LOGINผู้คนขวักไขว่ยืนเต็มหน้าช็อป ด้านหน้าเป็นโซนขายยาแต่ด้านหลังเป็นอาคารสำนักงานหลังเบ่อเริ่ม คะเนจากสายตาน่าจะมีพื้นที่มากกว่า 20 ไร่ ตัวอาคารสูงโด่ราวกับหำช้างที่จ้องจะแยงท้องฟ้าให้เป็นรูเพื่อขอฝน และแน่นอนว่าบริษัท AP คงไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป นอกเสียจากบริเวณช็อปขายยาที่เปิดไว้สำหรับต้อนรับลูกค้าจากภายนอก
.
ผู้คนพวกนั้นไม่ใช่ชาวบ้าน ไม่ใช่ชาวเมือง แล้วก็ไม่ใช่ประชาชนปกติ มองปราดเดียวด้วยสัญชาตญาณพีก็ทราบทันทีว่าพวกเขาคือเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ที่แฝงตัวมาเพื่อเตรียมจะตะครุบกระเทยทุกคนที่เผลอเข้ามาซื้อยาคุม ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบแจ้งสิ่งนี้ให้แพรวทราบ
.
“กูคงมาส่งมึงได้ไกลสุดแค่นี้ล่ะเพื่อน”
.
“…..”
หญิงสาวเงียบชักสีหน้างง แต่ก็ยังอุตส่าห์ก้าวขาลงจากมอเตอร์ไซต์
.
“มึงว่าไงนะพี?”
.
“กูบอกว่ากูเข้าไปกับมึงไม่ได้”
“พวกหมอมีเครื่องแสกนกูโดนรวบตัวแน่ มึงต้องจัดการที่เหลือเอาเองเข้าใจไหม? ทำได้ใช่ไหม?”
.
แพรวทอดสายตาผ่านหน้ากากกันแก๊สออกไปรอบ ๆ พลางพยักหน้าตอบรับ เนื่องจากเธอเองก็ดูออกเช่นกันว่านี่คือกับดัก ลำพังหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และภาพถ่ายในโทรศัพท์เธอคงจะแฟนตาซีเกินไป กว่าจะตรวจสอบหรืออธิบายกันเสร็จพีอาจจะโดนทรมานจนร่างกายช้ำในตายไปซะก่อน แล้วแพรวเองก็ไม่อยากให้ใครมาลำบากเพราะเธออีกแล้ว เจ้าหล่อนจึงตอบรับถ้อยคำของพีอย่างว่าง่าย
.
“อือ..ไม่ต้องเป็นห่วง มึงไว้ใจกูเหอะ รีบไปซะที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับมึงจริง ๆ อย่าลืมเช็คสัญญาณโทรศัพท์ด้วยล่ะ อินเตอร์เน็ตก็สำคัญกูติดต่อไปห้ามหายห้ามขาดห้ามลาโอเค๊?”
.
พีทำสัญญาณมือว่าโอเค เขาหลุบหน้ากลับไปที่แฮนด์มอเตอร์ไซต์กดหน้าลงต่ำครุ่นคิด
.
“แต่มึงอาจจะได้เจอมิวท์อีกครั้งในนั้นนะ มึงโอเคอยู่ใช่ไหม? มึงยังโกรธเพื่อนอยู่รึเปล่า?”
.
“เฮ้อ~! ไม่รู้ว่ะกูก็ไม่ค่อยแน่ใจ~! กูเกือบลืมไปแล้วนะถ้ามึงไม่ทักขึ้นมา เสปิร์มของมึงในจิ๋มกูแม่งทำให้ทุกอย่างดร็อปไปหมดเลยพี”
.
“อีดอก! มึงนี่กวนตีนไม่เลิก!”
.
จากกันไปด้วยประโยคสั้น ๆ เพียงแค่นั้น มอเตอร์ไซต์ของพีเคลื่อนออกจากพื้นที่ด้วยความเร็วประหนึ่งเต่ากาลาปากอส มันช้าซะยิ่งกว่าช้า แถมบางจังหวะยังต้องใช้เท้าถีบกระเดือบ ๆ ไถไป เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตของเจ้าหน้าที่จะได้หนีไปแบบเนียน ๆ
.
แพรวเดินข้ามถนน 8 เลนผ่านเกาะกลางถนนเหยียบย่างขึ้นบาทวิถี ตัดฝ่าฝูงชนทีมแพทย์ที่ปลอมตัวมาด้วยท่าทางที่สุดจะมั่นใจ เธอขยุ้มชายเสื้อด้านหลังให้เต่งตึงแน่นชัด หวังจะดึงชายผ้าให้รั้งจนเห็นหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เบิ่มอวบอูม เอาให้รู้ไปเลยว่าเป็นเพศหญิงแน่ ๆ ไม่ต้องมาตรวจไม่ต้องมาค้น
.
“ติ๊งต่อง!”
“AP Shop Pharmacy ค่ะสนใจรับยาอะไรดีคะ”
.
ประตูเลื่อนเปิดเองอัตโนมัติแถมยังทักอย่างกับเซเว่น แต่รู้อะไรไหมว่าแพรวไม่ได้ตกใจกับสิ่งนี้เลย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้เข้ามาในช็อปของบริษัท AP อย่าลืมว่ามิวท์คือเพื่อนสนิทของเธอ เพราะงั้นทุกตารางนิ้วของร้านยาแห่งนี้จึงผ่านมือแพรวมาหมดแล้ว โถงตรงกลางกว้างสุดลูกหูลูกตา ระรานตาเต็มไปด้วยชั้นยามหาศาลที่ไล่มาตั้งแต่ยาแผนโบราณยันยาแผนปัจจุบัน ถัดขึ้นไปเป็นสเตปทางขึ้น มีบันไดขึ้นสู่ชั้นสองแล้วก็เต็มไปด้วยชั้นยาจำนวนมากอีกเช่นกัน พวกมันเรียงรายเป็นตับ ๆ แบ่งเป็นชั้น ๆ แยกตามประเภทและกลุ่มอาการของโรค
.
นักศึกษาคณะเภสัชล้วนแต่รักที่นี่เป็นชีวิตจิตใจ ช็อปขายยาสาขาใหญ่ของ AP เป็นดั่งสนามเด็กเล่นให้นักศึกษาได้สอดส่ายสายตาและลงมือปฏิบัติ มียาทุกอย่างในโลกใบนี้อยู่ที่นี่ ถ้าเดินขึ้นทางลาดไปจะเจอกับบันไดขึ้นสู่ชั้นสามอีกชั้นหนึ่ง ที่นั่นก็อัดแน่นไปด้วยชั้นยาที่เรียงรายดั่งชั้นวางหนังสือตามห้องสมุดเช่นกัน
.
AP Pharmacy ไม่มีบรรณารักษ์คอยเดินตรวจตราและสั่งให้ลูกค้าเงียบเหมือนในห้องสมุด หากแต่แทนที่ด้วยพนักงานขายมากหน้าหลายตาทั้งหญิงและชาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเภสัชกรที่มากประสบการณ์ซะด้วย พวกเขารู้และจำแนกได้ว่ายาชนิดไหนวางไว้ตรงไหน อธิบายสรรพคุณได้ จ่ายยาได้ และมีใบประกอบโรคศิลปะครบตามกฎหมายกำหนด พวกเขามีกันเป็นร้อย ๆ ชีวิต กระจายตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ ตลอดทั้ง 3 ชั้นของช็อปขายยาแห่งนี้ คำกล่าวที่ว่าไม่มีที่ไหนจะครบวงจรเท่า Pharmacy ของ AP อีกแล้ว จึงไม่ใช่สิ่งที่อวยเกินจริง
.
เว้นก็แต่หนนี้ที่แพรวสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งที่ผิดแปลกไป!
.
“เฮ้! นี่มันเสียงสัญญาณตอบรับอัตโนมัตินี่ไม่ใช่คนจริง?!”
.
พูดเสร็จก็ถอดหน้ากากกันแก๊สออกแล้วขยี้ตาเพื่อมองหาว่าพนักงานที่เป็นคนจริง ๆ อยู่ไหน หล่อนถึงกับเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วทั้งยังป้องปากตะโกนเรียกไปพร้อมกัน
.
“ฮัลโหล! มีใครอยู่ไหมคะหนูขอซื้อยาหน่อยค่า!”
“เฮ้! ยู้ฮู!”
.
ยังคงเงียบสนิทยิ่งเดินลึกเข้ามายิ่งดูวังเวง กลิ่นเวชภัณฑ์คละคลุ้งล้วนตอกย้ำว่าปกติมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
.
“แปลกจังแฮะชักจะยังไง ๆ แล้วเนี่ยะ หรือเขาปิดหนีโควิดกันหมด แล้วเปลี่ยนมาใช้ระบบขายอัตโนมัติแทน?”
“บ้า! เป็นไปไม่ได้! นี่ยานะจะต้องมีคนคอยแนะนำสิ ไม่ได้ ๆ ผิดหลักการเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
.
กระทั่งเดินขึ้นทางลาดชันและก้าวเท้าขึ้นสู่ชั้น 2 แพรวถึงเริ่มสังเกตเห็นพนักงานบางคน พวกเขายืนเกาะกลุ่มคุยกันอยู่ตามมุมต่าง ๆ บางคนก็แยกตัวออกไปยืนก้มหน้าอยู่คนเดียว ในขณะที่บางคนก็ปาดน้ำตาและซับด้วยกระดาษทิชชู่ นี่มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะเนี่ยะ หนีงานมาแอบเมาท์เจ้านายหรือไงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าแม้แต่ยูนิฟอร์มที่เคยเป็นเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดสะอ้านบัดนี้ก็ยังเปลี่ยนรูปร่างเป็นสีดำสนิท
.
ชุดเครื่องแบบถูกเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งชุด มิหนำซ้ำบางคนยังมีการกลัดริบบิ้นไว้ที่ไหล่ราวกับกำลังไว้ทุกข์หรือไว้อาลัยให้แก่ใครสักคนอยู่ ก่อนที่ในที่สุดแพรวจะถึงบางอ้อ หลังจากที่เธอได้เดินไปถึงจุดที่เป็นชั้นลอยและสามารถมองเห็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้ตรงกลางช็อปได้ เจ้าสิ่งนี้เคยเป็นจอยักษ์สำหรับฉายโฆษณาประชาสัมพันธ์ยาแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันหน้าที่ของมันกลับไม่ใกล้เคียงกับของเก่าเลย ไม่มีเบนด้า 500 ยาถ่ายพญาธิ ไม่มียาธาตุนำขาวตรากระต่ายบิน ไม่มีแอนตาซิลลดกรดในกระเพาะ ไม่มีโทนาฟ ไม่มีซีม่า ซาร่าแก้ปวดสักแผงก็ไม่มีให้เห็น จะมีก็แต่โพเดียมเกลี้ยง ๆ แล้วก็ใบหน้าเศร้า ๆ ของมิวท์ที่ยืนอ่านแถลงการณ์อยู่เคียงข้างกับคราบน้ำตา
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ