Se connecterคิน : ฉันมีธุระต่อ คงจะไปกินข้าวกับเธอต่อไม่ได้แล้ว หาอะไรกินก่อนเลย เดี๋ยวถ้าเคลียร์เสร็จจะรีบไปหา
ละอองฟองอ่านข้อความของคินจบ เธอวางโทรศัพท์ลงที่เดิม ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์ด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
ทั้งที่วันนี้เธอรีบเคลียร์งานให้เสร็จ พอเรียบร้อยก็รีบอาบน้ำ แต่งตัวสวยอย่างตั้งใจ หวังจะได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกับเขา
“ไม่น่ารีบเลยยังฟอง!”
เธอบ่นพึมพำเบา ๆ ก่อนจะนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่ แล้วจึงตัดสินใจลุกเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนกลับเป็นชุดอยู่บ้านตามเดิม
โดยใช้เวลาในการเปลี่ยนชุดไม่นาน ละอองฟองก็เดินกลับออก มาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชันสั่งอาหาร
“กินอะไรดีนะ” เธอเลื่อนดูร้านอาหารไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอเมนูที่ถูกใจก็จัดการสั่งทันที แล้วกลับมานั่งเปิดโทรทัศน์ดูเพื่อรออาหารที่สั่งมาส่ง
ติ๊ง! ติ๊ง!
ขณะที่กำลังดูโทรทัศน์อย่างตั้งใจอยู่นั้น เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้หญิงสาวชะงัก หลังจากนั้นเธอรีบเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดูด้วยความคาดหวังว่าอาจเป็นคินที่ส่งข้อความมา แต่พอเห็นชื่อผู้ส่งกลับเป็นละอองฝนพี่สาวของตัวเอง ละอองฟองก็ถอนหายใจออกมาพรืดยาว ก่อนจะกดเข้าไปอ่าน
ละอองฝน : พี่มาดูหนัง มีหนังใหม่แนะนำไหม
ละอองฝน : (รูปคินยืนรอซื้อพ็อปคอร์น)
ทันทีที่สายตาเธอเลื่อนลงไปเห็นรูปที่พี่สาวส่งมา เป็นรูปถ่ายของคินที่กำลังยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พ็อปคอร์น
“นี่เหรอ ธุระที่เขาต้องไปทำต่อ ไหนว่าแค่ไปคุยกันไง”
ละอองฟองบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความน้อยใจ แต่เธอก็ไม่คิดจะโวยวาย เพราะสุดท้ายแล้วอีกไม่นานคินกับละอองฝนพี่สาวเธอก็ต้องหมั้นกัน ส่วนเธอก็เป็นแค่คนนอกที่ไม่มีสิทธิ์จะรู้สึกอะไรเลย
ละอองฝน : ฉันถาม!!
ละอองฟอง : ไม่มีเลยค่ะ
พอกดข้อความส่งกลับไปแล้ว หญิงสาววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะหันไปหยิบรีโมตที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมากดปิดโทรทัศน์ที่กำลังเปิดอยู่
หลังจากนั้นห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด มีเพียงเสียงแอร์เบา ๆ กับเสียงลมหายใจของเธอที่เริ่มสั่นคลอ
ละอองฟองยกมือขึ้นปิดหน้า พยายามกลั้นหยดน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ทว่าเมื่อความรู้สึกที่อัดแน่นจนล้นทะลัก มันก็รั้งไม่อยู่ หยดน้ำตาอุ่น ๆ ค่อย ๆ ไหลอาบแก้มอย่างช้า ๆ ตามแรงสะอื้นที่เริ่มถี่ขึ้น
“ทำไมถึงต้องรู้สึก ในเมื่อไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะรู้สึกเลยด้วยซ้ำ” คำพูดนั้นดังขึ้นแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ก่อนที่เธอจะเอนตัวลงนอนบนโซฟา ดึงหมอนอิงมากอดแนบอกแน่น
เสียงสะอื้นยังคงมีอยู่แม้จะเบาลงแล้ว ทว่าเปียกชื้นที่ข้างแก้มยังไม่แห้งดี ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจค่อย ๆ กล่อมให้เปลือกตาของเธอหนักอึ้ง
ไม่นานน้ำตาหยดสุดท้ายก็หล่นลง พร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอที่บ่งบอกว่าเจ้าของได้เผลอหลับไปทั้งน้ำตา
หลังจากไปส่งละอองฝนที่บ้านเสร็จ คินก็รีบขับรถตรงมายังคอนโดมิเนียมหรูของละอองฟองทันที เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่รีรอ รีบเดินเข้าอาคารตรงไปยังลิฟต์เพื่อจะขึ้นไปยังห้องพักของหญิงสาว
“คุณคินคะ”
แต่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในลิฟต์ เสียงเรียกจากใครบางคนก็ดังขึ้น เขาหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลคอนโดมิเนียม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือคุณละอองฟองสั่งอาหารเอาไว้ค่ะ แต่พอไรเดอร์โทรหา เธอกลับไม่รับสายเลย สงสัยจะเผลอหลับ ดีหน่อยที่โอนจ่ายเงินไว้ล่วงหน้าแล้ว ดิฉันเลยรับไว้ให้แล้วค่ะ”
“เธอมาส่งตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“ตั้งแต่เที่ยงค่ะ”
คินพยักหน้ารับ ก่อนจะยื่นมือไปรับถุงอาหารแล้วรีบก้าวขึ้นลิฟต์ทันที พร้อมกับกดไปยังชั้นที่ละอองฟองพักอยู่
“ตอนนี้ก็สี่โมงแล้ว”
เขาก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือพลางพึมพำกับตัวเอง อาหารมาส่งตั้งแต่เที่ยง นั่นหมายความว่าหญิงสาวยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยง
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับประตูเปิดออก คินรีบก้าวออกมาแล้วเดินไปหยุดที่หน้าห้องของละอองฟอง เขาใช้คีย์การ์ดที่ตัวเองมีเปิดประตูเข้าไป
“นอนหลับจริง ๆ ด้วยเหรอ” โดยพอเปิดประตูเข้ามา เขาก็เห็นเจ้าของห้องนอนขดตัวอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์
ชายหนุ่มวางถุงอาหารที่ถือติดมือมาลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ บริเวณขอบโซฟา แสงไฟสลัวสะท้อนให้เห็นคราบน้ำตาบาง ๆ ที่ยังเปียกชื้นตรงหางตา
“ทำไมถึงร้องไห้” คินเอื้อมมือไปแตะแขนของหญิงสาวเบา ๆ เพื่อปลุกให้อีกฝ่ายตื่น โดยไม่นานละอองฟองก็เริ่มขยับตัว ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“พี่คิน…” เธอเรียกเขาเสียงเบา หลังจากนั้นก็ดันตัวขึ้นนั่ง
“เป็นอะไร ทำไมร้องไห้”
“คะ”
“ฉันถามว่าร้องไห้ทำไม”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบเสียงกลบเกลื่อนสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่
“พะ...พอดีว่าหนูดูซีรีส์ค่ะ มันเศร้ามาก ก็เลยร้องไห้ออกมา”
คินมองเธอเงียบ ๆ สักพักก่อนจะยิ้มบาง ๆ “เด็กน้อย แล้วนี่
ไรเดอร์โทรหาทำไมไม่รับสาย”“ไรเดอร์เหรอ จริงด้วย หนูเผลอหลับไปเลย เดี๋ยวหนูลงไปเอาข้าวก่อนนะคะ เผื่อมีคนช่วยรับไว้ให้” เธอพูดจบก็ทำท่าจะลุก แต่คินยื่นมือคว้าแขนเธอไว้
“ไม่ต้องไปหรอก”
“แต่หนู… (ละอองฟอง) / ฉันเอาขึ้นมาให้แล้ว (คิน)”
เธอยังพูดไม่ทันจบประโยค พี่คินก็เอ่ยพูดแทรกออกมา พร้อมกับพเยิดหน้าไปทางถุงอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ ละอองฟองหันไปมองตาม ก่อนจะเห็นว่าเป็นถุงอาหารที่วางอยู่
“พี่เอาขึ้นมาให้เหรอคะ”
“ใช่”
“แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าหนูสั่งอาหารไว้”
“คนดูแลฝากมาให้ บอกว่าไรเดอร์ติดต่อเธอไม่ได้”
“อ๋อ”
“ยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม ตั้งแต่เที่ยง”
“ค่ะ” เธอพยักหน้าเบา ๆ
“งั้นก็ลุกไปกินซะ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”
“ค่ะ” ละอองฟองขานรับในลำคอเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกเดินไปเปิดกล่องอาหาร
“จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันไปทำอะไรต่อหลังจากคุยกับครอบครัวเธอเสร็จ”
เสียงของพี่คินดังขึ้นขณะที่ละอองฟองกำลังยืนยิ้มมองกล่องอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข พอได้ยินคำถามนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
“ทำไมเงียบไป”
“ก็ไม่รู้จะถามทำไม มันก็เรื่องส่วนตัวของพี่ไม่ใช่เหรอคะ”
“.....” คินถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
“หลังจากกินข้าวกับครอบครัวเธอ ละอองฝนก็ขอให้ช่วยพาไปซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณยาย แต่ก่อนจะไปซื้อ เราแวะดูหนังกันก่อน เป็นเรื่องเดียวกับที่ฉันดูกับเธอเมื่อวาน”
“อ๋อ” ละอองฟองเอ่ยตอบกลับสั้น ๆ โดยไม่แสดงสีหน้าอะไร จากนั้นก็หันไปหยิบจานก่อนจะเทอาหารจากกล่องใส่จานอย่างเงียบ ๆ
“พี่กินด้วยกันไหมคะ”
“เธอสั่งมาแค่กล่องเดียวไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่มันเยอะมากเลย หนูคงกินคนเดียวไม่หมดแน่นอน”
คินมองหญิงสาวครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “งั้นก็มานั่งกินตรงนี้”
ชายหนุ่มพเยิดหน้าไปยังพื้นที่นั่งด้านข้างตัวเอง ซึ่งตอนนี้เขานั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ ละอองฟองก็พยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบจานข้าวขึ้นมา แล้วเดินไปนั่งลงบนพรมข้างเขาอย่างสบายใจ
“แล้วทำไมไม่ขึ้นมานั่งบนโซฟาดี ๆ ล่ะ” คินหันมามองเธออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอนั่งลงบนพื้น
“หนูอยากนั่งตรงนี้ค่ะ” ละอองฟองเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ รอยยิ้มอ่อนโยนนั้นดูเหมือนจะซ่อนบางอย่างไว้ข้างในด้วย
ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ในมือลง ก่อนจะหันมาสบตาเธอเต็ม ๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงสายตานิ่งลึกคู่นั้นที่จ้องมองมา ราวกับจะพูดแทนทุกความรู้สึกที่เขาไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
“โกรธฉันหรือเปล่า ที่บอกว่าจะพาไปกินข้าว แต่สุดท้ายกลับผิดนัด”
“หนูชินแล้ว”
เพราะชายหนุ่มผิดนัดเธอบ่อย โดยบ่อยที่ว่าก็แทบทุกครั้งที่เรามีนัดกัน ซึ่งพอโดนแบบนี้บ่อย ๆ เธอก็รู้สึกชินแล้ว
“ละอองฟอง”
“หนูมีสิทธิ์โกรธด้วยเหรอคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” พอเห็นสีหน้าเรียบนิ่งจ้องมองตัวเอง หญิงสาวก็รีบหันกลับมากินข้าวของตัวเองต่อ
“เธอเป็นคนของฉัน”
คำพูดของเขาทำให้เธอชะงัก แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทันที กระทั่งเสียงช้อนกระทบจานดังขึ้นเบา ๆ ก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง “เราจะอยู่แบบนี้จนถึงเมื่อไหร่เหรอคะ”
“ไม่รู้”
คำตอบสั้น ๆ จากคนใจร้ายทำให้ความเงียบเข้ามาแทนที่ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก หัวใจเธอสั่นระรัวขณะรวบรวมความกล้าเอ่ยในสิ่งที่เก็บไว้ในใจมานาน
“หนูไม่อยากอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้แล้วค่ะ”
ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดออกไปจากปากเธอ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นจากที่นั่งทันที แล้วรีบเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเธออีกเลย
ละอองฟองนั่งนิ่ง ราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้กับที่ มือยังถือช้อนค้างอยู่กลางอากาศอย่างลืมตัว ก่อนจะค่อย ๆ วางมันลงบนจานอย่างแผ่วเบา ราวกับไม่มีแรงเหลืออยู่เลยสักนิด
น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ตลอดบทสนทนาก็ไหลรินออกมาจนสุดจะห้าม กลายเป็นสายอุ่น ๆ ที่ไหลผ่านพวงแก้มโดยไม่ต้องขออนุญาต
เธอก้มหน้าลงช้า ๆ ด้วยความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาเต็มหัวใจ เสียงกระซิบที่เปล่งออกมาเบาราวลมหายใจแทบจะไม่เป็นคำ
“ไม่น่าพูดเลย” ริมฝีปากสั่นไหว น้ำเสียงขาดห้วง
“.....”
“ไม่น่าพูดออกไปเลยจริง ๆ” เสียงสะอื้นเบา ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้อง
หลังจากหญิงสาวปลดปล่อยคราบคาวรักออกมา จนถึงกับหอบหายใจถี่ คินก็พลันปาดลิ้นโลมเลียไปทั่วกลีบดอกไม้ เพื่อกลืนกินน้ำหวานทั้งหมดของเธอแน่นอนว่าในจังหวะนั้น ร่างกายของเธอก็พลันสั่นกระตุกอีกครั้งคล้ายคนจวนจะเสร็จสม ทั้งเสียวซ่าน ทรมานและรู้สึกสุขสมอารมณ์ไปพร้อมกัน“อึก...อื้อ พี่คิน พอแล้ว นะ...หนูเสร็จแล้ว อือ...”เธอเอ่ยเสียงสั่นพลางพยายามดันใบหน้าของชายหนุ่มอีกห่างจากตัวเอง เพราะแค่ถูกเขาสัมผัสเพียงเล็กน้อย เธอก็เสียวซ่านจนใจแทบจะขาดเสียให้ได้ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะถูกเขากินในห้องครัวแทนข้าวแบบนี้“หนูเสร็จแล้ว แต่พี่ยังไม่เสร็จนี่” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเรียบ ๆ แบบไม่อายปาก“พะ...พี่ยังไม่เสร็จแล้วจะให้หนูทำยังไงเล่า”ละอองฟองเอ่ยตอบทั้งที่หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่าย แถมยังเริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมานิด ๆ จนต้องยกมือขึ้นปิดหน้าอก พลางหุบขาเข้าหากันอีกครั้งทว่าคินกลับเร็วกว่า เขาคว้าวงแขนเรียวทั้งสองข้างเอาไว้ ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาเต้าอวบที่ชูช่อเต่งตึงล่อใจอยู่ตรงหน้า พลางอ้าปากงับด้วยท่าทางหิวโหย“อ๊ะ! อะไรกัน พี่คิน อื้ออ กินไปรอบหนึ่งแล้วนี่นา อ๊า”ละอองฟองแกล้งโวยวายเบา
คินเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม อารมณ์ดีตั้งแต่ยังไม่ก้าวพ้นประตู เพราะเพียงแค่คิดว่าภรรยาสาวกำลังลงมือทำอาหารรอเขาอยู่ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันก็พลันสลายไปในพริบตาโดยทันทีที่เสียงประตูบ้านปิดลง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาหัวใจของเขาเต้นแรงกว่าเดิม เพราะตอนนี้ภรรยาสาวกำลังยืนอยู่หน้าเตาในครัว ร่างบอบบางสวมผ้ากันเปื้อนพิมพ์ลายน่ารัก ผมยาวถูกรวบขึ้นลวก ๆ ให้พ้นใบหน้า เผยลำคอระหงขาวนวล ขณะที่มือเล็กกำลังขยับปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่วเธอกำลังฮัมเพลงเบา ๆ ไปตามจังหวะดนตรีที่เปิดคลออยู่ เสียงหวานนั้นกลมกล่อมพอ ๆ กับกลิ่นหอมจากหม้อแกงที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องครัวคินหยุดยืนมองอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไร แววตาคมเต็มไปด้วยความละมุน ราวกับต้องมนตร์สะกด เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าความสุขของตัวเองจะเรียบง่ายเพียงเท่านี้ การได้กลับบ้านมาเจอผู้หญิงคนนี้ที่ยืนรออยู่ในครัวริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างขึ้นอีกนิด ก่อนที่เขาจะเดินย่องเข้าไปข้างหลังเธออย่างเงียบเชียบ พลางยกแขนกว้างโอบเอวบางจากด้านหลังแนบแน่น ก้มหน้าซุกลงที่ไหล่ขาวพร้อมสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธออย่างเต็มปอด“หอมทั้งกับข้าว หอมทั้ง
“คุณหนู”ทันทีที่ร่างบางก้าวลงจากรถ เหล่าแม่บ้านต่างก็รีบวิ่งกรูเข้ามาหาด้วยสีหน้าดีใจที่ได้เห็นเจ้านายสาวกลับมา หญิงสาวเห็นดังนั้นก็รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“สวัสดีค่ะ ช่วยเอาของหลังรถเข้าไปในบ้านให้หน่อยนะคะ วันนี้หนูแวะซื้อของมาเยอะเลย” เธอกล่าวเสียงอ่อนหวาน ก่อนจะยิ้มบาง “มีขนมครกด้วยนะ เอาไปแบ่งกันกินได้เลยค่ะ”“ขอบคุณค่ะคุณหนู” เสียงแม่บ้านตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง ต่างช่วยกันขนของเข้าไปอย่างขะมักเขม้น“แล้วนี่คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ไหนเหรอคะ” เธอหันไปถามแม่นมที่คอยเดินตามไม่ห่าง“คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายกำลังนั่งดื่มชาที่หลังบ้านค่ะ”“อ๋อ งั้นหนูไปหาคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะคะ แม่นมไปนั่งพัก กินขนมกับพี่ ๆ เขาได้เลย”“ได้ค่ะคุณหนู” แม่นมพยักหน้า ยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะถอยออกไปหญิงสาวเดินตรงไปยังสวนด้านหลังบ้านอย่างคุ้นเคย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกมะลิที่ปลูกเรียงรายตามทางเดินโชยมาตามสายลมอ่อน ๆ จนทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวพอมาถึงหลังบ้าน ก็พบว่าคุณพ่อกับคุณแม่กำลังนั่งจิบชากันอยู่ที่ศาลากลางสวน บรรยากาศร่มรื่นจนชวนให้รู้สึกอบอุ่นใจ“คุณพ่อ คุณแม่ สวัสดีค่ะ” เธอรีบยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมทันทีที่
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่”ทันทีที่รถจอดสนิท ละอองฟองก็รีบเปิดประตูลงจากรถ ก่อนจะเดินจูงมือสามีหนุ่มตรงเข้าไปในตัวบ้านด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความคิดถึงคนบ้านหลังนี้เมื่อก้าวเข้ามาด้านในแล้ว เธอก็พบกับคุณพ่อคุณแม่ของคินที่กำลังนั่งเล่นอยู่กับหลานชายตัวน้อยวัยสองขวบ ลูกชายคนเล็กของคิมน้องชายฝาแฝดของสามี ซึ่งทันทีที่ทั้งสองท่านเห็นเธอเดินเข้ามา ก็ยิ้มกว้างพลางกวักมือเรียก ละอองฟองจึงรีบเดินเข้าไปกอดท่านทั้งคู่ด้วยความรักและผูกพัน“คิดถึงจังเลยลูก ตอนพี่คินโทรมาบอกว่าหนูมาหาที่บริษัท แม่ก็ตกใจนะ เพราะเมื่อวานยังคุยกันอยู่ ไม่เห็นบอกอะไรเลย”“ถ้าบอกก่อน งั้นก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ละอองฟองยิ้มสดใส ก่อนจะหันไปโบกมือทักหลานชายตัวน้อยที่นั่งเล่นอยู่ “ตัวเล็กน่ารักจังเลยค่ะแม่”“จริงจ้ะ น่ารักมากเลย”ละอองฟองมองเด็กน้อยด้วยสายตาอบอุ่น ก่อนจะหันกลับมาถาม “แล้วพ่อแม่ของหลานไปไหนกันคะ”“พ่อแม่เขาพาเจ้าแฝดไปซื้อชุดนักเรียนน่ะลูก เปลี่ยนชั้นเรียนแล้ว ชุดมันคับก็เลยต้องไปซื้อใหม่”“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ละอองฟองพยักหน้าเข้าใจ คุณแม่ก็ไม่รอช้า จูงมือเธอไปนั่งลงที่โซฟาตัวว่าง โดยมีพี่คินนั่งลงเคียงข้างไม่ห่าง
ห้าปีต่อมา...“ถ้าทำมาแล้วได้แค่นี้ ทีหลังก็ลาออกไปซะ ฉันจะได้หาคนใหม่มาทำแทน” คินตวาดเสียงเข้ม พลางโยนเอกสารในมือลงกระแทกโต๊ะอย่างแรง เสียงกระดาษกระจายไปทั่วห้องประชุมจนพนักงานหลายคนสะดุ้งเฮือก หน้าซีดเผือด ต่างก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะสบตา“วันนี้ประชุมแค่นี้ สัปดาห์หน้าหวังว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก ไม่อย่างนั้น เตรียมหางานใหม่ยกทีมได้เลย”น้ำเสียงเย็นเยียบของเขากระแทกลงกลางใจคนฟัง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าตึงเครียด ขณะที่บรรยากาศหนักอึ้งยังคงคลุ้งอยู่อย่างนั้น“ท่านรองจะรับกาแฟอีกไหมครับ ผมจะได้ไปจัดการให้” ศักดนัย เลขาฯ คู่ใจที่เดินตามหลังเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ“ไม่ต้อง เอางานค้างทั้งหมดเข้ามา ฉันจะเคลียร์ให้เสร็จเอง”คินถอนหายใจแรงราวกับระบายความหงุดหงิด ก่อนจะเปิดประตูห้องทำงานเข้าไป แต่พอเข้ามาด้านใน กลับมีบางสิ่งทำให้เขาชะงัก กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมที่เขาคุ้นเคย กลิ่นที่ละอองฟองชอบใช้เสมอ มันอบอวลจนหัวใจเขาเผลอสั่นไหว“นี่กูคิดถึงเมียจนเพี้ยนไปแล้วเหรอเนี่ย”เขาพึมพำกับตัวเองพลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หนัง ยื่นมือไปหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาพลิกดูพอให้จิตใจได้จดจ่อก
หลายวันต่อมา...“วันนี้หนูแต่งตัวเป็นยังไง สวยไหมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับหันไปทำตาแป๋วมองคนข้าง ๆ“สวย” คินตอบสั้น ๆ แต่สายตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอไม่วางตา “แต่ว่าฉันว่าแก้มมันแดงไปหน่อยนะ”ละอองฟองรีบยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองทันที “ไม่แดงหรอก แบบนี้แหละ เทรนกำลังมา” น้ำเสียงของเธอเจือความมั่นใจปนขี้เล่นเล็ก ๆคินส่ายหน้าเบา ๆ แต่รอยยิ้มมุมปากกลับปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ตามใจ” เขาพูดช้า ๆ ราวกับจะยอมแพ้ให้กับความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก “วันนี้วันสุดท้ายแล้ว ตั้งใจสอบให้ดี ถ้าเทอมนี้เกรดออกมาสวย อยากได้อะไรก็จะซื้อให้”น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังอยู่ในรถทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้นทันที แม้จะเป็นประโยคธรรมดา แต่ละอองฟองกลับยิ้มกว้างเหมือนเด็กที่ได้ยินสัญญาจากผู้ใหญ่ใจดี“จริงเหรอคะ พูดแล้วห้ามคืนคำนะ” เธอเงยหน้าขึ้นมามองทันที “อืม” เขาพยักหน้ารับสั้น ๆ “งั้นหนูอยากได้รถใหม่ เอาแบบแพง ๆ เลยนะ” เธอพูดพลางยิ้มกวน ความจริงไม่ได้อยากได้สักหน่อย แค่อยากลองเชิงเขาดูว่าถ้าเป็นของชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เขาจะยังตามใจเธออยู่หรือเปล่าคินเหลือบตาไปมองนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบ ๆ แต่แฝงความมั่นคงในน้ำเสียง“