เฮียวาโยเลือกที่จะพาฉันออกมาจากสนามแข่งรถแทนที่จะกลับเข้าไปตอบคำถามร้อยแปดของบรรดาเพื่อนๆ เขาและฉันคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ…
หนึ่ง....เพื่อนๆ ของเขาจะไม่หยุดคาดคั้นถ้าไม่ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการ อันนี้ฉันเดาจากสภาพการณ์ที่ได้เห็นมา
สอง...เฮียวาโยก็คงจะไม่อยากตอบเพราะถ้าเขาอยากให้คนอื่นรู้คงพูดไปนานแล้ว
และสาม...ข้อนี้สำคัญมากฉันไม่อยากให้เฮียวาโยกลับไปเป็นสภาพแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การที่เขาเงียบไปแบบนั้นฉันไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนและควรทำตัวยังไง ณ เวลานี้ฉันก็ยังไม่กล้าถามด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนั้น
ซูเปอร์คาร์คันหรูเคลื่อนไปตามถนนที่จุดหมายอาจเป็นที่ไหนสักแห่งฉันก็ไม่อาจทราบได้ แต่ก็ไม่สนใจมันเท่าไหร่หรอก ฉันสนใจคนที่อยู่หลังพวงมาลัยนั่นมากกว่า สายตายังคงจับจ้องไปที่เขาอย่างไม่ลดละพร้อมกับคำถามอีกตั้งหลายข้อที่วนอยู่ในหัว...แต่ก็ไม่กล้าถาม เขาก็บอกแล้วนิว่าไม่ได้โกรธ แต่ฉัน...ก็ไม่สบายใจนี่นา
“หนูเฌอ”
“คะ...?” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะดึง
มือฉันถูกสอดประสานจากคนที่ขานรับสั้นๆ นั่น เฮียวาโยเขามาถึงตัวฉันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ แล้วผู้หญิงที่เป็นแขกของเขานั่นก็ด้วย แต่เหมือนฉันสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในแววตาผู้หญิงคนนั้นตอนที่หลุบมองมือเราสองคนเฮียวาโยยกยิ้มขึ้นมุมปากก่อนจะออกแรงจูงให้ฉันตามเขาไปที่ไหนสักแห่ง โดยมีชายนิรนามคนนั้นเดินนำและผู้หญิงแสนสวยคนนั้นตามหลังเรามาติดๆ แต่คือจะไม่มีใครอธิบายอะไรให้ฉันฟังสักคนเลยเหรอ เราจะไปไหนกัน จะไปทำอะไรกัน ผู้ชายคนนี้เป็นใคร แล้วผู้หญิงคนนี้อีก บ้าบอ...ให้ฉันเดาเอารึไงเนี่ยผู้ชายคนนั้นพาพวกเรามาหยุดอยู่หน้าห้องอะไรสักอย่างภายในชั้นที่ถัดมาจากห้องทำงานของเฮียวาโย ประตูถูกเปิด ภายในห้องเหมือนฟิตเนสขนาดย่อม มีทั้งกระสอบทราย เบาะรองขนาดใหญ่และเครื่องออกกำลังกายบางอย่าง ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่าที่นี่มีฟิตเนสด้วย“ชุดอยู่ในห้องน้ำแล้วนะเฮีย” เฮียวาโยพยักหน้ารับคำบอกของผู้ชายคนนั้นก่อนเขาจะเดินออกไปจากห้อง ทุกคนดูเหมือนรู้ทุกอย่าง รู้หน้าที่ว่าตนเองต้องทำอะไร ตอนไหน เวลาไหน มีแต่ฉันเนี่ยแหละ ที่ไม่รู้อะไรเลย ฉันก็ยังคงได้แต่หันมองคนโน้นที คนนี้ท
วันต่อมา….‘แต่หนูไม่กลัวแล้วก็ไม่สนด้วย ให้หนูอยู่ข้างๆ เฮียเถอะนะคะ’ประโยคที่แสนจะธรรมดา จากผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งแต่มันกลับมีอิทธิพลต่อความรู้สึกผมซะเหลือเกิน มันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผมไม่ไปไหนตั้งแต่ได้ยินมาจนถึงตอนนี้ อะไรที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ นั่นกล้าหาญชาญชัยได้ขนาดนั้น ซึ่งผมเองก็เชื่อในสิ่งที่เธอพูดอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้นเพราะการกระทำเหล่านั้นผมได้สัมผัสและได้เห็นมาแล้วกับสองลูกตาของตัวเองและไม่ว่ายังไงผมก็จะปกป้องดูแลเธอให้ดีที่สุด ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนแตะต้องผู้หญิงของผมได้เป็นอันขาดและก็จะไม่ยอมเสียเธอไปด้วยเช่นกันผมเลื่อนมองนาฬิกาตรงผนังห้องก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแชทสั่งงานลูกน้องคนสนิท เพราะผมเองยังจัดการงานที่ค้างคาของตัวเองไม่เสร็จ ไอ้เรย์เป็นคนที่ผมไว้ใจได้มากที่สุดและผมจะไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลถ้าให้มันเป็นคนจัดการ ส่วนไอ้วินมันมีอีกงานที่ผมต้องให้มันไปจัดการเช่นเดียวกัน……Chernarin Talk“คุณเฌอ
“....”“อันนี้ดีกว่า เดี๋ยวเฮียสั่งให้” พูดจบเขาก็จัดแจงเดินไปสั่งอาหารตามที่บอกทันที ฉันทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปตาปริบๆ แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะฉันเองก็ยังนึกไม่ออกว่าจะกินอะไร เฮียวาโยน่าจะเคยมาที่นี่ น่าจะรู้แหละว่าอะไรอร่อยหรือไม่อร่อย แล้วเฮียวาโยก็เดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามฉันพร้อมกับตอบคำถามที่ฉันถามไปสักพักใหญ่นั้นแล้ว“วันหลังค่อยทำกิน วันนี้หนูน่าจะเหนื่อยแล้วก็หิวด้วยใช่ม่ะ” ก็ใช่นะ...เขาพูดถูกฉันทั้งเหนื่อยแล้วก็หิว แต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดที่จะทำอาหารไม่ได้ซะหน่อย“แต่หนูก็ทำได้นะ ถ้าเฮียอยากกิน ไม่เหนื่อยเลยสักนิด” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมกับยิ้มหวาน ก่อนที่เฮียวาโยจะยื่นมือข้างหนึ่งมาแนบแก้มฉันใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆ พลางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินแล้วหยุดไป“ทำไมถึง...”“คะ…?” ฉันกำลังจะถามต่อแต่ทว่าแม่ค้าดันเอาอาหารมาเสิร์ฟซะก่อน เฮียวาโยชักมือกลับในทันที ก่อนที่เราทั้งสองจะเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่อาหารบนโต๊ะแทน&ldq
เฮียวาโยเลือกที่จะพาฉันออกมาจากสนามแข่งรถแทนที่จะกลับเข้าไปตอบคำถามร้อยแปดของบรรดาเพื่อนๆ เขาและฉันคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เพราะอะไรน่ะเหรอ…หนึ่ง....เพื่อนๆ ของเขาจะไม่หยุดคาดคั้นถ้าไม่ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการ อันนี้ฉันเดาจากสภาพการณ์ที่ได้เห็นมาสอง...เฮียวาโยก็คงจะไม่อยากตอบเพราะถ้าเขาอยากให้คนอื่นรู้คงพูดไปนานแล้วและสาม...ข้อนี้สำคัญมากฉันไม่อยากให้เฮียวาโยกลับไปเป็นสภาพแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การที่เขาเงียบไปแบบนั้นฉันไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนและควรทำตัวยังไง ณ เวลานี้ฉันก็ยังไม่กล้าถามด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้เขาเป็นแบบนั้นซูเปอร์คาร์คันหรูเคลื่อนไปตามถนนที่จุดหมายอาจเป็นที่ไหนสักแห่งฉันก็ไม่อาจทราบได้ แต่ก็ไม่สนใจมันเท่าไหร่หรอก ฉันสนใจคนที่อยู่หลังพวงมาลัยนั่นมากกว่า สายตายังคงจับจ้องไปที่เขาอย่างไม่ลดละพร้อมกับคำถามอีกตั้งหลายข้อที่วนอยู่ในหัว...แต่ก็ไม่กล้าถาม เขาก็บอกแล้วนิว่าไม่ได้โกรธ แต่ฉัน...ก็ไม่สบายใจนี่นา“หนูเฌอ”“คะ...?” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะดึง
ร่างผมถลาไปตามแรงตบของผู้มาเยือน ความคิดหลุดลอยไปกลางอากาศจนหมดสิ้น ไอ้ห่า...มือหรือตีนว่ะนั้น ดีนะที่มีขอบหน้าต่างกั้นไว้ ไม่งั้นผมคงได้ไปชดใช้กรรมในนรกแทนแล้วล่ะ เวรจริงๆ“เป็นเหี้ยอะไรของมึง” ประโยคแรกหลังจากที่มันตบไหล่ผมฉาดใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นห่วงเนอะ ไอ้เพื่อนเหี้ย ตบซะไม่ยั้งมือเลย“....” ผมเงียบและเลือกที่จะด่ามันทางสายตาแทน ก่อนจะสะบัดไหล่เพื่อให้มือที่มันวางพาดอยู่หลุดไป แล้วหันมาสนใจบุหรี่ในมือต่อ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้มันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ยังจะถามเพื่อ…? น่าหงุดหงิดชะมัดก็ไอ้แม็กซ์นี่แหละที่เป็นคนไปกับผมวันนั้น และมันแม่งไม่ได้รู้สึกผิดเหี้ยอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ ไม่รู้จิตใต้สำนึกแม่งไปหลบอยู่ซอกตีน ซอกเล็บ ซอกไหนสักซอกที่น้อยนิดมากๆ หรือไม่ก็อาจไม่มีอยู่ในตัวมันเลยด้วยซ้ำ อย่างเหี้ย...“มึงจะคิดมากอะไรนักว่ะ เรื่องมันตั้งหกปีละ...”พลั่ก!! ...ปึก!ผมไม่อดทนฟังให้จบประโยคหันไปผลักอกไอ้เพื่อนเวรอย่างแรงจนร่างมันเซถลาไปชนเข้ากับกำแพงแบบไม่ทันตั้งตัว มันชะงักไ
“ว้าววว...”พี่หนูดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับเป็นเรื่องที่สุดแสนเซอร์ไพรส์สำหรับเธอยิ่งนัก ทุกคนในห้องก็ดูไม่ต่างกัน แต่ในขณะเดียวกันผู้ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องเล่ากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีเพียงสายตาที่ตวัดมองพี่หนูดาอย่างดุดันจนริมฝีปากบางที่กำลังจะขยับพูดจำเป็นต้องเม้มเป็นเส้นตรงพร้อมกับกลืนคำพูดที่ไม่อาจมีใครรู้ได้ลงลำคอไปในทันที เพราะมันอาจอันตรายถึงชีวิตเลยก็เป็นได้และไม่ควรเสี่ยงเลยจริงๆเฮียวาโยหลุบมองมือตัวเองที่ประสานกันแน่น ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจากโซฟาเดินตรงไปยังประตูแบบรีบร้อน และ….ปึง!!“....”ประตูถูกปิดลงอย่างแรงจนเสียงดังสนั่นนั่นบ่งบอกถึงอารมณ์ผู้กระทำได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ติดว่าผนังถูกสร้างด้วยกระจกเกรดพรีเมียมอย่างดีนะ มีละเอียดแน่ รับรองได้เลย ส่วนฉันไม่เพียงแค่ตกใจเท่านั้น แต่ยังร้อนใจมากๆ อีกด้วย เขาดูตกใจเล็กน้อยตอนฉันเริ่มเรื่องและนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำ เขาจำได้หรือเปล่าฉันก็ไม่รู้ เฮียวาโยเป็นคนโผงผาง ใจร้อน อะไรไม่ถูกใจก็พร้อมจะพุ่งชนได้เสมอ แต่พอมาเทียบกับการนิ่งเงียบแบบนี้แล้ว การกระทำที่เคยผ่านมาเหล่านั้นไม่น่ากลัวเลยสักนิดปฏิกิริยาแบบนั้นมันหมายควา