พอประตูปิดลงความร้อนในกายผมก็พุ่งทะยานทะลุปรอทไปแบบฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว เร่งฝีเท้าไปยังโรงเก็บรถโดยเร็วเพื่อจะระบายความร้อนในกายออก ไอ้เวรสามตัวนั่นมันไม่ตายดีแน่ที่กล้ามาแตะต้องยัยตัวเล็กนั่น ถ้าผมไปไม่ทันจะเป็นยังไง...แม่งเอ๊ย!! คิดแล้วก็อยากยิงทิ้งให้ตายห่าแม่งไปเลย
ผมเดินมาหยุดมองไอ้เวรสามตัวนั่นที่นอนเอาแขนขึ้นกันหน้ากันหัวตัวเองอยู่ที่พื้น สภาพสะบักสะบอมพอสมควร โดยที่ลูกน้องสี่ห้าคนของผมก็ยังไม่หยุดทำหน้าที่ตัวเอง ยังคงรุมสกรัมพวกมันอยู่แบบนั้นโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งเลยสักคำ
ผลั่ก...ตุบ..ตุบ...เฮือก!
“พอก่อน!” ผมเอ่ยปากห้ามลูกน้องตัวเองพลางขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้ๆ เพราะผมยังไม่อยากให้มันตายตอนนี้ ผมคิดว่ามันไม่น่าจะบังเอิญเจอหนูเฌอแล้วก็คิดจะทำร้ายเธอหรอก แต่คิดว่าน่าจะมีการเตรียมการมาตั้งแต่แรกแล้ว
พรึบบบบ
ผมย่อตัวลงชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งเพื่อทรงตัวแล้วกระชากคอไอ้สัตว์นรกหนึ่งในนั้นขึ้นมาประชันหน้า เขม่นจ้องมันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไอ้เหี้ยแบล็คจ้างมึงใช่ไหม”
“มะ...ไม่รู้” เสียงแผ่วเล็ดลอดออก
พอประตูปิดลงความร้อนในกายผมก็พุ่งทะยานทะลุปรอทไปแบบฉุดไม่อยู่เลยทีเดียว เร่งฝีเท้าไปยังโรงเก็บรถโดยเร็วเพื่อจะระบายความร้อนในกายออก ไอ้เวรสามตัวนั่นมันไม่ตายดีแน่ที่กล้ามาแตะต้องยัยตัวเล็กนั่น ถ้าผมไปไม่ทันจะเป็นยังไง...แม่งเอ๊ย!! คิดแล้วก็อยากยิงทิ้งให้ตายห่าแม่งไปเลยผมเดินมาหยุดมองไอ้เวรสามตัวนั่นที่นอนเอาแขนขึ้นกันหน้ากันหัวตัวเองอยู่ที่พื้น สภาพสะบักสะบอมพอสมควร โดยที่ลูกน้องสี่ห้าคนของผมก็ยังไม่หยุดทำหน้าที่ตัวเอง ยังคงรุมสกรัมพวกมันอยู่แบบนั้นโดยที่ผมไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งเลยสักคำผลั่ก...ตุบ..ตุบ...เฮือก!“พอก่อน!” ผมเอ่ยปากห้ามลูกน้องตัวเองพลางขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้ๆ เพราะผมยังไม่อยากให้มันตายตอนนี้ ผมคิดว่ามันไม่น่าจะบังเอิญเจอหนูเฌอแล้วก็คิดจะทำร้ายเธอหรอก แต่คิดว่าน่าจะมีการเตรียมการมาตั้งแต่แรกแล้วพรึบบบบผมย่อตัวลงชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งเพื่อทรงตัวแล้วกระชากคอไอ้สัตว์นรกหนึ่งในนั้นขึ้นมาประชันหน้า เขม่นจ้องมันอย่างเอาเป็นเอาตาย“ไอ้เหี้ยแบล็คจ้างมึงใช่ไหม”“มะ...ไม่รู้” เสียงแผ่วเล็ดลอดออก
“ฮะ...เฮีย หนูกลัว ฮึก” ฉันพูดเสียงอู้อี้อยู่กับแผงอกเขา บวกกับอาการสะอื้นเล็กน้อย“เฮียก็อยู่นี่แล้วไง” เฮียวาโยพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนแบบที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนพร้อมกับย่อตัวลงจับแขนฉันไปพาดโอบคอเขาไว้ทั้งสองข้าง แล้วช้อนร่างฉันขึ้นในท่าเจ้าหญิง สาวเท้าออกไปจากตรงนี้ทันที ฉันกระชับแขนแน่นขึ้นพร้อมกับซุกหน้าลงบนบ่ากว้างอย่างถือวิสาสะ ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่น ปลอดภัย ถ้ามีเขาอยู่แบบนี้ ฉันรู้ว่าเขาต้องไม่ปล่อยให้ฉันได้รับอันตรายแน่ๆ ไม่รู้เพราะอะไรฉันถึงคิดแบบนั้น ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ…..ร่างฉันถูกวางลงบนเบาะรถหนานุ่มฝั่งคนนั่งอย่างเบามือ ก่อนที่เฮียวาโยจะโน้มตัวมาดึงเข็มขัดนิรภัยคาดผ่านตัวฉันไปกดล็อกอีกฝั่ง เขาดึงตัวกลับไปยืนตรงเหมือนเดิมแล้วถอดเสื้อแจ็กเกตมาคลุมให้ ยกมือลูบหัวทุยเล็กเบาๆ อย่างอ่อนโยน แล้วดันประตูรถปิดเข้ามา วิ่งอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งอย่างเร่งรีบ เขาจัดระเบียบให้ตัวเองขณะที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยภายในเวลาอันรวดเร็วและขับรถออกไปทันที สายตาฉันยังคงจับจ้องไปที่เขาตลอดเวลา พลางคิดไปถึงว่าเขามาไม่ทันล่ะ จะเกิด
“ซอยข้างอะพาร์ตเมนต์ฮะ...เฮียช่วยนะ...”“ไง คิดว่าจะหนีพ้นงั้นเหรอ หึ”ฉันผวาสุดตัวพร้อมกับมือถือที่ยังคงต่อสายไปยังเฮียวาโยค้างอยู่หลุดออกจากมือร่วงลงกระทบพื้นแตกกระจายทันที เมื่อได้ยินเสียงทักจากชายแปลกหน้าที่กำลังจ้องจะทำร้ายฉันดังขึ้น พวกนั้นหาฉันเจอแล้ว ทำไงดี....ทำไงดีหมับบบบฉันกำลังใส่เกียร์หมาออกวิ่งสุดตัวแต่ก็ต้องเบรกล้อฟรีเพราะมือหนาของชายน่ากลัวคนนั้นไวกว่าคว้าแขนฉันไว้ได้ก่อน แล้วออกแรงลากจนร่างฉันปลิวไปตามทางที่เขาเป็นผู้กำหนดอย่างห้ามไม่ได้“ปล่อยนะ จะพาไปไหน ปล่อยเดี๋ยวนี้!” ฉันพยายามยื้อยุดสุดแรงพลางแกะมือสกปรกนั่นออกจากข้อมือฉัน แต่แรงอันน้อยนิดของผู้หญิงตัวเล็กๆ มีรึจะสู้แรงชายตัวโตแบบนั้นได้ฮึก...ฮึก...ฮึกเสียงสะอื้นเริ่มดังเล็ดลอดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ น้ำตาก็ไหลพรากเป็นทางเพราะความกลัว ฉันไม่มีทางสู้แรงเขาได้ จะทำไงดี ทำไงดี เฮียขา....ช่วยหนูด้วย พ่อขา แม่ขา หนูควรทำไงดี“เห่ย! กูเจอแหละ” ผู้ชายคนที่ลากฉันออกมาตะโกนบอกผู้ชายอีกสองคนที่กำลังวิ่งวนอยู่แถวๆ นั้
ย้อนไปสามเดือนก่อน….“มานี่แป๊บ” มือหนาของคุณหมอไวน์คว้าข้อมือฉันแล้วออกแรงลากเข้ามาในห้องพักฟื้นระดับ VIP ของโรงพยาบาลแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นผู้ชายหนึ่งในนั้นที่ทำให้ใจฉันเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งที่เขาไม่มีท่าทีว่าจะสนใจฉันเลยด้วยซ้ำ“เอามือถือมา” เสียงดุของคุณหมอไวน์ทำให้ฉันละสายตาจากผู้ชายที่ฉันเฝ้ามองมาตลอดหกปี คุณวาโยคนนั้นเขาอยู่ที่นี่ด้วย แต่ฉันก็ยังคงนิ่งไม่ทำตามคำสั่งของคุณหมอไวน์เพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะเอามือถือไปทำอะไร เขาเลยล้วงหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อชุดนักศึกษาพยาบาลของฉันอย่างถือวิสาสะท่ามกลางความตกใจของทุกคนและของฉันด้วย ความจริงเราก็ค่อนข้างสนิทกันพอสมควรแหละ เขาแอบดูมือถือฉันเป็นประจำ ถึงได้เป็นผู้กุมความลับของฉันไว้แบบนี้ ไหนจะคำบอกเล่าของพี่สาวฉันอีก“เอ้า นี่มันของหนูไหมละคะ เอาคืนมานะ” ฉันพยายามจะยื้อแย่งมือถือตัวเองคืนแต่ก็ไม่สำเร็จ ฉันเตี้ยกว่าเขาตั้งมากมาย ไม่สามารถหรอก แถมยังออกคำสั่งเสียงดุใส่ฉันอีก“หยุด!”แต่นี่ไม่ได้ทำให้ฉันทำตามคำสั่งของเขาหรอกนะ ที่ทำให้ฉันหยุดการกระทำทุกอย่างลงเพราะประโยคที่เขาก้มลงกระซิบข้างหูฉันต่า
“เฌอๆ”“ขา~~” ฉันขานรับพร้อมกับเร่งฝีเท้าไปหาพี่นุช พยาบาลคนสวยที่ประจำอยู่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายยาทันที“มายืนแทนพี่แป๊บดิ ไปเคลียร์เอกสารให้คุณหมอรตีก่อน”“อ๋อๆ ได้เลยค่า สบายมาก” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะร่าเริง พี่นุชทำหน้างงๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะรีบวิ่งไปทางห้องคุณหมอรตี ส่วนฉันก็หยิบเอกสารนู่นนี่นั่นดูอย่างอารมณ์ดี ทั้งๆ ที่โดนดุ โดนตะคอก แต่ทำไมถึงยิ้มไม่หุบเลยก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะอย่างน้อยเขาก็ยังเป็นห่วงฉัน ฮึ่ยยยย...เขิน“ไปดีใจอะไรมาเนี่ย ยิ้มเหมือนคนบ้าเชียว หึ” พี่พยาบาลอีกคนเดินถือถาดยามายื่นให้ฉันพร้อมกับเอ่ยทักแบบขำๆ ส่วนฉันก็ไม่ได้ตอบอะไรได้แต่ส่งยิ้มกว้างไปให้แทน“คุณนีรดาร์ เดชาพิพักษ์เชิญรับยาค่ะ”ฉันประกาศเรียกชื่อคนไข้ใส่ไมค์ตัวน้อยหน้าเคาน์เตอร์ แล้วก้มลงหยิบยาในตะกร้าขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ตรงหน้า“คุณนีรดาร์ เดชาพิพักษ์นะคะ”“ใช่ค่ะ” พอเธอตอบรับฉันก็เริ่มอธิบายตัวยาในซองต่างๆ ให้คนไข้เข้าใจ….….“มีอะไรรึเปล่าคะ” ฉันถามขึ้นเมื่อเธอเอาแต่จ้องหน้าฉันหลังจากที่ฉันอธิบายทุกอย่างครบถ้วนอย่างละเอียดดีแล้ว เธอยังสงสัยอะไรอีก ในเมื่อยาพวกนี้เธอก็มารับทุกเดือนอยู่แ
ปึกกก!ฉันผงะถอยเมื่อหันกลับมาจากการดึงประตูห้องปิดและชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างที่ฉันเดินตามออกมาเมื่อกี้นี้ เพราะเฮียวาโยหยุดกะทันหันไม่บอกกล่าว มือเล็กถูกยกขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ พร้อมกับย่นจมูกใส่แผ่นหลังกว้างนั่น เพราะถ้าเป็นด้านหน้าก็คงไม่กล้าหรอก แล้วชะโงกหน้าไปมองข้างหน้า อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงหยุด แต่…ร่างฉันถูกผลักเข้าไปหลบอยู่หลังตัวเขาเหมือนเดิม เพราะคนที่อยู่ข้างหน้าเฮียวาโย นั้น...หนึ่งในคนที่ทำร้ายเขาวันนั้นฉันจำได้ เพราะเขามีรอยสักที่แขนซ้ายทั้งแขนเลย“โอ๊ะ...โอ สาวน้อยคนนี้ใครกัน กูเจออยู่กับมึงสองครั้งแล้วน้า ไม่ใช่แค่ของแก้ขัดธรรมดาแน่ใช่มะ?”“ไป!”พอผู้ชายน่ากลัวคนนั้นพูดจบ เฮียวาโยก็หันมาไล่ฉันด้วยโทนเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นและแววตาดุอีกเหมือนเดิม แต่ฉันเริ่มจะชินแล้วล่ะ“(-_-) (-_-) (-_-) (-_-)” ฉันยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับส่ายหน้าไปมาปฏิเสธคำสั่งของเขา ใครจะยอมให้เขาอยู่คนเดียวกันเล่า...พวกนั้นน่ากลัวจะตาย“บอกให้ไป ก็ไปดิวะ”