LOGINพ่นลมหายใจพรูออกจากริมฝีปากที่ทั้งสั่นและแตกระแหง มิวท์ในลุคคุณหนูแทบจะเก็บอาการโศกเศร้าไว้ไม่อยู่ เธอถึงกับวางโพยแถลงการณ์ลงบนโพเดียม พลางยื่นมือทั้งสองข้างออกมาจับกระชับด้านข้าง ก้มหน้าก้มตาปิดบังสีหน้าที่เหยเกบิดเบี้ยวเอาไว้
.
“แชะ! , แชะ! , แชะ! , แชะ! , แชะ!”
เสียงชัตเตอร์จากนักข่าวรัวรันพัลวัน ยังไม่นับภาพเคลื่อนไหวกับไฟล์วีดีโอและ Live สดบนอินเตอร์เน็ต
.
กว่า 30 ชีวิตอัดกันอยู่ในห้องส่งแห่งนี้ นักข่าวแต่ละคนล้วนสวมหน้ากากครอบแก้วของบริษัท AP ป้องกันเชื้อ ใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กลัวก็กลัวแต่ทว่าข่าวที่มิวท์บุตรสาวคนเดียวของบริษัทกำลังจะแถลงนั้น เป็นอะไรที่สำคัญกว่าชีวิตของพวกเขาซะอีก นี่คือข่าว ๆ เดียวที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าคร่าตาของประเทศนี้ไปเลย
.
“เอิ่ม.. ม.. ม..”
“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา ดิฉันพร้อมแล้วค่ะ”
“ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบว่าถ้อยแถลงที่ดิฉันจะพูดต่อไปนี้ จะกล่าวเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ได้โปรดตั้งใจฟังและห้ามตั้งคำถามใด ๆ ทั้งสิ้นนะคะ"
"หึ.. หึ.. ฮือ.. ฮือ.. อ.. อ~!”
.
เสียงสะอึกสะอื้นหลุดออกอากาศแบบสด ๆ ช่างเป็นการยืนบนโพเดียมที่น่าสงสารที่สุดแล้วเท่าที่แพรวเคยเห็นมา ขนาดมองผ่านหน้าจอเธอยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเพื่อน ที่แม้จะยังไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องอะไรแต่ภาพของการแต่งดำของเหล่าพนักงานที่อยู่ภายใน ก็ทำให้อนุมานได้ไม่ยากว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องดี
.
ผินหน้ากลับมาอีกหน แพรวกลับมาโฟกัสที่หน้าจออีกที
.
“เอิ่ม.. ม.. ม.. ม..”
“เรื่องที่ดิฉันจะแถลงให้ทุกท่านทราบก็คือ ณ ตอนนี้ท่านประธานของบริษัท AP “คุณธนนท์ ภัทรโสภาชัย ” และภรรยา “คุณทิพฤดี ภัทรโสภาชัย” บิดาและมารดาของดิฉันได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยโรคติดเชื้อในทางเดินระบบหายใจ covid -19 ”
“พวกเราพยายามทำทุกวิถีทาง ใช้ยาทุกอย่างที่มี ใช้หมอที่ดีที่สุด แต่เนื่องจากทั้งสองมีอายุมากประกอบกับมีโรคแทรกซ้อนข้างเคียง พวกท่านจึงต้องจากไปก่อนถึงเวลาอันควร ดิฉันในฐานะของบุตรสาวคนเดียว จึงมีความประสงค์จะนำเรียนให้ทุกท่านทราบ"
.
มิวท์หยุดปาดน้ำตาชั่วครู่ เธอเงยหน้าขึ้นมองกล้องพลางสูดลมหายใจตั้งสติ
.
“พนักงานประจำ , พนักงานชั่วคราว , ลูกจ้าง , หุ้นส่วน , ผู้ร่วมลงทุน และอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการของบริษัท AP โปรดทราบไว้โดยทั่วกันว่า ทางบริษัทจะยังคงดำเนินกิจการตามปกติต่อไป จะไม่มีการเลิกจ้างหรือยกเลิกสัญญาใด ๆ หากแต่จะเป็นตัวดิฉันเอง ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารสูงสุด!"
.
แทบไม่ต้องเดาว่าจบประโยคนี้จะฮือฮากันแค่ไหน ทั้งสตูดิโอระเบ็งเซ็งแซ่ มิวท์พูดแบบติด ๆ ขัด ๆ สะอึกสะอื้นจนต้องเหลือบมองกระดาษโพยอยู่เป็นระยะ เหตุการณ์นี้ช่างเป็นอะไรที่ฉุกละหุกเหลือเกิน อายุเธอยังน้อยมากเรียนก็ยังไม่จบ แต่ทำไมถึงต้องมารับภาระหนักอึ้งขนาดนี้ ธุรกิจผูกขาดที่ครอบคลุม GDP กว่า 90% ของคนทั้งชาติ ความสามารถของมิวท์อยู่ในระดับไหน คงเป็นสิ่งที่ทุกคนจ้องจะตั้งคำถาม
.
แต่ทว่าถ้อยแถลงในส่วนถัดไปกลับเรียกเสียงฮือฮาได้มากกว่าเดิมซะอีก มิวท์ผายมือออกไปด้านหลังพลางก้มหน้าอ่านสคริปต์ต่อ
.
“และเพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามที่ควรจะเป็น ดิฉันได้ตัดสินใจตั้งทีมงานกิตติมศักดิ์ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาอีกหนึ่งตำแหน่ง"
"ชายคนนี้คือคนที่อยู่เคียงข้างดิฉันในทุกเวลา เขาเป็นบุคคลที่คุณพ่อและคุณแม่ไว้วางใจในระดับสูงจนถึงกับมีผลประโยชน์ร่วมกันในฐานะหุ้นส่วน และปัจจุบันเขาก็เป็นถึงหัวหน้าทีมสืบสวนโรค ผู้เป็นดั่งความหวังเดียวของมวลมนุษยชาติที่จะต่อสู้กับเชื้อไวรัสร้าย covid-19 "
"ขอเสียงปรบมือต้อนรับ พี่เปรม เปรมนัศ สุดที่รักของฉันค่ะ!”
.
แสงแฟลชถ่ายรูปรัวรันวิบวับหนักกว่าตอนแรก เปรมเดินออกมาจากหลังฉากในชุดเสื้อกาวน์สีขาวครีมมาดเนียบ กางเกงสแล็ครัดรูปรองเท้าหนังมันแผล็บสะท้อนแสง
.
“แปะ , แปะ , แปะ , แปะ , แปะ”
เสียงปรบมือเกรียวกราวระงมไปทั่วบริเวณ ไม่มีใครในประเทศนี้ไม่รู้จักเปรมเขาหล่อเหมือนฮีโร่ ฝ่ามือปล่อยก๊าซของเรารักษาผู้คนให้หายมานักต่อนัก แต่แค่ผู้คนนั้นยังไม่รู้ว่าสองคนนี้แอบคบกันอยู่ก็เท่านั้นเอง
.
ส่วนเหตุผลที่ว่าแล้วทำไมเปรมถึงไม่รักษาท่านประธานพ่อกับแม่ของมิวท์ เรื่องนี้นักข่าวเองก็พยายามจะจี้ถาม แต่ก็นั่นแหละ! เพราะมิวท์เองก็ได้เตรียมตัวไว้เป็นอย่างดีว่าจะแถลงข่าวอย่างเดียวไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ความแก่ , โรคประจำตัว , แล้วก็การกลายพันธุ์ของเชื้อ จึงตกเป็นจำเลยแห่งการคาดเดาไป สองคู่จิ้นไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยเอาแต่ยืนอยู่ข้างกันราวกับต้องการจะประกาศให้โลกรู้ ว่าตระกูลใหญ่ที่คุมบังเหียนธุรกิจยาทั้งสองตระกูล บัดนี้ได้เกี่ยวดองกันไว้แล้วผ่านทางพวกเขา
.
หนึ่งคือเด็กสาวผู้อ่อนประสบการณ์ และอีกหนึ่งคือชายผู้เป็นความหวังของมวลมนุษย์ เลือดในตัวเปรมและการดัดแปลงร่างกายให้เป็นดั่งไซบ็อกซ์กำลังจะปฏิวัติโลก ผนวกรวมเข้ากับเงินทุนหนา ๆ จากบริษัท AP ด้วยแล้ว โปรดคิดเอาเถอะว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างหลังจากนี้เป็นต้นไป
.
คุณหนูพ่อตายกระเถิบตัวออกจากโพเดียม เปิดทางให้เปรมได้เดินเข้ามาแถลงที่ไมค์
.
“เรียนทุกท่านที่เคารพ”
“ผมในฐานะหัวหน้าหน่วยคัดกรองโรค ขอให้คำมั่นสัญญาต่อผู้เกี่ยวข้องทุกคนว่าจะบริหารบริษัท AP ร่วมกับมิวท์ให้ดีที่สุด พวกเราจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์และใช้เทคโนโลยีทุกอย่างที่มี ไปกับการพัฒนาแนวทางเพื่อหยุดเชื้อไวรัสนี้ให้จงได้”
“แม้เชื้อจะมีการกลายพันธุ์ไปบ้าง แต่ผมเชื่อว่าเมื่อครอบครัวของเราทั้งสองร่วมมือกันแล้ว การตายของพลเมืองจะค่อย ๆ ลดระดับลงจนกลายเป็นศูนย์ในท้ายที่สุดครับ”
.
พูดไม่พูดเปล่าเปรมยังอุตส่าห์โชว์นวัตกรรมชิ้นใหม่ล่าสุด ด้วยการพ่นก๊าซฆ่าเชื้อสีแดงฉานออกมาจากกลางฝ่ามือ ก๊าซดังกล่าวสังเคราะห์ขึ้นจากเลือดกระเทยสด ๆ ที่ควบแน่นกับออกซิเจนในชั้นบรรยากาศ ทำให้อัตราการฟุ้งอยู่ในระดับสูงและต่อเนื่อง มันกระจายเกลื่อนเต็มห้องสตูดิโอ ก่อนที่เจ้าตัวจะบอกให้นักข่าวทุกคนถอดหน้ากากครอบแก้วออก เพราะบริเวณตรงนี้ไม่มีโควิดอีกต่อไปแล้ว
.
กลายเป็นการจบถ้อยคำแถลงการณ์แต่เพียงเท่านี้ การ Live สดยุติลงไปพร้อมกับสุขภาพร่างกายของนักข่าวทุกคนที่กลับมาแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า ความมั่นใจก่อตัวขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ต่างคนต่างเปี่ยมไปด้วยความศรัทธาว่าหนุ่มสาวคู่นี้จะนำพาประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยไม่ต้องง้อรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว
.
.
ตัดภาพกลับมาที่ช็อปขายยาหน้าบริษัท AP สำนักงานใหญ่
.
บรรยากาศโศกเศร้าดูเหมือนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลงหลังจากได้ฟังถ้อยแถลง คีย์เวิร์ดสำคัญของเรื่องนี้คือวิธีการที่เปรมทำ เพราะลำพังมิวท์คนเดียวคงทดแทนการเสียชีวิตของท่านประธานกับรองประธานไม่ได้ ทว่าพอมิวท์ประกาศว่ามีมือรักษาโรคระดับพระกาฬอย่างเปรมอยู่ในทีมด้วยเท่านั้นแหละ เหล่าพนักงานประจำร้านต่างก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นมาเลย
.
เว้นแต่แพรวเพียงคนเดียว! เธอถึงกับรีบเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างกลุ่มพี่ ๆ เภสัชที่แต่งดำไว้อาลัยให้แก่ท่านประธานใหญ่ พลันเอ่ยออกมาดัง ๆ อย่างมั่นใจว่าช่วยส่งยา “Combined Oral Contraceptive Pill”
จำนวน 2 โดสให้เธอหน่อย เจตนาให้คนฟังที่เป็นหมอยาเหมือนกันสะดุ้งหู แล้วก็กลับมาโฟกัสที่ลูกค้าอย่างเธอสักที ไม่ใช่มัวแต่แหงนคอดูแถลงการณ์จากจอทีวีอยู่ได้.
“แค่นี้ก็ชัดซะยิ่งกว่าชัดอีกพีเอ๊ย! กูไม่รู้จะตกใจหรือเสียใจดีเพราะทางไหนแม่งก็เหี้ยสำหรับกูทั้งนั้น!”
“มิวท์แม่งเล่นกูแบบไม่มีกั๊กเลย ไม่บอกไม่ขอกูสักคำ เผลอแป๊บเดียวเอาแฟนเพื่อนไปแถลงว่าเป็นผัวตัวเองซะแล้ว แม่งเอ๊ย! เพื่อนเลว ๆ ผัวเลว ๆ รู้หน้าไม่รู้ใจ!”
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ