LOGINเขาเริ่มทำงานอย่างจริงจังหลังจากสอนงานคนอายุมากกว่าครบทุกอย่าง ว่าให้สานต่องานช่วงไหน ทำอะไรแบบไหน ส่วนอื่นเขาจะมาจัดการต่อเอง มีเพียงเสียงกระดาษที่พลิกไปมาเท่านั้น
"เดี๋ยวพรุ่งนี้มาช่วยใหม่นะ ฉันมีเรียนเช้า"
"แกมีเรียนตอนไหน" ไคชัวร์ถามพลางบิดขี้เกียจไปมา เพราะตนเองเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีเรียนเช้าแต่หน้าปัดนาฬิกาบอกว่าเลยไปค่อนคืนแล้ว รีบไปพักผ่อนตอนนี้น่าจะยังทัน
"มีเรียนบ่าย แกไปนอนเลย นี่มันตีสองแล้ว"
"ได้ ฝันดีล่วงหน้า"
"อืม ฝันดี ไคชัวร์"
"ผมไปนอนแล้ว ฝันดีล่วงหน้าครับ รุ่นพี่จินฮวน"
"ฝันดีครับ ไคชัวร์"
แกร๊ก!
"พี่มีเรียนตอนไหนครับ พักก่อนไหม" เขาพลางหันหน้ามามองอีกคนที่เหมือนจะงัวเงียอยู่
"มีเรียนบ่ายแต่ว่าง่วงมากเลย... อยากทำตรงนี้ให้เสร็จก่อน..." เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับมาเบาๆ
ร่างสูงเดินไปหาอีกคนแล้วจูงมือให้ออก
“อย่าดีแต่ปาก ทำให้ได้ด้วย” ไคชาร์ตอบออกไป“เป็นไคชัวร์ปลอมตัวมาใช่ไหมเนี่ย! ทำไมปากร้ายแบบนี้” ไคซีเริ่มไม่ไว้ใจ“ผมนี่ล่ะ! ไม่ใช่ไคชัวร์หรอก แต่บอกตรงๆ ว่ารำคาญการรับปากด้วยปากเต็มทนแล้ว กลับไปทำหน้าที่การงานที่ควรทำเถอะ”“พี่สามารถกลับมาบ้านตอนเทศกาลได้ใช่ไหม”“กลับมาได้เสมอถ้าเป็นเทศกาล หรือมีเอกสารที่ต้องสอบถามจากพ่อแม่ แต่ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องเสนอหน้ามา ผมให้แค่นี้ล่ะ ถือว่ายอมมากแล้ว”“นั่นสินะ ถ้าเทียบกับที่ผ่านมาคงอึดอัดน่าดู”“ผมอึดอัดมานานแล้วแค่ไม่อยากพูดเฉยๆ แต่รอบนี้มันไม่ใช่แล้ว มันมากเกินจะทน ไม่ส่งนะ! ดูแลตัวเอง”ไคซีมองน้องชายคนเล็กของบ้านเดินออกจากห้องนอนตนเองไปด้วยแววตาเศร้าหมอง เธอก็แค่อยากให้ความรักกับน้องชายทั้งสองคน ที่ในอดีตความอิจฉาของเธอมันบังตาทำให้ไม่ได้ให้ความรักอย่างที่ควรจะเป็น ทำดีแค่เฉพาะกับตอนที่พ่อแม่อยู่เท่า
“หมายความว่ายกโทษให้พี่แล้วงั้นเหรอ” ไคซีถามด้วยความสงสัย“ก็บอกว่ารับทราบแล้วจะเก็บไปคิดอีกที พี่หูไม่ดีเหรอ” ไคชาร์บอกพลางด้วยสายตาเอือมระอา บางครั้งก็รู้สึกว่าถ้าทำเหมือนไม่ตอบไปซะแบบไคชัวร์ก็อาจจะดีไม่น้อยเลย ทำไมยิ่งตอบเหมือนยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิมก็ไม่รู้“แล้วมันต่างกันยังไง”“ต่างสิ ยกโทษให้หมายความว่าผมให้อภัยแล้ว แต่บอกว่ารับทราบหมายถึงรับรู้ ไปเรียนหลักภาษามาใหม่เถอะ”“ไอ้แฝดนรกเอ๊ย!” ไคซีด่าไล่หลังตามมา“ขอบคุณครับ” ไคชาร์ขานรับแล้วเดินออกมาจากห้องเป็นคำที่ได้ยินมานานจนเรียกว่าเคยชินแล้วหรือเปล่ากับคำว่าแฝด แล้วไม่รู้ว่าไปเอาคำนั้นมาจากไหน แต่ก็ไม่สนใจหรอก จะเรียกยังไงก็ช่าง ตราบใดที่คนรักยังจำเขาไม่สลับกับพี่ชายฝาแฝดก็เพียงพอแล้ว คนอื่นก็ช่างมันแล้วกัน
ณ สนามบินนานาชาติไต้หวันเถา-ยุเหวียน“พวกเราขยันกลับมาไต้หวันกันเหลือเกินนะ ทำเหมือนมันอยู่แค่หน้าทางเข้ามหาลัยกับหอพักเลย” ไคชัวร์บอกพลางมองไปรอบสนามบิน“คนที่ให้บินมาคือแกไม่ใช่หรือไง จะมาบ่นอะไรอีก” ไคชาร์บอกพลางหาวไปด้วย ก็แค่คุยกันว่าควรจัดการเรื่องให้เรียบร้อยสักพักตัวมาอยู่บนเครื่องบินแล้ว ดูออกเลยว่ามันสั่งให้คนพามาบนเครื่อง ไม่ได้ถามความสมัครใจกันและจะมาพูดเพื่ออะไร“ไม่คิดจะทำตัวดีใจว่าได้กลับมาบ้านเกิดหน่อยเหรอ”“รีบนั่งรถกลับบ้านเถอะ จะได้เคลียร์ปัญหากัน”รถลีมูซีนจอดรอให้ทั้งคู่ขึ้นไปและเมื่อเข้าไปแล้วแฝดพี่นั่งเล่นเกม ส่วนแฝดน้องนอนหลับไม่สนใจใคร บรรยากาศของทั้งคู่ในครั้งนี้ดูไม่ดีเอาเสียเลย ทำให้คนขับรถและคนที่นั่งข้างกันนั้นพากันเงียบตามไปด้วย เพราะกลัวจะรบกวนจนทำให้ทั้งสองคนไม่พอใจขึ้นมาแกร๊ก!
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ” จินฮวนถามย้ำอีกครั้ง“จะถามทำไม ในเมื่อก็ได้ยินอยู่แล้ว” จินฮานยักไหล่แล้วกลับมานั่งกินข้าวแทนการตอบ ใครจะบ้าตอบอีกรอบให้โดนด่ากันล่ะ หนีมากินข้าวน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ไคชาร์ถามพลางสะบัดผมไปมาอยู่หน้าห้องน้ำ เหมือนได้ยินเสียงเถียงกันไปมาอยู่สักพัก หรือเขาไม่ควรถามเพราะเหมือนรุ่นพี่จะถลึงตาใส่แม้ไม่ได้พูดออกมา ส่วนพี่จินฮวนรอยยิ้มดูน่ากลัวแปลก ๆ“มี / ไม่มี” คำตอบของทั้งคู่ไม่ตรงกันยิ่งดูน่าสงสัยกว่าเดิม“แค่อยากได้ยินพี่ชายพูดซ้ำ แต่เหมือนว่าจะไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง” จินฮวนไม่ยอมแพ้ เขายังอยากให้อีกฝ่ายพูดออกมาให้ได้ อย่าคิดที่จะหนีเด็ดขาด“ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ชอบพูดซ้ำ” จินฮานเอ่ยพลางยักไหล่“พี่จ
แกร๊ก!“เฮ้อ.....นึกว่าจะไม่รอดแล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ ฝีมือของฉัน”“สมบูรณ์แบบเหมือนคุณชายใหญ่มาก สมกับเป็นฝาแฝดกันเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงคุณชายจินฮานเท่านั้นที่จะปลอมตัวเป็นคุณชายจินฮวนได้ แต่วันนี้คิดว่าทั้งสองฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจริง ๆ ” เลขาของจินฮานเอ่ยปากชม เอาจริงเหมือนมากจนเขากลัวจริง ๆ ไม่ใช่แค่การแสดงเท่านั้นแต่คงไม่กล้าบอกออกไปว่าความกลัวทั้งหมดนั้นเกิดจากเขากลัวคุณชายจินฮวน ไม่ใช่เพราะว่ากลัวคุณชาย จินฮานเลยแม้แต่น้อย สีหน้า การพูด ท่าทาง แทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันมากแค่ไหนแต่การแสดงเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น แต่พวกเขาทำได้ราวกับหายใจ บ่งบอกถึงความรักและความใส่ใจกัน“ถ้างั้นไปเยี่ยมพี่จินฮานที่โรงพยาบาลกันเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงผมแย่แล้ว”“ได้ครับ คุณชายเล็ก”เขากดสั่งอาหารร้
ณ งานการกุศลเป็นการออกงานครั้งสุดท้ายของ จินฮานก่อนจะกลับไปเรียนหนังสือตามปกติร่วมกับน้องชายฝาแฝด ข่าวลือที่เขามักจะรักและเอ็นดูน้องมากผิดปกตินั่นไม่ใช่ข่าวลือที่เกินจริง เพราะมันเป็นเรื่องจริงมานานแล้ว ทุกคนในแวดวงธุรกิจและสังคมรับรู้โดยทั่วกันว่าจินฮวนได้รับความรักมากผิดปกติและเจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นหรือปริปากอะไรทั้งนั้น รวมถึงยอมรับทั้งหมดนั่นด้วยความเต็มใจและรอยยิ้มที่สดใสอีกต่างหาก ทำให้ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจกับประเด็นนี้เท่าไหร่ ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่จากรถลีมูซีนรุ่นล่าสุดว่าใครสามารถซื้อทันในรอบแรกที่มีวางขายในอเมริกาเมื่อประตูเปิดออกมาว่าเป็นใคร ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรตกใจเช่นกัน เพราะคนชอบรถมากอย่างจินฮานจะต้องซื้อเก็บสะสมเอาไว้อย่างแน่นอน“จำเป็นจะต้องซื้อทั้งหมดกี่ภาพ อยากรีบกลับบ้าน” รวมถึงเรื่องที่เป็นคนปากร้ายมากที่สุดก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แตกต่างจากน้องชายฝาแฝดอย่า
![เพียงชั่ววูบเดียว [MPREG]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)






