LOGINเคี้ยวฟันกรามตุ้ย ๆ เม็ดยาแหลกละเอียดกระซาบฟันขมแผ่ซ่านไปทั่วกระพุ้งแก้ม รสขมและรสขื่นคือสิ่งที่แพรวกำลังแบกรับ เธอเลี่ยงที่จะดื่มน้ำตามด้วยซ้ำ และจงใจจะให้สิ่งที่ทำนั้นติดตราตรึงใจไปตลอดกาลจะได้ไม่เชื่อใครง่าย ๆ อีก
.
“กร๊อบ , กรุ๊บ , กร๊อบ , กรุ๊บ”
.
“โง่อย่างมึงมันต้องโดนแบบนี้!”
แพรวด่าตัวเองในใจ
.
ในปากเธอคือยาคุมชนิดเม็ดที่เพิ่งได้รับมาจากเภสัชกรประจำร้าน แพรวจับมันโยนเข้าปากไปแล้วก็เคี้ยวบดขยี้เคล้ากับน้ำตาให้สาสมกับความแค้นที่ตนเองโดนกระทำ เธอมันโง่ เธอมันโดนสวมเขา บางทีหญ้าที่วัวกินอาจจะเฝื่อน ๆ แบบยาคุมที่เธอกำลังเขมือบอยู่ก็เป็นได้
.
และในระหว่างที่ยังไม่กลืนลงคอแพรวก็ได้กลับหลังหัน พลางเดินออกมาจากช็อปของบริษัท ภารกิจสำเร็จแล้วเธอไม่มีทางท้องกับพีแน่ ๆ แค่ต้องกินยาคุมให้ตรงกับเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด แต่ทว่าทันทีที่เดินผ่านประตูหน้าออกมา ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่อย่างที่แพรวและพีคิดเอาไว้ในตอนแรกเลย
.
จากที่เดาว่าผู้คนที่ยืนอออยู่หน้าร้าน คือทีมแพทย์ที่ปลอมตัวมาจะจับกระเทยไปทำยาต้านเชื้อ พวกเขาน่าจะมีการวางกำลังอย่างเป็นระบบ มีเครื่องไม้เครื่องมือเป็น ปืนช็อตไฟฟ้า ปืนตาข่าย หรือไม่ก็กระสุนยางที่ใช้ในการสลายการชุมนุม แต่ก็ไม่เห็นจะมีกันสักชิ้น กลับกลายเป็นนิสิตสาวที่ต้องผงะเข้ากับคณะบุคคล ที่ต่างก็ยืนตรงถวายความเคารพต่อภาพฉายาลักษณ์ขนาดยักษ์ของท่านประธานบริษัท AP และภรรยา
.
มันถูกฉายขึ้นมาบนตัวอาคารสำนักงานใหญ่ด้วยระบบแสงเลเซอร์ โดยมีส่วนหัวฉายอยู่บนยอดตึกสูงสุดและมีส่วนเท้าสยายลงมาจนถึงบริเวณช็อปขายยาด้านหน้า ในตำแหน่งที่แพรวยืนอยู่พอดีเป๊ะ
.
ตกใจสิจะเหลือเหรอ!
.
“อะ.. เอิ่มอะไรกันคะเนี่ยะ?!”
ขยับปากขมุบขมิบแต่ไม่ยักจะมีเสียงแพลมออกมา
.
และเสี้ยววินาทีต่อมาหล่อนก็ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเองว่า ท่านประธาน AP หรือพ่อกับแม่ของมิวท์นั้น เป็นดั่งปูชนียบุคคลต่อวงการแพทย์ของประเทศ พวกท่านคือผู้ยิ่งใหญ่แม้แต่ช็อปขายยา AP ตรงนี้ ก็เป็นดั่งสถานอนุบาลที่มีคุณูปการต่อนักศึกษาคณะเภสัชทุกคน จึงไม่แปลกที่เหล่าแพทย์ทั้งหลาย จะทำการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อการสูญเสียในครั้งนี้ พนักงานในช็อปเห็นสิ่งใดในจอข้างนอกก็เห็นสิ่งเดียวกัน บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความโศกเศร้าสูงสุด
.
แพรวจึงได้แต่กระเถิบตัวกระท่อนกระแท่นออกมาจากบริเวณ โดยอาศัยกระถางต้นไม้และซอกหลืบเสาไฟที่ใช้ประดับประดาเป็นที่กำบัง จนกระทั่งพ้นแล้วเธอจึงเอ่ยคำขึ้น
.
“วู่ววว.. แบบนี้โทรหาอีพีหน่อยดีกว่า อยากระบาย อยากเมาท์"
"เรื่องนี้ถ้าไม่ได้พูดเราคงอกแตกตายแน่ หวังว่ามึงคงยังไม่แวนซ์ไปไหนไกลนักนะ”
.
“ตู๊ดดด! , ตู๊ดดด! , ตู๊ดดด!”
เสียงสัญญาณดัง รอคนฝั่งนั้นกดรับ
.
.
ตัดภาพมาอีกฟากหนึ่ง ณ ห้องสตูดิโอถ่ายทอดสดที่ถูกเคลียร์คนออกไปหมดแล้ว
.
ทีมงานช่างภาพช่างผมล้วนได้รับก๊าซมหัศจรรย์แห่งการรักษาของเปรมไปแบบถ้วนหน้า บางคนถึงกับประนมมือใส่หัวกล่าวคำนมัสการสาธุ ประหนึ่งได้รับการพรมน้ำมนต์จากพระเกจิอาจารย์ดังก็มิปาน และนั่นเองที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญและการันตีได้ว่าผู้คนนั้นศรัทธาในตัวเปรมขนาดไหน เขาเป็นดั่งพระเจ้าไปแล้ว เป็นเครื่องจักรกลกึ่งโรบอทที่จะขาดเสียไม่ได้ในโลกยุควิบัติภัยนี้ จนกระทั่งก๊าซเริ่มจางลงเขาจึงได้หันมาพูดกับมิวท์
.
“พี่ให้ทุกคนออกไปหมดแล้ว เป็นไงบ้างไหวอยู่ใช่ไหมครับ”
ใบหน้าหล่อเหลากับคำพูดหวานเสนาะหู ใครฟังก็มีแต่จะละลายรวมถึงมิวท์ด้วย
.
“มิวท์ไม่ไหวค่ะพี่~! ป๊ากับม๊าตายแล้วนะพี่เปรม~! ป๊าตายแล้ว~! ฮือ.. อ.. อ.~!”
ทั้งปล่อยโฮทั้งพุ่งเข้าไปสวมกอด ตอกย้ำว่าต่อหน้ากล้องนั้นคือการแสร้งเป็นเข้มแข็งโดยสิ้นเชิง มิวท์อ่อนแอจนถึงขีดสุดเธอร้องไห้แบบไม่ห่วงสวย แถมยังคุกเข่าลงซุกหน้าสวยจ่ออยู่ตรงเป้ากางเกงเปรม
.
“พี่ขอโทษนะมิวท์ถ้าเลือดของพี่เข้ากับพวกกระเทยได้มากกว่านี้ล่ะก็ พวกท่านก็คงจะหายดี ขอเวลาพี่อีกหน่อยเถอะพวกเรากำลังทำงานกันอย่างหนัก บริษัทเราก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วด้วย ถ่ายโอนเทคโนโลยีเข้าหากันอีกหน่อย อีกแค่นิดเดียวเชื้อโควิดร้ายก็คงจะหายไปจากโลกแบบ 100%"
เปรมอธิบายสลับกับการวาดฝ่ามือลูบไล้ ลงบนผมสวยของหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ตรงเป้า
.
“งั้น!? แล้วก๊าซที่พี่พ่นให้พวกนักข่าวไปเมื่อกี้ล่ะคะ พี่โกหกพวกเขาหรอ?”
.
“ก็ไม่เชิงจ่ะ มันแค่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็ป้องกันและยับยั้งการเผยแพร่เชื้อได้ในระดับที่น่าพอใจ พวกเขาจะไม่หายแต่จะไม่ตายไปสักระยะ”
.
“พี่เปรม!”
แก้มบวมป่อง มิวท์เหมือนจะงอนแล้วก็โกรธ
.
สวนทางกับหนุ่มหล่อที่เริ่มย่อตัวลงคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ตาพวกเขาประสานกันดวงแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาช่างเป็นอะไรที่น่าสงสาร เปรมก็เลยใช้สันนิ้วปาดมันออกให้ เขากรีดปลายนิ้วไปจ่อที่ริมฝีปากบางของมิวท์ กดน้ำหนักแผ่วเบาจนปากสาวเจ้ายุบเป็นรอยบุ๋มน่ารัก
.
“ปากน่าจุ๊บจัง”
เปรมว่า
.
“พี่จูบนะ”
.
“จุ๊บบบบบบ!!!”
.
กลายเป็นมิวท์ที่ชิงประกบปากนาบเข้าก่อน แล้วสะบัดหน้าหนีพลางชันกายลุกขึ้นไปนั่งบนโต๊ะนักข่าว เธอประกบมือเข้าหากันพอหลวม ๆ ถูฝ่ามือไปมาประหนึ่งคนที่ขาดความมั่นใจและเขินอายอยู่ในที
.
“พี่เปรมอ่ะ~! พี่ก็รู้ว่ามิวท์ติดเชื้อ~!”
สาวไฮโซก้มหน้าลงกดต่ำ
.
“ใช่ครับ! เพราะพี่รู้ไง! แล้วมิวท์เองก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเราต้องทำยังไงมิวท์ถึงไม่ตายและยังมีชีวิตอยู่!”
กระชากชายเสื้อสะบัดทิ้งไปด้านหลัง เปรมเริ่มแกะกระดุมด้วยความรวดเร็ว แกนแข็งของเขาเสยชูชันขึ้นจนเห็นเป็นลำนูนโก่งอยู่ตรงร่องซิบ เขาเดินอาด ๆ เข้าหาหญิงสาวที่หน้าแดงระเรื่อ สายเข็มขัดถูกปลดออกเสื้อนอกกองอยู่ที่พื้น เปลือยท่อนบนเห็นเป็นรอนท้องที่เกร็งแข็งชวนลูบไล้
.
“ตรงนี้จะดีเหรอคะ? ข้างนอกคนเยอะแยะ”
.
“มิวท์อยากตายเหมือนป๊ากับม๊าไหมล่ะ ถ้าไม่ก็ต้องทำ! ตอนนี้การมีเซ็กส์กับพี่คือทางเดียวที่มิวท์จะยังมีชีวิต อสุจิของพี่กับเลือดซิงของน้องจะผสมกันทำให้เกิดการต้านเชื้อด้วยแรงปฏิกิริยา”
“ช่างเถอะ! ขี้เกียจพูดแล้วเราเอากันมา 4 - 5 ครั้งแล้วนี่นา ไม่งั้นมิวท์คงตายตามป๊ากับม๊าไปแล้วพี่พูดถูกไหม?”
.
เหมือนโดนไฟท์บังคับอยู่กลาย ๆ ผู้บริหารสาวหน้าใหม่ถูกจับตัวได้ เธอโดนวงแขนล่ำสอดอ้อมลำตัว ตามติดมาด้วยการโถมน้ำหนักตัวดันเธอนอนราบแนบบนโต๊ะ เพดานขาวเจิดจ้าแสงนีออนสะท้อนหน้าเห็นเปรมที่จ้องหน้าอยู่ดูมีความสุขท่วมท้น
.
ขาเรียวถ่างอ้าออกอย่างว่าง่าย ดุ้นแข็งใต้กางเกงดุนใส่ร่องจิ๋มที่ยังคงปิดผนึกด้วยจีสตริงสีเนื้อ มิวท์ยกก้นขึ้นเองแล้วค่อย ๆ ปลดตะขอซิบกระโปรงออก
.
“แคว๊กกก!!!”
.
“พี่เปรมคะ?”
.
“คะ..ว่าไงเอ่ย?”
ฝ่ายชายตอบเสียงสั่น
.
“เย็ดมิวท์เลยค่ะไม่ต้องเกรงใจแพรวแล้ว ที่พูดวันนี้เธอคงเห็นแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน ไม่ต้องปกปิดอะไรอีกแล้วนะคะพี่เปรม.. ม.. ม.. ม..”
“อ๊าาา.. ซีดดด..”
“มิวท์เองก็อยาก.. เปลี่ยนที่บ้างก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน.. น.. น.. น..”
.
กางเกงในตัวจิ๋วปลิวกระจายมันหล่นลงแถวหน้าห้อง และตอนนี้ก็มีเพียงริมหนวดบาง ๆ ของเปรมที่บดขยี้เข้าใส่กลีบร่องเสียวกระซิก เขาไม่ตอบสิ่งที่มิวท์ทักเลยสักคำ เผิน ๆ การเล่นเกมปลุกปล้ำในห้องส่งออกอากาศนี่แหละ ที่จะเป็นคำตอบที่เขามอบให้เธอ
.
“ฟู่~!”
.
ปล่อยก๊าซสีแดงออกมาจากฝ่ามืออีกคำรบ เปรมทำมันเป็นครั้งที่ 5 ว่ากันว่าถ้าเย็ดกันภายใต้แก๊สที่กลั่นจากเลือดกระเทยนี้ คนที่ปี้ด้วยจะสวยขึ้น เงี่ยนขึ้น และรอดจากการฆาตกรรมของ covid
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ