LOGIN“พวกแกมีของอะไรบ้างส่งมาให้หมด! เดี๋ยวนี้! อย่าลีลา!”
กดมีดคัตเตอร์จมคอจนเลือดซิบ คอเหี่ยว ๆ ของลุงสั่นสะบั้นไม่มีทางเลยที่คนแก่ แถมยังเป็นตัวประกอบอย่างแกจะสู้แรงคนหนุ่มได้
.
และก่อนที่พวกเจนิสจะกระดุกกระดิกหรือทำอะไรลงไป ชายในเสื้อฮูดอีกคนที่ถือปืนอยู่ในมือก็ได้ย้ายปลายกระบอกมาจ่อเข้าที่ขมับของลุง เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้ถาโถมขึ้นไปอีก เขาตะคอกใส่หน้าไปอีกคำรบ
.
“แล้วพวกเอ็งมีกันกี่คน?! ยังมีคนอื่นอีกรึเปล่า?!”
“ห๊าาา!”
“บอกมาสิโว๊ยยย!”
.
ฝอยน้ำลายฟุ้งกระจาย ทว่าสิ่งที่สกปรกกว่านั้นกลับเป็นการเหนี่ยวขึ้นลำกระสุนเพื่อเตรียมยิง เหลือเพียงออกแรงเหนี่ยวไกหัวของลุงก็คงจะเละเป็นลูกแตงโมไม่ต่างจากป้า
.
เจนิสกับเพื่อนเลยเลือกที่จะเงียบ เธอพยายามเบี่ยงสายตามองด้านข้าง ก่อนจะพบว่าแพรวเองก็ไม่ได้อยู่ตรงตู้กดก๊าซหยอดเหรียญแล้ว หัวหน้าแคลนหายไปอย่างไร้ร่องรอย แถมยังไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าสักแอะ พอหันหน้ากลับมามองตรงตามเดิมพลางเพ่งสายตาให้ยืดยาวออกไป จนทะลุผ่านร่างของชายทั้งสองจนลึกสุดทางเดินด้านในได้ เธอก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่เด็กไม่ควรจะเห็นเข้า
.
คุณพระช่วย! มันคือศพที่แห้งทับถมกันนับสิบ ๆ ศพ!
บางส่วนเป็นกระดูก บางส่วนก็แห้งเกรอะกรังลอกเป็นแผ่นหนัง ศพถูกวางซุกไว้ตรงมุมห้องบ่งบอกว่าที่นี่เป็นกับดัก มินิมาร์ทแห่งนี้ถูกจัดฉากไว้ตั้งแต่แรกโดยกลุ่มคนอีกแคลนหนึ่ง พวกเขาไม่ใช่คนดีเหมือนแพรวแถมยังเป็นพวกชั่วช้าต่ำทรามที่ดักฆ่าทุกคนที่ผ่านไปผ่านมา เพียงเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตรอดไปวัน ๆ.
“ว่าไงล่ะอีหนู! ไม่ได้ยินที่ฉันถามรึไงฟะ! หรืออยากให้ไอ้แก่นี่ตาย!”
“พวกแกมีกันกี่คน?!”
.
สะดุ้งสั่นไปถึงมวลอะตอมเจนิสกับเพื่อนตัวชาพูดไม่เป็นประโยค พวกหล่อนหวาดกลัวมากเพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยใกล้ชิดกับความตายมากขนาดนี้มาก่อน แต่ครานั้นก็ยังกัดฟันสู้พลันพูดออกไปลอย ๆ แบบส่งเดชออกไป
.
“มีแค่นี้ล่ะค่ะแค่ 5 คนเท่าที่เห็น ได้โปรดอย่าทำอะไรพวกเราเลย เอาของเราไปหมดเลยก็ได้ เราจะรีบไปแล้วจะไม่บอกใครว่ามีคนอยู่ในนี้ ได้โปรดเถอะนะคะ.. หนูขอร้อง.. ง.. ง..”
เด็กสาวก้มหัวลงเลี่ยงที่จะสบตา พูดไปทั้งน้ำตาครางกระซิก ๆ คิดเอาสิว่าภายในกลุ่ม 3 คนที่ใส่หน้ากากครอบแก้วอยู่ตอนนี้ จากกระจกจอสีฟ้ากับตัวเลขออกซิเจนที่สูงถึง 85% ความเครียดกลับทำให้หน้ากากของพวกเธอแดงเถือก และแสดงค่าก๊าซภายในว่าเหลืออยู่แค่ 20% เท่านั้น
.
“หึ!”
“งั้นก็ต้องมาเช็คกันหน่อยนะว่าเธอโกหกเรารึเปล่า?”
.
ชั่วเสี้ยวอึดใจหลังพล่ามเสร็จ กระสุน 9 มม. จากปากกระบอกปืนสมิธแอนด์เวสสันก็ผ่าวร้อนขึ้นวาบวาม!
.
“ปังงง!”
.
มันเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัวกระสุนพุ่งปั่นขมับจนหัวของลุงแหว่งไปครึ่งซีก! มิหนำซ้ำมันยังไม่ยอมปล่อยให้ร่างแกกองลงที่พื้น ไอ้ชั่วหัวหมวกฮูดยังได้ทำการเหนี่ยวรั้งร่างของลุงเอาไว้ พลางเหวี่ยงสะบัดให้ร่างกายแกลอยปลิวไปกองอยู่ข้างกันกับป้าตรงหน้าตู้แช่น้ำ ทำเอาพวกเจนิสถึงกับแผดเสียงกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ แต่พวกมันก็ไม่สน! ต่างคนต่างเดินอาด ๆ เข้ามาหากลุ่มเด็กสาว พร้อมกับยกปลายกระบอกปืนขึ้นเตรียมจะยิงเรียงตัว เพื่อจะปล้นเอาข้าวของเสบียงรวมไปถึงหน้ากากครอบแก้ว อุปกรณ์สุดสำคัญที่ราคาสูงลิ่วแล้วในปีปัจจุบัน
.
“อย่ายิงพี่~! ได้โปรดเถอะ~!”
.
แต่เดชะบุญเมื่อ!
.
“เฮ๊ย! ระวัง! หลบเร็ววว!”
.
“แกร๊งๆ ! , ฟิ้ววว~!”
.
ชายหนึ่งคนเบี่ยงตัวหลบออกซ้าย ส่วนอีกคนย้ายออกขวา เพราะวัตถุตรงกลางที่พุ่งแหวกอากาศเข้ามาก็คือกระป๋องก๊าซอันหนึ่งที่ถูกปาเข้ามาโดยแพรวหัวหน้าแคลน!
.
เธออาศัยจังหวะที่พวกมันตกใจ ควัก Glock 18c โครงโพลิเมอร์ออกมา พลันลั่นกระสุนเพียงหนึ่งนัดเข้าใส่กลางกระป๋องแบบตรงเผง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ
.
“ตูมมม!!!”
.
ปฏิกิริยาเคมีทำงานราวกับเล่นมายากล อานุภาพทำลายล้างไม่สูงมากแต่ก็มากพอที่จะทำให้ใบหน้าและฮูดที่คลุมอยู่มอดไหม้ลุกติดไฟ พวกมันกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาน ระหว่างนั้นแพรวก็ได้ปรับโหมดปืนเป็น Burst Fire เพื่อให้สามารถยิงรัวได้คราวละ 3 นัดต่อเนื่อง เปลี่ยนจากปืน 9 มม. ธรรมดาให้มีอานุภาพไม่ต่างจากปืนกลเบาดี ๆ กระบอกหนึ่ง
.
“มาเซ้! ออกมาเลย! มีพวกแกอีกกี่คนซ่อนอยู่ตรงไหนกันบ้าง ลองแหกปากขนาดนี้มันต้องออกมาดูเพื่อนมันบ้างล่ะ”
แพรวคิดในใจเธอชันกายพิงอยู่หลังกำแพงตรงชั้นวางของด้านหลัง พลางทอดสายตาดูพวกเด็ก ๆ อยู่เป็นระยะ จากตรงนี้เธอยังเอาอยู่! กระสุนก็มากพอที่จะคุ้มครองทุกคนได้ ก่อนที่หลังจากนั้นต่อมาจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ไม่มีสมาชิกใหม่ออกมาสมทบ แล้วพวกมันทั้งสองก็ค่อย ๆ สงบลงล้มตรึมไปกับพื้น ในสภาพของศพที่ทั้งไหม้แล้วก็เกรียมเละ
.
เช็คทุกอย่างจนมั่นใจสาวเจ้าจึงย่างเท้าก้าวออกมาจากจุดซุ่ม ประตูหลังร้านถูกงัดเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้คือแพรวปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสมาชิกของแคลนระยำนี้อีกสองศพ ที่เธอหนีบไว้ใต้วงแขน หนึ่งในนั้นบนหัวของมันยังมีไม้หน้าสามฝังตะปูของเธอติดคาอยู่ แล้วเธอก็จัดแจงเหวี่ยงศพเหล่านั้นลงมากองต่อหน้าเด็ก ๆ
.
“ฟุบบบ!”
.
“ลุงกับป้าไม่รอดแล้วล่ะ ช่วยเช็คศพพวกนี้หน่อยสิ มีของอะไรพอใช้ได้เก็บออกมาให้หมด"
“ศพไฟไหม้นี้ก็ด้วย..”
"ส่วนคนที่เหลือเข้าไปด้านใน ฉันเคลียร์ทุกอย่างแล้ว เก็บกระเป๋าเป้ลุงกับป้ามาด้วย เรายังต้องใช้ของ ๆ พวกแกอยู่..”
.
กระพริบตาปริบ ๆ เจนิสยังคงสั่นเทิ้ม
.
“มองอะไร?! ติดขัดตรงไหนหรอเจนิส?!”
.
“ปะ.. เปล่าค่ะพี่แพรว.. ว.. ว.. เราจะทำตามเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ!”
.
และขณะที่พวกเด็ก ๆ กำลังกุลีกุจอทำตามคำสั่งอยู่นั้น แพรวก็ได้พูดสำทับย้ำจุดยืนขึ้นมาอีกครั้ง เธอป่าวประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเราจะไม่ทำแบบพวกนี้เป็นอันขาด เราจะหนีออกจากเมืองหลวงเพื่อออกไปมีอนาคตที่ดียิ่งกว่า ไม่ใช่อยู่อย่างโจรมุมตึกดักปล้นชิงฆ่าแบบไร้จุดหมายเยี่ยงนี้ ถึงสุดท้ายแล้วจะต้องมีผู้เสียสละบ้าง แต่ก็ให้ถือซะว่านั่นเป็นเรื่องปกติในการต่อสู้ เลยอยากจะให้ทุกคนปรับทัศนคติให้ตรงกัน ก่อนจะเดินทางด้วยกันต่อไป
.
เล่นใหญ่ไฟกระพริบมากน้ำตาเจนิสชักจะเหือดแห้ง เธอไม่เหลือความกลัวอีกต่อไป นับแต่นี้ไปคงมีแต่ความประทับใจและเอมอิ่มที่มีต่อแพรว เมื่อมองจากเบื้องหลังและนั่งยองดูจากตรงนี้ ท่วงท่าของแพรวนั้นเท่โคตร ๆ เธอมีทั้งความกล้าและลูกบ้าที่มากกว่าหญิงใดจะมีได้ องศามุมช้อนสะท้อนแสงแดด สะบัดผมทีสวยราวกับพรีเซ็นเตอร์ขายอุปกรณ์การแพทย์ที่เห็นตามป้ายบิลบอร์ดข้างถนน เพียงแต่เจนิสนั้นไม่กล้าพูดออกไปตรง ๆ เธอจะกล้าบอกแพรวได้ยังไง ว่าพรีเซ็นเตอร์คนที่คิดถึงนั้นคือ “มิวท์” ไม่ใช่แพรว!
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ