ผนังทึบสี่ด้านเคลื่อนตัวลงมาด้วยความเร็วสูง ระหว่างทางในลิฟท์ยังมีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกหลายประโยค ที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ มิวท์กำลังคิดว่าตัวเองจวนจะได้เจอเพื่อน พร้อมกันนั้นก็คิดว่าเพื่อนอาจจะโดนโควิดเล่นงานจนขาดใจตายไปก่อนแล้วก็เป็นได้
.
แป้นตัวเลขระบุชั้นไหลเร็วราวกับตัวเลขบนปั้มน้ำมัน มันไหลพรวดพราดสว่างวูบวาบพลันนำห้องโดยสารทรงลูกบาศก์ลดระดับลงมายังชั้นหนึ่งได้โดยสวัสดิผล และยังไม่ทันที่ประตูทั้งสองฟากฝั่งจะเคลื่อนออกสุด พนักงานชายคนเดิมก็แทบจะถูกถีบออกมาเลย
.
“พลั๊ว!”
.
“นำเลยพี่! รีบเลย! พี่เจอพวกเขาตรงไหนรีบพาหนูไปเดี๋ยวนี้!”
.
“อ่ะ.. เอิ่ม.. ม.. ม.. ได้ครับได้!”
.
2 คู่ 4 ตีนกุลีกุจอกันออกมาภายนอกบริษัท จุดหมายปลายทางคือริมฟุตบาทตรงจุดเกิดเหตุที่ซึ่งสันนิษฐานว่าพีกับแพรวคงจะมาเสียท่ากันตรงนั้น มิวท์กดปุ่มเรียกหน้ากากครอบแก้วขึ้นมาคลุมศีรษะ พนักงานเองก็เช่นกันเขาวิ่งนำหน้าเจ้านายไปตามทางที่คิดว่าใช่ ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะมาคุวังเวง
.
ภายนอกตึกบริษัทเข้าขั้นวิปโยคพูดก็พูดเถอะว่า มันเลวร้ายหนักกว่าเมื่อเช้าตอนที่เขาเข้ามาทำงานซะอีก บ้านเมืองไม่ต่างจากเมืองร้าง ท้องฟ้าทึมเทาช้ำเลือดช้ำหนอง แหงนมองขึ้นไปมีแต่กลุ่มเมฆหนาเตอะที่ปิดกั้นแสงจากดวงตะวันไม่ให้สาดส่องลงมา
.
ต้นไม้ข้างถนนขาดวิ่นกิ่งก้าน ทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะกลางหลอมละลายแม้แต่ใบไม้ก็ไม่เหลือ ต้นหญ้ามอดดำราวกับเถ้าถ่านพวกมันกลายเป็นเศษสางรองรับเมือกยางหยดย้อยที่ซึมย้วยลงมาจากกระพี้ต้น ฟู่ ๆ ฟ่า ๆ หยดโดนทีควันขึ้นเป็นน้ำกรด และนี่แหละคือโควิด มันแผ้วถางทุกสรรพสิ่งย่อยสลายทุกอย่างจนเกือบจดจำภาพเดิมไม่ได้ ดีแค่ไหนแล้วที่พี่ชายพนักงานยังอุตส่าห์นำทางมิวท์มาจนถึงตรงนี้
.
“ทางนี้ครับคุณหนูเลี้ยวซ้ายแยกข้างหน้านี่เอง ระวังตัวด้วยนะครับไม่จำเป็นอย่าแตะต้องโดนอะไรเข้าล่ะ ผมว่าอีกไม่นานโลกภายนอกก็คงไม่ใช่ที่สำหรับให้มนุษย์อยู่อาศัยแล้ว”
.
“เข้าใจแล้วค่ะมิวท์แค่อยากเช็คอะไรดูสักหน่อยแน่ใจแล้วก็จะกลับ”
ผู้บริหารสาวตอบ
.
รอยปูนแตกเป็นวงกึ่งกะเทาะรอยถลอกคลึงครูดประปรายพอให้สังเกตเห็น ไม่มีใครอยู่ตรงนี้สักคน จะมีก็แต่หลุมทรงกลมที่จมบุ๋มลึกลงไปกับผิวถนน อันน่าจะเป็นพลานุภาพของเชื้อร้ายที่ทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้ มิวท์ที่เงียบไปครู่ใหญ่ก็เลยต้องถามพนักงานขึ้นเพื่อความแน่ใจ
.
“ใช่ตรงนี้จริงเหรอคะพี่?”
.
“ครับตรงนี้แหละ! มีรอยครูดของเปลสนามตรงนี้ด้วยครับ!”
.
“งั้นแล้วพี่เห็นรถพยาบาลบ้างไหมคะ?”
.
“เห็นสิครับคุณหนู เป็นรถของทีมงานคุณเปรม ผมจำสัญลักษณ์หน่วยแพทย์เชิงรุกได้ดีเชียว!”
.
“งั้นก็ชัวร์แล้วล่ะพี่~"
"หนูวานพี่หน่อยสิ ช่วยเรียกรถประจำตำแหน่งกับพลขับให้หนูทีหนูมีอีกที่ ๆ ต้องรีบไปโดยด่วนเลย”
.
ก้มหน้าลงกดต่ำจนกระจกครอบแก้วขึ้นฝ้า พนักงานชายควักโทรศัพท์ออกมารีบติดต่อกลับไปยังเลขาฯ พลันถ่ายทอดคำสั่งเมื่อครู่ออกไป
.
“ว่าแต่คุณหนูจะไปไหนเหรอครับ? นอกจากออฟฟิศเราผมไม่เห็นที่ไหนจะปลอดภัยเลย?”
.
“โรงบาลไงพี่! โรงพยาบาล! รีบตามพี่เปรมไปถ้าหนูไม่รีบเพื่อนหนูอาจจะ.. ”
“ขอให้ทันเถอะ.. ขอให้ทันที..!”
.
ทายาทคนใหม่หลับตาภาวนาด้วยใจมั่นการเดินทางหนนี้น่าจะสำคัญ เพราะเดิมพันด้วยโอกาสสุดท้ายที่จะได้เจอหน้าเพื่อน "พี" กับ “แพรว” มิวท์ค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นพวกเขา ลางสังหรณ์มันบอกและขอให้เป็นลางดีที่ไม่ใช่ลางร้ายด้วยเถิด
.
.
10 นาทีผ่านไป
.
จักรกลล้ำสมัยก็ได้นำพลขับกับเจ้านายคนสวยโผทะยานขึ้นไปจอดเทียบกับทางเข้าแผนกฉุกเฉินได้เป็นผลสำเร็จ พี่คนขับแกไม่สนสักนิดว่าจะมีรถพยาบาลขึ้นลงไหม แกรู้แค่ว่าเจ้านายกำลังรีบแล้วแกก็จัดให้ผ่านทางพฤติกรรมสุดห่าม ที่โคตรจะมักง่ายและไม่เห็นหัวคนอื่น
.
“ขอบคุณค่ะน้าไม่ต้องรอรับนะคะ เดี๋ยวมิวท์กลับกับพี่เปรมเอง”
.
“ปึ๊งงง!”
กระแทกประตูอัดหน้าเวรกรรมตามทัน เหมือนเจ้าตัวนั้นเป็นเพียงแค่แท็กซี่ง่อย ๆ คันหนึ่ง
.
และแม้ที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลในกำกับดูแลของเปรมก็จริง แต่มิวท์ก็หาได้มีอภิสิทธิ์เหนือใครคนอื่นเขาไม่ เธอไม่สามารถที่จะเดินฝ่าห้องฉุกเฉินเข้าไปได้แบบโต้ง ๆ แต่ต้องผ่านการตรวจวัดไข้ทาเจลล้างมือแล้วก็ติดสติกเกอร์ยืนยันตัวตนบนปกเสื้อเสียก่อน ในทุกกระบวนการทุกคนต่างรู้ดีว่าเธอคือใคร ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์คนไหนไม่รู้จักคุณหนูมิวท์แห่งบริษัท AP ยิ่งแถลงข่าวออกอากาศสดกันโครม ๆ ขนาดนั้นเขายิ่งเห็นกันทั้งประเทศ ทว่ากฎก็ต้องเป็นกฎมิวค์ก็เลยมีสติกเกอร์คำว่า VIP ต่อพ่วงเพิ่มเติมเข้าไปให้ดูยิ่งใหญ่ขึ้น
.
แต่ก็นั่นแหละแทบจะไม่มีประโยชน์อะไร ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลทุกคนล้วนมีงานล้นมืออยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ก็เลยไม่มีใครว่างพอจะมาคอยต้อนรับลูกคุณหนูที่มาตามหาเพื่อนอย่างมิวท์ เธอต้องทำเองพีกับแพรวต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งในนี้ ตรงจุดที่ถูกเตรียมไว้สำหรับการทำวิจัยและผลิตวัคซีน
.
“ว่าแต่อยู่ไหนล่ะ? เราจะถามใครได้บ้าง? ทุกคนดูไม่ค่อยเป็นมิตรเลยแฮะ”
.
ก้าวขาข้างแรกเข้ามามิวท์ก็ต้องพบกับเตียงผู้ป่วยเป็นจำนวนมากที่นอนกันเต็มพื้นที่ การบริหารจัดการดูแย่ไปหมด ที่นี่ไม่มีความถูกหลักสาธารณสุขใด ๆ เลย ความน่าสงสารบวกกับความสังเวชจึงอื้ออึงเต็มลูกตา ม่านกั้นไม่มีฉากกั้นก็ไม่ได้ ผู้ป่วยทุกคนเหมือนนอนกันตามมีตามเกิด แต่ก็อยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจได้ว่าสาธารณสุขของประเทศกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต หมอมีจำนวนจำกัดพยาบาลก็มีไม่มาก ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
.
90% น่าจะเป็นผู้ป่วยโควิดส่วนอีก 10% ที่เหลือ น่าจะเป็นคนที่ป่วยจากโรคแทรกซ้อนหลังถูกโควิดกัดกินเข้า เสียงไอเสียงจามดังระงม เสียงโอดโอยเจ็บปวดดังตามมาต่อเนื่อง ที่นี่จึงไม่ใช่สถานที่ ๆ น่าอภิรมย์นัก มันเต็มไปด้วยเชื้อโรคสกปรกโสโครกไม่เหมาะจะเดินเข้าไป
.
“ชักไม่ดีแล้วแฮะไม่มีวี่แววว่าจะถามใครได้เลย เรากดเรียกหน้ากากครอบแก้วขึ้นมาใช้ตอนนี้ก่อนดีไหมนะ อย่างน้อยก็ปลอดภัยไว้ก่อน”
.
พูดเองเออเองอยู่คนเดียวจากการประเมินด้วยสายตา จะเรียกที่นี่ว่าเป็นห้องฉุกเฉินขนาดมหึมาก็คงไม่ผิด ปราศจากการแบ่งชนชั้นใด ๆ คนป่วยทุกคนนอนรวมกันรอวันตายแล้วก็เอาไปเผา
.
“อึก!”
มิวท์กลืนน้ำหลายฝืดคอ
.
"แอเรียตรงนี้น่าจะเป็นศูนย์กักตัวผู้ติดเชื้อ มากกว่าจะเป็นโรงพยาบาลนะ”
เธอคิด
.
และจังหวะต่อเนื่องนั่นเองที่ทำให้เธอเริ่มรำลึกถึงตัวเองขึ้นมา ผู้บริหารสาวทอดสายตาลงมองบริเวณจุดสงวนใต้หัวหน่าว ก่อนจะพรั่นพรึงว่าถ้าไม่ได้พี่เปรมช่วยไว้บางทีเตียงจากที่นี่สักเตียงอาจจะต้องมีเธอเป็นเจ้าของ
ถึงพ่อแม่จะตายไปแล้วแต่ก็ไม่ได้แปลว่ามิวท์จะต้องตายตามพวกท่านไป เธอยังอยากเจอหน้าเพื่อนเจอหน้าเปรมแล้วก็ทุก ๆ คนอยู่ ทว่าจะทำได้รึเปล่านั้นยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ตอนนี้สาวเจ้าเหมือนลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่ทรุดตัวลงอยู่กลางดงอสูร กระจกตู้ฝั่งขวาเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่คลุ้มคลั่ง ฝั่งซ้ายก็เช่นกันมันคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เถื่อนถ่อย.ป้องหูปิดตาผินหน้าหลบไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก มิวท์กลัวเกินไปคราบเลือดที่หวิดจะกระเซ็นใส่ กับเสียงโขกหัวอัดกระแทกตู้ชวนให้เธอหลอน.“กรี๊ดดด!"“ไม่เอาแล้ว.. ไม่อยากอยู่แล้ว!”“ไม่ไหวแล้ว.. ไม่ไหว.. ไม่ไหว.. กรี๊ดดด!”.สติแตกสุดขั้วโลกสถาบันวิจัยวัคซีนบ้าบออะไร ขนาดนั่งยองป้องตามองอยู่ตรงนี้ยังคิดว่าตัวเองอยู่ในบ้านผีสิงของแดนสนธยาไม่มีผิด ที่นี่เหมือนโรงบาลประสาทหรือไม่ก็โรงพยาบาลผีสิงที่มีหมอสติเฟื่องเป็นผู้กุมความลับ มันจะต้องมีการทดลองวิปริตในนี้เป็นแน่ แล้วผู้คนที่ถูกพันธนาการอยู่หลังบานกระจกกั้น ก็คือสัตว์ทดลองที่ผิดพลาด .“ใช่! ต้องเป็นแบบที่เราคิด!”“น่ากลัวอ่ะ~!”“พี่เปรมคะ? พี่อยู่ที่ไหนกัน?”.สภาพจิตใจบอบช้ำหนักกลับตัวก็ไม่ได้ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึ
สะบัดบ็อบส่ายศีรษะพรึบพรับพลันคิดขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาเถลไถล เป้าประสงค์ของการมาโรงพยาบาลคืออะไร มาตามหาเพื่อนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานมิใช่เหรอ ว่าแล้วมิวท์จึงละทิ้งทุกสิ่งที่หาสาระไม่ได้เหล่านั้นไป พลันตรงไปที่เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ชะโงกหน้าเข้าไปถามคุณพยาบาลเอาความให้ได้.“ท่านประธานเปรมอยู่ที่ตึกด้านหลังค่ะ ที่นั่นเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน แต่เป็นสถานที่ ๆ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปโดยเด็ดขาด ดิฉันคงบอกทางให้ไม่ได้ต้องขออภัยด้วยนะคะ”พยาบาลสาวตอบด้วยคีย์เสียงโมโนโทนกึ่งท่องสคริปต์.แต่ละวันเธอคงล้ากับการไล่ตอบคำถามจากผู้คนมากหน้าหลายตาซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบ ยิ่งเป็นพวกนักข่าวด้วยแล้วสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้กับโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นดั่งความหวังเดียว เผิน ๆ การเปล่งวาจาของเธอแต่ละคำ จะมีน้ำหนักมากกว่าคำพูดของโฆษกของรัฐที่แถลงข่าวประจำวันซะอีก มิวท์เลยวัดใจด้วยการลองถามใหม่อีกที คราวนี้แฝงความอวดเบ่งเข้าไปด้วย.“ขอโทษนะคะ!”“คือ.. ไม่มีทางพอจะช่วยได้เลยเหรอ ดิฉันเองก็เป็นประธานบริษัทเหมือนกัน”“ไม่เชื่อคุณลองดูนี่สิ!”.จัดแจงดึงปกเสื้อที่มีสติกเกอร์คำว่า VIP แอ่นให้พยาบาลดู เล่นเอาฝั
ผนังทึบสี่ด้านเคลื่อนตัวลงมาด้วยความเร็วสูง ระหว่างทางในลิฟท์ยังมีบทสนทนาเกิดขึ้นอีกหลายประโยค ที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันแน่ มิวท์กำลังคิดว่าตัวเองจวนจะได้เจอเพื่อน พร้อมกันนั้นก็คิดว่าเพื่อนอาจจะโดนโควิดเล่นงานจนขาดใจตายไปก่อนแล้วก็เป็นได้.แป้นตัวเลขระบุชั้นไหลเร็วราวกับตัวเลขบนปั้มน้ำมัน มันไหลพรวดพราดสว่างวูบวาบพลันนำห้องโดยสารทรงลูกบาศก์ลดระดับลงมายังชั้นหนึ่งได้โดยสวัสดิผล และยังไม่ทันที่ประตูทั้งสองฟากฝั่งจะเคลื่อนออกสุด พนักงานชายคนเดิมก็แทบจะถูกถีบออกมาเลย.“พลั๊ว!”.“นำเลยพี่! รีบเลย! พี่เจอพวกเขาตรงไหนรีบพาหนูไปเดี๋ยวนี้!”.“อ่ะ.. เอิ่ม.. ม.. ม.. ได้ครับได้!”.2 คู่ 4 ตีนกุลีกุจอกันออกมาภายนอกบริษัท จุดหมายปลายทางคือริมฟุตบาทตรงจุดเกิดเหตุที่ซึ่งสันนิษฐานว่าพีกับแพรวคงจะมาเสียท่ากันตรงนั้น มิวท์กดปุ่มเรียกหน้ากากครอบแก้วขึ้นมาคลุมศีรษะ พนักงานเองก็เช่นกันเขาวิ่งนำหน้าเจ้านายไปตามทางที่คิดว่าใช่ ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะมาคุวังเวง.ภายนอกตึกบริษัทเข้าขั้นวิปโยคพูดก็พูดเถอะว่า มันเลวร้ายหนักกว่าเมื่อเช้าตอนที่เขาเข้ามาทำงานซะอีก บ้านเมืองไม่ต่าง
“Now loading”.ขึ้นข้อความเช่นนี้จริงแต่ก็แค่เสี้ยววินาทีสั้น ๆ เท่านั้น มิวท์ไม่อาจดึงกลับได้อีกต่อไป ความเป็นห่วงเป็นใยของเธอถูกส่งให้เพื่อนเป็นรอบที่แปดแสน พร้อม ๆ กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีด้านศิลธรรมที่ตลบอบอวลอยู่ในกมลสันดานแห่งความเป็นมิตร มันง่อนแง่นเกินทน มันจวนเจียนจะขาดสะบั้น มิวท์ยังถือโทรศัพท์เอาไว้เช่นนั้น กระทั่งเข้านาทีที่สี่แพรวก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตอบกลับมา.“เราจะทำยังไงดี แพรวคงเกลียดเราแล้วจริง ๆ สินะ”.สาวเจ้าพะว้าพะวังกับตัวเองผ่านบานกระจกใสที่สะท้อนเงาคนเป็นเจ้าของ มรดกตกทอดกับสมบัติกองพะเนินก็มิช่วยอะไร ในเมื่อตัวเธอนั้นแสนจะทุกข์ พ่อแม่ตายเพื่อนก็หายหัว พอลองคิดทบทวนดูเจ้าหล่อนถึงเริ่มเห็นความเชื่อมโยงของเหตุปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นเหตุเป็นผลกันอยู่.กล่าวคือสมมุติถ้าเอาตัวเองมาสลับฝั่งกลายเป็นแพรว แล้วต้องมาเห็นผู้ชายที่ตัวเองรักมายืนแถลงข่าวถ่ายทอดสดกับเพื่อนสนิท เป็นใครมันจะรับได้ ใครบ้างจะไม่โกรธ ขนาดมิวท์เองยังรับไม่ไหวเลยเธอคงจะปล่อยโฮออกมาแบบไม่อายดินอายฟ้าเป็นแน่ . “นี่เราทำอะไรลงไป?” “แพรวคงเห็นถ่ายทอดสดเมื่อกี้หมดแล้วสินะ ถึงได้ปฏิเสธเราขนาดน
“คืออย่างงี้พี่จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ เอาแบบรวบรัดเลยล่ะกันเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พี่ต้องบอกมิวท์ตรง ๆ ว่าตัวพี่กับบรรดาคณะแพทย์ในสังกัด AP ได้แอบทำสิ่งนี้มาสักระยะแล้ว มันคือโปรเจคการติดเครื่องติดตามตัวลงในหน้ากากครอบแก้ว”.“ทุกตู้หยอดเหรียญในหน้ากากทุกชิ้นที่วางขายผ่านระบบสาธารณะ จะมีการแอบบันทึกข้อมูลของผู้สวมใส่ไว้ทั้งหมด ลมหายใจของพวกเขา อัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด หรือแม้แต่ภาพที่พวกเขามองเห็นผ่านทางกระจกใสด้านหน้า ทุกอย่างล้วนบอกได้ว่าผู้สวมใส่มีไลฟ์สไตล์อย่างไร เราจะได้แยก LGBT ออกจากคนทั่วไปได้จากสิ่งเหล่านี้”.“บ้าน่ะพี่.. ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แบบนี้ก็เท่ากับโจรกรรมข้อมูลของลูกค้าน่ะสิ มิวท์ไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย?!”.“ไม่แปลกหรอก! เพราะเรื่องนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกิจการพยาบาลของครอบครัวพี่ กับคุณพ่อคุณแม่ของมิวท์ที่เป็นประธาน AP คนเก่า พวกเราทำกันแบบลับ ๆ มีแค่ทีมงานไม่กี่คนที่รู้ ลำพังกลยุทธ์การขาย "ยาคุม" เพื่อล่อ LGBT ออกจากที่ซ่อนนั้นไม่พอสำหรับผลลัพธ์ที่ต้องการหรอก เราจำเป็นจะต้องมีการใช้มาตรการเชิงรุกที่เข้มข้นขึ้น หน้ากากครอบแก้
ชั้นในตัวบางลายเรียบร้อยถูกสวมใส่คืนเข้าที่ ย่างกายไปอีกฝั่งมีบลาสีเข้ากันวางกองอยู่บนพื้น มิวท์บรรจงสวมทุกอย่างคืนสู่ร่างเปลือยตนเองด้วยความเคอะเขิน ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่เธอก็ยังไม่ชินกับพฤติกรรมเสื่อมทรามคาวโลกีย์นี้เสียที กิจกามเริงสวาทของเธอและเปรมจบลงไปแล้ว โพรเดียมเต็มไปด้วยคราบเหงื่อ ส่วนโต๊ะเมนตรงกลางก็เกรอะกรังไปด้วยสารคัดหลั่งจำพวกน้ำหล่อลื่นและซากอสุจิ.บางทีพวกเขาอาจจะเร่งเกินไป ความรุนแรงเกินห้ามใจทำให้อะไร ๆ จบลงเร็วกว่าที่คิด จึงไม่เป็นผลดีต่อความรู้สึกลึก ๆ ภายในใจสักเท่าไหร่ มิวท์ยังไม่เสร็จนั่นคือความจริง เธอค้างเติ่งกลางอากาศดูจากรอยย่นบนใบหน้าก็รู้ว่าเธอไม่สบอารมณ์นัก . “คลิ๊ก”สะบัดบลาติดตะขอคืนด้วยตนเอง นวลนมดีดเด้งเข้าที่ตามติดมาด้วยการก้มลงคว้าเอาชุดเดรสกับเสื้อสูทอันแสนภูมิฐาน ขึ้นมากลัดกระดุมคืนตำแหน่งเดิม .“บ้าบอชะมัด! ใครกันที่โทรมาขัดอารมณ์ตอนนี้ , หึ๊ยยย! , น่าโมโหจัง!”สะบัดผมมุ่ยหน้ามองบน มิวท์เดินย้อนกลับมายังโต๊ะเมนตรงกลาง ที่ซึ่งมีเปรมกับร่างเปลือยของเขากำลังนอนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่.“ให้ตายเถอะ! ก็จริงอยู่ว่าฉันอาจจะปลอดภัยจากการติดเช