LOGIN“บอกตรงๆ นะ กูก็ไม่ได้อยากกับใครเลยนะ” ฉันไม่ได้พูดเอาใจมัน แต่นั่นคือความจริง เพราะอาจความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีให้กันในฐานะเพื่อนมาก่อน “ขนาดนี้แล้ว มาเป็นเมียกูเหอะ อย่าเป็นเพื่อนกันอีกเลย” ................... คิดว่าได้เพื่อนสนิทเป็นผัว แต่นานๆ ไป เขาเหมือนใครอีกคนที่ไม่รู้จัก ดวงตาลึกลับ ชวนค้นหา กับรอยยิ้มร้ายกาจที่มุมปากนั้น เหมือนเขาเป็นใครอีกคนที่ไม่ใช่เพื่อนของฉัน
View MorePrologue
“มึงจะร้องไห้คร่ำครวญอะไรนักหนาวะ กูนี่สิควรจะร้อง เพราะกูเป็นผู้หญิงและเพิ่งเสียจิ้นให้มึงนะ!” ฉันตวาดขึ้นอย่างเหลืออดเมื่อมองไปยังเตียงนอน ร่างเปลือยเปล่าสมสัดส่วนของผู้ชายที่สูงถึง 184 เซนติเมตร ที่ถูกคลุมด้วยผ้านวมแค่ท่อนล่าง โชว์ให้เห็นรอยสักรูปสิงโตที่แผงอกด้านขวา และขาที่โผล่พ้นชายผ้านวมช่วงเหนือเข่าก็เห็นรอยสักนกเหยี่ยวกางปีก
กำลังร้องไห้น้ำตาเปื้อนหน้าตี๋หล่อของมัน
ใช่ ไอ้ตรี มันทั้งหล่อ เท่ รูปร่างดี ภาพลักษณ์ของมันคือดูแบด เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นสาวหวานหรือสาวแซบ
แต่มันก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่เรียนประถม กระทั่งวันนี้เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันเหมือนเดิม สนิทขนาดนอนเตียงเดียวกันได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ยกเว้นเมื่อคืน...
ในขณะที่ฉันนั้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ด้วยเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนขาดๆ นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสภาพอิดโรยอย่างหนัก เพราะเมื่อคืนผ่านสมรภูมิพิศวาสจนเตียงแทบพัง คิดแล้วก็อยากจะกระโดดระเบียงชั้นเก้าลงไปให้รู้แล้วรู้รอด
“ก็มึงไม่ใช่ผู้หญิง แต่มึงเป็นทอม แล้วมึงคิดดูสิ กูนอนกับทอม รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ฮือๆ!”
“เออ ทอมมันไม่ใช่ผู้หญิงหรือไงวะ มึงหยุดร้องเลยนะไอ้ตรี ถ้าไม่อยากเจอตีน กูยิ่งเครียดๆ อยู่!” ฉันพูดพร้อมกับเสยผมสั้นเคลียหูตัวเองอย่างหงุดหงิดที่ไอ้ตรี มันขยันย้ำว่าฉันเป็นทอม
ทั้งที่ฉันเพิ่งคบเพศเดียวกันได้เพียงสามเดือนเท่านั้น ที่ผ่านมาฉันก็คบกับผู้ชายทั้งนั้น กระทั่งเลิกคบเมื่อผู้ชายที่รักมากหักอก ไปเอากับเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มที่เขาบอกฉันว่าเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด สุดท้ายกลายเป็นเพื่อนกัน นอนกัน มันส์ดีซะงั้น
คงไม่ต่างจากฉันเวลานี้ เพียงแต่ฉันไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น
“มึงปล้ำกู ทั้งๆ ที่กูเป็นเพื่อนซี้ของมึงแท้ๆ!” มันยังคร่ำครวญไม่เลิก
“ไอ้สัส มึงคิดว่ากูอยากปล้ำมึงหรือไง ถ้ามึงอยากจะโทษใครสักคนในเรื่องนี้ มึงโทษอีหมวย กิ๊กร่านของมึงดิวะ เสือกมาวางยากูทำไม สงสัยเอากับมึงมันไม่ถึงใจไง ถึงอยากจะมาแรดกับทอม
อย่างกู อุตส่าห์ไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงคนเดียวกับเพื่อนตัวเอง แต่อีเลวนั่นดันมาทำแบบนี้กับกูอีก ถ้ากูเจอมันนะจะเตะให้กระดูกเชิงกรานหัก ไม่ได้ไปเอากับใครได้เลย!”“เออๆ กูผิดเองที่ดันชวนมันมางาน ก็ใครมันจะไปรู้ว่ามันอยากจะเล่นดนตรีไทยกับมึง!”
“เพราะงั้นมึงก็เลิกร้องฟูมฟายเหมือนเพิ่งเสียพรหมจรรย์เสียที กูรำคาญ!”
“มึงไม่เข้าใจ กูนอนกับทอมนะ”
“แล้วมึงเข้าใจมั้ย กูก็นอนกับผู้ชายเป็นครั้งแรกในชีวิต แถมไอ้ผู้ชายเวรนั่นดันเป็นเพื่อนสนิทของกูด้วย ที่สำคัญกูมีแฟนแล้ว นี่ถ้าน้องรินรู้จะเกิดอะไรขึ้น!” เพราะเสียงที่สั่นเครือของฉันแน่ๆ ทำให้ไอ้ตรีมันหยุดคร่ำครวญ
“มึงก็ไม่ต้องบอกน้องรินสิ”
“เออสิ กูไม่มีทางบอกน้องรินหรือใครทั้งนั้นแหละ มึงเองก็เหมือนกันห้ามบอกใครเด็ดขาด ไม่ยังงั้นกูจะฆ่ามึงด้วยมือของกูเอง!”
“มึงคิดว่ากูจะกล้าบอกใครได้ล่ะ!”
ไอ้ตรีย้อนเสียงแข็ง ทำท่าจะน้ำตาไหลอีกครั้ง
มองแล้วก็อดโมโหไม่ได้ เรื่องฉิบหายวายป่วงครั้งนี้ มันเกิดขึ้นเมื่อคืนนี่เอง
“งั้นมึงกับกูก็ถือเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ลืมๆ มันไปซะ”
“แต่กูลืมภาพที่มึงแก้...”
“ไอ้เหี้ยหุบปากเลยนะ!” ฉันผุดลุกยืนขึ้นแล้วยันโครมเข้าที่สีข้างของไอ้ตรีจนมันตกเตียง ผ้านวมก็หลุดจากท่อนล่างมัน จนฉันรีบปิดตาทันที แต่ก็ช้าไปเพราะดันไปมองเห็นเจ้าตรีน้อยของมันเต็มตา ชวนให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง
จริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นไอ้จ้อนของมัน เพราะฉันกับไอ้ตรีแก้ผ้ากระโดดเล่นน้ำริมคลองที่บ้านเกิดมาด้วยกันตั้งเรียนเด็ก แม้แต่ตอนโตเข้าเรียนมหาลัยแล้ว ไอ้ตรีมันก็ไม่เคยระวังตัว วันดีคืนดีมันก็เดินโท่งๆ ออกมากจากห้องน้ำ ทั้งที่ฉันก็อยู่ด้วย ยิ่งเวลาเมาไม่ต้องพูดถึง มันเมาแล้วชอบแก้ผ้านอนตลอด เห็นจนเบื่อ แต่ตอนนี้เวลาเห็นแล้ว ใจมันไม่เหมือนเดิม
“โอ๊ย ไอ้เก้า มึงอย่าตีนไวได้มั้ย กูเจ็บนะ!”
“มึงก็อย่าพูดพล่อยๆ อีก!”
“เออ จำไว้นะ เรื่องเมื่อคืนมันคือฝันร้าย ลืมๆ มันไปซะ!”
“เออ กูลืมแน่!”
“งั้นกูกลับ!”
“เออ แล้วแต่มึง!”
ฉันหันไปมองไอ้ตรีที่ยังนั่งเปลือยอยู่บนพื้นข้างเตียงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินไปหยิบเป้ของตัวเอง แล้วเดินออกจากห้องของเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้เพิ่มอีกตำแหน่งคือ ‘ผัวข้ามคืน’ ให้มันด้วย
ฉันคิดด้วยความขื่นขม พร้อมกับน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์เพียงลำพัง
เสียดายพรหมจรรย์นั้นน้อยกว่า ที่ผู้ชายคนนั้นดันเป็นเพื่อนสนิท ที่เราเคยสัญญากันมาตั้งแต่เด็กว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป จะอยู่ข้างๆ กัน ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าจะรักษาสัญญานั้นได้ตลอดไปหรือเปล่า
แม้จะบอกว่าให้ลืมมันไป แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจะทำได้ง่ายๆ แต่ยังไงก็ต้องทำให้ได้ เพราะฉันก็ไม่อยากเสียเพื่อนสนิทไปเช่นกัน
สาบานเลยว่าถ้าเจออีหมวยร่านอีกครั้ง ฉันจะฆ่ามันให้ตายคามือ ไม่ใช่แค่ให้กระดูกเชิงกรานมันหักอย่างที่บอกไอ้ตรีไว้
เมื่อคืนเลี้ยงฉลองวันเรียนจบกับไอ้ตรีและเพื่อนในกลุ่มเดียวกันอีกสามคน ส่วนน้ำรินคนรักของฉันนั้นไปเที่ยวเมืองนอกกับครอบครัว มันเกิดเรื่องขึ้นเพราะไอ้ตรี ดันชวนกิ๊กคนใหม่ล่าสุดของมันมางานด้วย
ไอ้ตรี มันไม่ได้คบใครจริงจังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันจึงมีผู้หญิงผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ามาไม่ได้ขาด เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับอีหมวยมหาภัย ให้ท่าฉันจนออกนอกหน้า จริงๆ รูปร่างหน้าตามันก็ออกแนวที่ไอ้ตรีชอบ หน้าไม่ต้องสวยมาก แค่อย่าเป็นสิวก็พอ แต่รูปร่างต้องอวบอึ๋ม นมใหญ่ก็ใช้ได้แล้ว
แต่อีหมวยมันดันมาให้ท่าฉัน ทั้งที่ฉันบอกว่ามีแฟนแล้ว ไม่นอกใจแฟนแน่นอน ยังจะพยายามทอดสะพาน คลอเคลียไม่ห่าง
กระทั่งดึก เพื่อนคนอื่นๆ ขอตัวกลับไปหมด ไอ้ตรีก็เมาหลับ เหลือแค่ฉันกับอีหมวยที่ยังดื่มกันต่อ สักพักฉันก็เกิดอาการแปลกๆ วูบวาบ อยากแก้ผ้า และอยากถูกสัมผัส รู้เลยว่าโดนวางยาแน่นอน
รู้ว่าเป็นฝีมืออีหมวยอย่างไม่ต้องสงสัย ฉันเลยผลักมันออกไปจากห้องพักของไอ้ตรี จากนั้นก็ปลุกไอ้ตรี แล้วบอกให้มันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
...................
“ไอ้เก้าเริ่มเมาเปล่า แก้มแดงเป็นตูดลิงแล้ว” ไอ้พัทหันเป้ามาทางฉันแล้ว“เออ ก็นิดหน่อย” ฉันตอบรับอย่างไม่ต้องโต้เถียงมัน ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคนอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดุๆ ให้มัน แต่มันกลับยิ้มหวานตอบ อยากจะปากระป๋องเบียร์ใส่หน้าหล่อๆ ของมันนัก ก็ได้แต่คิดนั่นแหละและมันก็เสหยิบกีตาร์มาเล่น ขึ้นอินโทรลก็รู้ว่าเป็นเพลง stay with me ของ Sam Smits ในสไตล์ฟิกเกอร์สไตล์ ฉันมองนิ้วที่ทั้งเกาและสะบัดปลายนิ้วลงบนทั้งหกสายอย่างเพลิดเพลินเพลงเพราะ หรือคนเล่นเก่งก็ไม่รู้ แต่อาจทั้งสองอย่าง ไอ้ตรีเป็นคนที่เล่นกีตาร์ได้มีเสน่ห์มาก ฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันสามารถเล่นกีตาร์ได้เก่งขนาดนี้ มันเล่นได้หลายแนว ทั้งเล่นคอร์ดปกติ ฟิกเกอร์สไตล์อย่างที่เล่นอยู่ตอนนี้ และสไตล์คลาสสิกด้วย มันเหมือนคนที่ร่ำเรียนสายดนตรีมา มากกว่าเรียนจบนิเทศฯตอนที่เราอยู่บ้านนอก ตอนนั้นไอ้ตรีมันไม่เคยเล่นกีตาร์ หรือดนตรีใดๆ ให้ฉันเห็น แต่มันเคยบอกว่าพ่อให้มันเรียนเปียโน เรียนภาษาตั้งแต่ยังเรียนอนุบาล อันหลังนี้ฉันจึงไม่แปลกใจเวลาที่ไอ้ตรีมันร้องเพลงสากล สำเนียงมันเหมือนเจ้าของภาษา หรือแม้แต่มันพูดคุยกับชาวต่าง
แม้เพื่อนๆ จะยุว่าเป็นดาราได้เงินเยอะ ถึงขั้นร่ำรวยถ้ามีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ มันก็ไม่สนใจ ทั้งที่ทุกวันนี้มันก็ร้องเพลงเล่นดนตรีในผับเพื่อหาเลี้ยงชีพ การได้เข้าวงการน่าจะดีกับอาชีพของมัน มันก็ไม่สนใจอีกดูมันเป็นคนไม่กระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้ ทั้งที่ไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าหอด้วยซ้ำ แต่...ดันมีเงินซื้อของกินมาเต็มโต๊ะ ไหนจะเบียร์กระป๋องตั้งหลายแพ็กมันชักจะยังไงอยู่นะเราออกไปถ่ายรูปกับคลื่นและชายหาด จากนั้นก็อัปภาพลงโซเซียลฯ ต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม แต่ไม่วายมีคนบ่น คนที่ทำหน้าที่แท็กเพื่อนๆ นั่นแหละ“แท็กทุกคนแล้วนะ ยกเว้นไอ้คนไม่เล่นโซเชียลฯ ทั้งหลายแหล่” แล้วมันไปมองไอ้ตรีอย่างหมั่นไส้“ถ้ากูหล่อเท่ามันนะ จะโพสรูปวันละร้อยรูป จะเป็นยูทูบเบอร์ จะได้มีช่องทางหาเงิน” ไอ้ปีไม่วายบ่น คงเพราะเสียดายความหล่อ เท่ของเพื่อนที่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากความหน้าตาดีของตัวเอง นอกจากโปรยเสน่ห์ใส่สาวๆ ไปวันๆ“บ่นแต่เรื่องเดิมๆ มึงไม่เหนื่อยหรือไงวะ” ไอ้ตรีพูดเสียงเนือยๆ เหมือนเบื่อหน่าย เพราะได้ยินไอ้ปีบ่นทำนองนี้มานานแล้ว ตอนแรกทุกคนก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา แต่คบกันไปนานๆ ก็รู้นิสัยมันที่
“มึงก็คิดดีๆ นะเก้า เรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อน อย่าปล่อยให้มันสายเกินไป เพราะน้องรินรักมึงมากนะ ถ้ามึงไม่สามารถคบน้องได้แบบคู่รัก มึงก็ควรบอกน้องรินตรงๆ”“ทำไมมึงดูห่วงน้องรินจัง” ฉันถามเพื่อนสนิทอย่างสงสัย“น้องรินเคยปรึกษากูเรื่องมึง เพราะมึงแค่กอดจูบกับน้อง แต่ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นไง น้องคงสงสัยว่ามึงคิดยังไงกับเขากันแน่ แต่กูก็เชื่อนะว่ามึงรักน้องรินจริงๆ น้องเขาก็รู้สึกได้ แต่ถ้ามึงไม่ใช่มีรสนิยมทางเพศเดียวกันกับน้อง มันจะไม่ทำร้ายจิตใจน้องเขาเหรอวะ และมึงเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน ถึงมึงจะไม่เคยถึงขั้นนอนกัน แต่มึงต้องรู้นะว่าคนเป็นแฟนกัน คบกันนานๆ เรื่องเซ็กซ์มันก็ต้องมีเปล่าวะ ถ้ามึงไม่สามารถทำได้ น้องเขาก็สงสัยเป็นธรรมดา”“เอ่อ กูรู้ เดี๋ยวกูจะลองดู” ฉันคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นไบฯ ที่สามารถรักได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่เรื่องการมีเซ็กซ์นั่น ฉันเริ่มไม่แน่ใจจริงๆ“ลองนอนกับน้องรินน่ะนะ”“อือ...” เพราะฉันเองก็อยากรู้ว่า หลังจากนอนกับไอ้ตรีแล้ว ฉันสามารถนอนกับน้องรินได้หรือไม่“ผลเป็นไงบอกกูด้วย”“ดูมึงอยากรู้มากเลยนะ” ฉันประชด ยัยนุ่นหัวเราะคิกคักจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องอื่นๆ กระทั
Chapter 2: จูบอีกครั้งฉันกับไอ้ตรีมาถึงหน้าคณะตามเวลานัดหมาย และเพื่อนๆ ก็มาตรงเวลา ทั้งไอ้ปี ไอ้พัทและยัยนุ่น ซึ่งคนหลังนี้เป็นสาวน้อยตัวเล็ก สดใส ช่างพูดประจำกลุ่ม“ตามึงคล้ำมาก เมื่อคืนไม่ได้นอนเลยวะ” เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยพร้อมเดินทาง ยัยนุ่นที่นั่งข้างๆ ฉันก็ถามขึ้น“นอนไม่ค่อยหลับ เพราะ...ตื่นเต้นไงที่จะได้ไปเที่ยวกับพวกมึง” ฉันตอบพร้อมยิ้มให้เพื่อน“ไอ้ตรีล่ะ มึงตื่นเต้นด้วยหรือไง ตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าเหมือนกัน” นุ่นหันไปถามไอ้ปีที่นอนเอนตัวบนเบาะตอนหลังของรถคนเดียว เพราะไอ้ปีไปนั่งเคียงข้างคนขับ ซึ่งเป็นเจ้าของรถ“กูไม่ได้ตื่นเต้นโว้ย แต่เล่นเกมดึกไปหน่อย” ไอ้ตรีตอบ แล้วมันก็หาวติดๆ กัน“งั้นมึงนอนไปเถอะ” นุ่นหันไปบอกไอ้ตรี“กูก็ง่วงเหมือนกันนะนี่” ฉันหาวบ้าง“มึงง่วงก็นอนเลย เอาหัวพิงไหล่กูก็ได้” ยัยนุ่นพูดพร้อมตบบ่าตัวเอง“โอ๊ยขืนกูพิงไหล่มึง คอกูหักพอดี” เพราะส่วนสูงของฉันกับยัยนุ่นมันแตกต่างกันมาก ฉันสูง 175 เซนฯ ส่วนยัยนุ่นสูงเพียง 156 เซ็นฯ เท่านั้น“งั้นมึงไปพิงไอ้ตรีสิ” ยัยนุ่นบอก“มันนอนเอนหลังขนาดนั้น จะไปพิงมันได้ยังไง”“กูไม่เอนหลังก็ได้ ถ้ามึงจะพิง” ไอ้ตรีชะโงกหน้ามา