LOGIN(ได้ยินมั้ยคัส)
“....” ดูเหมือนว่าทางนั้นจะเปิดลำโพง ดีจะได้ด่าถนัดปาก
(...ปากแบบนี้น่าชนให้ตายคาถนน) โทนเสียงที่คล้ายกับลูก้าดัง ออกมาจากโทรศัพท์ที่เปิดลำโพงวางไว้
“สมองไปอยู่ที่ปากนี่เอง ถึงมีดีอยู่แค่อย่างดะ กรี๊ด!”
ยังไม่ทันจะพูดจบดีรถคันหน้าก็เบรกกะทันหัน ทำเอาฉันกรีดร้องด้วยความตกใจ เท้าแตะเบรกหยุดรถไว้ได้ทัน รถที่ตามมาคันหลังเปลี่ยนเลนหลบได้ทัน ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนทำให้รถมีไม่มาก
(เสียงเพราะดีนี่ กรี๊ดเหมือนจะตาย) คำพูดแบบนี้ มีแค่คนเดียวนั่นแหละ ต่อให้แฝดทั้งสามคนจะเสียงคล้ายกัน แต่ฉันแยกทั้งหมดออกว่าใครเป็นใคร
“เสียงฉันเพราะกว่านี้อีกถ้าคนขับคันหน้าตาย จะร้องไห้ให้สักหนึ่งนาทีเพื่อเป็นเกียรติ” เป็นเกียรติที่ตีความหมายไปอีกแบบ
(เก็บปากไว้เถอะ รำคาญ)
ติ้ด!
สิ้นเสียงปลายสายก็ตัดไปทันที รถที่อยู่คันหน้าเร่งความเร็วขึ้นทิ้งห่างออกไปไกลพอสมควร อยากให้ตามแล้วเบรกให้ชนกะทันหันอีกหรือไง แล้วก็ทำให้ปัญหามันตกมาอยู่ที่ฉัน ไม่ติดกับดักหรอก
เรื่องแค่นี้ทำไมจะตามไม่ทัน ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีปัญหากันสักหน่อย เราเหมือนคู่แข่งกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ในบรรดาฝั่งมัสชิโม่ลูคัสคือคนที่มีปัญหากับฉันมาตลอด แต่เราต่างฝ่ายก็ต่างไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้ว
เท้าเล็กแตะคันเร่งในความเร็วปกติ ไม่สนใจสิ่งที่กำลังยั่วยุ สายตาจ้องมองไปที่กระจกหลัง บนถนนขนาดสี่เลนไร้ซึ่งรถร่วมทาง ก็ตอนนี้มันดึกมากแล้วนี่เนอะ
รู้แบบนี้นอนกับไอริสดีกว่า ถ้าต้องมาเจอกับเรื่องชวนอารมณ์เสีย
“ว้าย!”
ปึง!
จังหวะที่ละสายตาจากกระจกหลังกลับมาจ้องมองถนนเบื้องหน้า สิ่งแรกที่พบก็คือไฟท้ายจากรถแอสตันมาร์ติน ซึ่งมันไม่ได้จอดรอให้ฉันชน แต่ถอยหลังเข้าหารถที่กำลังพุ่งตรงไปข้างหน้าต่างหาก!
แต่ความเร็วที่ไม่ได้มากมาย ทำให้แรงกระแทกไม่รุนแรงนัก เป็นการชนเข้าไปตรง ๆ แล้วในรถระดับนี้จึงเป็นเพียงรอยบุบเล็กน้อย ส่วนฉันก็ไม่ได้เสียดายรถหรืออะไรทั้งนั้น
เพราะตอนนี้อารมณ์โมโหพุ่งขึ้นขีดสุด สายตาจ้องมองผู้ชายที่ก้าวลงจากฝั่งคนขับ ดวงตาคมที่จ้องมองเข้ามาที่ฉัน ริมฝีปากยกยิ้มยั่วโมโห เขาก้มมองท้ายของตัวเองแล้วส่ายหัวไปมา จะบอกว่าเพราะฉันเหรอ!
มือเล็กเปิดประตูพร้อมกับก้าวเท้าลงจากรถ เดินตรงเข้าไปหาเจ้าของรถ สายตาจ้องมองไปยังลูก้าที่กำลังลงมาอีกคน
“ลูกตาไปอยู่ที่เท้าเหรอ ถึงมองไม่เห็นว่ารถถอย” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น สายตาหันมองไปทางอื่น ทำให้รับรู้ว่าเขาไม่อยากมองหน้าฉันสักเท่าไร
“แล้วสมองไปอยู่ที่เท้าเหรอ ถึงไม่รู้ว่าไม่ควรถอยรถกลางถนน”
“พอดีเลยแยกที่จะไป คิดว่าคันหลังจะมีน้ำใจหยุดให้ซะอีก แต่ลืมไปว่าคนขับเป็นพวกไม่มีสมอง เลยคิดไม่เป็น” น้ำเสียงนิ่งเรียบของลูคัส เหมือนเป็นการกระตุ้นให้อารมณ์ปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
“พอทั้งคู่ ไม่มีคนมาแยกด้วยนะตอนนี้” ลูก้ายืนมองอยู่นาน ต้องทำหน้าที่หยุดการถกเถียง เพราะปกติเราจะมีฟ่าหรือไอริสมาแยกไม่ให้ทะเลาะกัน
“ฟี่ไม่ใช่คนเริ่ม” ถึงปากจะพูดกับลูก้า แต่สายตาก็ยังไม่ละสายตาจากคนตรงหน้า
“เริ่มเองแล้วจะทำไม”
สายตาของเราต่างจ้องมองกัน รถหลายคันที่จะวิ่งผ่านไป ต่างชะลอดูด้วยความสงสัย เพราะรถทั้งสองคันจอดนิ่งกลางถนน ฉันเลือกที่จะไม่โต้ตอบ ทำเพียงเดินกลับไปยังรถของตัวเอง
ปึง!
ร่างบางเข้านั่งในรถของตัวเองหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนบางสิ่งลงไป สายตาของลูคัสยังคงมองมา เขาเองก็ดูประหลาดใจที่ฉันไม่ตอบโต้กลับไป เมื่อเขียนเสร็จก็เปลี่ยนเกียร์ เท้าแตะคันเร่งเคลื่อนตัวรถออกไป
กระจกเลื่อนลงในจังหวะที่ขับผ่านลูคัส สายตายังมองที่เขาพร้อมกับยิ้มมุมปาก หักเลี้ยวพวงมาลัยให้ตัวรถไปอยู่ด้านหน้ารถเขาแทน แล้วจัดการเปลี่ยนเป็นเกียร์ถอยหลัง เท้าเหยียบคันเร่งถอยชนรถของเขาเต็มแรง
ปึง!
“เฮ้ย!” เสียงลูก้าดังขึ้นด้วยความตกใจ แต่ใบหน้าดูจะสนุกมากกว่า โมโหที่ฉันพังรถของพวกเขา
พึ่บ!
กระดาษในมือถูกโยนออกนอกตัวรถ แต่ก่อนที่ฉันจะขับออกไป ก็ได้ยื่นแขนออกผ่านกระจก แล้วยกขึ้นชูนิ้วกลางให้กับคนที่มองอยู่ได้เห็น นั่นคือ ลูคัส
บรื้น!!
ดวงตาคมมองตามรถสีขาวที่ขับออกไปด้วยความเร็วจนหายลับสายตาไป
“ของมึง” ลูก้ายื่นกระดาษที่ถูกโยนทิ้งไว้ เขารับมันมาดูสิ่งที่อยู่ในนั้น
มันถูกเขียนด้วยปากกาสีดำ เป็นภาพวาดง่าย ๆ ที่มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าคือรูปมือชูนิ้วกลางและข้อความสั้น ๆ ว่า ‘ไอ้ถ่อย’
“หึ...” เสียงหัวเราะดังในลำคอ เขาขยำกระดาษในมือแล้วโยนมันทิ้ง ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งยังฝั่งคนขับ ตามลูก้าที่เดินขึ้นมารอก่อนแล้ว
ปึง!
ประตูปิดลง รถยนต์คันหรูก็เคลื่อนตัวออกทันที
“ทะเลาะกันขนาดนี้คนอื่นเขาต้องมีคิดบ้างละว่ามึงสองคนชอบกันหรือเปล่า” สิ่งที่ลูก้าพูดทำเอาเขาถึงกับหลุดขำ
“น่าขนลุกดีว่ะ นึกถึงตัวเองที่ชอบผู้หญิงแบบนั้น”
“ก็เพราะกูรู้ไงว่ามันต้องเป็นเรื่องที่น่ากลัวเลยไม่กล้าคิด แต่ฟี่สวยมากนะมึง” ลูก้าเลื่อนกระจกรถลง แล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ
“แบบนั้นสวยเหรอ เสียสายตาฉิบหายเวลาเจอ” คำพูดเย็นชาที่ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันคือสิ่งที่อยู่ในใจของลูคัสจริง ๆ
“แล้วนี่มึงจะไปไหนเนี่ย” ลูก้าถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเส้นที่จะไปมันไม่ใช่ทางกลับบ้านของพวกเขา
“กูไปคอนโด ฝากเอารถกลับแล้วรับหน้าแทนกูด้วย” หน้ารถยุบเข้ามา ถึงไม่รุนแรง แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาแม่ไปได้
“มีใครไว้ที่คอนโดหรือไง ซุกเมีย?” สายตาของลูก้ามองมาอย่างจับผิด
“มึงก็รู้ว่ากูไม่สนใจเรื่องพวกนั้น” สิ่งที่ทำให้เขายุ่งกับผู้หญิงก็มีแค่เรื่องงานเท่านั้น โดยนิสัยที่คนในครอบครัวรู้ดี คือไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายและเป็นเจ้าของ
“เออ แต่มึงกับกูต้องกลับบ้านเท่านั้น แม่รออยู่” ลูก้าโชว์หน้าจอโทรศัพท์ให้ได้เห็น
“แม่?”
“แม่รู้ด้วย ว่ามึงกวนตีนฟี่อีกแล้ว”
“แม่รู้ได้ไง”
“กูบอกเอง” เมื่อได้ยินคำตอบของฝาแฝดตัวเอง เขาก็หันไปมองทันที
“มึงมันเหี้-”
“กูชอบเห็นมึงโดนด่า” ลูก้าที่มองทุกเรื่องเป็นความสนุก
ลูคัสกับฟีฟี่ช่วง Elementary school (วัยประถม) โรงเรียนพิเศษสำหรับบุคคลสำคัญภายในโลกที่จะเข้าเรียนได้ มหาเศรษฐีหลายคนต่างพาลูกหลานเข้ามาเรียนที่นี่ เพื่อคาดหวังทั้งการศึกษาและความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าลูกหลานตระกูลต่าง ๆห้องเรียนจะถูกจัดอันดับตามคะแนนการศึกษา วันนี้เป็นการเปิดเทอมใหม่ เพื่อนในห้องบางคนก็หายไป บางคนก็ยังต้องมาเจอกันหนึ่งปี แต่จะมีอยู่ 2 คน ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน แล้วยังเป็นคู่แข่งกันมาตลอด“ชื่ออะไรนะ” เสียงหวานเจื้อยแจ้วของเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มดังขึ้น ทันทีที่เขานั่งลงยังโต๊ะของตัวเอง“....” สายตาคาดหวังในคำตอบที่จะได้รับนั่นอะไร“ลาเดลใช่มั้ย หรือลูก้า”“ลูคัส แยกไม่ออกสักที...โง่”พึ่บ!เมื่อได้ยินคำตอบ เธอก็รีบเดินหนีทันที เขามองตามไปจนกระทั่งเธอนั่งลงยังที่ของตัวเองเพียะ!แรงตีที่แขนทำให้ลูคัสต้องหันกลับไปมอง ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งที่เขา“ไม่ได้นะคัส คุณป้าเฮเลนต้องดุแน่ถ้าได้ยินคัสว่าฟี่” เด็กสาวผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์ของอิตาลี แล้วยังเป็นเพื่อนสนิทของเขาอีกคนดุขึ้น“ก็โง่จริง แค่นี้ก็แยกไม่ออก” ลูคัสพูดด้วยความหงุดหงิด แยกไม่ออกหรือว่าไม่จำ“คัส” ไอร
พึ่บ!แต่แล้วจู่ ๆ ก็ถูกรวบจับเข้าที่เอว ยกตัวลอยขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์บาร์ ลูคัสแทรกลำตัวเข้ามากลางระหว่างขาทั้งสอง แล้วถอนริมฝีปาก“ลองในครัวมั้ย ยังไม่เคยเลย” เขาพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ไม่ได้พูดเล่นแน่นอนพร้อมเอาจริงถ้าฉันอนุญาตเพียะ! มือเล็กฟาดลงบนต้นแขนเขาด้วยความหมั่นไส้“ถ้าพูดว่าเคย มันก็ไม่ใช่กับฉันอยู่แล้วแหละลูคัส”“ก็พูดว่ายังไม่เคยไง”“....” ฉันจ้องหน้าเขาอย่างจับผิด ก็แค่แกล้งเล่นเท่านั้น ชอบเวลาที่เห็นลูคัสอ้อน เขาน่ารักมากแล้วยังเป็นแค่กับฉัน“ไม่เคยเปลี่ยนใจด้วย ยังรักแค่ฟี่มาตลอดตั้งแต่แรก”“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยนะ”“ไม่ได้เปลี่ยนเรื่องสักหน่อย เมื่อก่อนคิดตลอดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของฟี่ ทำยังไงให้ได้ความรักนั้นมา”“....” ก็เลยหาเรื่องทะเลาะกันไง“จนในที่สุดก็ทำได้ แล้วยังได้ฟี่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของตัวเองด้วย”“....” ก็ไม่ปฏิเสธว่าเขาทำได้จริง ๆ“และไม่มีทางปล่อยฟี่ไปไหนเด็ดขาด” สายตาของเขาสื่อความหมายมากมาย และหนึ่งในนั้นคือทุกอย่างที่พูดมันคือเรื่องจริง“ของแบบนั้น ก็อยู่ที่นายทำตัวเองด้วย”“ทุกวันนี้ก็ทำตัวให้เห็นว่ารักเมียมากแค่ไหน”“น่ารำคาญ
ร่างสูงโน้มตัวจรดริมฝีปากจูบลงกลางแผ่นหลังเนียน เสียงน้ำเฉอะแฉะดังตามจังหวะเนื้อกระทบกัน ปะปนเสียงครางกระตุ้นอารมณ์“อะ!”มือหนาลูบบั้นท้ายงอน พร้อมกดสะโพกกระแทกแก่นกายเข้าออกอย่างหนักหน่วง จนคนตัวเล็กจุกหน้าท้อง เมื่อเขาขยับเอวถี่และแรงขึ้นความจุกก็เปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน“อ่าส์” ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นสูดปากด้วยความเสียวการเคลื่อนไหวร้อนแรงจากท่อนเอ็นเสียดสีกับช่องทางรัก ทำให้น้ำลื่นไหลเปรอะตามเรียวขา สองมือกำผ้าปูที่นอนแน่น คนตัวเล็กทิ้งศีรษะลงกับเตียง ทำให้บั้นท้ายกลมแอ่นโด่งรับแรงกระแทกบั้นท้ายแอ่นรับแก่นกายที่กระแทกเข้ามา ช่วงล่างของคนตัวสูงผ่อนความเร็วลงเป็นขยับโยกเบา ๆ ก็ทำเอาคนตัวเล็กแทบคลั่ง แรงกระแทกถึงจะช้า แต่ก็เน้น ๆ จนรู้สึกได้ถึงความจุก“อะ อึก!”ความคับแน่นบีบรัดตัวตนของเขารู้สึกเสียวซ่าน มือหนาเริ่มบีบขยำทุกสัดส่วนจนมาหยุดที่ทรวงอก ปลายนิ้วสะกิดเขี่ยตุ่มไต จากจังหวะเชื่องช้ากลายเป็นรัวเร่งขึ้นแขนเรียวค้ำลงบนเตียงเอาไว้ แอ่นสะโพกตอบรับแรงกระแทกที่โถมเข้ามา ฝ่ามือผ่านหน้าท้องแบนบดบี้ปุ่มกระสัน เขาใช้ปลายนิ้วนวดคลึงชโลมเมือกใส ส่งผลให้ร่างบางบิดเร่า ส่งเสียงหวานครวญครางไ
“ขอแต่งงานแล้วยังไงต่อ” มือเล็กลูบไล้ไปตามแผงอกกว้าง ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าหล่อ“ไม่น่าถาม” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขายาวก้าวถอยหลังทีละนิด พร้อมกับดึงตัวฉันให้ก้าวเดินตามมาด้วยพึ่บ!ลูคัสทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง มือที่จับแขนทั้งสองข้างดึงให้ฉันเข้ามายืนกลางระหว่างขา เขาเปลี่ยนมือมากุมสะโพกผาย แล้วขยับเลื่อนมือไปกุมบั้นท้ายนุ่ม ออกแรงบีบเคล้นมันเบา ๆ“จะทำอะไรเหรอ” ฉันยังตีหน้าซื่อ ทำเป็นไม่รู้สิ่งที่เขาต้องการ“ฟี่ครับ” น้ำเสียงออดอ้อนของลูคัส ทำให้ฉันอดแกล้งไม่ได้จริง ๆ“แล้วจะทำอะไร นี่ก็ดึกแล้วด้วย เราควร...” เสียงหวานพูดค้างไว้เท่านั้น ยื่นใบหน้าเข้าใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจากตัว“ควรทำ” อีกฝ่ายก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยเช่นกัน“พักผ่อน” คำพูดตัดบท ทำเอาอีกฝ่ายสิ่งกับทำหน้าเซ็ง“ให้มันได้แบบนี้สิ...” คนถูกดักทางบ่นพึมพำ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ แล้วยังบีบแรงขึ้นด้วยคงเพราะหมั่นไส้“แล้วจะทำอะไรก็พูดสิ”“ทำลูกไง” ลูคัสตอบอย่างตรงไปตรงมา“แล้วถ้าฉันยังไม่พร้อม”“รอได้ครับ เมื่อไหร่ก็ได้ที่ฟี่พร้อม”“ถ้างั้นวันนี้ก็ไม่ทำ”“....” คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะชนกัน เพราะเล่นตัดบทหนีซะดื้อ
30นาทีต่อมา “ฟ่า” เสียงหวานเรียกชื่อฝาแฝดตัวเอง คนถูกเรียกหันกลับไปมองเพื่อนที่เป็นตัวตนเรื่องทั้งหมด“แบ่งจากกูไปหน่อย จะตายแล้วเนี่ย” ลูคัสกระซิบกระซาบกับฟ่าเพื่อหาคนช่วยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น“กูเป็นน้องเมียมึงไง รับผิดชอบไปสิ”“....” ลูคัสทำได้เพียงแค่มองหน้าฟ่า ไม่กล้าอ้าปากเถียง“ของเราไปลงที่ไอ้คัส” ฟ่าพูดทั้งที่สายตาและรอยยิ้มยังส่งให้เพื่อนตัวเอง“โอเค” ฉันทำตามที่ฟ่าบอกอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง“แบบนี้ก็ได้เหรอ” ลูก้าพึมพำ มองลูคัสกับฟ่าสลับกัน“ก้าว่าไงต่อ ช่วยแฝดดีจัง คนที่เอาการ์ดออกไปคือก้า ฟี่เห็น” ฉันเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าลูก้า แล้วกอดอกมองอย่างเอาเรื่อง“ก็...ไอ้คัสสั่ง” ตอนนี้ทุกอย่างไปตกที่ลูคัสคนเดียว“แต่อันนี้มึงเป็นคนแนะนำ” ลูคัสดูจะรับเพิ่มอีกไม่ไหว เพราะตัวเองก็ยังไม่เคลียร์“ยังไงต่อก้า” ฉันทำหน้านิ่งใส่ลูก้า แกล้งกดดันให้เขาต้องยอมรับผิด“ขอเวลาห้านาที หาตัวช่วยก่อน” พูดจบลูก้าก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดโทร. ออกหาใครบางคน เราต่างมองสิ่งที่เขาทำด้วยความสงสัยตัวช่วยนี่คืออะไร ไปเอาใครมาช่วย“เดล ทำยังไงให้ความผิดไปลงที่คัส ช่วยกูคิดหน่อย” ชื่อของบุคคลที่ก้าโทร
พึ่บ!จู่ ๆ คนตัวเล็กก็ซุกหน้าลงบนไหล่กว้าง มือทั้งสองข้างเลื่อนลงมากำอกเสื้อไว้แน่น“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ระบายความอัดอั้นในใจ“พูดต่อสิ”“ม่ายมีอะไรจะพูด ไม่มี...โทษที” ฉันเงยหน้าขึ้นจากไหล่ของเขา แล้วพยายามดันตัวเองออก แต่กลับถูกแขนที่กอดเอวรั้งไว้ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ“พูด” ลูคัสมองฉันตาไม่กะพริบเหมือนกำลังรอบางอย่าง แล้วจะให้พูดอะไร เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ“ก็บอกว่าไม่มีไง ช่วยปล่อยมือหน่อย” มือเล็กพยายามดึงแขนที่กอดเอวอยู่ออก แต่กลับถูกลูคัสรวบจับเอาไว้ แล้วยังใช้แรงกดตัวฉันให้โน้มเข้ามาใกล้“อยู่นิ่ง ๆ” ปากบอกให้ฉันอยู่นิ่ง แต่ตัวเองยังยื่นหน้าเข้ามาหมับ!มือเล็กยกปิดปากลูคัสเอาไว้ เพราะมันแทบจะชนกับปากฉันอยู่แล้ว“นายนั่นแหละอยู่นิ่ง ๆ”“....” เขาใช้เพียงสายตามองเท่านั้น ทุกอย่างหยุดนิ่งตามที่ฉันสั่ง“ปล่อยมือด้วย” ฉันพยายามดึงแขนที่กอดเอวออก แต่ลูคัสก็ยังไม่ยอมปล่อยเช่นเดิม“....” บอกให้นิ่ง ก็นิ่งจริงนะ“เราถอนหมั้นกันแล้ว นายมีคนใหม่ ก็ไม่ควรมายุ่งกับฉัน”“....”“ไม่ว่าจะมีคนใหม่จริงหรือไม่มี เราไม่ได้เป็นอะไรกัน นายก็ไม่ควรเข้ามายุ่งกับฉัน”“....” เพราะ







