"ใครที่ติดเชื้อถือเป็นเลือดไม่บริสุทธิ์ ใช้ไม่ได้! หวังว่าทุกคนคงเข้าใจ!"
แพรวแผดเสียงดังขึงขัง เธอลดปืน 9 มม.กร็อก18 เก็บเข้าที่ซองเก็บด้านหลัง พลันผายมือบอกให้ทุกคนขึ้นรถ
.
เชื่อไหมว่าไม่มีใครกล้าหือกับเธอสักคน ทุกคนนิ่งเงียบก้มหน้าก้มตาเก็บของทำตามคำสั่ง การที่มีเด็กท้ายรถคนหนึ่งติดเชื้อนั่นหมายความว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป อาจจะต้องหิวข้าวหิวน้ำกันอีกหลายวัน แต่ก็ช่วยไม่ได้! ทุกคนต่างรีบเคี้ยวแคปซูลที่ได้รับแจกมากันตุ้ย ๆ ก้นหน้าก้มตากลับมาทำหน้าที่ของตัวเองตามเดิม
.
"มันไม่โหดไปหน่อยเหรอคะน้องแพรวพี่ว่า.. บางที.. ขวัญกำลังใจของ.ง.ง"
.
"ไม่หรอกค่ะหนูเข้าใจว่าพี่เป็นพยาบาล พี่เคยอยู่ในที่ ๆ เต็มไปด้วยพลังบวก มีแต่คนใจดีอยู่รอบตัวเต็มไปหมด พี่ไม่เหมือนหนูโลกแบบนั้นไม่มีอีกแล้วพี่ ให้ความสวยอยู่บนใบหน้าหนูก็พอ พี่ไม่ต้องโลกสวยหรอกมันเปล่าประโยชน์!"
.
กดปุ่มที่หลังหูดัง "กริ๊ก" โดยฉับพลัน! หน้ากากครอบแก้วอันเดิมตวัดขึ้นมาครอบหน้า พร้อมกับการทำงานของใบพัดฟอกอากาศ ~~ฟู่...ฟู่..~~
.
"แต่น้องแพรวคะ!?"
.
"ไม่ค่ะพี่! ใส่หน้ากากซะแล้วไปขึ้นรถ! ต่อไปนี้พี่ต้องคุมรถคันหลังสุดให้ดี ในกรงนั่นไม่ใช่เด็ก ๆ พวกเขาคือสินค้า พลาสม่าในเลือดอันบริสุทธิ์คือยารักษาเชื้อ Covid - 19 ที่ประเมินค่าไม่ได้ ได้โปรดจำเอาไว้ด้วย! อย่าให้เลือดบริสุทธิ์ปนเปื้อนอีกเป็นอันขาด เด็กเหล่านั้นคือทางรอดเดียวของพวกเรา"
"ส่วนเรื่องอาหารการกิน , ที่อยู่อาศัย , การคุ้มกันความปลอดภัย หนูกับทีมส่วนหน้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง พี่ไม่ต้องห่วงแค่ทำหน้าที่ของพี่ให้ดีที่สุดก็พอโอเคนะคะ!"
.
"อะ..อืม..ค่ะ"
พยาบาลสาวตอบกลับเสียงอ่อย แม้ไม่อยู่ในชุดเครื่องแบบแต่สีหน้าท่าทางของเธอ ก็ยังคงเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตาธรรมอยู่ดี
.
เธอเดินอ้อมไปอีกฟากเพื่อเช็คประตูลูกกรง ก่อนจะเปิดประตูรถด้านข้างคนขับขึ้นไปนั่ง ส่วนแพรว อิสรานั้นอ้อมไปอีกฝั่ง เธอชะโงกหน้าขึ้นไปคุยกับพี่โชว์เฟอร์คนขับ ที่บัดนี้ก็คาดหน้ากากครอบแก้วแบบเดียวกับเธอไว้แล้ว เสียงปั่นของใบพัดสองอันดังจนคุยกันไม่ได้ยินนัก แต่ถึงกระนั้นแพรวก็แค่ยื่นมือมาเคาะที่จอตรงคอนโซลหน้ารถสองสามที พลางทำมือชี้ไปข้างหน้าเท่านี้ก็เป็นอันรู้กัน
.
"รับทราบครับคุณแพรว.. แผนที่กับพิกัดเป้าหมายต่อไปจะส่งมาทางจอนี้ใช่ไหมครับ?"
.
"(ค่ะ^^)"
เธอตอบด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนไว้ใต้หน้ากาก ก่อนจะกระโดดลงจากประตูรถออฟโรดโหลดสูง แล้ววิ่งย้อนกลับไปยังรถคันแรกเพื่อสั่งการบังคับบัญชาไปสู่ที่หมายต่อไป
.
ที่ ๆ เธอเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ รู้แต่ว่าเป็นที่ ๆ ปลอดภัยสำหรับทุกคน เพราะมีตัวเลขของการแพร่กระจายสะสมน้อยที่สุด
.
"ขึ้นเหนือกันพี่! ลองขับขึ้นเหนือดูเมืองหลวงอย่างที่นี่ ไม่เหลืออะไรให้เราแสวงโชคอีกแล้ว!"
.
.
"บรื้นนนนน!!!! ๆ ๆ ! , บรื้นนนนนน!!! ๆ ๆ ! , ปี้น ๆ ๆ !"
.
.
ล้อรถหมุนบดพื้นถนนสอดคล้องกับเข็มบนหน้าปัดนาฬิกาที่หมุนกลับทิศ ย้อนเล่าเหตุการณ์ถอยหลังกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ปี 2019 ปีที่ไวรัสโคโรน่าส่งผลรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามของคนทั้งโลก
.
ณ หอพักนักศึกษาในย่านกลางเมืองอันแสนสงบ ขอสงวนชื่อเอาไว้แต่อยากให้รู้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ สถาบันแห่งนี้ผ่านมาแล้วทั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง , สงครามกลางเมือง 14 ตุลา 2516 , หรือแม้กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ประวัติศาสตร์อันโหดร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าถาโถมเข้าใส่อัครสถานแห่งการศึกษาแห่งนี้ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนแปลกประหลาดเท่าครั้งนี้มาก่อน มหาลัยต้องปิดการเรียนการสอนทั้งหมด หอพักนักเรียนต้องขับไล่ผู้คนออกจากโรงนอน เพียงเพราะเชื้อไวรัสร้ายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
.
โรคระบาด! แต่ทว่าก็ยังมีพวกขี้กากที่อาศัยอยู่ในหอต่อไปโดยไม่แคร์คำสั่งจากเบื้องบน เขาคนนั้นคือ "เปรม" ชื่อจริงคือ "เปรมนัศ" ที่ไม่ใช่ "ธรรมนัส" ผู้โด่งดังจากการค้าแป้งบนเวทีการเมือง เปรมลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่งที่เพื่อน ๆ คนอื่นต่างพากันขนข้าวของย้ายออกไปกันหมด ความหล่อของเขาเรียกได้ว่าทรมานกระจกทุกบาน แต่ก็สายเกินต้านเมื่อหอรวมแห่งนี้ไม่มีสาว ๆ เหลืออยู่เลยสักคน ทุกอย่างโล่งเตียนเงียบเหงาจนหอพักที่ใหญ่ที่สุดในย่านมีสภาพไม่ต่างจากอพาร์ทเมนต์ผีสิง
.
น้ำสะอาดกระซ่านเซ็นเต็มใบหน้าพอชำระล้างหน้าตาเสร็จ เปรมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาหยิบสมาร์ทโฟนของตนเองขึ้นมาเช็ควันเวลาบนหน้าจอ แต่ทว่าสิ่งที่เห็นกลับกลายเป็นเบอร์โทรศัพท์ของสาวเจ้านางหนึ่งซึ่งเป็นคนที่เขาแอบรัก
.
"เฮ้อ.. เราจะตายก่อนรึเปล่านะ?"
"ไอ้เปรมเอ๊ย! แค่บอกรักผู้หญิงคนเดียวยังไม่กล้า อุตส่าห์อยู่หอนี้มานานจนได้เป็นถึงประธานหอแล้วแท้ๆ ดันไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง"
"เวรเอ๊ย! เกลียดตัวเองชะมัด!"
พูดเสร็จก็คว่ำหน้าจอสมาร์ทโฟลงบนโต๊ะตามเดิม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกทีชำระล้างร่างกายให้สะอาดสดชื่น
.
เสร็จแล้วจึงเดินออกมาใหม่พร้อมกับทรงผมทรงเก่งและเสื้อกราวน์สีขาวสุดเนี๊ยบ
.
ใช่แล้ว! เปรมคือนักศึกษาคณะเภสัชชั้นปีที่ 3 เขาอาจจะต้องใช้เวลาเรียนอีกหลายปีกว่าจะจบ แต่บารมีกับภาษีสังคมที่ได้รับมานั้นก็ถือว่าใช่ย่อย ความหล่อยืนหนึ่งบุคลิกภูมิฐานสะอาดสะอ้านตามมาเป็นอันดับสอง ซึ่งแค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะทำให้พี่น้องชาวหอทั้งหลายยกเปรมให้เป็นประธานโดยไม่ต้องเลือกตั้ง น้ำเสียงที่สุภาพ , ท่วงท่าที่อ่อนน้อม , ดูผ่าน ๆ บุคลิกของเขาช่างคล้ายคลึงกับคุณหมอทวีศิลป์ โฆษกสาธารณสุขที่แถลงข่าว covid- 19 ให้พวกเราฟังอยู่ทุกวันเหลือเกิน ต่างกันแค่เป็นเวอร์ชั่นย้อนยุคและยังหนุ่มยังแน่น
.
เปรมเดินออกมาจากหอพักลัดเลาะไปตามขอบฟุตบาท ใช้เวลาอยู่ร่วม 5 นาทีในที่สุดก็มาถึงร้านขายยาอันเป็นเป้าหมาย ร้านแห่งนี้เป็นร้านของคุณน้าของเขา และด้วยความที่มหาลัยไม่มีการเรียนการสอนเปรมก็เลยต้องมาหาอะไรทำที่นี่ไปพลางก่อน
.
ด้วยความรู้ความสามารถที่มีถึงจะยังเรียนไม่จบ แต่ถ้าเป็นเพียงยาสามัญประจำบ้านแล้วล่ะก็คงมิใช่ปัญหา เขาสามารถแนะนำและจัดยาให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างสบาย ๆ
.
ครืดดดดด! , ครืดดดดดดด!
เสียงประตูเหล็กหน้าร้านเปิดสูงขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าของคนที่อยู่ภายใน
.
"เอ้าเปรม! มาแล้วเหรอลูก! มาเร็วจัง!"
.
"ครับน้า! บอกเลยนะครับว่าวันนี้จะให้ผมทำอะไร คิดซะว่าผมเป็นเด็กฝึกงานคนหนึ่ง"
.
น้าสาวพยักหน้าเอ็นดูในความตั้งใจของหลาน เพราะงั้นถึงสั่งให้เปรมเอาโต๊ะพับไปกางที่หน้าร้าน "พวกเราจะทำการแจกหน้ากากอนามัยกัน" แกว่าอย่างงั้น ไอเท็มโคตรแรล์ของที่หายากยิ่งกว่าทองคำในยุคสมัยที่พ่อค้าคนกลางพากันกักตุนและฟันกำไรมหาศาล ทว่ากับร้านขายยาแห่งนี้ ญาติสนิทมิตรสหายของเปรมกำลังจะทำการแจกจ่ายมันฟรี ๆ ให้แก่ใครก็ได้ที่เดินผ่านไปผ่านมา
.
"ช่วยในแบบที่เราช่วยได้.. ถ้าน้าทำกับข้าวอร่อยป่านนี้น้าทำกับข้าวแจกทุกคนไปแล้ว"
น้าสาวยิ้มกว้างใจดีตามสไตล์ แล้วก็คงเป็นเพราะแบบนี้ละมั้งเปรมจึงมีนิสัยหล่อ ๆ เหมือนกับหน้าตาของเขาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
.
ใช้เวลาตระเตรียมแบกลังหน้ากากมากองสุม ทำป้ายประชาสัมพันธ์อยู่อีกหน่อยนึงไม่นานก็แล้วเสร็จ ปรากฏว่ามีคนมาเข้าคิวรับหน้ากากแจกเป็นระยะ แล้วก็มีคุณป้าคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาขอคำแนะนำจากเปรมผู้ซึ่งแต่งตัวดูเหมือนหมอที่สุดในกลุ่ม แกถามเขาว่า
.
"มันเหมือน "โบโลน่า" ที่ใส่แซนวิซไหมลูก ไอ้ไวรัส "โคโรน่า" อะไรเนี่ยะ?"
.
เปรมทำหน้างง แม้แต่เจ้าของร้านกับลูกน้องคนอื่น ๆ ก็งงตามไปด้วย
.
"ไม่เหมือนหรอกครับป้า.. ป้าใส่แมสไว้ตลอดนะครับ.. ถ้าไม่อยากตาย!"
เขาตอบห้วน ๆ เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาไปทั่วบริเวณ
.
.
กว่าจะแจกของเสร็จช่วงเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ตอนเย็นซะแล้ว หนุ่มหล่อลุคคุณหมอจึงเลือกที่จะเข้ามาเดินเล่นในมหาลัย ที่นี่เงียบเหงามากจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าสถานการณ์ยืดยาวต่อไปผู้คนจะมีชีวิตอยู่กันยังไง? ความดีที่ทำไปจะมีประโยชน์อะไร? เขาคิดย้อนถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำผิด ความพลั้งพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำกับเธอคนนั้นให้เสียใจจนยากจะให้อภัยตัวเอง..
.
ลมโชยโบยแก้มก่อนจะมาหยุดฝีเท้าเอาตรงหน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า "Gutuso cafe" มันเคยเป็นที่ ๆ เขากับเธอชอบมานั่งด้วยกันเป็นประจำ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนผันไปหมดแล้ว
.
รูดม่านปิดบัง! , กันสาดถูกพับ! , ดอกไม้ในกระถางแห้งตาย! , ต้นไม้เหี่ยวเฉา! , ชานระเบียงที่ยื่นออกมาเต็มไปด้วยขี้ฝุ่น!
.
"เปรี๊ยะ!!!"
.
แล้วจู่ ๆ โสตประสาทก็รับรู้ได้ถึงเสียงฝ่ามือที่กระทบใบหน้า! ความเจ็บแปร๊บนี้แลบขึ้นมาจากห้วงแห่งความทรงจำของเปรม
.
"เธอทำแบบนี้กับเราได้ไง?!"
"ไม่คิดอะไร..? , แล้วใจที่มันให้ไปแล้วล่ะวะ..? , ใครจะรับผิดชอบ!"
.
แพรว อิสรา ในชุดนักศึกษาตะโกนขึ้นกลางร้าน เธอปรี่เข้ามาประชิดตัวแล้วทุบตีเปรมด้วยสันกำปั้นอันแผ่วเบา ทุบ ๆ ๆ ! ตี ๆ ๆ ! ยิ่งตีน้ำตาก็ยิ่งไหล ฝั่งเปรมเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดเธอไว้ เขาปล่อยให้เธอทำต่อไปทำทุกอย่างตราบเท่าที่เธอสบายใจตามแต่ใจต้องการ
.
"เราขอโทษ..~"
เขาพูด จำนวนคนในร้านอาจจะบางตาทว่าหน้ากากที่ใส่แล้วเห็นแต่ลูกตาก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขากำลังตกเป็นเป้าสนใจ
.
กระทั่งตัวเขาต้องดึงสติกลับออกมาสู่โลกปัจจุบัน! เปรมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เคลื่อนตัวแช่มช้าคล้ายจะหยุดนิ่ง สีเหลืองอมส้มแดงเรื่อของมันถูกฉาบทับด้วยม่านควันจากฝุ่นละออง PM 3.0 กลืนไม่เข้าคายไม่ออก.. หายใจก็ไม่ออก.. เจ้าตัวยังคิดอยู่เลยว่าตัวเองผ่านเรื่องแบบนั้นมาได้ยังไง
.
.
เขายังคงหวนคิดถึงมันอยู่เรื่อย ๆ แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ที่หน้าร้านกาแฟร้านเก่ง บรรยากาศเดิม ๆ ครื้นเครง ต่างกันแค่หนนี้ไม่มีใครเห็นเลย (มันมีแต่ความเงียบเหงา)
ภายใต้ผนังห้องที่ทึบตันอับทึบแสง แดดจะแยงยังยากลำบาก มิหนำซ้ำยังถูกพอกทับด้วยกระดาษกาวนานาชนิดที่ปิดผนึกทุกอย่างเอาไว้กันเชื้อโรค ให้ตายเถอะถ้าไม่ขาดใจตายก็มีแต่จะร้อนตายกันเท่านั้น เพื่อนซี้ที่เพิ่งได้กันเลยค่อย ๆ เผยอเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้น.แพรวลุกขึ้นได้ก่อนเธอเห็นทุกอย่างขาวพร่าดวงตายังไม่โฟกัส แต่สติยังอยู่ดีไม่ได้ความจำเสื่อม กลีบผกายังคงแสบเสียวสะท้อนให้เห็นว่ากระเจี๊ยวที่แยงแหย่นั้นเร่าร้อนขนาดไหน.“ซีดดด.. มึนหัวจัง”พูดพลันเอื้อมมือไปคว้าเอาเสื้อยืดตัวบางมาสวมใส่แบบโนบลา ก่อนจะนั่งลงห้อยขาโน้มตัวมาด้านหน้าทำสีหน้าเศร้า.“มึงเป็นไงบ้างพี..?”.ร่างใหญ่ตวัดพลิกดีดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ ในชุดนุ่งลมห่มฟ้าเนื้อตัวดำกร้านของเขากลืนไปกับบรรยากาศห้องที่มืดหม่น เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา เอามือผสานกันวางไว้ที่ตักแบบเดียวกับที่แพรวทำ.“ครือ..อ..อ..อ..อ~!”เสียงแอร์ดังกลบทุกสรรพสิ่ง ราวกับว่าต่างคนต่างรอให้อีกคนมีปฏิกิริยาก่อน .“เราได้กันแล้ว..”พีเปิดประเด็น.“กูขอโทษ~ กูไม่เมาหรอก~ กูไม่~ แบบ..บ..บ..บ”“เหี้ยเอ๊ย! แม่งทำอะไรลงไปวะ?”ตีอกชกตัวทำทุกอย่างที่มีความรุนแรง แต่ใบหน้าดำคล้ำ
ปลายลิ้นสากลากวนหัวถันยอดเกสรลุกชูชันเกินจะต่อต้าน แพรวเริ่มขยับหนีตามจริตจะกร้านด้วยเพราะรู้โดยสันดานว่าตัวเองก็สมยอม แต่ก็ต้องพยายามขัดเอาไว้หน่อยไม่ให้ฝ่ายนั้นคิดว่าง่ายเกินไป เธอกระเถิบตัวขึ้นไปพิงกับพนักวางแขนของโซฟา ครานั้นพีก็ยังตามขึ้นมาโดยการใช้คางพาดไว้บนเนินอก.“หนีทำไม?”เขาเค้นเสียงถาม ลมหายใจร้อนผ่าวจนผิวเต้าเกร็งลุก.“…….”แพรวไม่ตอบเธอเหลือบมองไปทางอื่น พลันใช้มือปิดบังหน้าอกตัวเองเอาไว้ ก่อนจะดันร่างอันบอบบางกระเถิบหนีขึ้นไปพิงกับพนักโซฟา.“กูไม่ให้มึงหนีหรอก มึงพลาดแล้วที่คิดจะยั่วกูอีแพรว!”.ร่างหนาโผขึ้นไปประกบ ชั่วเสี้ยวอึดใจสองกายก็กลมกลึงรวมเป็นหนึ่ง พีสอดแขนเข้าล็อคตัวแพรวเอาไว้ก่อนจะใช้เข่าดันลำตัวส่วนบนอันแน่
เทปกาวหลายขนานปิดทับช่องว่างใต้ประตู ขอบหน้าต่างอัดแน่นไปด้วยกาวยางซิลิโคน ชนิดที่แม้แต่แมลงวันสักตัวก็แทรกผ่านเข้ามาไม่ได้ แอร์ถูกปิด เปิดเพียงระบบฟอกอากาศพอให้ได้ใช้หายใจ และถ้าหากฆ่าแพรวที่มีส่วนร่วมในการแย่งหายใจทิ้งได้ พีก็คงทำไปแล้ว.“มึงเว่อร์อ่ะอีพี!”แพรวตะโกนบอก ขณะนั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่บนโซฟา.“ช่างมึงสิ! ก็นี่มันห้องกู ๆ จะทำอะไรก็ได้ มึงไม่เห็นสิ่งที่มิวท์ทำเหรอ? มึงเห็นกับตาแล้วมิใช่รึไงว่าข้างนอกนั้นเป็นยังไงบ้าง กันไว้ดีกว่าแก้นะมึง!”ร่างหนาดั่งหมีป่าแบกตู้กับข้าวโครม ๆ พีลากมันมากั้นประตูหน้าห้องเอาไว้ เขากลัวเชื้อไวรัสขึ้นสมองจนต้องรีบกลับมารีโนเวทห้องตัวเอง ให้เป็นดั่งห้องปิดตายอย่างที่เห็น.“เฮ๊อะ! ตื่นตูมชะมัด! ต่อให้มีโคนัน 10 คนก็ไขเข้ามาไม่ได้หรอกถ้ามึงทำขนาดนี้”แพรวประชด.“ไม่ช่วยก็อย่าพาลดิ กูรู้หรอกว่ามึงคิดอะไรอยู่ในหัว ทำเป็นกลบเกลื่อนความเสียใจใช่ไหมล่ะ? ตอนซ้อนมอไซต์กูกลับมามึงถึงไม่พูดไม่จาสักคำ”.เจอประโยคนี้เข้าไปเล่นเอาสาวเจ้าถึงกับจุก แพรวเสยผมหนึ่งทีถึงรู้ว่าใบหน้าที่เคยขาวเด้งบัดนี้มีแต่คราบน้ำตา พีแทบไม่อยากเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห
เปรมที่ยืนอยู่บนท้ายกระบะพร้อมอยู่แล้ว เริ่มมีการขยับแข้งขาให้เข้าที่ ด้านหลังเขาคือตู้ตรวจเชื้อกระจกใส แต่ด้านหน้าคือฝูงชนมากมายที่ทยอยกันเข้ามาแออัดเนืองแน่น ส่วนหนึ่งต้องชมเจ้าหน้าที่ด้วยที่ทำงานได้อย่างขมีขมัน พวกเขากวาดต้อนผู้คนได้ครบจนเกือบหมด ไม่เช่นนั้นภาพที่ออกมาคงไม่คลาคล่ำขนาดนี้.หัวหน้าหน่วยเป่าปากพรูส่วนมือก็เริ่มมีการขยับ เปรมเริ่มหมุนจุกก๊อกตรงกลางฝ่ามือออกทั้งสองข้าง พลันทิ้งฝาปิดลงกับพื้นแล้วทันใดนั้นเอง กลุ่มก๊าซสีแดงฉานก็ลอยเอ่อออกมาจากรู บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง..~!.“พร้อมแล้วทีนี้ก็เข้ามาเลย! พ่อจะพ่นให้ร่วงเป็นยุงหน้าฝนเลยคอยดู ไอ้ไวรัสสารเลว ฮึ่ย~!".คิดได้ดังนั้นการลงมือก็บังเกิด สายละอองก๊าซลอยคละคลุ้งเป็นมุมเสยขึ้นไปบนฟากฟ้า อาศัยว่ายืนอยู่บนจุดที่สูงกว่ามวลก๊าซก็เลยโค้งปกคลุมลงมาโดนศีรษะของผู้ติดเชื้อแบบครบทุกคน แดงฉานบานสะพรั่ง ใครใส่เสื้อสีขาวมาเจอละอองแห่งการรักษานี้เข้าไปมีสิทธิ์กลายเป็นหนึ่งในแกนนำนปช.ได้ในทันที.แม้กระบวนการจะดูนอกคอกไปนิด แต่ก็ได้ผลดีเหมือนเช่นทุกหน ไม่มีประชาชนคนไหนคิดจะหลบหนีเลย พวกเขาต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำคืออะไร ใ
จักรกลสี่ล้อเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกันเป็นกลุ่มราว 3 - 4 คัน กลุ่มคาราวานนี้เคยเป็นรถกระบะใหม่เอี่ยมมาก่อน หากแต่ตอนนี้ได้แปรสภาพให้ด้านหลังมีลักษณะคล้ายกับตู้กระจก ภายในมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุด PPE หนึ่งคนนั่งประจำอยู่ งานของบุคลากรรายนี้คือการสวนโพรงจมูกชาวบ้านแล้วเอาสารคัดหลั่งมาตรวจสอบหาเชื้อในห้องแล็บ.เปรมนั่งอยู่ในห้องโดยสารของรถคันหน้าสุด คาราวานสืบสวนโรคจะเคลื่อนที่ไปทางไหนจะซ้ายหรือขวา ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาทั้งสิ้น ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้การมีสกิลแห่งการรักษาอยู่บนฝ่ามือทำให้ทุกคนยอมทำตาม เปรมจึงกลายเป็นบุคคลที่แสนจะ VIP ไปเลย.“เอาไงดีครับคุณเปรม ให้ผมขับไปทางไหนดี?”พี่คนขับถามขึ้น แกอยู่ในชุดคลุมปลอดเชื้อบนหัวสวมใส่หน้ากากครอบแก้วเสร็จสรรพ.เปรมสอดหนังสือคำสั่งจากทางภาครัฐและพับเอกสารคู่มือการใช้ฝ่ามือเข้าไปเก็บในเก๊ะหน้ารถ ก่อนจะหันมาโฟกัสกับเจ้าของน้ำเสียง .“ไม่ต้องคิดมากพี่ที่ไหนก็ได้แบบที่เราเคยทำ เอาที่ ๆ คนเยอะ ๆ ผมพร้อมเสมอแหละ”.“งั้นเอาเป็นซอยข้างหน้าเลยนะครับ ตรงนั้นเคยเป็นถนนคนเดินเมื่อตอนที่เชื้อยังไม่ระบาดผู้คนจากทั้งย่านชอบไปเดินซื้อของกันที่
เกรียวฝาจุกหลุดร่วงลงกระทบพื้น เปรมยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าเล็งให้ตรงกับลุงขอทาน ทันใดนั้นกลุ่มก๊าซปริมาณมหาศาลสีแดงเหมือนเลือดก็พ่นออกมาจากฝ่ามือ.“ฟู่!!!”.โอ้แม่เจ้า! สสารดังกล่าวย้อมทุกสรรพสิ่งรอบบริเวณให้คละคลุ้งฟุ้งกระจาย คุณหมอผมสีดอกเลาถึงกับต้องรีบเผ่นหนี ระหว่างหนีก็ยังใช้มือถือตวัดหันกลับมาถ่ายคลิปเก็บข้อมูลหลักฐานเอาไว้ แม้จะไม่ชัดมากแต่ก็เห็นพอลาง ๆ ว่าเปรมยังคงยืนเด่นเป็นสง่า เขาไม่มีทีท่าจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย มิหนำซ้ำยังใช้อุปกรณ์ที่เพิ่งได้รับมาได้อย่างคล่องแคล่ว.“ได้ผลจริงด้วยพวกเราทำสำเร็จแล้ว! การผ่าตัดฝังจักรกลลงอวัยวะบรรลุผล! การที่ร่างทดลองสามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์เป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขา ชิ้นส่วนเหล็กกล้าเข้าไปแทนที่กระดูกกับเส้นเลือดได้อย่างหมดจด หมดความกังวล”“จบการ