จะสิ่งใดสิงอยู่ในใจเจนิสก็แล้วแต่ จริตจะก้านของเธอ ไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงรสนิยมทางเพศที่เหมือนจะสปาร์คทุกทีที่เจอหญิงที่ใช่ ล้วนเป็นสิ่งที่เธอยังคงปกปิด บางทีอาจจะเป็นเพราะแพรวสนิทกับมิวท์ก็เป็นได้เจนิสถึงยังคงอยู่ เธอไม่เคยบอกใครแม้แต่กลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน ก็เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมชะตากรรมเท่านั้น ไม่ใช่คนที่จะคุยเปิดอกหรือเปิดใจอะไรได้
.
“เสร็จแล้วจะเอาไงกันต่อดีคะพี่แพรว?”
อีกครั้งที่เจนิสเลี่ยงความรู้สึก ในขณะที่แพรวนั้นเห็นเธอเหมือนเป็นตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่าเจนิสกลับเห็นแพรวเป็นตัวแทนของมิวท์ไปซะแล้ว
.
“ก็คงต้องรีบหาที่พักให้ได้ก่อนค่ำ เสียงปืนเมื่อกี้ทำให้เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ มันเรียกแขกเกินไป”
แพรวตอบเสียงห้วน ต่อด้วยการสอดปืนเข้าไปเก็บด้านหลังสลับกับควักแผนที่อันเดิมออกมา เธอกวัดแกว่งสายตาแคล่วคล่องเช็คพิกัดไปพลาง ส่วนกลุ่มเด็กสาวก็จัดแจงแพ็คเสบียงลงกระเป๋าไปด้วย
.
จวบจนเวลาผ่านไปราว 10 นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย ศพลุงกับป้าไม่ได้ถูกเผาพวกเขาไม่ได้ทำพิธีใด ๆ ทางศาสนาให้เลยด้วยซ้ำ แต่กลับเลือกที่จะทิ้งไว้เช่นนั้นเพื่อให้เชื้อโควิดกัดกินไปเอง เศร้าและโคตรน่าสงสาร แต่ก็ต้องเข้าใจว่าทั้งแคลนจำต้องเดินหน้าต่อ และตอนนี้ก็เหลือกันแค่ 4 ชีวิต มีแพรวที่เป็นหัวหน้ากับเด็กมัธยมอีกสามคนที่เป็นผู้หญิงล้วนเท่านั้น ครานั้นแพรวก็ยังอยากจะให้น้อง ๆ ทุกคนมั่นใจ
.
“เรามีกระป๋องก๊าซที่งัดมาจากตู้หยอดเหรียญเกือบ 4 โหล อาหารแห้งกับน้ำดื่มก็พร้อมสรรพ ถือว่าพร้อมมากหากรีบออกเดินทางกันตอนนี้ ถ้าเร่งฝีเท้าไปให้ถึงก่อนพลบค่ำจะช่วยเราได้เยอะ”
“ป่ะ! ออกเดินทางกันต่อดีกว่า!”
.
“พรืดดด!”
เสียงรูดซิบปิดกระเป๋า
.
“คราวนี้แน่ใจใช่ไหมคะพี่แพรว ว่าจะไม่ใช่กับดักอีก?”
ตรงข้ามกับเจนิสที่ยังประชดประชันอยู่ ก็บอกแล้วว่านิสัยสันดานเธอเหมือนกับแพรวมาก เดือดร้อนไปถึงเพื่อนที่ต้องรีบปรามเธอด้วยการฉุดแขนรั้งเอาไว้
.
“หึ! อย่ากวนตีนค่ะน้อง!"
“ก็ไม่รู้สินะ.. อาจจะใช่อีกก็ได้! แต่เราก็ไม่มีทางเลือก! ที่ ๆ พี่จะพาไปพักมันเคยเป็นค่ายเก่าของพวก AP มาก่อน เป็นศูนย์สำหรับตรวจสอบคนเข้าออกและคัดกรองเชื้อ แคลนของเราเสียสมาชิกที่เป็น LGBT หลายรายที่นั่น มีการปะทะกันบ่อยครั้งจนเกิดข่าวลือไปถึงแคลนอื่น ๆ ว่าให้หลีกเลี่ยงบริเวณดังกล่าว มันเป็นพื้นที่อันตรายสีแดงเข้ม ถ้าไม่อยากประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ก็จงอย่าเสี่ยง”
.
“อ่าว.. พี่!? แล้วแบบนี้จะดีเหรอคะ? อย่างกับเดินไปให้เขาเชือดแหนะ?”
.
จบประโยคดังกล่าวแพรวกลับสืบเท้าออกเดินนำหน้าโทง ๆ ไปเลย เธอสะบัดหน้าหันมามองน้อง ๆ ผ่านทางหน้ากากกันแก๊สรุ่นโบราณที่สวมอยู่
.
“ไม่หรอก! เพราะปัจจุบันมันได้ร้างไปแล้วด้วยฝีมือพี่เอง!”
.
จึงเกิดเป็นภาพของการเดินไปคุยไปเกิดขึ้น เมื่อเด็กถามแพรวก็เลยเล่าวิธีการอันชาญฉลาดที่เธอทำให้เด็กฟัง ว่าเธอแทบจะไม่ได้ใช้แรงอะไรเลย ก็แค่ส่งเอกสารพร้อมกับพิกัดตำแหน่งของแคลนต่าง ๆ ที่เธอพอทราบ ไปให้ศูนย์แพทย์ตรงนี้จัดการ หลังจากนั้นพวก AP ก็ทำการกวาดล้างไล่จับคนตามแคลนต่าง ๆ ไปรีดเลือดจนหมดสิ้น พอไม่มีงานให้ทำหน่วยย่อยตรงนี้ก็ถูกยุบไปโดยปริยาย มันก็เลยร้างแล้วก็กลายเป็นอาคารพักชั่วคราวแบบว่างเปล่าไม่มีผู้คน แถมยังปลอดภัยจากแคลนอื่น ๆ ด้วย
.
“สมองจ่ะเด็ก ๆ เขาเรียกว่าสมอง ผู้หญิงอย่างเราไม่จำเป็นต้องใช้แรงหรอก”
“เผิน ๆ เรายังมีท่าไม้ตายอีกอย่างด้วยนะ ไว้วันหลังถ้าว่างพี่จะเล่าให้ฟัง”
แพรวชี้นิ้วไปที่ศีรษะก่อนจะลดระดับลงมาชี้ที่อวัยวะสืบพันธุ์ตรงหว่างขา แค่นี้ก็ไม่ต้องบรรยายต่อแล้วว่าเธอหมายถึงอะไร
.
ต่างคนต่างเดินมุ่งหน้าลงใต้ด้วยความมุ่งมั่น เส้นทางต่าง ๆ ถูกปักธงด้วยความระมัดระวัง ชโลมอาบด้วยบรรยากาศแห่งความสิ้นหวัง ซากบ้านเรือนรกร้างกับรถเก่าสนิมเขรอะที่โดนเชื้อกินจนใช้การไม่ได้ กลิ่นสาปโชนของความตาย หลายอย่างเห็นแล้วชวนให้เศร้า เมื่ออะไรต่อมิอะไรก็ดูไม่สวยงามไปซะหมด ราวกับว่าความหวังตรงปลายอุโมงค์จะไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นอีกแล้ว จนกระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป แคลนของแพรวช้ากว่าที่คิด และทุกคนแสนจะอิดโรย
.
“เฮ้! อดทนหน่อยสิ! อีกแค่นิดเดียวเอง! ขืนพักตรงนี้เราจะเป็นเป้านิ่งนะ ลุกขึ้นแล้วเดินต่อกลั้นใจหน่อยเร็ว.. ว.. ว.. ว!”
แพรวพยายามพูดปลุกใจลูกทีม
.
และระหว่างที่ตุบปะตุบเป๋จะหยุดไม่หยุดแหล่ สติสัมปัชชัญญะของทุกคนก็ถูกจู่โจมเข้าโดยพลัน จากแสงประหลาดวาบหนึ่งที่พุ่งลงมาจากบนฟากฟ้า!
.
“ฟับบบ!~~~~!”
.
“วิงค์~!”
.
“ตูมมมมมม!!!”
.
เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้นกลางนภา ลูกไฟขนาดใหญ่โหมกระพือส่องสว่างไปทั่วบริเวณก่อนที่แป๊บหนึ่งจะหายไป วาบแรกไม่เป็นไรวาบต่อไปไฟเหมือนไหม้อารมณ์ พวกเด็ก ๆ ตกใจกันมาก เพราะไม่กี่วิหลังจากนั้นท้องฟ้าสีดำแห่งรัตติกาล ก็กลับเต็มไปด้วยแสงสว่างจากดงกระสุน จุดประกายวาบนับร้อยนับพันพุ่งขึ้นไปสว่างโพลงตัดกับความทมิฬของท้องฟ้าได้อย่างขนลุก มันคือสงคราม! มันคือการปะทะครั้งใหญ่ระหว่างกลุ่มคนไม่ทราบฝ่าย! แล้วทิศทางที่สันนิษฐานว่าเป็นจุดเกิดเหตุก็ดันเป็นจุดเดียวกับจุดพัก ที่แพรวกำลังจะพาทุกคนเดินทางไป
.
โคตรแม่งเอ๊ย! แพรวคิดผิดซะแล้วสงบห่าเหวอะไรล่ะ? กำลังเกิดสงครามกลางเมืองสิไม่ว่า! เลี่ยงไม่ได้เธอจึงสั่งให้น้อง ๆ รีบหลบเข้าที่กำบังเพื่อซ่อนตัวก่อน
.
เบื้องหลังแผ่นปูนที่ใหญ่พอควร อดีตมันเคยเป็นกำแพงรั้วของบ้านสักหลัง แต่ปัจจุบันมันคือที่ ๆ พวกเด็กใช้ซ่อนส่วนแพรวนั้นใช้ซุ่ม เธอสอดศีรษะให้สูงพ้นส่วนบนของขอบปูนขึ้นมา ทำให้สามารถมองเห็นถนนตรงหน้าได้ และสิ่งที่เห็นก็คือคาราวานรถหุ้มเกราะจากหน่วยแพทย์ของ AP ราว 3 - 4 คัน ที่วิ่งฝ่าเข้าไปในเงามืด เพื่อให้การสนับสนุนแนวรบข้างหน้า ตอนนี้ก็เลยชัดยิ่งกว่าชัดว่าบริเวณจุดพักที่แพรวปรารถนา นั้นได้กลายเป็นสมรภูมิรบของกลุ่มหรือใครสักคนกับพวก AP ไปแล้ว
.
“ปัง! ๆ ๆ ๆ , ปัง! ๆ ๆ ๆ , ตูมมมมมม!!!”
“ตูมมมมมม!!! , ปัง ! ๆ ๆ ๆ , ปัง! ๆ ๆ ๆ”
.
“ฮือ.. อ.. อ.. อ..”
“ใกล้มากเลยอ่ะพี่แพรว พวกเขายิงกันอยู่ใกล้เรามาก พวกเรากลัวจังเลยค่ะพี่..”
“ฮือ.. อ.. อ.. อ.. เราจะโดนลูกหลงไหมคะ.. อือ.. อ.. อ..”
.
แพรวแทบจะไม่ตอบอะไรกลับไป เธอรีบดึงเด็กทั้งสามมาสวมกอดไว้ เพื่อที่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมาอย่างน้อยก็จะมีแผ่นปูนหนา ๆ ตรงนี้เป็นแนวปะทะแรกให้ก่อน
.
“ชู่ววว.. เงียบ ๆ”
“เดี๋ยวมันก็จบ.. เดี๋ยวมันก็ผ่านไป.. ทนอีกแค่แป๊บเดียวนะเด็ก ๆ”
"ชู่วววววว!"
.
การปะทะรุนแรงจนพื้นดินจากฝั่งนั้นสั่นสะเทือนมาถึงฝั่งนี้ สาวหัวหน้าแคลนผ่านการต่อสู้มาหลายสิบครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนจะรุนแรงถึงระดับนี้มาก่อน นี่ไม่เหมือนวิถีของพวก AP เลย ปกติพวกนั้นแค่ลากสิ่งมีชีวิตที่วิปริตผิดเพศไปรีดเลือดทำยา แต่ไอ้ที่อยู่ข้างหน้านี่เหมือนจะไม่ใช่ ด้วยความสัตย์จริงว่านี่คือครั้งแรกที่แพรวได้เห็นการโจมตีจากบนฟากฟ้าในเมืองหลวง และไม่ว่านี่จะเป็นการต่อสู้ด้วยวัตถุประสงค์ใดหรือของใคร แต่มันก็ดูจะรุนแรงเกินไปกว่าที่ผ่าน ๆ มามาก
.
กระสุนปืนใหญ่หนึ่งลูกลอยมาตกอยู่ด้านหลัง มันพุ่งทะยานเฉียดหัวพวกแพรวไปแค่เล็กน้อย แต่อานุภาพกลับไม่ได้น้อยตามเลย ลูกปืนใหญ่ระเบิดตึกคอนกรีตร้างด้านข้างลงราบคาบ แพรวเองก็ไม่เหลือมาด เธอคิดแค่เพียงว่าจะพาน้อง ๆ รอดตายไปได้ยังไง
จะสิ่งใดสิงอยู่ในใจเจนิสก็แล้วแต่ จริตจะก้านของเธอ ไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงรสนิยมทางเพศที่เหมือนจะสปาร์คทุกทีที่เจอหญิงที่ใช่ ล้วนเป็นสิ่งที่เธอยังคงปกปิด บางทีอาจจะเป็นเพราะแพรวสนิทกับมิวท์ก็เป็นได้เจนิสถึงยังคงอยู่ เธอไม่เคยบอกใครแม้แต่กลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน ก็เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมชะตากรรมเท่านั้น ไม่ใช่คนที่จะคุยเปิดอกหรือเปิดใจอะไรได้.“เสร็จแล้วจะเอาไงกันต่อดีคะพี่แพรว?”อีกครั้งที่เจนิสเลี่ยงความรู้สึก ในขณะที่แพรวนั้นเห็นเธอเหมือนเป็นตัวเอง แต่หารู้ไม่ว่าเจนิสกลับเห็นแพรวเป็นตัวแทนของมิวท์ไปซะแล้ว.“ก็คงต้องรีบหาที่พักให้ได้ก่อนค่ำ เสียงปืนเมื่อกี้ทำให้เราอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ มันเรียกแขกเกินไป”แพรวตอบเสียงห้วน ต่อด้วยการสอดปืนเข้าไปเก็บด้านหลังสลับกับควักแผนที่อันเดิมออกมา เธอกวัดแกว่งสายตาแคล่วคล่องเช็คพิกัดไปพลาง ส่วนกลุ่มเด็กสาวก็จัดแจงแพ็คเสบียงลงกระเป๋าไปด้วย .จวบจนเวลาผ่านไปราว 10 นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย ศพลุงกับป้าไม่ได้ถูกเผาพวกเขาไม่ได้ทำพิธีใด ๆ ทางศาสนาให้เลยด้วยซ้ำ แต่กลับเลือกที่จะทิ้งไว้เช่นนั้นเพื่อให้เชื้อโควิดกัดกินไปเอง เศร้าและโคตรน่าสงสาร แต่ก็ต้องเข้าใจว่า
“พวกแกมีของอะไรบ้างส่งมาให้หมด! เดี๋ยวนี้! อย่าลีลา!”กดมีดคัตเตอร์จมคอจนเลือดซิบ คอเหี่ยว ๆ ของลุงสั่นสะบั้นไม่มีทางเลยที่คนแก่ แถมยังเป็นตัวประกอบอย่างแกจะสู้แรงคนหนุ่มได้.และก่อนที่พวกเจนิสจะกระดุกกระดิกหรือทำอะไรลงไป ชายในเสื้อฮูดอีกคนที่ถือปืนอยู่ในมือก็ได้ย้ายปลายกระบอกมาจ่อเข้าที่ขมับของลุง เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้ถาโถมขึ้นไปอีก เขาตะคอกใส่หน้าไปอีกคำรบ.“แล้วพวกเอ็งมีกันกี่คน?! ยังมีคนอื่นอีกรึเปล่า?!”“ห๊าาา!”“บอกมาสิโว๊ยยย!”.ฝอยน้ำลายฟุ้งกระจาย ทว่าสิ่งที่สกปรกกว่านั้นกลับเป็นการเหนี่ยวขึ้นลำกระสุนเพื่อเตรียมยิง เหลือเพียงออกแรงเหนี่ยวไกหัวของลุงก็คงจะเละเป็นลูกแตงโมไม่ต่างจากป้า.เจนิสกับเพื่อนเลยเลือกที่จะเงียบ เธอพยายามเบี่ยงสายตามองด้านข้าง ก่อนจะพบว่าแพรวเองก็ไม่ได้อยู่ตรงตู้กดก๊าซหยอดเหรียญแล้ว หัวหน้าแคลนหายไปอย่างไร้ร่องรอย แถมยังไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าสักแอะ พอหันหน้ากลับมามองตรงตามเดิมพลางเพ่งสายตาให้ยืดยาวออกไป จนทะลุผ่านร่างของชายทั้งสองจนลึกสุดทางเดินด้านในได้ เธอก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่เด็กไม่ควรจะเห็นเข้า.คุณพระช่วย! มันคือศพที่แห้งทับถมกันนับสิบ ๆ ศพ
ปาดดวงเนตรก้มลงมองแผนที่ในมือด้วยความฉับไว ระบบประมวลผลจากแกนสมองสอดประสานกับภาพจำในเมมโมรี่ ได้ออกมาเป็นเส้นทางเดินแบบสามมิติที่แพรวนั้นมองเห็นอยู่คนเดียว มันกระพริบวูบวาบเป็นจุดนำทางราวกับระบบค้นหาในวีดีโอเกมแบบโอเพนท์เวิร์ล เพียงแค่นำทุกคนเดินไปตามนั้นความปลอดภัยก็จะบังเกิด.“ข้างหน้ามีร้านมินิมาร์ท ทุกคนตามฉันมา เราจะหาก๊าซเพิ่มกันที่นั่นแล้วก็พักกันสักแป๊บ”แพรวออกคำสั่งไปพลาง แล้วก็เดินนำหน้าทุกคนไปด้วย.ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในมือสาวเจ้า จะมีเพียงไม้หน้าสามที่ฝังตะปูไว้ตรงหัวเป็นอาวุธเท่านั้น นั่นแสดงว่าแพรวค่อนข้างมั่นใจในแผนที่ของตัวเองอยู่พอสมควร เธอไม่กลัวเลยสักนิดว่าจะมีพวก AP ดักอยู่รึเปล่า แล้วก็ไม่กลัวด้วยว่าจะมีคนจากแคลนอื่นซุ่มดูอยู่หรือไม่ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว สถิติที่บันทึกไว้บวกกับประสบการณ์ที่เคยปะทะกับกลุ่มต่าง ๆ ตรงนี้มาก่อน ทำให้แพรวค่อนข้างคุ้นชินกับพื้นที่ จนกระทั่งเจนิสต้องขอขัดจังหวะขึ้น.“ช้าหน่อยพี่แพรว! พวกเราตามไม่ทันข้างหลังยิ่งมีแต่คนแก่ ๆ”ที่ต้องบอกเพราะทุกครั้งที่ผินหน้ามองกลับหลัง คนที่รั้งท้ายขบวนดันกลายเป็นลุงกับป้าที่ชรามากแล้ว คนจาก
เขาคนดังกล่าวผละตัวออกมาจากแผงคอนโทรลพร้อม ๆ กับจอมอนิเตอร์ที่ค่อย ๆ ดับแสงลง เขาใช้หลังเท้าแหวกเขี่ยผู้คนที่นอนเกะกะขวางทางอยู่บนพื้นออก และบางจังหวะก็ถึงกับเตะวิทยุสื่อสารออกจากมือของเจ้าพวกนั้น เพื่อไม่ให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหน่วยเสริมได้.“เงียบไปเลยเจ้าพวก AP ชั่ว! ตอนนี้หอดูดาวแห่งนี้ได้ถูกฉันยึดครองไว้หมดแล้วโว่ย!".“เปรี๊ยง!”รวบรวมพลังกระทืบวิทยุวอร์คกี้ทอล์คกี้จนแตกเป็นเสี่ยง ต่อด้วยการหวดหลังเท้าเตะเข้าที่ปลายคางจนศัตรูสะบัดคอพับ!.โหดจริงอย่างจริงจังขนาดอยู่ตัวคนเดียวยังเด็ดเดี่ยวขนาดนี้ จินตนาการไม่ออกเลยว่าหลังจากผลักบานประตูหอดูดาวแห่งนี้ออกไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับแคลนของแพรวบ้าง เหมือนเขาจะล็อคเป้าเอาไว้แล้ว ความหอบเหนื่อยที่ไม่ทราบสาเหตุเองก็เหมือนจะค่อย ๆ หายไปทีละนิดทีละน้อย และเมื่อกำลังวังชาฟื้นกลับมาครบ เขาคนเดิมก็น่าจะพร้อมต่อการออกไปเผชิญกับโลกภายนอกโดยทันที.“วู้ววว!”“เอาล่ะ.. ไปกันเลยดีกว่า”"ฮึบ!".“แอ๊ดดด!”เสียงประตูเหล็กแง้มเปิดออกแสงสว่างของแดดเช้าแลบผ่านเข้ามาแยงตา ก่อนที่สักพักต่อมา Riot โดรนจำนวน 3 ลำจะบินโฉบขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า ในท่วงท่าฉ
“นี่พูดจริงเหรอครับน้องแพรว เมื่อวานเรายังต้านพวก AP ได้อยู่เลย น้องเจรจากับพวกเขาได้นี่ พี่ว่ายังเร็วไปนะที่เราจะหนี!”ถ้อยคำขลาดเขลาจากชายในแคลนตะเบ็งออกมาต่อหน้าทุกคน ณ ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดได้แพ็คกระเป๋าและมายืนกระจายตัวอยู่เต็มสถานีชั้นล่างแล้ว ผนังโล้นโล่งเตียนทั้งสี่ด้าน ปราดสายตาดูทีเดียวก็เห็นกันหมดว่าที่นี่โคตรจะไม่ปลอดภัย และพร้อมจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา.แพรวจึงโพล่งคำขึ้น.“หึ.. พี่นี่สมกับเป็นนักเต้นระบำโป๊จริง ๆ นะ! แต่ก็แล้วแต่พี่เถอะ! พี่จะไม่ไปก็ได้ใครอยากอยู่ต่อก็เชิญตามสบาย นี่คือแผนของหนู ๆ ให้เสรีภาพแก่ทุกคน เพราะหนูเองก็การันตีไม่ได้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดมันจะถูกต้องทั้งหมด ก็แค่ใช้การบันทึกสถิติกับชั่งน้ำหนักความเป็นไปได้ดู สุดแต่ใครจะไขว่คว้าเห็นควรยังไงงานนี้ไม่บังคับ”.สาวเจ้ายังคงย้ำชัดในจุดยืนเธอประทับเป้ขึ้นบนบ่าเรียบร้อย ไม้หน้าสามคู่ใจก็พร้อมกระชับขึ้นมือ เดินออกไปแค่ไม่กี่ก้าวโลกภายนอกอันเต็มไปด้วยเชื้อโรคก็อ้าแขนรอรับเธออยู่ก่อนแล้ว ภารโรงหนุ่มที่เพิ่งปฏิสนธิกับนักเต้นระบำโป๊ไปเมื่อวานก็เลยขอเอ่ยคำขึ้นบ้าง.“ถ้างั้นพวกเราขออยู่ที่นี่ต่อล่ะกันน้องแพรว เ
ตัดภาพมาที่ฟากฝั่งของแพรว แม้โซนที่พักตรงนี้จะถูกกันไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับหัวหน้าแคลน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็แค่กำแพงผุ ๆ พัง ๆ กับลังกระดาษที่เอามากั้นเป็นฉากกันลมเท่านั้น มองขึ้นไปข้างบนจะเห็นหลังคาที่เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียว ช่องปูนเพดานแตกแหว่งเว้ามองเห็นหมู่ดาว ฟากฟ้า และอวกาศสุดสวย แพรวยังคงต้องนอนบนหนังสือพิมพ์อยู่เลย และสิ่งเดียวที่ดูดีที่สุดสำหรับโซนพักอาศัยของเธอก็คงจะหนีไม่พ้นโต๊ะญี่ปุ่นขาพับตัวเล็กกระทัดรัด ที่มีไว้สำหรับใช้เขียนและวางแผนอะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่าง.โต๊ะถูกกางออกที่ข้างหนังสือพิมพ์ปูนอน แพรวหย่อนตัวลงพลางเอี้ยวตัวไปหยิบเอากระเป๋าเป้ออกมาเช็คของ ในนั้นมีแผนที่ , เข็มทิศ , เครื่องคิดเลข , แล้วก็สมุดจดบันทึก เธอเททุกอย่างออกมากองรวมกัน ดูท่าราตรีนี้คงอีกยาวนานครั้นจะมีความง่วงแทรกซึมอยู่บ้าง แต่บรรยากาศแบบนี้แหละในตอนที่สมาชิกทุกคนหลับใหล และอุดมไปด้วยดวงดาวมากมายทอประกายเป็นเพื่อน ช่างเหมาะเหลือเกินสำหรับการทำฌานสมาธิ โพธิปัญญาคงโพยพุ่ง แล้วเส้นทางการเดินทางต่าง ๆ ก็คงจะพร้อม.“อาจจะ 2 - 3 วันข้างหน้า ตราบใดที่อาคารสถานีรถไฟฟ้านี่ยังทนการกัดกินของเชื้อ