แหม...เฮีย ก็อุตส่าห์อาศัยช่วงชุลมุนจับเฮียลากเข้าห้องสักหน่อย จะได้ลัดขั้นตอน
“ไม่เป็นไรนะ...ห้องพริกมีถุงยางถ้าเฮียกลัวจะไม่พร้อม”
เฮียไม่ตอบกลับแต่ดันปิดประตูใส่ บอกให้รู้ว่าอย่ามากวนหากเยอะกว่านี้อาจจะโดนจับโยนไปนอกห้องก็ได้
แต่วันนี้ก็ได้นอนห้องเฮียนะ ฟีลดีไปอีกแบบ
แล้วฉันก็ง่วงนอนมาก ๆ แล้วด้วย จึงดึงผ้าห่มที่เฮียโยนให้จากนั้นก็ปรับโซฟาเบดให้นอนสบาย ปิดไฟในห้องรับแขกแล้วก็นอนเสียเลย
อยากให้นอนดีนัก พรุ่งนี้อีพริกจะโพสต์ให้ทั่วเลยว่าได้นอนห้องเฮียปัณณ์ อิอิ!
เช้าวันรุ่งขึ้นฉันตื่นมาด้วยเสียงบางอย่างในครัว พร้อมกับกลิ่นไข่ดาวทอดหอมกรุ่น จึงงัดตัวเองขึ้นมาจากโซฟาเบดก่อนจะเห็นชายหนุ่มร่างบึกบึนยืนทำครัวแถมถอดเสื้อด้วย
ซี้ด...น้ำลายไหลออกมาเลย คนอะไรขยันอ่อย
ฉันรีบควานหาโทรศัพท์มือถือก่อนจะเก็บภาพนี้เอาไว้จากนั้นอัปขึ้นสตอรีทันที
#ตื่นมาก็มีคนทำอาหารเช้ารอ...ดีจริง ๆ
ฉันอัปภาพด้านหลังที่เป็นเฮียถอดเสื้อจากนั้นก็นอนรอคนกดไลค์ เพราะหุ่นนี่ยิ่งกว่านายแบบอีกนะ
J-Junee : ใครอีพริกบอกมานะ ไม่งั้นจะฟ้องแม่มึง
P-Pirunyaa : เป็นความลับที่อยู่ในใจ เป็นความลับที่อยู่ข้างใน
ฉันรีบร้องเพลงกลบเกลื่อน เพราะไม่บอกให้เพื่อนรู้เด็ดขาด เรื่องนี้ควรจะเป็นความลับ
J-Junee : @ Mom Pring แม่อีพริกมันไปนอนห้องผู้ชายค่ะ
ฉันขำเพื่อนที่พยายามแท็กแม่ แต่แม่ฉันเล่นแต่เฟสบุ๊กอะสิ แม่ฉันเจนวายอะเนอะ ก็จะเล่นแต่เฟสบุ๊กพร้อมกับชอบอัปรูปที่ไม่เคยแต่งลงเฟส ราวกับว่าแข่งกันใครลงก่อนชนะ
จากนั้นฉันก็หายไปเลยก่อนจะเก็บผ้าห่มพับให้เรียบร้อยแล้วเดินมาชะโงกหน้าดูคนที่กำลังทอดไข่ดาว
“พริกเอาไข่ดาวไม่สุกนะ ชอบไข่แดงเยิ้ม ๆ”
“ออกไปห่าง ๆ”
“หูยยรังเกียจขนาดนั้นเลย แค่ยังไม่ได้แปรงฟันเท่านั้นเอง แต่ปากไม่เหม็นหรอกนะ ไม่เชื่อจูบพิสูจน์เลยก็ยังได้”
เฮียไม่ตอบแต่ถอนหายใจ จากนั้นไข่ดาวฟองแรกก็สุกแล้วก็ไข่ดาวฟองต่อมาก็ถูกตอกลงไปในกระทะ แต่ว่าฉันก็ยังยืนอยู่ใกล้ ๆ เฮีย เพราะหุ้นดีจนอยากลูบไล้ไปทั้งตัวเนี่ยแหละ
ต้องห้ามใจไม่ให้เอามือไปลวนลามเฮียมันยากมากนะ เฮียจะรู้ไหม
“ออกไป!”
“ไม่”
“น้ำมันจะกระเด็น”
“ห่วงด้วย...น่ารักแบบนี้รักตายเลย ว่าแต่มีแปรงสีฟันไหมคะ...พริ้งจะแปรงฟัน”
“อยู่ในห้องน้ำ”
ฉันจึงเดินออกจากห้องครัวไปห้องน้ำ มีห้องน้ำด้านนอกที่เป็นห้องน้ำรวม ไม่ใช่ห้องน้ำในห้องนอนด้วย แม้ไม่ได้ใหญ่เท่าในห้องนอนก็กว้างขวางอยู่ไม่เบา
เป็นคนรวยนี่ดีจังเนอะ มีเงินซื้อความสุขได้ อยากมีเงินเยอะ ๆ บ้างจังจะได้ให้แม่เลิกขายข้าวแกงมานั่งนับเงินอย่างเดียว
แต่เมื่อพูดถึงแม่...พริกแกงก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้แม่จะกลับมาแล้วนี่นา บอกว่าไปหนึ่งคืน ฉันรีบล้างหน้าทันทีก่อนจะวิ่งไปหาเฮีย
“เฮียพริกต้องกลับแล้วแม่จะมาหา”
“กินข้าวก่อน”
“ไม่ทันแล้วเฮีย ถ้าแม่รู้ว่าไปนอนอ่อยผู้ชายถึงห้องแล้วไม่ได้กัน แม่ตีตาย”
ใช่แม่ต้องตีตายแน่ ๆ ขนาดไปหาถึงห้องแล้วก็อ่อยขนาดนี้เฮียไม่มองสักนิด แถมยังได้นอนโซฟารับแขก มันย่อมเสียชื่อคุณนายงามพริ้งอยู่แล้ว
แต่เฮียหันมาทำหน้าเอือมระอา แต่ฉันเห็นว่าคีย์การ์ดอยู่บนโต๊ะที่เฮียวางจานข้าวเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ถอยออกมา จากนั้นฉันไม่รอช้ารีบโอบไปคว้าคีย์การ์ดมา
แล้วจังหวะที่เอี้ยวตัวริมฝีปากของฉันดันชนกับริมฝีปากของเฮีย หัวใจของฉันสั่นทันที นี่เป็นความใกล้ชิดที่เรียกได้ว่าเกือบจะแนบชิดกันแล้วเชียว
ริมฝีปากของเราแตะกันเพียงเสี้ยววินาที แต่ความร้อนในกายวิ่งแล่นผ่านทั่วร่าง จนฉันรู้สึกว่าเฮียชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาของเขาเข้มขึ้นในทันที
“อุ้ยเฮีย...พริกขอโทษ...สปาร์กเลยใช่ม่ะ...ของเฮียขึ้นหรือยัง แต่พริกมีเวลาน้อยนะ...ไม่ทันหรอกเฮียถ้าจะนัดกระชับมิตรต้องวันหลังแล้วล่ะ”
ฉันรีบจริง ๆ แม้อยากประกบปากรั้งท้ายทอยมาจูบขยี้ให้แหลกคามือก็เถอะ
“อื้อ...ขึ้น”
น้ำเสียงทุ้มต่ำปนหอบเล็กน้อย แววตาเขามีไฟวาบขึ้นจนฉันเผลอกลืนน้ำลาย
“หูย...เฮียเดี๋ยวพริกบอกแม่ก่อนอย่าเพิ่งมา” ฉันรีบหยิบโทรศัพท์จะกดหาแม่ทันที แต่ทว่าโดนดึงโทรศัพท์เอาไว้ก่อน
“หยุด...จะทำอะไร”
“ก็เฮียของขึ้น เราต้องมีเวลาทำกัน จะเร่ง ๆ ให้เสร็จไม่ได้” ฉันหันไปบอกพลางสับสน
ถ้าของเฮียขึ้นก็ต้องไปขึ้นเตียงกันสิ เฮียงงอะไร
“ตอนนี้ไม่ใช่ของขึ้นอย่างเดียวแล้ว...อารมณ์ก็ขึ้นด้วย!”
อะ...อ้าว...แล้วยังไงล่ะ อารมณ์ไหนอย่างว่าหรือเปล่านะ
“อารมณ์หื่น?”
“อารมณ์เสีย”
“.....”!
เสียงเฮียต่ำกระแทกคำเหมือนคุมอารมณ์ไม่อยู่ ดวงตาคมที่จ้องฉันราวกับจะเผาฉันให้ละลาย ทำเอาฉันขาสั่นโดยไม่รู้ตัว
นี่น่าจะโหดแล้วล่ะ ไม่ใช่หื่น
แม้สีหน้าของเฮียจะน่ากลัว…แต่ก็น่าหลงใหลไปพร้อมกัน หัวใจฉันเต้นรัวเกินควบคุม…
ของไม่ได้ขึ้นแต่อารมณ์เฮียขึ้นแล้ว
ฉันถูกเฮียขโมยไปนอนบ้านข้าง ๆ บ่อย ๆ แม้ไอ้สองแฝดตัวแสบจะชอบกวนก็เถอะ แต่พวกมันก็ยอมให้เฮียพาน้องสาวของพวกมันไปได้ แม้ว่าจะยอมปล่อยแต่ละวันก็ไม่ง่าย พวกเราเอนจอยกันมากขึ้น บ้านนั้นไม่มาวุ่นวาย แม่มีความสุขมาก และกิจการของแม่ดูจะใหญ่โตไม่เบาเลยทีเดียวจากที่แม่ของเฮียช่วยโพรโมต ทั้งเลือกจัดเลี้ยงเป็นเซตปิ่นโตในงามสัมมนาบริษัท และงานต่าง ๆ ที่จัดในห้าง ส่วนเรื่องวารีมุกดาฉันไม่อยากรื้อฟื้น แต่รู้ข่าวมาว่าเลือกจะลาออกจากมหาวิทยาลัยออกไป เพราะว่าพี่ปุณณ์ไม่ยอมจบแค่ตกลงกัน หลังรู้ว่ายาที่ใช้กับเฮียอันตรายมาก ถึงขนาดล้มช้างหากเฮียเป็นอะไรไปก็ไม่อาจจะเรียกคืนกลับมาได้ ฉันเองก็ไม่ออกความคิดเห็นก็แล้วกัน ถือว่าเขาก็ได้บทเรียนจากสิ่งที่ตัวเองทำแล้ว ฉันนั่งยิ้มให้กับความวุ่นวายในบ้าน จนคิดว่าบางทีความสุขของเราไม่ได้อยู่ที่มีเงินเท่าไร แต่อยู่ที่ว่าพวกเราได้อยู่กับใครยิ่งเวลาอาหารเย็นเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่สนุกสุด ๆ พี่รินเองก็มาช่วยแม่ทำกับข้าว ฉันที่หายดีแล้วก็ช่วยด้วย และกลับมากินอาหารอร่อยขึ้น แถมน้ำหนักเริ่มขึ้นจนแก้มป่องและหลายครั้งไอ้แฝดนรกที่ทำตัวเป็นพี่ชายหว
“เฮียพูดจริง พริกทำหน้าได้ยั่วมาก จนอยากกดให้ลึกสุดลำ” โอ๊ย เสียวทั้งท้องน้อยบอกเลย เฮียทำไมแซ่บแบบนี้ “ปะ...เปล่านะเฮีย...อย่ามาใส่ร้าย...อะ...โอ๊ย” “นี่ยั่วอยู่ อยากให้เห็นจริง ๆ” ฉันก็อยากเห็นหน้าตัวเองตอนทำหน้ายั่วเฮียเหมือนกันว่าเป็นยังไง มันเป็นไปเองโดยไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย แต่ตอนที่เฮียยั่วฉันน่ะ มันยิ่งกว่านี้อีกไม่ใช่หรือไง สองมือของเฮียปล่อยมือออกจากมือของฉันแล้วสอดเข้าไปใต้สะโพกแล้วขยำหนัก ๆ จนฉันสะดุ้ง ขณะที่ริมฝีปากอุ่นร้อนของเฮียก็ดูดที่หน้าอกอวบแล้วก็ดึงเบา ๆ ทำให้ฉันรู้สึกวาบไปทั้งอก ปลายยอดอกตอนนี้ชาหนึบเพราะฝีมืออีกคนไปแล้ว “เฮีย...พริก...พริกเสียว” “ใจเย็น ๆ ...น้ำยังออกน้อย” คำว่าน้ำยังออกน้อยทำให้ฉันนึกถึงตอนที่จีบเฮีย แรก ๆ บอกว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินจะกร่อนเอง แต่ตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นหินหยดลงน้ำไปแล้ว แต่คิดฟุ้งซานได้ชั่วครู่ เฮียก็ดึงสติฉันกลับมาด้วยการขยำหน้าอกของฉันแรง ๆ “เฮียเจ็บอย่าบีบแรง” “หน้าอกก็ใหญ่ เมียวัวพันธุ์ดีจนเฮียอยากกินนมทุกวัน แต่ก้าง
“ร่างกายดีขึ้นมากแล้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้หัวใจแข็งแรงนะครับ” คุณหมอเจ้าของไข้บอก พร้อมกับยิ้มให้ฉัน “ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือขึ้นไหว้คุณหมอเพื่อจะลากลับ “มีอะไรสงสัยอีกไหมครับ” “ผมมีครับ...แล้วสามารถทำเรื่องบนเตียงได้ไหมครับ” เฮียยยย~ “ทำได้ครับ...เรื่องนี้ก็เหมือนได้ออกกำลังกายอย่างหนึ่งนะครับ แต่อย่าหักโหม อย่านอนดึก” หมอพูดยิ้ม ๆ จนฉันรู้สึกเขินแล้ว จากนั้นเอามือบิดที่สีข้างคนหื่น “กลับได้แล้วแม่รอกินข้าวเย็น” ฉันว่าก่อนจะลุกขึ้น ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนจนแทบควบคุมไม่ไหว ถ้ามาเจอหมออีกหนฉันคงเขินตัวแตก แต่คนหน้าด้านกว่าฉันกลับยิ้มเบิกบานใจ “รับยาแล้วกลับกัน” “เฮีย...พริกว่าจะแวะ...” “แวะคอนโดเฮียก่อน” เฮียทำเสียงเข้ม แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ากำลังถูกหลอกไปเชือดชอบกล ยิ่งเห็นกล่องสีเงิน ๆ คุ้น ๆ คล้ายมีขายตามร้านสะดวกหรือในห้าง ที่บอกขนาด 56 ทำเอาฉันต้องหลบตาหนี ให้ตายสิ! เมื่อมาถึงคอนโดของเฮียที่ไม่ได้มานานแล้วเพราะย้ายไปอยู่บ้าน ฉันก็รู้สึกเกร็ง ๆ นิดหน่อย จากนั้นเมื่อลิฟต์เปิดออก
“งั้นวันนี้เราไปเปลี่ยนนามสกุลตอนบ่ายเลย กูประสาทแดกแน่ถ้าแม่งให้กูกลับไปอีก” ไอ้แฝดทิวเขาพูด “มาใช้นามสกุลฉันสิ...คืนนามสกุลเขาไป จะได้ไม่มายุ่งอีก น่ากลัวเหมือนกัน” พวกเราที่ยื่นหน้าไปดูที่หน้าต่างจากหลังโซฟาปรึกษาหารือกัน ส่วนแม่กับพี่หมอเมฆเดินออกไปด้านนอกเหมือนไม่กลัวอะไรเลย “นี่แฝดนรก...เขาจะทำร้ายแม่ฉันเปล่า” “ไม่น่าจะกล้านะ...จากที่รู้มา” พวกมันรู้อะไรกันมาวะ ทำไมฉันไม่รู้ บางทีก็ไม่ต้องปิดฉันก็ได้ ฉันรับได้หมดนั่นแหละ “แล้วผู้ชายคนนั้น” ฉันเลิกคิ้วถาม “ก็คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อน่ะสิ” “กล้ามาก...ฉันไม่ค่อยอยากเจอเลย แม่จะชวนเข้าบ้านทำไมวะ” ฉันบ่นแต่สุดท้ายก็ต้องไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่มีกับข้าวพร้อมแล้วเหลือตักข้าว ส่วนฉันให้ไอ้สองแฝดประกบ กับเฮียที่เดินมาพอดีเลยนั่งข้างฉันด้วย ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเฮียเอาไว้ ราวกับจะหาหลักยึด “พริก...นี่คุณเมธีวัฒน์...พ่อของ...” “อ้อ...สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทันทีไม่ทันให้แม่แนะนำตัวจนจบ แล้วไม่สนใจทั้งลงมือกินข้าวก่อน และกระทุ้งไอ้เจ้า
เมื่อเข้าใจกันดี พวกเราก็ฉลองวันที่อยู่กันพร้อมหน้าด้วยหมูกระทะรสเด็ด ที่ฉันอยากได้สูตรแม่ไปเปิดจะตาย แต่แม่ไม่ให้เพราะมันเหนื่อย ที่สำคัญแม่ดันได้ลูกชายเพิ่ม ลูกชายที่ทำให้ฉันปวดประสาท“ไอ้แฝดนรก...นี่หมึกของฉัน”“ใครไวใครได้”ย้อนเวลากลับไปได้ไหม ฉันจะไม่ชวนไอ้แฝดเวรที่สถาปนาว่าเป็นพี่ชายของฉัน ที่ไม่ค่อยอยากรับเท่าไรกลับมาบ้าน“ฉันเป็นลูกคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว...ใครก็ได้บอกทีนี่เรื่องล้อกันเล่น และไอ้แฝดเวรนรกนี่ไม่ใช่พี่ชายฉันนนน”เสียงโวยวายของฉันดันเรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคน นอกจากแย่งของอร่อยบนเตาหมูกระทะแล้ว พวกมันยังแย่งที่นอนฉัน แต่เรื่องนั้นมันยอมกันไม่ได้“พวกนายมาขลุกอยู่นี่ทุกวัน ได้ข่าวว่าแพทย์ต้องเรียนหนัก และอ่านหนังสือหนักไม่ใช่หรือไง พวกนายทำไมลอยไปลอยมา ทำเหมือนหมอปลามือปราบสัมภเวสีล่ะ”“อ่านทำไมพวกเราเก่ง”เออ...ยอม...ยอมแล้ว บางทีก็น้อยใจแม่ที่เอาความฉลาดยกให้พี่หมอเมฆหมด เหลือแต่ความปากดีกับสมองน้อย ๆ ไว้ให้ให้ตายเถอะ“ติดเอฟแล้วจะขำให้”“ไม่เอฟหรอก...คราวก่อนเขียนเล่น ๆ ได้คะแนนเต็มเฉย”นี่ถ้าไม่ใช่หลวงพ่อวัดไร่ขิงจะเป็นใครได้อีก ทำไมขิงข่าเก่งอย่างนี้~~~ฉันที
“แต่หนูคือข้อยกเว้น...คนที่ชอบหนูคนแรกคือไอ้ริน แล้วมันจะจัดการพี่ถ้าทำหนูร้องไห้”โหย...ได้ยินคำนี้แล้วซึ้งวะ...ทำไมมิตรภาพดี ๆ พวกนี้ฉันถึงได้เจอนะ ฉันทำบุญด้วยอะไรวะเมื่อประตูบ้านข้าง ๆ เปิดเฮียก็ผลักฉันเข้าไปแล้วก็นั่งที่โซฟา เฮียดึงฉันขึ้นนั่งตักแล้วกอดเอาไว้แน่น“เฮีย...อย่ากอด...อึดอัดหายใจไม่ออก” ฉันท้วง แต่เฮียแค่คลายอ้อมกอดแต่ไม่ยอมให้ฉันลงจากตักของเฮีย จนฉันถอนหายใจใบหน้าของเฮียฝังอยู่ตรงแผ่นหลังของฉันนิ่ง ราวกับว่ากำลังคิดว่าควรจะเริ่มยังไง ฉันจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น“คนที่ชื่อมุกทำไมเรียกเฮียว่าปุณณ์ ทำไมไม่เรียกปัณณ์คะ” จุดนี้คือจุดที่ค้างคาใจฉันมาก ฉันอยากจะถามหลายครั้งแล้ว แต่พอมีโอกาสฉันกลับไม่กล้าถามคราวนี้คงถึงเวลา“พี่มันเหี้ยเอง”“อื้อ...อันนี้พริกก็รู้”“หนู!!!”อ้าว ไม่ใช่เหรอ...ก็เฮียเป็นคนแบบนั้นนี่ เพื่อนก็ด่าอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือไง“เฮียใช้ชื่อไอ้ปุณณ์ไปจีบเขา แต่ว่าตอนนั้นดันตกหลุมรักจริง ๆ เข้า แต่สุดท้ายเราต่างก็เลิกกัน”ฉันถอนหายใจดูก็รู้ว่าเฮียตั้งใจข้ามดีเทลเล็ก ๆ น้อยๆไป“ขอรายละเอียดมีเวลาสองชั่วโมง”“ครับ...ได้ครับ”แล้วเฮียก็เล่าตั้งแต่เจอกันยังไ