ชุดนอนไม่ได้นอน…
คือสิ่งที่ทำให้เซเลน่าถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเหล่าขณะมองมันอย่างคิดไม่ตก จริงอยู่ที่ว่าเธอไม่ใช่เด็กเรียบร้อยถึงขั้นแต่งตัวเป็นแม่ชี แต่ชุดที่พิตต์เพื่อนชายคนสนิทเตรียมมาให้มันกลับดูโป๊เกินไป
นอกจากจะเป็นซีทรูอวดผิวขาวเนียนใต้ร่มผ้า ชายชุดนอนก็ยังแหวกขึ้นมาถึงกลางอก ถ้าไม่มีกางเกงขาสั้นสีเดียวกันสวมทับท่อนล่าง ไม่ต่างอะไรกับใส่ชุดชั้นในเลยสักนิดเดียว
“ถอนหายใจอะไรขนาดนั้นแม่คุณ”
“แกก็ดูชุดที่นังพิตต์เตรียมมาให้ฉันสิ”
“สวยออก เหมาะกับแกจะตาย”
“ถามจริง? นี่มันชุดนอนตรงไหน”
“ชุดนอนไม่ได้นอนไง รีบไปเปลี่ยนเหอะ เดี๋ยวอีพิตต์มาก็โดนมันด่าอีกหรอก”
“ปวดหัวโว๊ยยย!” เซเลน่าโวยวายอย่างสุดจะทน ก่อนจะคว้าชุดที่วางอยู่บนเตียงกระทืบเท้าปึงปังเดินเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ และกลับออกมาในอีกห้านาทีต่อมา
“อูย แซ่บที่สุด” แอนนาแซวตาโต เพราะนานๆ ทีจะเห็นเซเลน่าแต่งตัวแบบนี้
“เอาชุดแกมาเปลี่ยนกับฉันเถอะ ไหนๆ แกก็อยากอ่อยแฮร์รี่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“แฮร์รี่ไม่ชอบผู้หญิงแต่งตัวโป๊ขนาดนั้น แบบนี้กำลังดี”
หญิงสาวปั้นหน้าบึ้งใส่เพื่อนอย่างอารมณ์เสีย พลางก้มมองชุดนอนสุดวาบหวิวบนเรือนกายตัวเอง ยิ่งเธอเป็นผู้หญิงมีทรวดทรงองค์เอวก็ยิ่งขับกล่อมให้ดูเซ็กซี่โดยไม่ได้ต้องทำอะไรมากมาย
“ไปกันเหอะ พวกมันส่งข้อความมาบอกว่าลงไปรออยู่หน้าโดมแล้ว”
“อือ” เซเลน่าครางตอบเหมือนคนซังกะตาย ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตในตู้เสื้อผ้าออกมาสวมทับด้านนอก จากนั้นก็เดินออกมาจากหอพักที่เริ่มครึกครื้น เพราะเพื่อนร่วมหอพักคนอื่นๆ กำลังทยอยไปปาร์ตี้เหมือนกัน
“แม่อยู่นี่จ้านังชะนีน้อย” พิตต์โบกมือเรียกทันทีที่เซเลน่ากับแอนนาเปิดประตูออกมาจากหอพักนักศึกษา
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นอะอีเซล”
เซเลน่าเบะปากใส่เพื่อนยิ่งกว่าเดิม แถมยังเงียบประท้วงด้วย “…”
“ก็ชุดที่พิตต์มันเอามาให้นั่นแหละ มันโวยวายบอกว่าโป๊เกินไป”
“โอ๊ย! ใส่ๆ ไปเถอะ หล่อนสวยเอ็กซ์เซ็กซ์แตกขนาดนี้ สานฝันกะเทยอย่างฉันหน่อยไม่ได้รึไง”
“มันโป๊เกินไปป้ะ อีกนิดก็แก้ผ้าแล้วนะ” เซเลน่าเถียงทันควัน พร้อมกับเลิกเสื้อเชิ้ตขึ้นให้เพื่อนเห็นกับตาตัวเองว่าชุดนอนมันวาบหวิวขนาดไหน
เอ็มมา “สิบเต็มไม่หัก!”
พิตต์ “หล่อนจะได้ผัวก็คืนนี้แหละ”
“ฉันไม่ถอดเสื้อนะ ใส่แม่งแบบนี้แหละ”
“ตามใจหล่อนก็แล้วกัน มีของดีแต่หวงอยู่ได้” พิตต์เบะปากใส่อย่างหมั่นไส้ ก่อนจะสับเท้าเดินนำทั้งสามสาวไปทางหอพักซึ่งเป็นสถานที่จัดงานปาร์ตี้ ทำให้พวกเธอต้องรีบเดินตามไป
เดินมาได้สักพักหนึ่งเซเลน่าก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมแชมเปญไว้ที่หอพัก เพราะเงื่อนไขการเข้าร่วมงานจะต้องมีของฝากมาแลกรับกำไลข้อมือ
“พวกแกฉันลืมแชมเปญไว้ที่ห้อง เดินไปกันก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันรีบตามไป”
พิตต์ “เอ๊า แล้วไม่ดูให้มันดีก่อน ให้พวกฉันเดินกลับไปเป็นเพื่อนมั้ย”
“ไม่ๆ แกไปรอหน้างานเลย”
“โอเค เดินระวังๆ ด้วย”
เซเลน่าพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับมาทางเดิมอีกครั้ง เมื่อถึงหอพักก็รีบวิ่งขึ้นมาหยิบแชมเปญในถุงกระดาษซูเปอร์มาร์เก็ต เสร็จแล้วจึงเร่งฝีเท้าเดินมายังสถานที่จัดงานปาร์ตี้ ซึ่งอยู่ห่างจากหอพักของเธอประมาณสิบนาที
ระหว่างเดินฝ่าความเงียบงันมีลมเย็นๆ พัดผ่านรอบกายจนขนลุกชัน ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินตามมาข้างหลัง ทำให้หญิงสาวหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับไปทางเดินภายในความมืด
ปรากฏว่าไม่มีใคร ไม่มีแม้แต่เจ้าของเสียงฝีเท้าที่เธอได้ยินเมื่อสักครู่ เซเลน่าไม่เคยคิดเป็นสิ่งอื่นใดนอกจากภัยร้าย เพราะเธอเติบโตมากับเรื่องที่ต้องค้นหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ให้ได้ เรื่องเหนือธรรมชาติจึงไม่อยู่ในสารบบความคิดของเธอ
เธอหันกลับมาแล้วออกเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดิน คราวนี้เสียงฝีเท้าแบบเดิมดังแว่วเข้ามาในหูอีกครั้ง ราวกับว่าเธอเริ่มเดินอีกฝ่ายก็เดินตามเหมือนกัน
มือบางกำคอขวดแชมเปญในมือแน่น แล้วกลั้นใจหันกลับไปมองด้านหลังเป็นครั้งสุดท้าย ทว่าสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าดันเป็นคนที่ไม่ควรมายืนอยู่ตรงนั้น
“เซส?”
“…” เจ้าของชื่อมองหญิงสาวด้วยสายตาไร้ซึ่งความรู้สึกใด
“เดินอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่เห็นนาย”
เซเวียสใช้เวลาหลายวินาทีกว่าจะตอบคำถามของเซเลน่า ซึ่งเป็นประโยคแรกหลังจากเห็นหน้าค่าตากันมาแล้วสี่ปี “ก่อน…เธอ”
@QUEENS CITY “โอ้โห~” คลาริสาอ้าปากอย่างตกตะลึง เมื่อเข้ามาในอาณาเขตที่ตั้งปราสาทใหญ่โตของครอบครัวเพื่อนสนิท “อ้าปากกว้างจนแมลงบินเข้าปากหมดแล้วหนูท่อ” “นี่เหมือนปราสาทยุคกลางที่เราอ่านในเว็บตูนเลยอะไซลัส” ทั้งใหญ่โต ทั้งสวยงาม แถมยังอยู่ในหุบเขาอีกด้วย แต่อีกมุมหนึ่งก็ดูลึกลับและน่ากลัว “จอดรถได้แล้ว เราอยากลงไปเดินดู” “ไปๆ ลงไป” ไซลัสยอมจอดรถให้เพื่อนสนิทลงไปก่อน เกิดเธอผลีผลามกระโดดลงรถจะเจ็บตัวเอาเปล่าๆ ส่วนเขาก็วนรถมาจอดให้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นเดินตามหลังเธอมาเรื่อยๆคลาริสาตื่นเต้นกับความแปลกใหม่เหล่านี้ ทุกอย่าง ณ ที่แห่งนี้เหมือนกับอยู่ในโลกจินตนาการเลย เธอเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงต้นสะพานเหล็กที่ยื่นไปในทะเลสาบหมับ!จังหวะที่คลาริสากำลังจะก้าวขาขึ้นไปบนสะพาน ไซลัสตวัดแขนกอดเอาเธอไว้จนตัวลอยขึ้นจากพื้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเอี้ยวหน้าไปถาม “อุ้มเราทำไม” “ไปหาพ่อกับแม่ก่อนแล้วค่อยมาเดินเล่นใหม่” “เออใช่ เราลืมเลย” ไซลัสยอมปล่อยเพื่อนยืนลงบนพื้นอย่างว่าง่าย เปลี่ยนมากอดคอพาเธอเดินลัดทางเดินเข้ามาในปราสาท ความเงียบทำให้เขาสงสัยว่าพ่อกับแม่หายไปไหน แต่พอจะอ้าป
หลายปีต่อมา…“มี้ครับ เดี๋ยวผมมานะ” ไซลัสในวัยสิบเก้าปีวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านอย่างรีบร้อน ยังไม่ได้สวมเสื้อเลยด้วยซ้ำ“จะไปไหนลูก อีกสักพักเราต้องเดินทางแล้วนะ”“ไปรับยัยหนูท่อที่บ้านครับ”“แน่ะ มี้บอกแล้วว่าอย่าเรียกหนูคลาร่าแบบนั้น” เซเลน่าทำโทษลูกชายด้วยการตีแขนเบาๆ “เขาโตเป็นสาวแล้ว เรียกให้มันดีๆ หน่อย”“ในสายตาผมคลาร่าก็ยังเหมือนหนูท่อเหมือนเดิมนั่นแหละ” คล่ายังคงตัวเล็กเหมือนเด็กมัธยม ทั้งที่กำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัยแล้ว เปรียบเทียบกับเขาที่มีความสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรยอยู่เพียงระดับอกอยู่เลย “พ่อกับแม่ไปกันก่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมตามไปทีหลัง”“โอเค ขับรถระวังๆ ด้วยล่ะ”ไซลัสวิ่งออกมาเอารถยนต์นอกบ้าน แล้วใช้มันขับมารับคลาริสาที่บ้านของเธอซึ่งอยู่เมืองข้างเคียง ตอนแรกเขาตั้งใจจะไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว แต่จู่ๆ คลาริสาก็ขอไปด้วยเธอเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวของเขาตั้งแต่อนุบาลจนมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าหลังจากจบอนุบาลเขาจะเรียนโฮมสกูล แต่ก็ยังติดต่อกันผ่านข้อความอยู่บ่อยๆตอนที่เขามีอายุได้เพียงแปดขวบ เขาก็เติบโตเทียบเท่ากับชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์แล้ว กว่าจะได้เจอคลาริสาอีกครั้งห
“ศาสตราจารย์คะ!”“ครับ?”“เอ่อ…วันนี้ไปทานอาหารกลางวันกับฉันมั้ยคะ”เซเวียสสบตากับผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองด้วยแววตาเรียบเฉย ความคิดในหัวของเจ้าหล่อนทำให้เขาเกือบหลุดหัวเราะเธอกำลังคิดว่าอย่างไรเขาก็ต้องตกลง เพราะตัวเองเป็นคนหน้าตาดี คงไม่กล้าปฏิเสธสาวสวยแบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า แต่ตอนนี้เขาต้องนึกถึงภาพลักษณ์ของตัวเองในที่ทำงานด้วย“ได้สิครับ”“จริงนะคะ!”“เจอกันที่โรงอาหารตอนกลางวันแล้วกันครับ” ว่าจบเซเวียสก็หันไปรับเครื่องดื่มสองแก้วจากบาริสต้า แล้วเดินออกมาจากร้านกาแฟเพื่อมาส่งน้ำให้กับคนรักอย่างเช่นทุกวันปัจจุบันเขาทำงานที่ศูนย์วิจัยมาได้เกือบสามเดือนแล้ว แต่เรื่องที่เขากับเซเลน่าเป็นสามีภรรยากันยังคงถูกเก็บเป็นความลับ เธอให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ใครเอาเรื่องส่วนตัวไปพูดลับหลัง และเขาก็ปฏิบัติตามที่เธอต้องการอย่างเคร่งครัดมาตลอดก๊อก ก๊อก ก๊อก~“เชิญค่ะ” ปีศาจหนุ่มเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้ยินเสียงอนุญาตของคนในห้อง “มาทำอะไร”“เอาช็อกโกแลตเย็นมาให้”“อ้อ ขอบใจ” เซเลน่าลุกจากเก้าอี้ทำงานพร้อมกับรับแก้วเครื่องดื่มมาจากมือเซเวียส นอกจากจะขอบคุณเขาด้วยคำพูดย
“เมื่อกี้นายไปไหนมา” เซเลน่าเอ่ยถามหลังจากเดินพ้นออกจากอาณาเขตโรงเรียนของอนุบาล ด้วยความที่เขาหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง คงไม่แปลกที่เธอจะสงสัย“ซื้อโรงเรียน”“ถามจริง?” เธอถามกลับอย่างไม่อยากเชื่อ“จริง”“อะไรเข้าสิงให้คิดจะซื้อโรงเรียนลูกเนี่ย”“สิ่งที่ไซลัสกำลังเจอคือการเหยียดหยาม เพราะทุกคนเอาแต่คิดว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อ ถ้าฉันเป็นเจ้าของโรงเรียนนี้ใครมันจะกล้าทำตัวไม่ดีใส่ลูกอีกล่ะ” ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะเข้าไปคุยกับผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แต่ระหว่างเดินผ่านกลับได้ยินคุณครูซุบซิบเรื่องของไซลัสกับเซเลน่าอย่างออกรสออกชาติ ในฐานะที่เขาเป็นพ่อและสามีก็ควรจะปกป้องลูกและภรรยาตัวเอง“ต้องเล่นใหญ่เบอร์นี้เลยเหรอ? อีกไม่นานลูกก็โตแล้วอีกอย่างฉันมีความคิดจะให้ไซลัสเรียนโฮมสกูลด้วย ถ้าลูกผ่านเกณฑ์ ไม่กี่ปีก็เข้ามหา’ ลัยได้”ปัจจุบันไซลัสเรียนอยู่ระดับชั้นอนุบาล แต่สรีระร่างกายของเขาเหมือนเด็กประถมต้น ดังนั้นเธออยากจะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ โดยการให้ไซลัสศึกษาเล่าเรียนที่บ้านแทน แต่เมื่อเขาพร้อมที่จะเข้ามหาวิทยาลัยก็จะให้เขาได้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไป“นายก็รู้ว่าลู
หลังจากไซลัสยอมหยุดการกระทำของตัวเองลง เขาก็เดินกลับมาหาเพื่อนผู้หญิงที่ก้มหัวปิดหน้าปิดตา ย่อตัวนั่งลงใกล้ๆ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“เมื่อกี้เธอไม่เห็นอะไรใช่มั้ย”“ระ…เราไม่เห็นอะไรนะ!” คนถูกถามสะดุ้งพร้อมกับกางนิ้วมองหน้าของไซลัส โดยที่ยังเอามือปิดหน้าตัวเองไว้“งั้นก็ดี ตอนนี้เธอต้องวิ่งไปฟ้องครูว่าเพื่อนทะเลาะกัน โยนของจนทำกล้องวงจรปิดพัง”“ตะ…แต่เมื่อกี้ไซลัส…”“เธอต้องไม่เห็นอะไร เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเรา…เข้าใจมั้ย” น้ำเสียงของไซลัสเข้มขรึมเพื่อต้องการข่มขู่เพื่อนผู้หญิงคนนี้ไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปพูดกับใคร “เธอชื่ออะไร”“คะ…คลาริสา”“เราจำชื่อเธอได้แล้ว ถ้าไม่อยากโดนเหมือนพวกนั้น หวังว่าจะไม่พูดถึงชื่อของเรากับครู”“อื้อๆ เราจะไม่พูดอะไรเลย” เด็กหญิงยกมือกุมจมูกตัวเองลุกพรวดวิ่งผ่านของเล่นที่กระจัดกระจายบนพื้นออกไปจากห้องเรียนอย่างรวดเร็วส่วนไซลัสก็หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินมานั่งอ่านหนังสือที่เดิมอย่างไม่คิดจะปรายตามองเพื่อนร่วมห้องที่ถูกเขาเล่นงานคืนเลยสักนิดที่เด็กชายไม่อยากเอาคืนเพื่อนๆ ก็เพราะคิดว่าอีกหน่อยพวกนั้นก็คงหยุดแกล้งไปเอง แต่ที่ไหนได้กลับหนัก
“หัวหน้าครับ” “หืม? ว่าไงคะคุณโจเอล” “ไปกดน้ำกันมั้ยครับ” “ก็ดีค่ะ ฉันกำลังอยากได้คาเฟอีนพอดีเลย” เซเลน่าโครงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางเดินยังตู้กดน้ำดื่มของศูนย์วิจัย “คุณโจเอลเอาอะไรดีคะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” “ผมเป็นผู้ชายนะครับ ให้ผมเลี้ยงหัวหน้าเถอะ” “ฉันไม่อยากให้คนอื่นเอาไปพูดว่าดูแลลูกน้องตัวเองไม่ดีค่ะ” “คนที่กล้าว่าหัวหน้าก็คงมีแต่คนขี้อิจฉานั่นแหละ ผลงานก็ยอดเยี่ยม แถมสวยอีกต่างหาก” “ฉันจะลอยแล้วนะ อย่าชมเยอะ” เซเลน่าแย้มยิ้ม ก่อนจะหันไปเลือกน้ำดื่มสำหรับโจเอลและตัวเอง จากนั้นก็ยื่นมันไปให้เขา “ฉันเห็นคุณดื่มอันนี้บ่อยๆ น่าจะถูกใจอยู่ใช่มั้ยคะ” “ขอบคุณครับผม ผมเปิดให้มั้ยครับ” “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยื่นกระป๋องน้ำดื่มไปให้อีกฝ่ายช่วยเปิด จากนั้นก็รับกลับมาพร้อมกับยกขึ้นจิบเบาๆ โดยที่สายตามองเอกสารงานวิจัยของทีม “คุณรู้รึยังว่ากำลังจะมีคนเข้ามาแทนตำแหน่งของด๊อกเตอร์เบอร์นาร์ดน่ะครับ” “หาคนมาแทนได้แล้วเหรอคะ” “เห็นสาวๆ บอกว่าคนคนนั้นเข้ามาประจำที่ศูนย์วิจัยแล้วนะครับ แต่พวกเราคงได้เจอวันพรุ่งนี้ตอนแนะนำตัว” “ก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะตั้งแต่ด๊อกเตอร์เบ