหม่”“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ละอองฟองพยักหน้าเข้าใจ คุณแม่ก็ไม่รอช้า จูงมือเธอไปนั่งลงที่โซฟาตัวว่าง โดยมีพี่คินนั่งลงเคียงข้างไม่ห่าง
ห้าปีต่อมา...“ถ้าทำมาแล้วได้แค่นี้ ทีหลังก็ลาออกไปซะ ฉันจะได้หาคนใหม่มาทำแทน” คินตวาดเสียงเข้ม พลางโยนเอกสารในมือลงกระแทกโต๊ะอย่างแรง เสียงกระดาษกระจายไปทั่วห้องประชุมจนพนักงานหลายคนสะดุ้งเฮือก หน้าซีดเผือด ต่างก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะสบตา“วันนี้ประชุมแค่นี้ สัปดาห์หน้าหวังว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้น เตรียมหางานใหม่ยกทีมได้เลย”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขากระแทกลงกลางใจคนฟัง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าตึงเครียด ขณะที่บรรยากาศหนักอึ้งยังคงคลุ้งอยู่อย่างนั้น“ท่านรองจะรับกาแฟอีกไหมครับ ผมจะได้ไปจัดการให้” ศักดนัย เลขาฯ คู่ใจที่เดินตามหลังเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ“ไม่ต้อง เอางานค้างทั้งหมดเข้ามา ฉันจะเคลียร์ให้เสร็จเอง”คินถอนหายใจแรงราวกับระบายความหงุดหงิด ก่อนจะเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป แต่พอเข้ามาด้านใน กลับมีบางสิ่งทำให้เขาชะงัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมที่เขาคุ้นเคย กลิ่นที่ละอองฟองชอบใช้เสมอ มันอบอวลจนหัวใจเขาเผลอสั่นไหว“นี่กูคิดถึงเมียจนเพี้ยนไปแล้วเหรอเนี่ย”เขาพึมพำกับตัวเองพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หนัง ยื่นมือไปหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาพลิกดูพอให้จิตใจได้จดจ่อก
หลายวันต่อมา...“วันนี้หนูแต่งตัวเป็นยังไง สวยไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับหันไปทำตาแป๋วมองคนข้าง ๆ“สวย” คินตอบสั้น ๆ แต่สายตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอไม่วางตา “แต่ว่าฉันว่าแก้มมันแดงไปหน่อยนะ”ละอองฟองรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองทันที “ไม่แดงหรอก แบบนี้แหละ เทรนกำลังมา” น้ำเสียงของเธอเจือความมั่นใจปนขี้เล่นเล็ก ๆคินส่ายหน้าเบา ๆ แต่รอยยิ้มมุมปากกลับปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ตามใจ” เขาพูดช้า ๆ ราวกับจะยอมแพ้ให้กับความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก “วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ตั้งใจสอบให้ดี ถ้าเทอมนี้เกรดออกมาสวย อยากได้อะไรก็จะซื้อให้”น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ในรถทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นทันที แม้จะเป็นประโยคธรรมดา แต่ละอองฟองกลับยิ้มกว้างเหมือนเด็กที่ได้ยินสัญญาจากผู้ใหญ่ใจดี“จริงเหรอคะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” เธอเงยหน้าขึ้นมามองทันที “อืม” เขาพยักหน้ารับสั้น ๆ “งั้นหนูอยากได้รถใหม่ เอาแบบแพง ๆ เลยนะ” เธอพูดพลางยิ้มกวน ความจริงไม่ได้อยากได้สักหน่อย แค่อยากลองเชิงเขาดูว่าถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เขาจะยังตามใจเธออยู่หรือเปล่าคินเหลือบตาไปมองนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบ ๆ แต่แฝงความมั่นคงในน้ำเสียง“







