"เป็นธรรมดาที่เธอโดดเดี่ยว.. ทำอะไรเหมือนเธอเดินอยู่คนเดียว.. เหน็ดเหนื่อยกับปัญหาไม่มีใครม๊าาาา! เข้าจัยยยย! ♫!" เปิดหัวมาด้วยเพลงเก่าของวงโปเตโต้ที่โคตรจะเข้ากับสถานการณ์ แพรวในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะโดดเดี่ยวอย่างที่ใครคิด เธออาจจะผิดหวังจากการให้ใจผู้ชาย แต่นั่นก็ใช่ว่าทุกสิ่งจะต้องพังทลายลงซะหน่อย แพรวยังมีเพื่อนยังเหลือ "พี" กับ "มิวท์" สองเพื่อนซี้ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยปีหนึ่ง พวกเขามีพื้นเพเป็นคนกรุงโดยกำเนิด ก็เลยไม่มีความจำเป็นต้องขนย้ายข้าวของกลับภูมิลำเนาเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ
.
เคยได้ยินถ้อยคำจากโฆษณาเหล้าเบียร์ตัวหนึ่งที่บอกว่า "มิตรภาพ.. เหล้าสร้างไม่ได้" ไหม? เห็นทีจะไม่จริงแล้วล่ะ! ก็ในเมื่อกลุ่ม 3 สาวยังควงแขนกันไปนั่งดื่มที่ร้านประจำละแวกมหาลัยอยู่เลย
.
"ใครบอกว่าแกเป็นสาวยะ.. แกมันกระเทยอีพี!"
แพรวที่เมาน้ำแดงเฮลบลูบอยมาตั้งแต่บ่ายสำลอกออกมาเป็นคำพูด เธอเดินโซเซตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างกายออกมาจากหอ แถมยังคล้องแขนเพื่อนตัวโตเอาไว้แน่น
.
"เดี๋ยวแม่ทิ้งให้นอนข้างถนน! ปากหรือโถส้วมยะหล่อน! ถึงฉันไม่ใช่ชะนีฉันก็ไม่เคยโดนผู้ชายทิ้งเหมือนแกย่ะ! "
.
"อีตุ๊ด!"
.
"ตุ๊ดแม่แกสิ!"
"มึงต่อยกับกูไหมแพรว! ตุ๊ดอะไร! หรือมึงจะเอา!"
.
"เอาดี๊.. จะเอาก็ได้!"
.
โดนพูดแทงใจดำหน่อยเดียวพีเพื่อนซี้ก็ถึงกับน็อตหลุด ร่างหนาของเขาสะบัดแขนแพรวออกโดยพลัน คีย์เสียงนี่เปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำราวกับอมฮอลล์ผสมโอเล่ ว่ากันว่าชายต่อยหญิงถือเป็นสิ่งผิดแต่ถ้าเป็นตุ๊ดต่อยหญิงล่ะก็ ตามประเพณีอาจจะได้รับการยกเว้น
.
ร่างบางกราวรูดลงกับพื้นในทันใด แพรวนั่งพับเพียบอยู่กลางลานจอดรถ เคราะห์ดีที่มิวท์เพื่อนสนิทอีกคนตรงเข้ามาขวางเอาไว้ได้ เหมือนเธอจะแวะออกไปรับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง พอหันมาอีกทีเพื่อนซี้ก็ทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือซะแล้ว
.
"กรี๊ดดดดด! อะไรกันเนี่ยะทั้งสองคน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ห่างสายตาแค่แป๊บเดียวจะตีกันอีกแล้ว เธออ่ะผิดพีก็รู้อยู่ว่าเพื่อนอกหักแพรวกำลังต้องการที่พึ่งทำแบบนี้กับเพื่อนได้ยังไง.. ขอโทษแพรวเดี๋ยวนี้นะ!"
.
"แต่ฉัน...."
.
"ไม่ต้องเลย! มิวท์โกรธจริง ๆ ด้วยนะถ้าพีไม่ขอโทษ"
.
แล้วก็นี่แหละคือคาแร็คเตอร์ส่วนตัวของมิวท์ เธอเป็นสาวตัวเล็กตาโตกลมสวย ตัดผมหน้าม้าปล่อยตีนผมจรดแผ่นหลัง ว่ากันว่าสระผมทีมิวท์ต้องใช้ช่างจากร้านประจำถึง 3 คน เธอเป็นลูกคุณหนูผู้ซึ่งที่บ้านทำกิจการห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ แต่ละวันที่ผ่านพ้นเธอเห็นเพียงคุณพ่อคุณแม่แต่งชุดสวย ๆ ถือแฟ้มเอกสารเดินไปเดินมาอยู่ในบริษัท แล้วสิ้นเดือนก็จะมีเงินลอยเข้าบัญชีมาเอง
.
สาวร่างเล็กรายนี้เป็นคนที่รักความยุติธรรมมาก แถมยังรักเพื่อนเป็นที่สุด เธอคือหญิงสาวที่สวยที่สุดในสาขาใคร ๆ ต่างพากันชอบเธอ แต่สุดท้ายมิวท์ก็เลือกที่จะอยู่กลุ่มเดียวกับ "พี" แล้วก็ "แพรว" ผองเพื่อนตัวร้ายที่อยู่ด้วยกันทีไรมีอันต้องหาเรื่องต่อยตีกันได้ตลอด กับหนนี้ก็ด้วยที่เธอต้องตวาดดุพีขึ้นอีกครั้ง!
.
"ว่าไงล่ะพี.. พยุงแพรวขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!"
.
แก้มป่องบวมตุ่ยท่าทางน่ะคือโกรธ แต่ดูแล้วออกแนวน่ารักเหมือนปลาทองในตู้กระจกมากกว่า
.
"เออ ๆ ฉันช่วยก็ได้ ฉันขอโทษแพรวส่งมือมาสิ~"
.
แต่ทว่า!
.
"เอ้าอีดอก! , อีเวรนี่! , ทำไมมึงไปไม่รอเพื่อนรอฝูง!"
.
เห็นจะจริงอย่างที่พีบอก เพราะทันทีที่หลุบสายตาลงมาแพรวก็วิ่งแจ้นเข้าไปในผับซะแล้ว
.
"ตุ๊บ ๆ ๆ ๆ , ตุ๊บ ๆ ๆ ๆ "
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นรัวรันหน้าอกมิวท์กระเพื่อมเด้งดึ๋งดั๋ง ตัวไม่ใหญ่แต่ไฟหน้ามาเต็ม หล่อนจ้วงเท้าตามแพรวไปอย่างไม่ลดละ พลันปล่อยให้พียืนงงในดงอากาศ
.
รอบตัวเขาไม่มีใครเลย ลานจอดรถของผับแห่งนี้ว่างจนเอาสเก็ตบอร์ดมาไถเล่นได้ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเบะปากส่ายหน้า บางทีแพรวอาจจะรู้ตัวว่าเวลามีจำกัด เพราะงั้นเธอถึงได้รีบวิ่งเข้าไปในผับโดยไม่รอให้ใครสังเกตเห็น
.
"เฮ่ย! อีแพรว! มึงโกรธเขาหรือมึงหิวเหล้ากันแน่.. อีดอก!!"
พีตะโกนส่งท้าย
.
ครึ่งนาทีผ่านไปทุกคนก็มาหยุดอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าต่างคนก็ต่างอึ้ง โดยเฉพาะแพรวที่ถึงกับตาตื่น เธอส่างไปกับป้ายประกาศขนาดใหญ่ที่ติดไว้หน้าร้าน ซึ่งมีข้อความเขียนไว้ว่า
.
"ตามอำนาจของพรก.ฉุกเฉิน เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด covid-19 ที่ทวีความรุนแรง ทางร้านขอปิดให้บริการในทุกพื้นที่ ตั้งแต่วันนี้ - 30 เมษายน 2563 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ขออภัยในความไม่สะดวก"
.
"เชี่ย! ได้ไงวะ? เมื่อวานยังเปิดอยู่เลยนี่นา"
เฮลบลูบอยจางหายไปกับกระแสเลือด น้ำตาลในนั้นไม่อาจทำให้แพรวเสียการควบคุมได้อีกต่อไป ตาเธอตื่นเต็มร้อยยกมือขึ้นสางผมสีแดงแล้วก็ยี ๆ ๆ ขยี้ ๆ ๆ จนเละเทะยุ่งเหยิงหงุดหงิด
.
"ถุย! ให้มันได้แบบนี้สิวะ!"
มวลน้ำลายปลิวโค้งเป็นกราฟพาราโบล่า ก่อนจะหล่นแหมะเฉียดหลังตีนพีไปแค่ไม่กี่มิล
.
"อีแพรว!!"
.
"อะไร๊!!"
.
"อีสกปรก! เป็นผู้หญิงยิงเรือไม่รู้จักมีมารยาท กูบอกมึงแล้วว่า covid มันระบาดเชื้อโรคเยอะแยะมึงก็ลากกูมา เดือดร้อนกูกับมิวท์ที่ต้องขับรถออกมาปรนเปรออารมณ์มึงเนี่ยะเห็นไหม แล้วจะบอกอะไรมึงอย่างนะ มึงเองก็เรียนแลปเทคนนิคการแพทย์มาเหมือนกู มึงไม่รู้รึไงว่านำลายมันเป็นแหล่ง...ง....ง...ง"
.
"อุ๊บ!"
.
"หมับ!!"
.
ตัดจบด้วยอิทธิฤทธิ์ของมือบางที่มองไม่เห็น เมื่อจู่ ๆ มิวท์ก็โผเข้ามาจากทางด้านหลัง เธออ้อมมาในจังหวะที่พีกระเทยร่างโย่งกำลังพ่นฝอยน้ำลายด่าแพรวฉอด ๆ
.
"ชู่วววววว....เงียบได้แล้วจ่ะพี^^"
.
"หมับ!!"
.
"เธอเองก็ด้วยนะแพรวใจเย็น ๆ กันก่อน สถานการณ์แบบนี้ต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเอาไว้ พวกเราจะได้ไม่ติดเชื้อฉันเองก็จะใส่ด้วย นี่ไงเห็นไหม ^^"
.
มือเรียวของมิวท์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างแบบผู้หญิง ว่ากันว่าในนี้มีของสารพัดสิ่งที่ถ้าค้นกันจริง ๆ อาจจะมีโดเรม่อนตัวเป็น ๆ นอนขดอยู่ภายใน เธอใส่หน้ากากผ้าสีชมพูที่โคตรคูลและน่ารัก หนำซ้ำยังควักเอาเสปรย์ฆ่าเชื้อแบบพกพาออกมาพ่นฟู่ ๆ ๆ ~~ ฟู่ ๆ ๆ ~~! ขึ้นไปกลางอากาศเอาให้สะอาดไปทั้งบริเวณ
.
"นะ...นี่มัน..น..น !?"
เพื่อนผู้อกหักผายมือออกสองข้าง ก้มหน้ามองละอองฝอยที่เกาะอยู่ตามตัว และถึงแม้จะซ่อนอยู่ใต้หน้ากากแต่มิวท์์ก็พอเดาออกอยู่ดีว่าปากของแพรวคงจะเหวออยู่ภายใน
.
"พวกเราจะได้ปลอดภัยไงจ๊ะ.. มิวท์เป็นห่วงแพรวนะ ^^ แล้วก็ห่วงพีด้วย ^^"
.
"ชิ! ฉันตกใจแทบตายนึกว่าโดนการ์ดร้านล็อคตัว! แล้วนี่เราจะเอาไงต่อ.. กลับไหม.. เขาเคอร์ฟิวตอนสี่ทุ่มด้วยนะอย่าลืม พวกเราไม่มีเวลาถ้าแกอยากระบายนักก็ซื้อเบียร์เซเว่นกลับไปนั่งดื่มที่หอฉันก็ได้ฉันยกห้องให้เลย"
พีออกความเห็น
.
ฝั่งแพรวเองก็ดูเป็นกังวลเป็นอย่างมาก เธอรู้อยู่แกใจว่าห้องพีนั้นเป็นห้องของผู้ชายซึ่งไม่ได้มีแค่พีเพียงคนเดียว ตลอดระยะเวลา 3 ปีมานี้ไม่รู้พีเอาผู้ชายมาฟัดเป็นจำนวนเท่าไหร่ พระนครร้อยกว่าคนฝั่งธนยังไม่ได้นับ กลิ่นน้ำกามคงจะเหม็นหึ่ง นึกถึงภาพกางเกงในที่ผึ่งอยู่ตรงระเบียงแล้วอื้อหืออออ.. โคตรขยะแขยง..ง..ง..ง
.
"ไม่ได้ ๆ ๆ จะไปห้องพีไม่ได้! ฟิวมันไม่ใช่แล้วมิวท์ก็จะไม่ปลอดภัยเอา เกิดพีเมาแล้วหน้ามืดทำอะไรมิวท์ขึ้นมาล่ะ ไม่ได้ ๆ ๆ !"
แพรวคิดในใจ หล่อนเดินง่วนกอดอกหันรีหันขวาง
.
เดชะบุญที่มิวท์คิดอะไรดี ๆ ออก ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เพื่อนซี้รายนี้ได้ทำตัวเป็นฮีโร่ เธอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอรู้จักกับคนในผับ เจ้าของร้านน่าจะเป็นหุ้นส่วนกับคุณพ่อ ซึ่งถ้าหากเราเคาะประตูแล้วลองขอร้องเขาดี ๆ บางทีเขาอาจจะเปิดให้เข้าไป
.
"ก๊อก ๆ ๆ , ก๊อก ๆ ๆ"
.
เศษเสี้ยวหนึ่งของประตูแง้มออกมา ข้างในเป็นเศษเสี้ยวสายตาของเด็กหนุ่มหน้าสิวคนหนึ่งที่ส่องออกมาโต้ตอบเช่นกัน เขาคงจะเป็นหนึ่งในพนักงานที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงถูกเจ้าของร้านมอบหมายงานให้เฝ้าที่นี่เอาไว้
.
"ผับปิดนะครับ วันนี้ไม่เปิด"
เขาพูด
.
"จ๊ะเค้ารู้แล้ว แต่ตัวเองแบบ.. ช่วยให้เค้าเข้าไปหน่อยได้ไหมอ่ะ~"
มิวท์พยายามอ้อน เธอตะปบมืออันเรียวสวยทาบเข้ากับขอบประตูเหล็ก พลางยื่นใบหน้าที่บางใสแต่แฝงไปด้วยความเซ็กซี่เข้าไปใกล้ ๆ
.
แม้จะอยู่ใต้หน้ากากแต่ก็ทำเอาพนักงานบาร์ออกลูกประหม่าอยู่หน่อย ๆ มารยาหญิงเริ่มก่อตัว เธอยั่วเขา ขยับริมฝีปากเผยอขึ้นลงจนจ่อจะจูบกันอยู่รำไร
.
"ให้เค้าเข้าไปใกล้ ๆ อีกนิดสิ ประตูนี้มันขวางเราสองคนอยู่นะเผื่อเค้าจะได้.. แบบว่า.."
มิวท์ก้มศรีษะลงต่ำคอเสื้อกว้างออกขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ลุคของเธอดูคล้ายกับน้องมันแกวนมคุณธรรมซะเหลือเกิน สายตาเล็กหยีออดอ้อนราวกับจะขย้อนการมีเพศสัมพันธ์ออกมากองไว้ตรงหน้า
.
"ผมให้เข้าไม่ได้จริง ๆ ครับคุณลูกค้า.. เฮียเอาผมตายแน่.. กรุณาด้วยเถอะครับ.. กลับไปซะเถอะ"
.
"ไม่สิ.. ไม่พูดแบบนั้นนะ"
คราวนี้มิวท์ถึงกับลงทุนถอดหน้ากากอนามัยออก เธอดึงมันลงตวัดไว้ที่ใต้คางพลางจ้องหน้าเขาลึกลงไปถึงเรติน่าม่านตา
.
"(น่ารักจัง)"
"ตึก ๆ , ตึก ๆ , ตึก ๆ , ตึก ๆ"
เด็กหนุ่มคิดในใจ หัวใจสูบฉีดเลือดในอัตราเร็วแสง
.
"(นมก็ใหญ่.. ต้องเป็นนิสิตมหาลัยแน่ ๆ)"
ใจเต้นเป็นกลองเอ็นอุ่นกลางลำตัวชักจะเริ่มคุมไม่ไหว แต่ก็ยังดีที่มีจิตสุดท้ายยั้งใจเอาไว้ได้
.
เห็นเขาออกอาการขนาดนั้น มิวท์ก็เลยขยี้ต่อ!
.
"เค้าฝากเหล้าเอาไว้ที่นี่ด้วยแหละ.. พวกเรามาที่นี่กันออกจะบ่อย.. ตัวเองแค่หาน้ำแข็งกับโต๊ะอีกสักตัวสองตัวเอง.. น๊าาาน๊าาาา.. ถ้าไม่ถือสาเค้าจะแถมค่าขนมให้ด้วยก็ได้"
ปาดมือผ่านร่องเต้าทรงหยดน้ำ ลูบไล้ลงไปถึงสะโพก วนเนื้อผ้าให้แนบชิดจนหน้าอกหน้าใจมันบวมเป่งอัดลูกตา มิวท์เป็นคนตัวเล็กเพียงแค่หมอนี่เขย่งหน่อยเดียวก็เห็นไปถึงไหนต่อไหน
.
จนสุดท้ายก็ไม่ไหว! เขาเองก็ไม่ใช่เกย์ก็เลยเตรียมจะไขกุญแจให้โดยมีเงื่อนไขว่าแค่แป๊บเดียวเท่านั้น ถึงกำหนดเคอร์ฟิวส์เมื่อไหร่วงเหล้านี้ต้องยุติกลับออกจากผับทันที
.
"อืม..ได้จ่ะ^^ ตัวเองน่ารักจัง"
.
"อ่าาาา.. อืม. .คะ..ครับ (ไม่เป็นไร)"
.
เสียก็แต่!
.
"กรุ๊งกริ๊ง ๆ , กรุ๊งกริ๊ง ๆ "
.
"เอิ่ม.. กุญแจมันไขไม่ได้อ่ะครับ พอดีผมลืมไปว่าประตูหน้ามันต้องใช้ลายนิ้วมือแสกน แล้วก็มีแต่เฮียกับพนักงานระดับสูงเท่านั้นถึงจะเปิดได้ เสียใจด้วยนะครับไว้โอกาสหน้าดีกว่า.. เหอะๆ"
.
ส่งผลให้พีที่ทนดูอยู่นานต้องออกโรง เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วก็เลยเหวี่ยงร่างบางของมิวท์ออกจากหน้าประตู ก่อนจะตรงเข้ามาแทนที่แล้วชี้หน้าต่อว่า
.
"ได้ไงยะ! เพื่อนฉันอุตส่าห์เปลืองตัวขนาดนี้! แกคิดว่าเขาเป็นใครกัน! เนี่ยะน่ะลูกสาวท่านประธานบริษัท AP เชียวนะ! ตึกนี้ , อาคารนี้ , ที่ดินตรงนี้ล้วนแต่เช่าที่ของบริษัท AP มาทั้งนั้น! ให้พวกเราเข้าไปเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากมีเรื่อง!"
.
"อย่านะ!"
"ไม่เอาน่ะพี.. น้องเขายังเด็กอยู่เลยอย่าไปดุเขาแบบนั้นสิ"
.
มิวท์พยายามปรามแต่ด้วยความที่เป็นเกย์ตัวใหญ่อย่างกับคิงคอง มีหรือจะต้านทานไหว พีเขย่าลูกกรงหน้าร้านโครม ๆ ยกระดับมาตรการกดดันสูงสุด
.
ซึ่งคนที่น่าสงสารที่สุดดูเหมือนจะกลายเป็นมิวท์ สาวน้อยผู้อ่อนแอที่ทำทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ดังหวัง หนำซ้ำยังต้องมาหยุดการคุ้มคลั่งของสัตว์ประหลาดตนนี้อีก เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างในก็เลยรู้สึกผิดขึ้นมา ความหื่นก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนก็อยากจะช่วยเธอเพื่อให้เรื่องนี้มันจบลง เขาก็เลยแทรกขึ้น
.
"โอเคครับ! โอเคผมยอมก็ได้! หยุดทำลายข้าวของก่อนเถอะคุณ เอาอย่างงี้ผมมีทางเข้าอีกทางอยู่ตรงรั้วด้านข้าง มันเป็นช่องเล็ก ๆ พอให้ลอดตัวเข้ามาได้ทีละคน อาจจะสกปรกไปสักหน่อย แต่ถ้าพวกคุณไม่รังเกียจก็สุดแต่ใจจะไขว่คว้า รีบกินรีบไปผมจะเตรียมโต๊ะกับน้ำแข็งไว้ให้ เหล้าที่คุณฝากไว้ก็จะวางอยู่ข้าง ๆ ห้ามสั่งเพิ่มตกลงไหมครับ?! "
.
"จ๊ะ^^ ขอบใจนะ ดีใจจังเลย"
มิวท์รีบโค้งหัวขอบคุณเช่นกันกับพีที่พยายามทำบ้าง ทว่ามันกลับไม่คาวาอี้มันเหมือนสัตว์นรกจากอเวจีที่พยายามก๊อปแต่ไม่เนียนมากกว่า ยืนยันได้จากท่วงท่าของน้องคนเฝ้าร้านที่เดินกลับไปด้วยความหัวเสีย
.
"ชิ!.. หล่อตายล่ะมึงอ่ะ!"
พีสบถ
.
"เอาน่า.. อย่างน้อยเขาก็ยอมให้เราเข้าไปนั่งดื่มแล้ว อย่าลืมสิว่าเรากำลังทำเพื่อแพรวอยู่นะ"
.
กระเทยควายสะบัดหน้าไปมาปลดปลง มิวท์ก็เป็นแบบนี้มาตลอด เธอเหมือนแม่ชีที่นมใหญ่ชอบทำบุญแต่ก็ถลุงเงินกับการกินเหล้าเป็นว่าเล่น แล้วก็รักเพื่อน ๆ ซะเหลือเกิน ช่างต่างกันกับเพื่อนอีกคนที่ไม่รู้ป่านนี้หายหัวไปไหน แพรวไม่มีบทพูดมานานแล้วจนกระทั่งพีเริ่มผิดสังเกต
.
"แพรวล่ะ?"
เขาถาม
.
"นั่นสิ.. ลืมไปเลย.. แพรวจ๊ะ.. แพรว.. แพรวอยู่ไหนอ่ะ?!"
มิวท์ป้องปากตะโกนพลางออกเดินหาไปด้วย
.
จนทั้งคู่ได้มาพบกับ! เปล่าหรอก! แพรวไม่ได้เป็นศพแต่สกปรกโคตร ๆ เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าก็คือบั้นท้ายของแพรวที่กำลังมุดประตูเล็ก ๆ ด้านข้างรั้วเข้าไป
.
"เธอคิดอย่างที่ฉันคิดไหมมิวท์"
พีถามปากสั่น
.
"อ่ะ.. อืม.. อย่าบอกนะว่าประตูที่เด็กในร้านพูดถึงก็คือช่องทิ้งขยะ อี๋..!!"
.
.
ไม่มีข้อพิสูจน์ใดการันตีได้ว่าการอกหักสามารถทำดัมเมจต่อสภาพจิตใจคนได้แค่ไหน แต่เท่าที่เห็นมันได้เปลี่ยนร่างกายแพรวให้กลายเป็นคนบ้า! ใจเธอโหยหาแต่ "เหล้า" เพื่อที่เธอจะได้ "เล่า" เรื่องของเปรมได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
นั่นจึงเท่ากับว่าน้ำในทะเลอาจจะไม่ปลอดภัย บางทีแม่น้ำสาขาทุกสายก็อาจจะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแล้วก็ได้ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงโบ๊ทจึงได้ขยับนิ้วมือกับแหวนทั้ง 5 ของเขาอีกที .“ฟิ้ว~!”โดรนอารักขาลำเก่งโฉบปักหัวลงมาจากเบื้องบน ราวกับพญาอินทรีย์พร้อมเข้าประจำที่.มันยื่นท่อนเหล็กสีเงินลักษณะคล้ายก้านปรอทวัดไข้ออกมาจากลำตัวส่วนล่าง ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่กระสุน .35 มม. จำนวนมหาศาลร่วงกราวลงมาเมื่อตอนก่อน ความยาวของอุปกรณ์ชนิดนี้น่าจะราว 2 ไม้บรรทัดเห็นจะได้ และโบ๊ทเรียกมันว่า “โคโรน่ามิเตอร์” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีไว้สำหรับตรวจหาเชื้อโควิดโดยเฉพาะ.เขาสั่งการให้โดรนอารักขาหย่อนมันลงไปในน้ำทะเล แกว่งส่ายวนคนไปมาราว 20 - 30 ทีโดรนก็ยกตัวเองขึ้นจากน้ำ ปรากฏว่าไฟสถานะบนลำโดรนถึงกับแดงโล่! การลิงค์สัญญาณเกิดขึ้นทันที ก่อนจะฉายค่าสถานะและชุดข้อมูลพร้อมกับผลแล็บไปยังกระจกครอบแก้วที่โบ๊ทสวมใส่อยู่ พลันเปลี่ยนใบหน้าบ่องแบ้วของเขาให้กลายเป็นจอแสดงผลไปในบัดดล.“มันก็เหมือนการ “swab”(สว็อป) ตอนเราไปให้หมอแหย่จมูกนั่นแหละครับพี่ ๆ แค่เปลี่ยนจากรูจมูกคนเป็นน้ำทะเล ว่าแต่ผลเป็นไงบ้างครับ? ”โบ๊
ห้าชีวิตกับอีกหนึ่งลำโดรนย่างกรายเข้ามายังโซนลับแลแห่งนี้ด้วยความมุ่งมั่น ย้อนกลับไปไม่ได้คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง ส่วนการไปต่อไม่ได้เพราะข้างหน้ามีแต่ทะเลคือเหตุผลข้อที่สอง แพรวก็เลยเดินนำหน้าแบกกระเป๋าเป้อาด ๆ พลางควัก Glock 18 อาวุธประจำกายขึ้นมาประทับเล็งเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรียนตามตรงว่าท่าเรือเป็นแอเรียที่เธอมีข้อมูลน้อยมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ที่นี่แทบจะไม่ได้ถูกเขียนรายละเอียดใด ๆ ไว้ในแผนที่เลย ฉะนั้นหน้าที่ของมันจึงจบลงเพียงเท่านี้.“พรึบ!”แพรวพับแผนที่เก็บเข้าไปในกระเป๋า สื่อให้ทุกคนเห็นว่าแต่นี้ต่อไปคือการด้นสดล้วน ๆ พลาดก็คือตายและถ้าไม่อยากตายก็จงอย่าพลาด.“ระวังตัวด้วยทุกคน เราจะเข้าไปในโกดังนั่นดู คิดว่าน่าจะเป็นคลังเก็บสินค้าและบันไดลงสู่ท่าเรือก็น่าจะอยู่ในนั้น”แพรวกระซิบบอก.เช่นกันกับเจนิสกับเพื่อน ๆ ที่ต่างก็ระวังหน้าระวังหลังให้กันเป็นอย่างดี เธอจับมือโบ๊ทเอาไว้แทบจะตลอดเวลา โดยหารู้ไม่ว่าโดรนอารักขาที่ลอยอยู่บนฟ้า นั้นมีขีดความสามารถที่สูงกว่าคนจริง ๆ อย่างพวกเธอสามคนรวมกันซะอีก.“ไม่เป็นไรครับพี่เจนิสไม่ต้องดูแลผมดีนักหรอก ทางที่ดีผมว่าพ
พรรคพวกของโบ๊ทมีกันอยู่หลายคน แล้วก็ดำรงชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จากการตามล่าของพวก AP เหมือนกับแคลนอื่น ๆ พวกเขามี LGBT รวมอยู่ในกลุ่มเยอะ ก่อนที่ความผิดพลาดจะมาเกิดขึ้นที่ท้องฟ้าจำลอง เมื่อหน่วยแพทย์ของ AP ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมเกิดย้อนกลับมาเช็คทรัพย์สิน มีการปะทะกันเกิดขึ้น! แคลนของโบ๊ทแตกเป็นเสี่ยงเนื่องจากไปถือวิสาสะยึดเอาแลนด์มาร์คตรงนี้เป็นจุดพักแรม ผู้คนก็เลยถูกกวาดต้อนไปเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงพ่อแม่ของเขาด้วย .ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมโบ๊ทถึงรอดมาได้นั้น ก็อยู่ที่แหวนทั้ง 5 วงบนนิ้วมือของเขานั่นเอง อุปกรณ์ชิ้นนี้มีไว้ใช้บังคับโดรนมากกว่า 150 ลำ บางลำเป็น Riot โดรนติดอาวุธหนัก บางลำเป็นโดรนอารักขา ส่วนบางลำก็เป็นโดรนข่าวสาร โบ๊ทใช้พวกมันอย่างคล่องแคล่วในการต่อสู้กับพวก AP และขับไล่พวกทรราชเหล่านี้ออกไปจากอาคารท้องฟ้าจำลองได้เป็นผลสำเร็จ ทว่าก็ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการอยู่คนเดียวในอาคารหลังโตแบบโดดเดี่ยว พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว เพื่อนฝูงพี่น้องก็โดนหางเลขไปด้วยหมด.ย้อนกลับไปหลายตอนก่อนหน้านี้ เราจึงได้เห็นโบ๊ทใช้กล้องโทรทัศน์ส่องหาแคลนที่ยังมีผู้รอดชีวิตไปทั่วเมือง จนกระทั่งมาพบกับกลุ่
เสมือนหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่กระเสือกกระสนหาทางรอด ตัวเป็นจักรกลทว่าข้างในคงมีจิตวิญญาณของปลาช่อนที่กำลังจะโดนทุบหัวบรรจุอยู่ Riot โดรนถึงได้แสดงพฤติกรรมเกรี้ยวกราดดังที่เห็น เปลวไฟพ่นออกมารอบทิศราวกับลูกข้างที่รวมร่างกับกระบองไฟ มันพ่นขู่คำรามแล้วก็ได้ผล เมื่อกลุ่มเรดี้ทั้ง 4 นางต่างก็ถอยกรูออกห่างไปทุกที พอเจนิสลองสืบเท้าเข้าไปใกล้มันก็พ่นไฟออกมาใส่อีก.“อ๊ายยย! ไม่ได้เลยพี่แพรวไฟร้อนมากค่ะ!”เธอรีบผินหน้ากลับมาบอก.สวนทางกับแพรวที่มีประสบการณ์มากกว่า หลังจับสัญญาณได้จากไฟสถานะบนตัวโดรนที่มีการกระพริบเปลี่ยนจังหวะไป พลางบอกให้น้อง ๆ ตระเตรียมอาวุธขึ้นมือเอาไว้.“ไม่เป็นไรเจนิส.. ไม่ต้องเข้าไปหรอก.. เราแค่ต้องตามเจ้านี่ไปก็พอ”.“ไปไหนอ่ะพี่?”.“เดี๋ยวก็รู้! เจ้าโดรนนี่ไม่มีทางทำแบบนี้ได้ถ้าไม่มีใครบังคับ.. เชื่อฉัน!”.แล้วก็จริงอย่างที่แพรวสันนิษฐาน ผ่านไปราว 3 นาทีกับอีกนิดหน่อยแก๊สในตัวก็หมดลง จากไฟพุ่ง ๆ ตอนนี้แค่ถ่มถุยออกมายังยากลำบาก ไหนจะท่วงท่าการบินที่กระท่อนกระแท่นเต็มทีนั่นอีก เพดานบินเริ่มลดระดับต่ำลง Riot โดรน เริ่มเบี่ยงเส้นทางบินหนีออกไปอีกฝั่งผ่านการร่อนที่เอียงกระเ
เหลือเชื่อว่าจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดแทนที่กระสุนปืน เจนิสส่งทุกคนเข้านอนและตอบแทนความไว้ใจจากแพรวด้วยการห่มผ้าให้กับพี่สาว แม้จะรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้คงยากที่จะข่มตาหลับ แต่ชีวิตนั้นก็ต้องก้าวต่อไป แพรวอุตส่าห์นำทุกคนให้รอดมาถึงพื้นที่ใต้ทางด่วนตรงนี้ได้ แล้วมีหรือที่สายแข็งนักนอนเช้าอย่างเจนิสจะไม่ตอบแทนกลับไปบ้าง.เธอค่อย ๆ ย่องห่างออกมาจากจุดพัก สอดส่ายสายตาผ่านทะลุไปตามซอกหลืบต่าง ๆ ที่คิดว่าน่าสงสัย พลันตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่าเสียงจิ้งหรีดนั้นมาจากไหน ถ้าเป็นเสียงปืนหรือเสียงคนฆ่ากันตายยังจะเป็นไปได้มากกว่า.“นั่นน่ะสิ! แปลกมากเลย? โควิดมันกินได้แม้กระทั่งผนังปูน แล้วกับสิ่งมีชีวิตเปลือกหุ้มอย่างจิ้งหรีดกลางคืนเนี่ยะนะ ไม่ใช่ล่ะ! เป็นไปไม่ได้!”“ถ้าเราไม่หูแว่วไปเอง เราควรจะตรวจสอบทุกจุดที่น่าสงสัยให้ละเอียดที่สุด”.กระชับหน้ากากครอบแก้วให้ติดแน่น ตัวเลขสถานะก๊าซลดลงเล็กน้อยเพราะความตื่นเต้น ส่วนในมือที่ถืออยู่ก็คือพลองไม้ขนาดยาวที่เป็นเหมือนอาวุธประจำกายของเธอ มันทั้งง่อนแง่นแล้วก็ดูบอบบางจนจินตนาการไม่ออกว่าถ้าเอาไปฟาดหัวใครเข้า Damage จะเข้าสักเท่าไหร่ แต่ครานั้นเจนิสก็
ฝุ่นตลบอบอวลควันโขมงโฉงเฉง ต่างคนต่างกรี๊ดกันไม่ออกด้วยเพราะถูกแพรวใช้ฝ่ามือปิดปากเอาไว้ 4 ชีวิตรอดตายแบบเฉียดฉิว รอจนกระทั่งทุกอย่างเริ่มเจือจาง และแสงจันทร์เริ่มจะสาดแสงทุกสายตาถึงเริ่มขยับเขยื้อน แผ่นปูนผืนใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านเป็นกำบังให้ ส่วนพวกสาว ๆ เองก็ต่างพยายามจะชะเง้อออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังการถล่มของตึกหลังใหญ่ผ่านพ้น.“เบา ๆ นะระวังด้วย..”แพรวกระซิบเตือน.ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละที่เป็นทั้งคุณและโทษ มันทำให้เกิดความกระตือรือร้นก็จริง แต่ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ได้ในคราวเดียวกัน เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือขบวนรถพยาบาลที่วิ่งเข้ามากันอย่างขวักไขว่ สัญลักษณ์ AP บนตัวถังเด่นหลา มีการขนคนเจ็บรายทางออกมา แถมยังมีบางส่วนที่วิ่งตรงเข้าไปยังจุดปะทะเพื่อไปเอาคนเจ็บที่ตกค้างออกมาจากสมรภูมิ ไฟไซเรนหมุนติ้ววนวกคล้ายกันกับความสับสนแน่นอก ว่าจะเอายังไงต่อไปดี.พิจารณาแล้วคงเป็นไปไม่ได้หากแพรวจะยังดันทุรังทำตามแผนเดิม ถึงจะไม่รู้ว่าพวก AP กำลังสู้อยู่กับอะไร แต่ยังไงซะถ้าเข้าไปในสภาพแบบนี้ก็เท่ากับไปตายเปล่า แคลนของแพรวจะเอาอะไรไปสู้ ลำพังอาวุธที่มีอยู่ในมือก็ทำได้แค่ป้องกันตัวเอง