"เป็นธรรมดาที่เธอโดดเดี่ยว.. ทำอะไรเหมือนเธอเดินอยู่คนเดียว.. เหน็ดเหนื่อยกับปัญหาไม่มีใครม๊าาาา! เข้าจัยยยย! ♫!" เปิดหัวมาด้วยเพลงเก่าของวงโปเตโต้ที่โคตรจะเข้ากับสถานการณ์ แพรวในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะโดดเดี่ยวอย่างที่ใครคิด เธออาจจะผิดหวังจากการให้ใจผู้ชาย แต่นั่นก็ใช่ว่าทุกสิ่งจะต้องพังทลายลงซะหน่อย แพรวยังมีเพื่อนยังเหลือ "พี" กับ "มิวท์" สองเพื่อนซี้ที่คบกันมาตั้งแต่สมัยปีหนึ่ง พวกเขามีพื้นเพเป็นคนกรุงโดยกำเนิด ก็เลยไม่มีความจำเป็นต้องขนย้ายข้าวของกลับภูมิลำเนาเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ
.
เคยได้ยินถ้อยคำจากโฆษณาเหล้าเบียร์ตัวหนึ่งที่บอกว่า "มิตรภาพ.. เหล้าสร้างไม่ได้" ไหม? เห็นทีจะไม่จริงแล้วล่ะ! ก็ในเมื่อกลุ่ม 3 สาวยังควงแขนกันไปนั่งดื่มที่ร้านประจำละแวกมหาลัยอยู่เลย
.
"ใครบอกว่าแกเป็นสาวยะ.. แกมันกระเทยอีพี!"
แพรวที่เมาน้ำแดงเฮลบลูบอยมาตั้งแต่บ่ายสำลอกออกมาเป็นคำพูด เธอเดินโซเซตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างกายออกมาจากหอ แถมยังคล้องแขนเพื่อนตัวโตเอาไว้แน่น
.
"เดี๋ยวแม่ทิ้งให้นอนข้างถนน! ปากหรือโถส้วมยะหล่อน! ถึงฉันไม่ใช่ชะนีฉันก็ไม่เคยโดนผู้ชายทิ้งเหมือนแกย่ะ! "
.
"อีตุ๊ด!"
.
"ตุ๊ดแม่แกสิ!"
"มึงต่อยกับกูไหมแพรว! ตุ๊ดอะไร! หรือมึงจะเอา!"
.
"เอาดี๊.. จะเอาก็ได้!"
.
โดนพูดแทงใจดำหน่อยเดียวพีเพื่อนซี้ก็ถึงกับน็อตหลุด ร่างหนาของเขาสะบัดแขนแพรวออกโดยพลัน คีย์เสียงนี่เปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำราวกับอมฮอลล์ผสมโอเล่ ว่ากันว่าชายต่อยหญิงถือเป็นสิ่งผิดแต่ถ้าเป็นตุ๊ดต่อยหญิงล่ะก็ ตามประเพณีอาจจะได้รับการยกเว้น
.
ร่างบางกราวรูดลงกับพื้นในทันใด แพรวนั่งพับเพียบอยู่กลางลานจอดรถ เคราะห์ดีที่มิวท์เพื่อนสนิทอีกคนตรงเข้ามาขวางเอาไว้ได้ เหมือนเธอจะแวะออกไปรับโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง พอหันมาอีกทีเพื่อนซี้ก็ทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือซะแล้ว
.
"กรี๊ดดดดด! อะไรกันเนี่ยะทั้งสองคน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ห่างสายตาแค่แป๊บเดียวจะตีกันอีกแล้ว เธออ่ะผิดพีก็รู้อยู่ว่าเพื่อนอกหักแพรวกำลังต้องการที่พึ่งทำแบบนี้กับเพื่อนได้ยังไง.. ขอโทษแพรวเดี๋ยวนี้นะ!"
.
"แต่ฉัน...."
.
"ไม่ต้องเลย! มิวท์โกรธจริง ๆ ด้วยนะถ้าพีไม่ขอโทษ"
.
แล้วก็นี่แหละคือคาแร็คเตอร์ส่วนตัวของมิวท์ เธอเป็นสาวตัวเล็กตาโตกลมสวย ตัดผมหน้าม้าปล่อยตีนผมจรดแผ่นหลัง ว่ากันว่าสระผมทีมิวท์ต้องใช้ช่างจากร้านประจำถึง 3 คน เธอเป็นลูกคุณหนูผู้ซึ่งที่บ้านทำกิจการห่าเหวอะไรก็ไม่รู้ แต่ละวันที่ผ่านพ้นเธอเห็นเพียงคุณพ่อคุณแม่แต่งชุดสวย ๆ ถือแฟ้มเอกสารเดินไปเดินมาอยู่ในบริษัท แล้วสิ้นเดือนก็จะมีเงินลอยเข้าบัญชีมาเอง
.
สาวร่างเล็กรายนี้เป็นคนที่รักความยุติธรรมมาก แถมยังรักเพื่อนเป็นที่สุด เธอคือหญิงสาวที่สวยที่สุดในสาขาใคร ๆ ต่างพากันชอบเธอ แต่สุดท้ายมิวท์ก็เลือกที่จะอยู่กลุ่มเดียวกับ "พี" แล้วก็ "แพรว" ผองเพื่อนตัวร้ายที่อยู่ด้วยกันทีไรมีอันต้องหาเรื่องต่อยตีกันได้ตลอด กับหนนี้ก็ด้วยที่เธอต้องตวาดดุพีขึ้นอีกครั้ง!
.
"ว่าไงล่ะพี.. พยุงแพรวขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!"
.
แก้มป่องบวมตุ่ยท่าทางน่ะคือโกรธ แต่ดูแล้วออกแนวน่ารักเหมือนปลาทองในตู้กระจกมากกว่า
.
"เออ ๆ ฉันช่วยก็ได้ ฉันขอโทษแพรวส่งมือมาสิ~"
.
แต่ทว่า!
.
"เอ้าอีดอก! , อีเวรนี่! , ทำไมมึงไปไม่รอเพื่อนรอฝูง!"
.
เห็นจะจริงอย่างที่พีบอก เพราะทันทีที่หลุบสายตาลงมาแพรวก็วิ่งแจ้นเข้าไปในผับซะแล้ว
.
"ตุ๊บ ๆ ๆ ๆ , ตุ๊บ ๆ ๆ ๆ "
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นรัวรันหน้าอกมิวท์กระเพื่อมเด้งดึ๋งดั๋ง ตัวไม่ใหญ่แต่ไฟหน้ามาเต็ม หล่อนจ้วงเท้าตามแพรวไปอย่างไม่ลดละ พลันปล่อยให้พียืนงงในดงอากาศ
.
รอบตัวเขาไม่มีใครเลย ลานจอดรถของผับแห่งนี้ว่างจนเอาสเก็ตบอร์ดมาไถเล่นได้ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเบะปากส่ายหน้า บางทีแพรวอาจจะรู้ตัวว่าเวลามีจำกัด เพราะงั้นเธอถึงได้รีบวิ่งเข้าไปในผับโดยไม่รอให้ใครสังเกตเห็น
.
"เฮ่ย! อีแพรว! มึงโกรธเขาหรือมึงหิวเหล้ากันแน่.. อีดอก!!"
พีตะโกนส่งท้าย
.
ครึ่งนาทีผ่านไปทุกคนก็มาหยุดอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าต่างคนก็ต่างอึ้ง โดยเฉพาะแพรวที่ถึงกับตาตื่น เธอส่างไปกับป้ายประกาศขนาดใหญ่ที่ติดไว้หน้าร้าน ซึ่งมีข้อความเขียนไว้ว่า
.
"ตามอำนาจของพรก.ฉุกเฉิน เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด covid-19 ที่ทวีความรุนแรง ทางร้านขอปิดให้บริการในทุกพื้นที่ ตั้งแต่วันนี้ - 30 เมษายน 2563 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ขออภัยในความไม่สะดวก"
.
"เชี่ย! ได้ไงวะ? เมื่อวานยังเปิดอยู่เลยนี่นา"
เฮลบลูบอยจางหายไปกับกระแสเลือด น้ำตาลในนั้นไม่อาจทำให้แพรวเสียการควบคุมได้อีกต่อไป ตาเธอตื่นเต็มร้อยยกมือขึ้นสางผมสีแดงแล้วก็ยี ๆ ๆ ขยี้ ๆ ๆ จนเละเทะยุ่งเหยิงหงุดหงิด
.
"ถุย! ให้มันได้แบบนี้สิวะ!"
มวลน้ำลายปลิวโค้งเป็นกราฟพาราโบล่า ก่อนจะหล่นแหมะเฉียดหลังตีนพีไปแค่ไม่กี่มิล
.
"อีแพรว!!"
.
"อะไร๊!!"
.
"อีสกปรก! เป็นผู้หญิงยิงเรือไม่รู้จักมีมารยาท กูบอกมึงแล้วว่า covid มันระบาดเชื้อโรคเยอะแยะมึงก็ลากกูมา เดือดร้อนกูกับมิวท์ที่ต้องขับรถออกมาปรนเปรออารมณ์มึงเนี่ยะเห็นไหม แล้วจะบอกอะไรมึงอย่างนะ มึงเองก็เรียนแลปเทคนนิคการแพทย์มาเหมือนกู มึงไม่รู้รึไงว่านำลายมันเป็นแหล่ง...ง....ง...ง"
.
"อุ๊บ!"
.
"หมับ!!"
.
ตัดจบด้วยอิทธิฤทธิ์ของมือบางที่มองไม่เห็น เมื่อจู่ ๆ มิวท์ก็โผเข้ามาจากทางด้านหลัง เธออ้อมมาในจังหวะที่พีกระเทยร่างโย่งกำลังพ่นฝอยน้ำลายด่าแพรวฉอด ๆ
.
"ชู่วววววว....เงียบได้แล้วจ่ะพี^^"
.
"หมับ!!"
.
"เธอเองก็ด้วยนะแพรวใจเย็น ๆ กันก่อน สถานการณ์แบบนี้ต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเอาไว้ พวกเราจะได้ไม่ติดเชื้อฉันเองก็จะใส่ด้วย นี่ไงเห็นไหม ^^"
.
มือเรียวของมิวท์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างแบบผู้หญิง ว่ากันว่าในนี้มีของสารพัดสิ่งที่ถ้าค้นกันจริง ๆ อาจจะมีโดเรม่อนตัวเป็น ๆ นอนขดอยู่ภายใน เธอใส่หน้ากากผ้าสีชมพูที่โคตรคูลและน่ารัก หนำซ้ำยังควักเอาเสปรย์ฆ่าเชื้อแบบพกพาออกมาพ่นฟู่ ๆ ๆ ~~ ฟู่ ๆ ๆ ~~! ขึ้นไปกลางอากาศเอาให้สะอาดไปทั้งบริเวณ
.
"นะ...นี่มัน..น..น !?"
เพื่อนผู้อกหักผายมือออกสองข้าง ก้มหน้ามองละอองฝอยที่เกาะอยู่ตามตัว และถึงแม้จะซ่อนอยู่ใต้หน้ากากแต่มิวท์์ก็พอเดาออกอยู่ดีว่าปากของแพรวคงจะเหวออยู่ภายใน
.
"พวกเราจะได้ปลอดภัยไงจ๊ะ.. มิวท์เป็นห่วงแพรวนะ ^^ แล้วก็ห่วงพีด้วย ^^"
.
"ชิ! ฉันตกใจแทบตายนึกว่าโดนการ์ดร้านล็อคตัว! แล้วนี่เราจะเอาไงต่อ.. กลับไหม.. เขาเคอร์ฟิวตอนสี่ทุ่มด้วยนะอย่าลืม พวกเราไม่มีเวลาถ้าแกอยากระบายนักก็ซื้อเบียร์เซเว่นกลับไปนั่งดื่มที่หอฉันก็ได้ฉันยกห้องให้เลย"
พีออกความเห็น
.
ฝั่งแพรวเองก็ดูเป็นกังวลเป็นอย่างมาก เธอรู้อยู่แกใจว่าห้องพีนั้นเป็นห้องของผู้ชายซึ่งไม่ได้มีแค่พีเพียงคนเดียว ตลอดระยะเวลา 3 ปีมานี้ไม่รู้พีเอาผู้ชายมาฟัดเป็นจำนวนเท่าไหร่ พระนครร้อยกว่าคนฝั่งธนยังไม่ได้นับ กลิ่นน้ำกามคงจะเหม็นหึ่ง นึกถึงภาพกางเกงในที่ผึ่งอยู่ตรงระเบียงแล้วอื้อหืออออ.. โคตรขยะแขยง..ง..ง..ง
.
"ไม่ได้ ๆ ๆ จะไปห้องพีไม่ได้! ฟิวมันไม่ใช่แล้วมิวท์ก็จะไม่ปลอดภัยเอา เกิดพีเมาแล้วหน้ามืดทำอะไรมิวท์ขึ้นมาล่ะ ไม่ได้ ๆ ๆ !"
แพรวคิดในใจ หล่อนเดินง่วนกอดอกหันรีหันขวาง
.
เดชะบุญที่มิวท์คิดอะไรดี ๆ ออก ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เพื่อนซี้รายนี้ได้ทำตัวเป็นฮีโร่ เธอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอรู้จักกับคนในผับ เจ้าของร้านน่าจะเป็นหุ้นส่วนกับคุณพ่อ ซึ่งถ้าหากเราเคาะประตูแล้วลองขอร้องเขาดี ๆ บางทีเขาอาจจะเปิดให้เข้าไป
.
"ก๊อก ๆ ๆ , ก๊อก ๆ ๆ"
.
เศษเสี้ยวหนึ่งของประตูแง้มออกมา ข้างในเป็นเศษเสี้ยวสายตาของเด็กหนุ่มหน้าสิวคนหนึ่งที่ส่องออกมาโต้ตอบเช่นกัน เขาคงจะเป็นหนึ่งในพนักงานที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงถูกเจ้าของร้านมอบหมายงานให้เฝ้าที่นี่เอาไว้
.
"ผับปิดนะครับ วันนี้ไม่เปิด"
เขาพูด
.
"จ๊ะเค้ารู้แล้ว แต่ตัวเองแบบ.. ช่วยให้เค้าเข้าไปหน่อยได้ไหมอ่ะ~"
มิวท์พยายามอ้อน เธอตะปบมืออันเรียวสวยทาบเข้ากับขอบประตูเหล็ก พลางยื่นใบหน้าที่บางใสแต่แฝงไปด้วยความเซ็กซี่เข้าไปใกล้ ๆ
.
แม้จะอยู่ใต้หน้ากากแต่ก็ทำเอาพนักงานบาร์ออกลูกประหม่าอยู่หน่อย ๆ มารยาหญิงเริ่มก่อตัว เธอยั่วเขา ขยับริมฝีปากเผยอขึ้นลงจนจ่อจะจูบกันอยู่รำไร
.
"ให้เค้าเข้าไปใกล้ ๆ อีกนิดสิ ประตูนี้มันขวางเราสองคนอยู่นะเผื่อเค้าจะได้.. แบบว่า.."
มิวท์ก้มศรีษะลงต่ำคอเสื้อกว้างออกขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ลุคของเธอดูคล้ายกับน้องมันแกวนมคุณธรรมซะเหลือเกิน สายตาเล็กหยีออดอ้อนราวกับจะขย้อนการมีเพศสัมพันธ์ออกมากองไว้ตรงหน้า
.
"ผมให้เข้าไม่ได้จริง ๆ ครับคุณลูกค้า.. เฮียเอาผมตายแน่.. กรุณาด้วยเถอะครับ.. กลับไปซะเถอะ"
.
"ไม่สิ.. ไม่พูดแบบนั้นนะ"
คราวนี้มิวท์ถึงกับลงทุนถอดหน้ากากอนามัยออก เธอดึงมันลงตวัดไว้ที่ใต้คางพลางจ้องหน้าเขาลึกลงไปถึงเรติน่าม่านตา
.
"(น่ารักจัง)"
"ตึก ๆ , ตึก ๆ , ตึก ๆ , ตึก ๆ"
เด็กหนุ่มคิดในใจ หัวใจสูบฉีดเลือดในอัตราเร็วแสง
.
"(นมก็ใหญ่.. ต้องเป็นนิสิตมหาลัยแน่ ๆ)"
ใจเต้นเป็นกลองเอ็นอุ่นกลางลำตัวชักจะเริ่มคุมไม่ไหว แต่ก็ยังดีที่มีจิตสุดท้ายยั้งใจเอาไว้ได้
.
เห็นเขาออกอาการขนาดนั้น มิวท์ก็เลยขยี้ต่อ!
.
"เค้าฝากเหล้าเอาไว้ที่นี่ด้วยแหละ.. พวกเรามาที่นี่กันออกจะบ่อย.. ตัวเองแค่หาน้ำแข็งกับโต๊ะอีกสักตัวสองตัวเอง.. น๊าาาน๊าาาา.. ถ้าไม่ถือสาเค้าจะแถมค่าขนมให้ด้วยก็ได้"
ปาดมือผ่านร่องเต้าทรงหยดน้ำ ลูบไล้ลงไปถึงสะโพก วนเนื้อผ้าให้แนบชิดจนหน้าอกหน้าใจมันบวมเป่งอัดลูกตา มิวท์เป็นคนตัวเล็กเพียงแค่หมอนี่เขย่งหน่อยเดียวก็เห็นไปถึงไหนต่อไหน
.
จนสุดท้ายก็ไม่ไหว! เขาเองก็ไม่ใช่เกย์ก็เลยเตรียมจะไขกุญแจให้โดยมีเงื่อนไขว่าแค่แป๊บเดียวเท่านั้น ถึงกำหนดเคอร์ฟิวส์เมื่อไหร่วงเหล้านี้ต้องยุติกลับออกจากผับทันที
.
"อืม..ได้จ่ะ^^ ตัวเองน่ารักจัง"
.
"อ่าาาา.. อืม. .คะ..ครับ (ไม่เป็นไร)"
.
เสียก็แต่!
.
"กรุ๊งกริ๊ง ๆ , กรุ๊งกริ๊ง ๆ "
.
"เอิ่ม.. กุญแจมันไขไม่ได้อ่ะครับ พอดีผมลืมไปว่าประตูหน้ามันต้องใช้ลายนิ้วมือแสกน แล้วก็มีแต่เฮียกับพนักงานระดับสูงเท่านั้นถึงจะเปิดได้ เสียใจด้วยนะครับไว้โอกาสหน้าดีกว่า.. เหอะๆ"
.
ส่งผลให้พีที่ทนดูอยู่นานต้องออกโรง เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วก็เลยเหวี่ยงร่างบางของมิวท์ออกจากหน้าประตู ก่อนจะตรงเข้ามาแทนที่แล้วชี้หน้าต่อว่า
.
"ได้ไงยะ! เพื่อนฉันอุตส่าห์เปลืองตัวขนาดนี้! แกคิดว่าเขาเป็นใครกัน! เนี่ยะน่ะลูกสาวท่านประธานบริษัท AP เชียวนะ! ตึกนี้ , อาคารนี้ , ที่ดินตรงนี้ล้วนแต่เช่าที่ของบริษัท AP มาทั้งนั้น! ให้พวกเราเข้าไปเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากมีเรื่อง!"
.
"อย่านะ!"
"ไม่เอาน่ะพี.. น้องเขายังเด็กอยู่เลยอย่าไปดุเขาแบบนั้นสิ"
.
มิวท์พยายามปรามแต่ด้วยความที่เป็นเกย์ตัวใหญ่อย่างกับคิงคอง มีหรือจะต้านทานไหว พีเขย่าลูกกรงหน้าร้านโครม ๆ ยกระดับมาตรการกดดันสูงสุด
.
ซึ่งคนที่น่าสงสารที่สุดดูเหมือนจะกลายเป็นมิวท์ สาวน้อยผู้อ่อนแอที่ทำทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ดังหวัง หนำซ้ำยังต้องมาหยุดการคุ้มคลั่งของสัตว์ประหลาดตนนี้อีก เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างในก็เลยรู้สึกผิดขึ้นมา ความหื่นก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนก็อยากจะช่วยเธอเพื่อให้เรื่องนี้มันจบลง เขาก็เลยแทรกขึ้น
.
"โอเคครับ! โอเคผมยอมก็ได้! หยุดทำลายข้าวของก่อนเถอะคุณ เอาอย่างงี้ผมมีทางเข้าอีกทางอยู่ตรงรั้วด้านข้าง มันเป็นช่องเล็ก ๆ พอให้ลอดตัวเข้ามาได้ทีละคน อาจจะสกปรกไปสักหน่อย แต่ถ้าพวกคุณไม่รังเกียจก็สุดแต่ใจจะไขว่คว้า รีบกินรีบไปผมจะเตรียมโต๊ะกับน้ำแข็งไว้ให้ เหล้าที่คุณฝากไว้ก็จะวางอยู่ข้าง ๆ ห้ามสั่งเพิ่มตกลงไหมครับ?! "
.
"จ๊ะ^^ ขอบใจนะ ดีใจจังเลย"
มิวท์รีบโค้งหัวขอบคุณเช่นกันกับพีที่พยายามทำบ้าง ทว่ามันกลับไม่คาวาอี้มันเหมือนสัตว์นรกจากอเวจีที่พยายามก๊อปแต่ไม่เนียนมากกว่า ยืนยันได้จากท่วงท่าของน้องคนเฝ้าร้านที่เดินกลับไปด้วยความหัวเสีย
.
"ชิ!.. หล่อตายล่ะมึงอ่ะ!"
พีสบถ
.
"เอาน่า.. อย่างน้อยเขาก็ยอมให้เราเข้าไปนั่งดื่มแล้ว อย่าลืมสิว่าเรากำลังทำเพื่อแพรวอยู่นะ"
.
กระเทยควายสะบัดหน้าไปมาปลดปลง มิวท์ก็เป็นแบบนี้มาตลอด เธอเหมือนแม่ชีที่นมใหญ่ชอบทำบุญแต่ก็ถลุงเงินกับการกินเหล้าเป็นว่าเล่น แล้วก็รักเพื่อน ๆ ซะเหลือเกิน ช่างต่างกันกับเพื่อนอีกคนที่ไม่รู้ป่านนี้หายหัวไปไหน แพรวไม่มีบทพูดมานานแล้วจนกระทั่งพีเริ่มผิดสังเกต
.
"แพรวล่ะ?"
เขาถาม
.
"นั่นสิ.. ลืมไปเลย.. แพรวจ๊ะ.. แพรว.. แพรวอยู่ไหนอ่ะ?!"
มิวท์ป้องปากตะโกนพลางออกเดินหาไปด้วย
.
จนทั้งคู่ได้มาพบกับ! เปล่าหรอก! แพรวไม่ได้เป็นศพแต่สกปรกโคตร ๆ เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าก็คือบั้นท้ายของแพรวที่กำลังมุดประตูเล็ก ๆ ด้านข้างรั้วเข้าไป
.
"เธอคิดอย่างที่ฉันคิดไหมมิวท์"
พีถามปากสั่น
.
"อ่ะ.. อืม.. อย่าบอกนะว่าประตูที่เด็กในร้านพูดถึงก็คือช่องทิ้งขยะ อี๋..!!"
.
.
ไม่มีข้อพิสูจน์ใดการันตีได้ว่าการอกหักสามารถทำดัมเมจต่อสภาพจิตใจคนได้แค่ไหน แต่เท่าที่เห็นมันได้เปลี่ยนร่างกายแพรวให้กลายเป็นคนบ้า! ใจเธอโหยหาแต่ "เหล้า" เพื่อที่เธอจะได้ "เล่า" เรื่องของเปรมได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ภายใต้ผนังห้องที่ทึบตันอับทึบแสง แดดจะแยงยังยากลำบาก มิหนำซ้ำยังถูกพอกทับด้วยกระดาษกาวนานาชนิดที่ปิดผนึกทุกอย่างเอาไว้กันเชื้อโรค ให้ตายเถอะถ้าไม่ขาดใจตายก็มีแต่จะร้อนตายกันเท่านั้น เพื่อนซี้ที่เพิ่งได้กันเลยค่อย ๆ เผยอเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้น.แพรวลุกขึ้นได้ก่อนเธอเห็นทุกอย่างขาวพร่าดวงตายังไม่โฟกัส แต่สติยังอยู่ดีไม่ได้ความจำเสื่อม กลีบผกายังคงแสบเสียวสะท้อนให้เห็นว่ากระเจี๊ยวที่แยงแหย่นั้นเร่าร้อนขนาดไหน.“ซีดดด.. มึนหัวจัง”พูดพลันเอื้อมมือไปคว้าเอาเสื้อยืดตัวบางมาสวมใส่แบบโนบลา ก่อนจะนั่งลงห้อยขาโน้มตัวมาด้านหน้าทำสีหน้าเศร้า.“มึงเป็นไงบ้างพี..?”.ร่างใหญ่ตวัดพลิกดีดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ ในชุดนุ่งลมห่มฟ้าเนื้อตัวดำกร้านของเขากลืนไปกับบรรยากาศห้องที่มืดหม่น เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา เอามือผสานกันวางไว้ที่ตักแบบเดียวกับที่แพรวทำ.“ครือ..อ..อ..อ..อ~!”เสียงแอร์ดังกลบทุกสรรพสิ่ง ราวกับว่าต่างคนต่างรอให้อีกคนมีปฏิกิริยาก่อน .“เราได้กันแล้ว..”พีเปิดประเด็น.“กูขอโทษ~ กูไม่เมาหรอก~ กูไม่~ แบบ..บ..บ..บ”“เหี้ยเอ๊ย! แม่งทำอะไรลงไปวะ?”ตีอกชกตัวทำทุกอย่างที่มีความรุนแรง แต่ใบหน้าดำคล้ำ
ปลายลิ้นสากลากวนหัวถันยอดเกสรลุกชูชันเกินจะต่อต้าน แพรวเริ่มขยับหนีตามจริตจะกร้านด้วยเพราะรู้โดยสันดานว่าตัวเองก็สมยอม แต่ก็ต้องพยายามขัดเอาไว้หน่อยไม่ให้ฝ่ายนั้นคิดว่าง่ายเกินไป เธอกระเถิบตัวขึ้นไปพิงกับพนักวางแขนของโซฟา ครานั้นพีก็ยังตามขึ้นมาโดยการใช้คางพาดไว้บนเนินอก.“หนีทำไม?”เขาเค้นเสียงถาม ลมหายใจร้อนผ่าวจนผิวเต้าเกร็งลุก.“…….”แพรวไม่ตอบเธอเหลือบมองไปทางอื่น พลันใช้มือปิดบังหน้าอกตัวเองเอาไว้ ก่อนจะดันร่างอันบอบบางกระเถิบหนีขึ้นไปพิงกับพนักโซฟา.“กูไม่ให้มึงหนีหรอก มึงพลาดแล้วที่คิดจะยั่วกูอีแพรว!”.ร่างหนาโผขึ้นไปประกบ ชั่วเสี้ยวอึดใจสองกายก็กลมกลึงรวมเป็นหนึ่ง พีสอดแขนเข้าล็อคตัวแพรวเอาไว้ก่อนจะใช้เข่าดันลำตัวส่วนบนอันแน่
เทปกาวหลายขนานปิดทับช่องว่างใต้ประตู ขอบหน้าต่างอัดแน่นไปด้วยกาวยางซิลิโคน ชนิดที่แม้แต่แมลงวันสักตัวก็แทรกผ่านเข้ามาไม่ได้ แอร์ถูกปิด เปิดเพียงระบบฟอกอากาศพอให้ได้ใช้หายใจ และถ้าหากฆ่าแพรวที่มีส่วนร่วมในการแย่งหายใจทิ้งได้ พีก็คงทำไปแล้ว.“มึงเว่อร์อ่ะอีพี!”แพรวตะโกนบอก ขณะนั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่บนโซฟา.“ช่างมึงสิ! ก็นี่มันห้องกู ๆ จะทำอะไรก็ได้ มึงไม่เห็นสิ่งที่มิวท์ทำเหรอ? มึงเห็นกับตาแล้วมิใช่รึไงว่าข้างนอกนั้นเป็นยังไงบ้าง กันไว้ดีกว่าแก้นะมึง!”ร่างหนาดั่งหมีป่าแบกตู้กับข้าวโครม ๆ พีลากมันมากั้นประตูหน้าห้องเอาไว้ เขากลัวเชื้อไวรัสขึ้นสมองจนต้องรีบกลับมารีโนเวทห้องตัวเอง ให้เป็นดั่งห้องปิดตายอย่างที่เห็น.“เฮ๊อะ! ตื่นตูมชะมัด! ต่อให้มีโคนัน 10 คนก็ไขเข้ามาไม่ได้หรอกถ้ามึงทำขนาดนี้”แพรวประชด.“ไม่ช่วยก็อย่าพาลดิ กูรู้หรอกว่ามึงคิดอะไรอยู่ในหัว ทำเป็นกลบเกลื่อนความเสียใจใช่ไหมล่ะ? ตอนซ้อนมอไซต์กูกลับมามึงถึงไม่พูดไม่จาสักคำ”.เจอประโยคนี้เข้าไปเล่นเอาสาวเจ้าถึงกับจุก แพรวเสยผมหนึ่งทีถึงรู้ว่าใบหน้าที่เคยขาวเด้งบัดนี้มีแต่คราบน้ำตา พีแทบไม่อยากเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห
เปรมที่ยืนอยู่บนท้ายกระบะพร้อมอยู่แล้ว เริ่มมีการขยับแข้งขาให้เข้าที่ ด้านหลังเขาคือตู้ตรวจเชื้อกระจกใส แต่ด้านหน้าคือฝูงชนมากมายที่ทยอยกันเข้ามาแออัดเนืองแน่น ส่วนหนึ่งต้องชมเจ้าหน้าที่ด้วยที่ทำงานได้อย่างขมีขมัน พวกเขากวาดต้อนผู้คนได้ครบจนเกือบหมด ไม่เช่นนั้นภาพที่ออกมาคงไม่คลาคล่ำขนาดนี้.หัวหน้าหน่วยเป่าปากพรูส่วนมือก็เริ่มมีการขยับ เปรมเริ่มหมุนจุกก๊อกตรงกลางฝ่ามือออกทั้งสองข้าง พลันทิ้งฝาปิดลงกับพื้นแล้วทันใดนั้นเอง กลุ่มก๊าซสีแดงฉานก็ลอยเอ่อออกมาจากรู บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง..~!.“พร้อมแล้วทีนี้ก็เข้ามาเลย! พ่อจะพ่นให้ร่วงเป็นยุงหน้าฝนเลยคอยดู ไอ้ไวรัสสารเลว ฮึ่ย~!".คิดได้ดังนั้นการลงมือก็บังเกิด สายละอองก๊าซลอยคละคลุ้งเป็นมุมเสยขึ้นไปบนฟากฟ้า อาศัยว่ายืนอยู่บนจุดที่สูงกว่ามวลก๊าซก็เลยโค้งปกคลุมลงมาโดนศีรษะของผู้ติดเชื้อแบบครบทุกคน แดงฉานบานสะพรั่ง ใครใส่เสื้อสีขาวมาเจอละอองแห่งการรักษานี้เข้าไปมีสิทธิ์กลายเป็นหนึ่งในแกนนำนปช.ได้ในทันที.แม้กระบวนการจะดูนอกคอกไปนิด แต่ก็ได้ผลดีเหมือนเช่นทุกหน ไม่มีประชาชนคนไหนคิดจะหลบหนีเลย พวกเขาต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำคืออะไร ใ
จักรกลสี่ล้อเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกันเป็นกลุ่มราว 3 - 4 คัน กลุ่มคาราวานนี้เคยเป็นรถกระบะใหม่เอี่ยมมาก่อน หากแต่ตอนนี้ได้แปรสภาพให้ด้านหลังมีลักษณะคล้ายกับตู้กระจก ภายในมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุด PPE หนึ่งคนนั่งประจำอยู่ งานของบุคลากรรายนี้คือการสวนโพรงจมูกชาวบ้านแล้วเอาสารคัดหลั่งมาตรวจสอบหาเชื้อในห้องแล็บ.เปรมนั่งอยู่ในห้องโดยสารของรถคันหน้าสุด คาราวานสืบสวนโรคจะเคลื่อนที่ไปทางไหนจะซ้ายหรือขวา ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาทั้งสิ้น ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้การมีสกิลแห่งการรักษาอยู่บนฝ่ามือทำให้ทุกคนยอมทำตาม เปรมจึงกลายเป็นบุคคลที่แสนจะ VIP ไปเลย.“เอาไงดีครับคุณเปรม ให้ผมขับไปทางไหนดี?”พี่คนขับถามขึ้น แกอยู่ในชุดคลุมปลอดเชื้อบนหัวสวมใส่หน้ากากครอบแก้วเสร็จสรรพ.เปรมสอดหนังสือคำสั่งจากทางภาครัฐและพับเอกสารคู่มือการใช้ฝ่ามือเข้าไปเก็บในเก๊ะหน้ารถ ก่อนจะหันมาโฟกัสกับเจ้าของน้ำเสียง .“ไม่ต้องคิดมากพี่ที่ไหนก็ได้แบบที่เราเคยทำ เอาที่ ๆ คนเยอะ ๆ ผมพร้อมเสมอแหละ”.“งั้นเอาเป็นซอยข้างหน้าเลยนะครับ ตรงนั้นเคยเป็นถนนคนเดินเมื่อตอนที่เชื้อยังไม่ระบาดผู้คนจากทั้งย่านชอบไปเดินซื้อของกันที่
เกรียวฝาจุกหลุดร่วงลงกระทบพื้น เปรมยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าเล็งให้ตรงกับลุงขอทาน ทันใดนั้นกลุ่มก๊าซปริมาณมหาศาลสีแดงเหมือนเลือดก็พ่นออกมาจากฝ่ามือ.“ฟู่!!!”.โอ้แม่เจ้า! สสารดังกล่าวย้อมทุกสรรพสิ่งรอบบริเวณให้คละคลุ้งฟุ้งกระจาย คุณหมอผมสีดอกเลาถึงกับต้องรีบเผ่นหนี ระหว่างหนีก็ยังใช้มือถือตวัดหันกลับมาถ่ายคลิปเก็บข้อมูลหลักฐานเอาไว้ แม้จะไม่ชัดมากแต่ก็เห็นพอลาง ๆ ว่าเปรมยังคงยืนเด่นเป็นสง่า เขาไม่มีทีท่าจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย มิหนำซ้ำยังใช้อุปกรณ์ที่เพิ่งได้รับมาได้อย่างคล่องแคล่ว.“ได้ผลจริงด้วยพวกเราทำสำเร็จแล้ว! การผ่าตัดฝังจักรกลลงอวัยวะบรรลุผล! การที่ร่างทดลองสามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์เป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขา ชิ้นส่วนเหล็กกล้าเข้าไปแทนที่กระดูกกับเส้นเลือดได้อย่างหมดจด หมดความกังวล”“จบการ