สาวเจ้านัยต์ตาสวยเดินย้อนกลับมาหาเพื่อน มิวท์เก็บสมาร์ทโฟนใส่ไว้ในกระเป๋าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ประเด็นที่สนทนากันเมื่อครู่คือการคบชู้ยั่วผัวเพื่อนเห็น ๆ ในหัวเธอกำลังรบราฆ่าฟันระหว่างถูกผิด เปรมบอกเลิกแพรวไปแล้วนั่นคือความจริง แต่ความจริงอีกข้อที่ว่าแพรวเป็นเพื่อนสนิทของเธอก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ ดูทรงแล้วการปล่อยตัวปล่อยใจคงไม่ทำให้เธอหลุดพ้นจากการเป็นผู้มีมลทินมัวหมอง
.
"ทำยังไงดี.. เราจะทำยังไงดี.. จะผ่านสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ยังไง ขึ้นห้องก็ไม่ได้เพราะมีพี่เปรมดักรออยู่ โถ่เอ๊ย!"
กัดเล็บเครียดจนไม่รู้จะหาทางออกยังไง รู้ตัวอีกทีหน้าขาส่วนบนก็ชนเข้ากับขอบโต๊ะของเจ้าหน้าที่ซะแล้ว
.
"โครมมมม!"
.
"เฮ๊ย! , น้อง!"
ร่างหนาในชุดยูนิฟอร์มลุกขึ้นเท้าสะเอว
.
"ขอโทษค่ะ.. หนูเดินใจลอยไปหน่อย ต้องขอโทษด้วยนะคะ!"
มิวท์รีบแก้ตัว
.
ทว่าเจ้าหน้าที่หุ่นหมีคนนั้นกลับเบี่ยงประเด็นไปทางอื่น
.
"พี่ไม่ได้หมายถึงน้อง พี่หมายถึงเพื่อนน้องสองคนนี้ต่างหาก บอกขอใช้โทรศัพท์โทรหาที่บ้านจนครึ่งชั่วโมงผ่านไปยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย พี่ว่าน้องสามคนเซ็นต์รับสารภาพซะเถอะเรื่องมันจะได้จบ ๆ จะลีลาไปเพื่อ หลักฐานก็เห็นอยู่ทนโท่ กล้องวงจรปิดก็มี"
ตวาดเสียงดังจนน่ากลัว จากมือที่ท้าวสะเอวอยู่บัดนี้ย้ายขึ้นมากอดอกหุนหัน
.
ทำให้มิวท์ต้องนั่งลงร่วมโต๊ะกับพีและแพรวตามระเบียบ นิสิตสามคนนั่งตัวสั่นหวาดผวาไม่ต่างจากลูกหมาที่โดนเอาไปปล่อยวัด ที่ต่างจากคนอื่นหน่อยก็เห็นจะเป็นแพรวผู้มีแอลกอฮอล์อยู่ในกระแสเลือดมากกว่าคนอื่น เธอยังคงไม่รู้ความจริงว่ามิวท์แอบไปโทรศัพท์กับใคร แล้วมิวท์เองก็เหมือนจะคิดได้ในใจว่าสิ่งที่ทำนั้นมันผิด เธออาจจะสำนึกผิดแล้วก็ได้ ก็เลยเอื้อมมือขึ้นไปโอบไหล่แพรวเอาไว้พลางดึงเข้ามากอด
.
"ไม่ต้องกลัวนะแพรว.. เดี๋ยวมิวท์จัดการเองถ้าไม่รอดยังไง คนของคุณพ่อก็จะเคลียร์ให้เราได้^^"
.
ดวงตาของทั้งสองจ้องมองกัน ดวงหน้าใกล้กันไม่ถึงเสี้ยวเซนติเมตร ทว่าจู่ ๆ พีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็สะดีดสะดิ้งขึ้นมา เขากระโดดโลดเต้นโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณว่าพระบิดาได้เสด็จมาถึงแล้ว
.
"มาแล้วค่ะ! , มาแล้ว! , พ่อหนูมาแล้ว! เตรียมตัวเตรียมใจได้เลยคุณตำรวจพวกคุณโดนแน่!"
พีตะโกนด้วยความมั่นใจ จนกลายเป็นมิวท์อีกครั้งที่ดึงเขาให้นั่งลง
.
"ชู่ววววว..อย่ากระโตกกระตากนักสิพี , เงียบ!"
.
"ใช่! อีบ้า! อดีตผู้ต้องหาเมาแล้วครับเนี่ยะนะ? มันน่าเบ่งตรงไหน? ถ้าเป็นอดีตผู้การหรือสส.นักการเมืองฉันจะไม่ว่าสักคำ"
แพรวตวาดดุ
.
.
กระบะบุโรทั่งตีโค้งขึ้นมาจอดเทียบที่หน้าด่าน สีของมันดำคล้ำมีสนิมขึ้นบ้างตามขอบล้อ ถัดขึ้นมาถึงบานประตูมีสติกเกอร์โลโก้บริษัท AP เวอร์ชั่นเก่าแปะหราอยู่ บางทีพ่อของพีอาจจะมีอดีตบางอย่างกับบริษัท AP มาก่อน มิวท์ไม่รู้ แพรวก็ไม่รู้ พวกเธอเพิ่งเคยเห็นพ่อของพีเป็นครั้งแรก สวนทางกับพีลูกชายที่บัดนี้ได้สลัดตูดออกจากเก้าอี้ พลางเดินโทง ๆ บิดเอวออกจากเต็นท์ไปรับพ่อให้เข้ามาเคลียร์คดีให้
.
"พ่อคร๊าบบบ.. บ.. บ พ่อคร๊าบบบ.. บ.. บ ช่วยน้องพีด้วยคร๊าบบบ"
.
"พลั๊วววว!"
เสียงฝ่ามือกระทบกระโหลกดังราวกับลูกปืน ร่างสูงโปร่งกราวร่วงลงกับพื้นพับเพียบในท่าที่อุบาทว์ลูกตาต่อผู้พบเห็น
.
"มึงเลิกทำตัวเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วแบบนี้ซะทีเถอะวะ! กูอายเขาที่มีลูกสร้างแต่เรื่องอย่างมึง!"
.
"พ่อบูลลี่หนูอ่ะ.."
พีกระแอมเสียงเศร้า เขาวาดฝ่ามือจับพวงแก้มตัวเองน้ำตาไหลนอง
.
"มู่ลี่สิมึงอ่ะ! บูลลี่ห่าอะไร! ลุกขึ้นมาแล้วพากูเข้าไปหาตำรวจ แม่งเสียเวลากูชิบเป๋ง!"
.
"อะ...อือ...อ..อ.. ครับ..บ..บ..."
.
ลุกขึ้นผายมือทั้งน้ำตา บุคลิกพีเปลี่ยนไปในบัดดล จากกระเทยควายพูดมากกลายสภาพเป็นลูกหมีตัวน้อย ๆ เขาเดินนำพ่อมาที่โต๊ะตรงกลางเต็นท์ ที่ตรงนั้นมีมิวท์กับแพรวนั่งรออยู่ ด้านหลังเป็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบทั้งโขยง ทุกคนต่างมองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยสายตาเดียวกัน พ่อพีไม่ใช่คนธรรมดา ระวังได้ต้องระวังหรือไม่ก็ต้องป้องกันตัวเองเอาไว้
.
"นี่ครับพ่อ.. ข้างหน้านี่เอง.. เชิญเจรจาได้เลยครับ"
พีผายมือส่วนแพรวกับมิวท์นั้นยกมือไหว้ พวกเธอปลีกตัวมาหลบอยู่ด้านหลังพี เปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ได้นั่งที่เก้าอี้
.
สถานการณ์มาคุมาก ความตรึงเครียดแผ่รัศมีไปทั่วบริเวณ กระทั่งแพรวต้องกอดเอวของมิวท์เอาไว้แน่น เธอมูล์ฟตัวเองมาอยู่ด้านหลัง พาดคางเข้าที่ไหล่ซุกใบหน้าลงที่ซอกคอ กดสายตาลงต่ำจ้องมองเหตุการณ์ผ่านทางซอกหูขาว ๆ ที่หอมน้ำหอมกลิ่นสดชื่น
.
"อย่ากลัวไปเลยแพรว.. ประเดี๋ยวก็ดีขึ้นมิวท์คิดว่าพ่อพีน่าจะเอาอยู่ ดูแกเข้มแข็งมากเลยนะ"
มิวท์กระซิบ
.
"ฉันไม่เชื่อแบบนั้นน่ะสิ.. เธอไม่รู้หรอกว่าอีพีมันบอกอะไรฉัน ลุงคนนั้นไม่ใช่คนที่เราจะไว้ใจอะไรได้เลย ฉันว่าเส้นสายบริษัทพ่อเธอยังน่าไว้ใจกว่า"
.
ลูกสาวนายทุนยิ้มออกมาแหย ๆ ไม่มีใครเข้าใจว่าเธอคิดอะไรในหัว รอยยิ้มอ่อนโยนแบบนั้นดูไม่ออกเลยว่ามิวท์จะเป็นคนร้ายไปได้ยังไง เธอกระชับมือแพรวให้กอดแน่นขึ้น พลันกระซิบออกมาเบา ๆ
.
"มิวท์รักแพรวมากนะ.."
เบามาก.. เบาจนคนที่กอดอยู่แทบจะไม่ได้ยินอะไรเลย
.
.
ตัดภาพไปที่พีกระเทยควาย เขายืนตัวเกร็งอยู่ห่างจากคู่เพื่อนหญิงประมาณหนึ่งช่วงแขน สายตาโฟกัสไปที่คุณพ่อ คอยเฝ้าดูอย่างตั้งใจว่าแกจะเจรจาให้ลูก ๆ หลุดพ้นไปจากห่วงโซ่ชะตากรรมนี้ได้รึเปล่า
.
"เพล้งงงง!"
แก้วน้ำแตกกระจาย ถีบเก้าอี้ที่นั่งอยู่ล้มคว่ำกระเด็นกระดอน
.
"เฮ่ย! ใครใหญ่สุดในนี้ออกมาคุยกับฉันหน่อยสิวะ!"
คุณพ่อแผดเสียงยืนจังก้าชี้หน้าด่า เพียงเท่านี้ก็เรียกตีนเจ้าหน้าที่ให้มายืนออกันให้พรึบ
.
"คุณจะทำอะไร?! ทำไมต้องโวยวายก็ในเมื่อลูกคุณทำผิดกฎหมายจริง!"
เจ้าหน้าที่คนเดิมพยายามจะอธิบาย
.
"ไอ้หน้าจืดมึงเป็นใครไอ้สัด?! กูอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดพื้นที่ตรงนี้กูรู้จักหมด มึงไม่ใช่หัวหน้าไปเรียกคนที่มีอำนาจสูงสุดของที่นี่มาเดี๋ยวนี้! , ไป!"
.
ยื่นมือขวาข้ามโต๊ะเข้าไปขย้ำคอเสื้อ พ่ออีพีออกแรงกระชากจนเสื้อกั๊กตัวหนาลอยข้ามโต๊ะติดมือขึ้นมา
.
"ผะ..ผมเป็นเจ้าหน้าที่อสม. เป็นอาสาสมัครชุดควบคุมโรค! ปะ..ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้นะ~!"
.
"ถุย!"
"กูไม่เชื่อ! มึงมีหนังสืออนุญาตแต่งตั้งจากทางราชการรึเปล่า? หนึงสือราชการมึงอยู่ไหน! เอามาโชว์ดิ๊ไอ้ไก่อ่อนเอ๊ยยย!!"
.
"โครมมมม!"
.
ชูร่างขึ้นสุดไหล่แข้งขาแกว่งไกวลอยไม่ติดพื้น ก่อนจะทุ่มคนทั้งคนลงสู่พื้นปูนด้านล่างมันซะอย่างงั้น!
.
"เฮ้! หยุดเลย! อย่าเข้ามาเชียวนะเว่ย! เพราะขนาดตัวกูยังมีหนังสือราชการเยอะกว่าพวกมึงอีก ไปเรียกตำรวจที่ใหญ่ที่สุดในด่านนี้มา กูจะคุยกับเขาเท่านั้น นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกลูกกะจ๊อก! , ไป!"
.
"โครมมมมม!!!"
ถีบโต๊ะล้มคว้ำไปอีกตัว ข้าวของกระจายเกลื่อนเถื่อนกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
.
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจึงจำเป็นจะต้องวิ่งอ้อมออกไปด้านหลังเพื่อทำตามข้อเรียกร้อง เช่นกันกับอาสาสมัครรายอื่นที่ปล่อยให้คุณพ่อกร่างต่อไปตามสิทธิขั้นพื้นฐานแห่งรัฐธรรมนูญ แกควักเอาซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาจากเสื้อโค้ท ก่อนจะเททุกอย่างออกมาโชว์ให้คนเห็น ปรากฏว่าที่เตรียมมาก็เป็นเอกสารของทางราชการจริง ๆ แต่หนักไปทางใบสั่งขับรถเร็ว , เมาเหล้ายามวิกาล, แล้วก็หมายศาลคดีเมาแล้วขับอื่น ๆ !
.
"เย็ดเข้! อย่างงี้ก็ได้เหรอวะ?!"
คือประโยคที่บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างตะโกนถามกัน
.
เดชะบุญที่ทีมนายตำรวจยศใหญ่ได้เดินทางมาถึงพอดี ความโกลาหลจึงหยุดลง และเสี้ยวอึดใจที่กลุ่มผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สบตากับคุณพ่อ พวกเขาก็ถึงกับชะงัก
.
"นี่มึงอีกแล้วหรอ?!"
ท่านผู้กำกับเอ่ย
.
"โดนคดีเมาแล้วขับอีกแล้วเหรอ? บันทึกประจำวันเพิ่งเขียนไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเองนะ"
สิบเวรที่มาด้วยกันเสริม
.
"ขวดเหล้าลุงยังเป็นของกลางอยู่ที่โรงพักอยู่เลย"
ร้อยเวรสำทับ
.
สารพัดสิ่งล้วนบ่งชี้ว่าพ่อของพีสนิทกับตำรวจทั้งโรงพักอย่างที่ว่า แกติดคุกบ่อยจนตำรวจเกรงใจ ความเบื่อหน่ายทำให้ทุกคนไม่อยากยุ่งกับแก โดยเฉพาะท่านผู้กำกับที่ทำหน้าเซ็งราวกับหลุมขนมครก บอกตามตรงว่าแกไม่น่าลดตัวมาถึงที่นี่เลย
.
"เฮ้อ..แล้วครั้งนี้โดนคดีอะไรอีกล่ะ?"
.
"ไม่ได้โดนครับแต่ลูกโดน! ทั้งสามคนเลย! ผมขอได้ไหมครับ..ผมไหว้ล่ะ.. เห็นแก่ลูกแก่หลาน.. มาสิ! พวกเรามายืนรวมกันตรงนี้แล้วทำตามพ่อ"
กวักมือเรียกหยอย ๆ นิสิตสามคนเดินเข้ามาใกล้แบบไม่ค่อยเข้าใจนัก
.
ทันใดนั้นเองพ่อของพีก็ทรุดตัวลงคุกเข่า แกพนมมือก้มลงกราบแทบเท้าท่านผกก. ต่อหน้าเจ้าหน้าที่อสม.ทุกคน พลันเรียกร้องให้ลูก ๆ ทั้งสามคนทำตามด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่ขัดลุคนักเลงที่ผ่านมามาก ภาพการกระชากเจ้าหน้าที่ขึ้นไหล่แล้วทุ่มลงพื้นกลายเป็นอดีตอันแสนสั้น ความจริงก็คือความจริง ว่าแกไม่ใช่คนมีเส้นสายบารมีอะไร แล้วก็ไม่ได้ทนงตัวจนเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนั้น แกก็แค่พ่อคนหนึ่งที่รักลูกแล้วก็ไม่อยากให้เด็ก ๆ เสียอนาคต
.
"ได้โปรดเถอะครับท่านอย่าเอาเรื่องพวกเขาเลย ให้พวกเขาไปในทางที่ดีเถอะ คนเรามันพลาดกันได้ ผมขอโอกาสให้พวกเขาด้วยเถอะครับ ผมกราบล่ะ"
มือยังคงกราบหน้าผากยังคงจรดพื้น เด็ก ๆ เองก็ทำตามไม่มีใครคิดถึงความอับอายอะไรแล้ว แต่ก็นะ! ถ้ามีใครมาเห็นเข้าแล้วถ่ายคลิปเอาไว้ รับรองได้กลายเป็นไวรัลใหญ่โตแน่ คงได้ออกรายการดังในทีวี แล้วก็คงจะโดนพิธีกรถามจี้ ว่าเหตุใดลูกสาวบริษัทยักษ์ใหญ่ถึงต้องก้มหัวกราบตำรวจ
.
ด้วยความตั้งใจตรงนี้ผู้กำกับก็เลยยอมปล่อย
.
"เออ ๆ เอางั้นก็ได้ปล่อย ๆ ไปเหอะ จับไปก็เสียดายข้าวคุก เปลืองงบประมาณแผ่นดินเปล่า ๆ ไอ้ขี้เมานี่คงต้องปล่อยให้มันขับรถชนคอสะพานตายเองนั่นแหละ กฏหมายคงทำอะไรคนหน้าด้านแบบมันไม่ได้หรอก!"
"เดี๋ยวให้อสม. วัดอุณหภูมิ ทำบันทึกไว้แล้วก็ปล่อยตัวไปเลยนะ น่ารำคาญชะมัด ฉันขอตัวก่อนล่ะ"
.
สั่งการเสร็จทั้งคณะก็เดินกลับไป ทิ้งไว้เพียงประชาชน 4 คน ที่หมดซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ พวกเขาไม่ได้โดนล่วงละเมิดทางรูทวาร แต่ท่วงท่าการก้มกราบกรานต่อผู้มีอำนาจ ก็คงไม่ต่างจากขอทานธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
จ้วงขาออกไปพร้อมกับการเชิดหน้า บานประตูกลายเป็นที่รองตีนให้เหยียบย่ำ ประดังความแค้นสุมทรวงทำให้แพรวแสดงออกเช่นนี้ เธอหยุดเจรจาพาทีมุ่งหน้าออกไปจากอพาร์ทเมนต์แห่งนี้โดยเร็ว และถึงแม้ว่าพีจะพยายามตะโกนไล่หลังพลันวิ่งเปลือยท่อนบนออกมาตาม แพรวก็ไม่สนอีกแล้ว.“อีแพรวเดี๋ยว! ชุดมึงมันไม่เรียบร้อย มึงจะโนบลาออกไปเดินโทง ๆ ไม่ได้!”.เห็นแต่แผ่นหลังเดินลงบันไดไปไกลลิบ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงตามสไตล์ของคนที่เพิ่งเสียตัว พีหยุดแล้วแต่แพรวไม่ยอมหยุด เขาไม่ใช่พระพุทธเจ้าแล้วแพรวก็ไม่ใช่องคุลีมาล ไม่มีทางที่จะตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง กระเทยหนุ่มเลยต้องปล่อยเลยตามเลยเดินวกกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับยกบานประตูทั้งบานเอาไปประกบไว้คืนที่เดิม.“อีห่า! ค่าส่วนกลางกูก็ต้องจ่ายอีก! ขอให้มึงไม่ท้องอย่าให้กูต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นการแต่งมึงเป็นเมียเลยอีแพรว!”..ตัดภาพมาที่หญิงสาวเพื่อนสนิท เธอยังคงมุ่ยหน้าเดินเหวี่ยงลงบันไดมาด้วยความหงุดหงิด ห้องของพีอยู่ชั้นบนสุดคือชั้น 5 ซึ่งไม่สูงพอที่จะทำให้อพาร์ทเมนต์แห่งนี้มีลิฟท์ไว้อำนวยความสะดวก สาวเจ้าจึงได้แต่เดินแล้วก็เดิน เดินไปคิดไปว่ายังไงซะสถานที่ ๆ จะไปก็คงไม่พ้
“วางถุงกาวแล้วตั้งสติ” ถ้าเป็นวลีฮิตสมัยก่อนต้องใช้คำนี้ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ต้องบอกเลยว่าพลาดที่ไม่ได้ใส่ถุง แพรวลุกขึ้นพรวดจากโซฟาเธอเดินไปเก็บเสื้อผ้า ค่อย ๆ ทยอยสวมใส่ทีละชิ้นด้วยความใจเย็น แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าใส่ไปก็มีแต่รอยขาดจากการถูกกระชากก็ตามที.“……”เงียบเป็นเป่าสาก สาวเจ้าสวมเสื้อนอกตัวบางเป็นลำดับสุดท้าย ก่อนจะขยับตัวไปยืนอยู่หน้าประตู.“มึงจะไปไหน?” พีถาม เขาถูฝ่ามือขยี้หน้าตัวเอง .กระเทยควายอยู่ในอาการจิตตกขั้นสุด บางทีเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยให้เซลล์อสุจิงอกอยู่ในช่องคลอดเพื่อน แพรวจึงโพล่งคำขึ้น.“ก็ไปหาทางแก้ปัญหาไง! กูขอถอนคำพูดที่ว่าไม่เป็นไรนะพี!”“ไอ้พวกผู้ชายสารเลว หน้าไหนก็ไม่ต่างจากหมา ตอนเอาก็ทำรุนแรงพอเลยเถิดทำเรื่องแดง แม่งเห็นมีแต่ผู้หญิงอย่างกูนี่แหละที่เดือดร้อน!”“เหี้ยเอ๊ย! ทำไมมึงปล่อยในวะ อีสัด..ด..ด..ด!”กำหมัดแน่นแถมยังกัดกรามเค้นเสียงสั่นในลำคอ ดูทรงแล้วแพรวคงจะโกรธมากจริง ๆ.แข้งขาเธออ่อนยวบยาบไปหมด แค่นึกถึงกลีบผกาก็สั่นไหว ไม่รู้เหมือนกันว่าเกี่ยวกันไหมแต่เหมือนแพรวจะรู้สึกว่าจุดซ่อนเร้นข้างในนั้นช่างชุ่มแฉะ โกรธจนหยาดน้ำเสียวเล็ดซึมอ
ภายใต้ผนังห้องที่ทึบตันอับทึบแสง แดดจะแยงยังยากลำบาก มิหนำซ้ำยังถูกพอกทับด้วยกระดาษกาวนานาชนิดที่ปิดผนึกทุกอย่างเอาไว้กันเชื้อโรค ให้ตายเถอะถ้าไม่ขาดใจตายก็มีแต่จะร้อนตายกันเท่านั้น เพื่อนซี้ที่เพิ่งได้กันเลยค่อย ๆ เผยอเปลือกตาสะลึมสะลือขึ้น.แพรวลุกขึ้นได้ก่อนเธอเห็นทุกอย่างขาวพร่าดวงตายังไม่โฟกัส แต่สติยังอยู่ดีไม่ได้ความจำเสื่อม กลีบผกายังคงแสบเสียวสะท้อนให้เห็นว่ากระเจี๊ยวที่แยงแหย่นั้นเร่าร้อนขนาดไหน.“ซีดดด.. มึนหัวจัง”พูดพลันเอื้อมมือไปคว้าเอาเสื้อยืดตัวบางมาสวมใส่แบบโนบลา ก่อนจะนั่งลงห้อยขาโน้มตัวมาด้านหน้าทำสีหน้าเศร้า.“มึงเป็นไงบ้างพี..?”.ร่างใหญ่ตวัดพลิกดีดตัวขึ้นนั่งขัดสมาธิ ในชุดนุ่งลมห่มฟ้าเนื้อตัวดำกร้านของเขากลืนไปกับบรรยากาศห้องที่มืดหม่น เขาลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา เอามือผสานกันวางไว้ที่ตักแบบเดียวกับที่แพรวทำ.“ครือ..อ..อ..อ..อ~!”เสียงแอร์ดังกลบทุกสรรพสิ่ง ราวกับว่าต่างคนต่างรอให้อีกคนมีปฏิกิริยาก่อน .“เราได้กันแล้ว..”พีเปิดประเด็น.“กูขอโทษ~ กูไม่เมาหรอก~ กูไม่~ แบบ..บ..บ..บ”“เหี้ยเอ๊ย! แม่งทำอะไรลงไปวะ?”ตีอกชกตัวทำทุกอย่างที่มีความรุนแรง แต่ใบหน้าดำคล้ำ
ปลายลิ้นสากลากวนหัวถันยอดเกสรลุกชูชันเกินจะต่อต้าน แพรวเริ่มขยับหนีตามจริตจะกร้านด้วยเพราะรู้โดยสันดานว่าตัวเองก็สมยอม แต่ก็ต้องพยายามขัดเอาไว้หน่อยไม่ให้ฝ่ายนั้นคิดว่าง่ายเกินไป เธอกระเถิบตัวขึ้นไปพิงกับพนักวางแขนของโซฟา ครานั้นพีก็ยังตามขึ้นมาโดยการใช้คางพาดไว้บนเนินอก.“หนีทำไม?”เขาเค้นเสียงถาม ลมหายใจร้อนผ่าวจนผิวเต้าเกร็งลุก.“…….”แพรวไม่ตอบเธอเหลือบมองไปทางอื่น พลันใช้มือปิดบังหน้าอกตัวเองเอาไว้ ก่อนจะดันร่างอันบอบบางกระเถิบหนีขึ้นไปพิงกับพนักโซฟา.“กูไม่ให้มึงหนีหรอก มึงพลาดแล้วที่คิดจะยั่วกูอีแพรว!”.ร่างหนาโผขึ้นไปประกบ ชั่วเสี้ยวอึดใจสองกายก็กลมกลึงรวมเป็นหนึ่ง พีสอดแขนเข้าล็อคตัวแพรวเอาไว้ก่อนจะใช้เข่าดันลำตัวส่วนบนอันแน่
เทปกาวหลายขนานปิดทับช่องว่างใต้ประตู ขอบหน้าต่างอัดแน่นไปด้วยกาวยางซิลิโคน ชนิดที่แม้แต่แมลงวันสักตัวก็แทรกผ่านเข้ามาไม่ได้ แอร์ถูกปิด เปิดเพียงระบบฟอกอากาศพอให้ได้ใช้หายใจ และถ้าหากฆ่าแพรวที่มีส่วนร่วมในการแย่งหายใจทิ้งได้ พีก็คงทำไปแล้ว.“มึงเว่อร์อ่ะอีพี!”แพรวตะโกนบอก ขณะนั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่บนโซฟา.“ช่างมึงสิ! ก็นี่มันห้องกู ๆ จะทำอะไรก็ได้ มึงไม่เห็นสิ่งที่มิวท์ทำเหรอ? มึงเห็นกับตาแล้วมิใช่รึไงว่าข้างนอกนั้นเป็นยังไงบ้าง กันไว้ดีกว่าแก้นะมึง!”ร่างหนาดั่งหมีป่าแบกตู้กับข้าวโครม ๆ พีลากมันมากั้นประตูหน้าห้องเอาไว้ เขากลัวเชื้อไวรัสขึ้นสมองจนต้องรีบกลับมารีโนเวทห้องตัวเอง ให้เป็นดั่งห้องปิดตายอย่างที่เห็น.“เฮ๊อะ! ตื่นตูมชะมัด! ต่อให้มีโคนัน 10 คนก็ไขเข้ามาไม่ได้หรอกถ้ามึงทำขนาดนี้”แพรวประชด.“ไม่ช่วยก็อย่าพาลดิ กูรู้หรอกว่ามึงคิดอะไรอยู่ในหัว ทำเป็นกลบเกลื่อนความเสียใจใช่ไหมล่ะ? ตอนซ้อนมอไซต์กูกลับมามึงถึงไม่พูดไม่จาสักคำ”.เจอประโยคนี้เข้าไปเล่นเอาสาวเจ้าถึงกับจุก แพรวเสยผมหนึ่งทีถึงรู้ว่าใบหน้าที่เคยขาวเด้งบัดนี้มีแต่คราบน้ำตา พีแทบไม่อยากเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเห
เปรมที่ยืนอยู่บนท้ายกระบะพร้อมอยู่แล้ว เริ่มมีการขยับแข้งขาให้เข้าที่ ด้านหลังเขาคือตู้ตรวจเชื้อกระจกใส แต่ด้านหน้าคือฝูงชนมากมายที่ทยอยกันเข้ามาแออัดเนืองแน่น ส่วนหนึ่งต้องชมเจ้าหน้าที่ด้วยที่ทำงานได้อย่างขมีขมัน พวกเขากวาดต้อนผู้คนได้ครบจนเกือบหมด ไม่เช่นนั้นภาพที่ออกมาคงไม่คลาคล่ำขนาดนี้.หัวหน้าหน่วยเป่าปากพรูส่วนมือก็เริ่มมีการขยับ เปรมเริ่มหมุนจุกก๊อกตรงกลางฝ่ามือออกทั้งสองข้าง พลันทิ้งฝาปิดลงกับพื้นแล้วทันใดนั้นเอง กลุ่มก๊าซสีแดงฉานก็ลอยเอ่อออกมาจากรู บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง.. บุ๋ง..~!.“พร้อมแล้วทีนี้ก็เข้ามาเลย! พ่อจะพ่นให้ร่วงเป็นยุงหน้าฝนเลยคอยดู ไอ้ไวรัสสารเลว ฮึ่ย~!".คิดได้ดังนั้นการลงมือก็บังเกิด สายละอองก๊าซลอยคละคลุ้งเป็นมุมเสยขึ้นไปบนฟากฟ้า อาศัยว่ายืนอยู่บนจุดที่สูงกว่ามวลก๊าซก็เลยโค้งปกคลุมลงมาโดนศีรษะของผู้ติดเชื้อแบบครบทุกคน แดงฉานบานสะพรั่ง ใครใส่เสื้อสีขาวมาเจอละอองแห่งการรักษานี้เข้าไปมีสิทธิ์กลายเป็นหนึ่งในแกนนำนปช.ได้ในทันที.แม้กระบวนการจะดูนอกคอกไปนิด แต่ก็ได้ผลดีเหมือนเช่นทุกหน ไม่มีประชาชนคนไหนคิดจะหลบหนีเลย พวกเขาต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำคืออะไร ใ