LOGINเหมือนเบื้องบนเป็นคนเขียนบท พ่อเมืองคนเก่าตายด้วยพิษจากโรคระบาด แต่ปรัชญาความเชื่อของแกที่ว่า “อย่าทำตัวเด่นเดี๋ยวจะเป็นภัย” ยังคงกู่ก้องในก้อนสมองของประชาชน เดอะวิลเลจจึงก่อร่างสร้างตัวขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง และพวกเขาก็มีเจตจำนงอันร้อนแรงว่าจะแยกตัวเป็นเอกเทศ ไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากใคร
.
มีการวางระบบทุกอย่างเป็นอย่างดี มีการล้อมรั้วสร้างกำแพงราวกับค่ายกลของหมู่บ้านบางระจัน ทำเลที่ตั้งห่างจากป่าและแหล่งอาหารไม่ถึงสามร้อยเมตร ทำให้ง่ายแก่การจัดสรรเวรยามและลาดตะเวนสุ่มตรวจ ข้อเสียอย่างเดียวของที่นี่จึงมีแค่การขาดแคลนผู้นำ อุปมาดั่งตะขาบไม่มีหัวครั้นมีแต่ตัวกับขานับพัน ก็มีอันต้องเดินอย่างสะเปะสะปะไร้ทิศ พออำนาจไม่ได้มาจากส่วนกลางเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ก็เลยไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ตัดสินใจ เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่มากสำหรับที่นี่
.
พอดีกันกับการมาถึงของแพรวนักศึกษาสาววัย 22 ผู้มาพร้อมกับน้อง ๆ อีก 5 ชีวิต สกิลของเด็ก ๆ เหมาะมากที่จะอยู่ที่นี่ ส่วนเธอเองก็ไม่ต่างกัน เธอเป็นถึงอดีตผู้นำแคลนที่อยู่รอดในเมืองหลวงมาได้ถึง 2 ปีเต็ม และตอนนี้เธอก็ไม่ต้องการที่จะเห็นภาพเหตุการณ์เดิม ๆ เกิดขึ้นที่นี่อีก ความหิวโหยต้องหมดไป การอดตายต้องไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเอารัดเอาเปรียบกันเพื่อเอาตัวรอดที่ทุเรศสิ้นดี
.
“อะ.. แฮ่ม”
“ที่นี่เคยมีการจัดการเลือกตั้งบ้างไหมคะป้า แบบเฟ้นหาผู้นำคนใหม่อะไรแบบเนี่ยะ?"
หญิงสาวถามป้าหุ่นหมีคนดูแลกระท่อมที่พัก
.
“โอ๊ย! ไม่เคยหรอก! ลำพังคนเก่าที่ตายไปศพจะฝังตรงไหนยังทะเลาะกันแทบแย่”
แกดูเงอะ ๆ เงิ่น ๆ มองซ้ายทีขวาทีเพราะคำพูดของตัวเองอาจจะไปกระทบความรู้สึกของคนอื่นเข้า
.
“เอ๋.. งั้นก็แปลว่าที่นี่ไม่ค่อยสามัคคีกันเหรอคะ?”
.
“อืม.. ก็คงงั้น เราแค่พยายามเกาะกลุ่มกันไว้ ใครขาดเหลืออะไรก็ช่วยกันไปตามหลักมนุษยธรรมเหมือนกรณีของพวกเธอที่หนีตายกันมานี่แหละแม่หนูเอ๊ย!”
.
แพรวนิ่งเงียบไปพักหนึ่งหลังจากจัดข้าวจัดของบนกระท่อมเสร็จ เธอก็หันมาครุ่นคิดกับตัวเองว่าปัญหาของที่นี่คืออะไร ทำไมทัศนคติของผู้คนถึงไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างรุนแรง และการจะยุติเรื่องนี้ได้ก็ต้องมีผู้นำที่รวมใจพวกเขาเข้าด้วยกันได้
.
โดยบุคลิกแล้วแพรวไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวด เธอไม่ได้อยากมียศมีตำแหน่ง หากแต่เธอนั้นเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อน เธอรู้ว่ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ถ้าปล่อยเลยตามเลยมีหวังคงลุกลามบานปลาย แล้วเดอะวิลเลจก็คงจะไม่ต่างจากแคลนผู้มีชีวิตรอดแคลนอื่น ๆ ที่จะต้องแตกสลายหนีตายกันในท้ายที่สุด ด้วยเหตุนี้สาวเจ้าจึงเริ่มมีแรงบันดาลใจในการเสียสละตัวเองขึ้นมา
.
เธอพยายามช่วยเหลือทุกคนในวิลเลจเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันนั้นก็พยายามนำเสนอไอเดียและวิธีการต่าง ๆ ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา เธอลงมือขุดดินทำแปลงผักไว้ตรงกลางหมู่บ้าน ใช้สองมืองาม ๆ ขุดบ่อเลี้ยงปลาแบบไม่สนใจใครหน้าไหน ฟากฝั่งของกำแพงเมืองแพรวก็ได้เดินไปบอกข้อมูลสำคัญว่าบรรดาผู้ติดเชื้อโควิด สามารถกระโจนและปีนป่ายได้ ความสูงแค่นี้คงไม่พอจะป้องกัน
.
ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์เธอก็ได้ไปบอกกับหน่วยลาดตระเวนว่า ผู้ติดเชื้อแพ้ไฟและความร้อน อาวุธที่ใช้ไม่จำเป็นต้องเป็นกระสุนปืนที่หายากเสมอไป แต่เป็นลูกธนูไฟหรือระเบิดโบนาท็อกติดไฟสักขวดสองขวดก็น่าจะเพียงพอ หลายสิ่งหลายอย่างที่แพรวพยายามจะเข้าไปมีส่วนร่วม ถูกนำมาทดลองใช้เกือบหมด และท้ายที่สุดชาวเดอะวิลเลจทุกคนก็ได้เห็นกับตาตัวเองว่าทุกอย่างออกมาเวิร์ค
.
พวกเขาเริ่มมองแพรวเปลี่ยนไป จากเด็กสาวธรรมดา ๆ บัดนี้ตัวแพรวกลับเริ่มฉายแสงเปล่งประกายออกมามากขึ้น แปลงผักของเธอออกดอกออกผลเต็มต้น ผู้คนไม่จำเป็นต้องเสี่ยงออกไปหาของกินข้างนอกกำแพงอีกต่อไป และนานวันเข้าก็มีคนมาช่วยเธอลงแปลงมากขึ้นทุกที มีการแบ่งปันเมล็ดพันธุ์กัน จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นแปด เยอะขึ้น ๆ จนกระทั่งไป ๆ มา ๆ แพรวก็เป็นที่รักของทุกคนไปโดยไม่รู้ตัว
.
เธอจะพูดจาอะไรก็ดูมีเหตุผลน่าฟังไปหมด และท้ายที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องมีการเลือกตั้งใด ๆ แพรวก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าของเดอะวิลเลจไปโดยปริยาย! อาจเพราะบุคลิกและบารมีที่ได้สั่งสมมา ชาววิลเลจคงเห็นตรงกันแล้วว่าสิ่งที่เด็กคนนี้ทำล้วนแต่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม มิหนำซ้ำในบางวันแพรวยังอาสาออกไปนำทีมลาดตระเวนด้วยตัวเธอเองอีกต่างหาก เธอเก่งเรื่องการทำแผนที่และเก็บสถิติ ทำให้บรรดาผู้ชายตัวโต ๆ ก็ยังยอมรับทักษะในการวางแผนของเธอด้วย
.
“ซื้อใจได้” น่าจะเป็นวลีที่เข้ากับเหตุการณ์นี้เป็นที่สุด จะเห็นว่าแพรวไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองเลย เธอก็แค่ทำในแบบที่เธอเคยเป็นมาตลอด กลับกลายเป็นคนที่อยู่รอบกายเธอเสียอีกที่ติดสอยห้อยตามมาเอง พวกเขาศรัทธาในความคิดและความกล้าหาญของเธอล้วนๆ
.
จากวันเป็นสัปดาห์เคลื่อนผ่านไปเป็นเดือน เดอะวิลเลจก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ระบบที่ดีอยู่แล้วถูกอัพเกรดขึ้นด้วยความสามัคคีที่มีผู้นำหญิงมอบวิสัยทัศน์ให้ จากเด็กสาวเจ้าของแคลนที่วัน ๆ ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ถึงวันนี้แม้จะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าแพรวเองก็มีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่แบบนี้ มากกว่าตอนที่อยู่ในเมืองหลวงซะอีก แถมเธอยังมีโปรเจคใหม่ที่อยากจะพัฒนาเดอะวิลเลจให้ก้าวไกลขึ้นไปอีกขั้นด้วย
.
.
ณ ลานที่ประชุมกลางวิลเลจ แพรวยืนอยู่บนจุดสูงสุด
.
“พวกพี่ ๆ คิดว่าไงคะถ้าหนูจะทำสถานีวิทยุกระจายเสียงขึ้นมา ยังมีคนเดือดร้อนอยู่ข้างนอกอีกมาก ถ้าพวกเขารู้ว่ามีเราอยู่ตรงนี้ บางทีเราก็ควรจะช่วยเหลือพวกเขาใช่ไหมคะ?”
หน้าท้องแบนราบบดนาบเข้าหากัน มิวท์อยู่บนเจนิสอยู่ล่างการสั่นเทิ้มดังกล่าวค่อย ๆ ทุเลาลง แล้วก็ดูเหมือนว่าเรี่ยวแรงที่ใช้ห้ามหั่นจะเอาชีวิตของมิวท์ก็เริ่มอ่อนแรงลงเช่นกัน เธอค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของคนปกติ จุกหัวถันชูชันเกร็งเสียว และแม้แต่กงเล็บที่ยื่นยาวออกมาก็เริ่มหดสั้นกลับลงไป."พี่มิวท์คะ.."เจนิสกระแอมถามทั้งที่ใบหน้ายังคงบี้อยู่กับร่องนมของมิวท์ เธอผินหน้าเอียงเปลี่ยนมุมไปมาพอให้มิวท์ตื่นตัว สลับกับการแลบลิ้นเลียที่ฐานเต้าด้านล่างพลันลากวนโค้งไปตามความอวบอูมของบัวตูมคู่."แผล็บ.. บ.. บ.. บ!"."อ่าาา..า..า..า..า.."รุ่นใหญ่เผลอหลุดครางออกมาแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นพรูออกมาทดแทนไอแห่งความเหม็นสาปจากเชื้อโควิด ตามติดมาด้วยผิวพรรณที่กลับมามีน้ำมีนวลเป็นสีชมพูบานสะพรั่งอีกครั้ง นี่คือผิวแบบลูกคุณหนูขนานแท้ มันคงผ่านการทำสปาร์มาจากหลายสถาบัน จึงไร้ซึ่งรอยด่างรอยดำ กระจ่างใสราวกับหลุดออกมาจากกระปุกครีม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอะไรที่โคตรจะน่าฟัด!.ทว่าพอต้องมานอนคร่อมร่างของเด็กมัธยมอยู่แบบนี้ จิตใต้สำนึกของมิวท์ก็ต้องทำหน้าที่ของมันผ่านการปกป้องตัวเอง ทำให้สาวเจ้าต้องตัวกระตุกอีกหน พลั
จากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง สาวน้อยวัยมัธยมเร่งฝ่ามือกระโจนโผทะยานไปสู่ตำแหน่งที่คิดว่าได้ยินเสียง พลางผงะเข้ากับรอยโหว่บนตัวเครื่องที่เกิดจากบานประตูที่กระเด็นออกไป แสงสว่างจากหลอดไฟภายในส่องลอดออกมาเป็นลำ นาทีนั้นแม้แต่แท่งไฟในมือเธอก็คงจะไม่จำเป็นซะแล้ว."มีการต่อสู้กันงั้นเหรอ?"เจนิสกระซิบ.พูดกับใครก็ไม่รู้ในเมื่อก็อยู่ตัวคนเดียว เหมือนเธอกำลังประเมินสถานการณ์ ข้างหน้ามีศพ ข้างหลังประตูพัง แล้วเมื่อกี้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรี๊ด! นั่นอาจจะเป็นเสียงของมิวท์ก็ได้ บางทีเธออาจจะอยู่ในสภาวะวิกฤต."หรือมีผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทำร้ายพี่มิวท์?!".คราวนี้ไม่คิดแล้วแต่เหวี่ยงร่างกายเข้ามาในเครื่องเลย! โดยไม่สนหน้าอินท์หน้าพรหม เจนิสใช้แรงเหวี่ยงจากกระเป๋าเป้ตวัดทีเดียวร่างบางของเธอก็ม้วนหน้าเข้ามาด้านในราวกับนักยิมนาสติก เสี่ยงตายไม่ว่ามารยาทไม่ต้องทุกสิ่งที่ทำล้วนมาจากความต้องการจากหัวใจ ทว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ...มิวท์ในเวอร์ชั่นผู้ติดเชื้อ.. ที่ยืนจังก้าเล็บยาวเฟื้อยลากมากับพื้น.!.หากย้อนกลับไปอ่านสักหน่อย จะเห็นเลยว่าบุคลิกของมิว์นั้นใกล้เคียงกับเปรมตอนที่รอเย่อร์เธอในห้องกระจกมาก
ปลายนิ้วแห้งผากราวกับกระดาษทราย กว่าจะสัมผัสได้ถึงหยดน้ำหยาดแรกกลีบผกาก็ช้ำมากจนออกสีแดงแกมระเรื่อ มิวท์เสียวแค่ในใจแต่ร่างกายกลับไม่เป็นดังที่หวัง เธอเอาแผ่นหลังพิงกับกำแพงห้องโดยสารพลางหลุบสายตามองเรียวขาของตัวเองทั้งสองข้างที่ตั้งชันขึ้นและกำลังสั่นระริก เธอเร่งเกินไปเธอฝืนทั้งที่ไม่ได้เงี่ยนจริง.ตอกย้ำการโกหกตัวเองด้วยการดีดกางเกงผ้ายืดที่พันอยู่กับข้อเท้าออก เธออยากเห็นความงุ้มเกร็งของปลายตีน เผื่อจะทำให้มีอารมณ์กระสันขึ้นมาต้านทานการกลายร่างได้บ้าง."ซีดดดด...จิ๋มแห้งจัดเลยอ่ะโถ่เอ๊ย!".แท่งน้ิวเปลี่ยนจากสองเป็นสาม ชี้ , กลาง , นาง เรียงตัวเป็นขยุมพลันยัดเข้าไปแบบสุดเหยียดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ผลหล่อนจึงได้รับแต่ความเจ็บปวดกลับมา แรงเสียดสีที่ขาดน้ำหล่อลื่นเป็นอะไรที่ทำร้ายช่องคลอดมาก มิวท์เหมือนกำลังทำทารุณกรรมกับตัวเอง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ณ ตอนนี้และเดี๋ยวนี้ มุมมองสายตาของเธอก็เริ่มเห็นเป็นฉากสีแดงและเส้นเลือดยึกยือถักทอขึ้นมาแล้ว!."เรากำลังจะกลายร่าง.. อ่ะ.. อ๊ากกก..ก..ก..ก , อั๊ก..ก..ก!""เด็กผู้หญิงคนนั้นกับแท่งไฟส่องสว่างในมือ ทำให้เชื้อโควิดในตัวเรากำลังจะออกมา..
ภาพในฝันประเดประดังเข้ามาในหัว ภาพของการสังวาชกันในน้ำ ภาพของมิวท์สาวสวยหุ่นงามที่ถูหน้าอกบี้บดกับแผ่นหลังของเธอ สิ่งเหล่านี้ทำเอาเจนิสถึงกับมือไม้สั่น แม้ว่าเธอจะมองไม่เห็นโลโก้ของบริษัท AP ตรงท้ายเครื่องบิน และจากจุดที่ยืนอยู่ก็สูงและมืดเกินกว่าจะพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ แต่ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมายังไงเธอก็ว่าใช่ นี่ต้องเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ตั้งใจออกมาตามหาแน่นอน."เอาไว้ก่อนเรื่องช่วยเหลือผู้คน เสียใจด้วยนะคะน้า แต่ก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกันนี่ถ้าไม่ใช่ลูกผัวน้าหนูคงไม่ได้เจอกับเครื่องบิน"."ปั๊ก! , ฟู่..!!!"จากอุปกรณ์จุดไฟในมือกลายเป็นแท่งไฟส่องสว่าง มันถูกกระทุ้งด้วยหัวเข่าและเปล่งแสงสว่างโพลงออกมาทำให้ทั้งสองฟากของซอกเขากลายเป็นสีแดง."รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง" ถ้าจะต้องมีซาวด์ดนตรีประกอบเพลง "เล่นของสูง" ของวงบิ๊กแอสถือว่าเหมาะมาก เพราะเจนิสรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นเสี่ยงแค่ไหน แท่งความร้อนเรืองแสงที่ถืออยู่จะกลายเป็นตัวล่อชั้นดีให้บรรดาผู้ติดเชื้อพุ่งเป้ามาที่เธอ แต่ก็นะ! จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อหัวใจเรียกร้อง.เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคิดหาเหตุผลให้กับความรัก เมื่อนั้นก็แปลว่
"ไป! ,ไป! ,ไป!, เดินหน้าเร่งฝีเท้าหน่อยทุกคน! ใกล้จะค่ำแล้วอย่าแตกแถวดูแลกันและกันด้วย!"เสียงหัวหน้าหน่วยหันมากำชับ."อีกราว 500 เมตรก็จะถึงประตูหน้าวิลเลจแล้ว ในนั้นทุกคนจะปลอดภัยสบายใจได้"แกผินหน้ากลับมามองตรงพลางกระชับปืนคู่ใจแนบวงแขน แบกเป้ประทับบ่าเดินจ้ำอ้าวรวดเร็วปานจรวด.ที่ด้านหลังมีสมาชิกกลุ่มเพิ่มจำนวนขึ้นกว่า 20 ชีวิต มีทั้งเด็กและผู้หญิงแล้วก็คนแก่ ทุกคนต่างอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าอิดโรย โดยมีสมาชิกหน่วยลาดตระเวนกระจายตัวล้อมรอบพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง พวกเขาต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันแล้วก็โชคดีมากที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อตอนบ่ายเลย.แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำแบบนี้ก็ไม่แน่ ไม่มีใครอยากเสี่ยงกับกลุ่มผู้ติดเชื้อเวอร์ชั่นกลางคืนหรอก หัวหน้าหน่วยก็เลยพยายามย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทุกคนเร่งฝีเท้าต้องไปให้ถึงวิลเลจก่อนตะวันตกดินให้ได้ ภาษากายดูจริงจังน่าเกรงขาม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในใจลึก ๆ นั้นหัวหน้าเป็นห่วงเจนิสมากขนาดไหน."โถ่.. เจนิสเอ๊ย! อุตส่าห์บอกแล้วว่าให้รักษาแนวด้านหลังเอาไว้ ทำไมถึงทำอะไรโดยพลการนะ""นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองเก่งพอจะอาสาไปช่วยเหล
ทิ้งกระเป๋าเป้ปลดสัมภาระที่คิดว่าจะเป็นภาระในภายภาคหน้าไว้ที่พื้น เจนิสทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่มีแม้แต่อารมณ์ขี้งอนหรืองี่เง่าใด ๆ ด้วยเพราะรู้สถานการณ์ดี สิ่งที่ติดตัวมาจึงมีแค่ปืนหน้าไม้กับซองใส่ลูกดอก ในทิศหกนาฬิกาด้านตรงกันข้าม ร่างบางเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการคลานศอก เธอกดตัวให้ต่ำกระดืบ ๆ คืบคลานไปอยู่ในแนวด้านหลังสุดตามที่รุ่นพี่ออกคำสั่ง."เข้าใจแล้วค่ะ.. ไว้ใจหนูได้เลยหนูจะระวังหลังให้เอง ถ้าเจอผู้รอดชีวิตบอกให้ตามมาทางนี้ได้เลยนะคะ!"แม้แต่ซุ่มเสียงก็ดุดันจริงจังขึ้น ตอกย้ำว่าเธอไม่ได้มาเล่น ๆ.ด้วยความสัตย์จริงว่าการบู้นั้นไม่ใช่สไตล์ของเจนิสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เธอเป็นนักรบสายซับพอร์ตไม่ใช่ตัวแทงค์ และถ้านับสถิติการฆ่าผู้ติดเชื้อแล้วล่ะก็ในแคลนก็คงจะเป็นเธอนี่แหละที่ตัวเลขอยู่ในลำดับต่ำสุด กลับกันแต่ถ้าหากเป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอดแล้วล่ะก็ เจนิสก็จะพลิกสถิติกลับขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการได้เลย.จากคลานเริ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นกระหยิ่มย่อง มือเรียวเกี่ยวตะขอขึ้นสายหน้าไม้เตรียมไว้ พลันกระโดดยิงหนึ่งดอกออกไปเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน."ฟิ้ววว!"."ปั๊ก!"."หัว" เหมือนกันแต่เป็น "หัวเ