โรงพยาบาลเอกชน BN
“มึงจะรีบออกจากโรงพยาบาลทำไมวะไอ้คาร์ล”
น้ำเสียงที่ทั้งเป็นห่วงและจะปนหงุดหงิดของเคอร์วินที่พูดกับคาร์ลเตอร์ผู้เป็นพี่ชายฝาแฝด ก็ไอ้พี่ชายตัวดีของเขาน่ะพอมันฟื้นขึ้นมาได้สามวัน มันก็จะออกจากโรงพยาบาลท่าเดียว นี่ก็กำลังห้ามไม่ให้มันลุกออกจากเตียง
“กูมีเรื่องต้องทำ ปล่อย และกูหายดีแล้ว” เสียงเรียบเอ่ยบอกน้องชายฝาแฝดแล้วจะลุกออกจากเตียงคนป่วย
“หายดีก็เชี่ยละ! มันสำคัญกว่าชีวิตมึงรึไงวะ!” เพิ่งจะฟื้นได้สามวันบอกหาย ใครเชื่อก็โง่ละ
“งานสำคัญเหรอ? ถ้างานให้กูไปทำแทนก็ได้ ส่วนมึงพักรักษาตัวให้หายดีก่อน” เคอร์วินดันตัวคาร์ลเตอร์ลงไปกับเตียงคนป่วย
“ไม่ใช่งาน!”
“ไม่ใช่งานแล้วมันอะไร อะไรที่ทำให้มึงรีบร้อนอยากออกจากโรงพยาบาล” เคอร์วินจ้องมองอย่างต้องการคำตอบ มือก็ยังดันไม่ให้คาร์ลเตอร์ลุก
“กูจะไปเอาเข็มกลัดคืน”
เคอร์วินปล่อยมือที่ดันคาร์ลเตอร์ไว้กับเตียงออกเมื่อได้ฟังว่าพี่ชายกำลังจะไปที่ไหน
“ต้องไปเอาคืนเดี๋ยวนี้เลย?” เคอร์วินถามต่อ ทีนี้เปลี่ยนมายืนกอดอกมอง
เคอร์วินลุกขึ้นนั่งดึงสายน้ำเกลือออกจากมือ
“อืม เป็นของสำคัญก็ต้องรีบไปเอาคืน” คาร์ลเตอร์ตอบ ทั้งที่ความจริงเขาแค่อยากไปเจอหน้าหญิงสาวก็เท่านั้น ผ่านมาห้าวันแล้วตั้งแต่ที่เจอเธอครั้งแรกเขาลืมเธอไม่ได้เลย เขาอยากจะไปหาเธออีกครั้งแล้วตรวจสอบอะไรสักหน่อย…
“กูจะไปด้วย อย่ามาห้ามกู” เขาก็อยากจะไปเจอผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน ได้แต่ดูรูปที่ลูกน้องถ่ายส่งมาให้ ผู้หญิงคนนี้ก็ช่างแปลกที่มาทำให้หัวใจเขามันเต้นแปลกๆ เธอต้องทำอะไรแน่ๆ หรือพลาสเตอร์ที่เธอให้มาจะมีอะไรผสมอยู่?
“กูก็ไม่ได้จะห้าม”
เหมือนทั้งสองคนจะตกลงกันได้ลงตัว แต่เคอร์วินก็ยังให้แพทย์มาตรวจเช็คร่างกายคาร์ลเตอร์อีกครั้งก่อนออกจากโรงพยาบาล เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ดีขึ้นแต่ไม่ได้แปลว่าหาย เขายังคงเป็นห่วงคาร์ลเตอร์อยู่ดี
จากนั้นเมื่อทั้งสองที่ออกจากโรงพยาบาลก็นั่งรถตรงมาที่ร้านขายดอกไม้…
AnAn garden 🪴
รถหรูBMWสองคันดับเครื่องยนต์จอดลงที่หน้าร้านขายดอกไม้ คันแรกคือคันที่มาเฟียหนุ่มทั้งสองคนนั่งมา ส่วนอีกคันคือของบอดี้การ์ดที่ขับตามมา บอดี้การ์ดลงจากรถเดินมาเปิดประตูออกพร้อมกันทั้งสองข้างให้กับผู้เป็นเจ้านาย
“มึงก็เลือกมาหลบได้ถูกที่เลยนะไอ้คาร์ล” เคอร์วินที่มองดูหน้าร้านขายดอกไม้และทางเข้าที่ค่อนข้างจะลำบาก ไม่แปลกที่ไอ้พวกลอบทำร้ายจะหาคาร์ลเตอร์ไม่เจอ ใครจะคิดว่ามาเฟียผู้ทรงอิทธิพลจะมาหลบอยู่ร้านขายดอกไม้เล็กๆ
“เธออยู่ในร้านครับ ผมเคลียร์คนไม่ให้เข้ามายุ่งวุ่นวายพื้นที่ตรงนี้แล้วครับ”
เจคบอดี้การ์ดมือขวาเคอร์วินเอ่ยบอกเจ้านายทั้งสองท่าน
“ให้ผมไปตามเธอออกมาพบท่านเลยไหมครับ” ไทกิเอ่ยถามเจ้านาย
“ไม่ต้อง กูจะเดินเข้าไปเอง” พูดจบคาร์ลเตอร์ก็ก้าวขายาวไปตามทางเดินที่โรยด้วยหินตกแต่งพื้นสีขาวดำปะปนกัน ที่สองข้างรอบตัวเขามีแต่ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์
“พวกมึงไม่ต้องตามมา เธอจะกลัวเอาได้” เคอร์วินหันมาห้ามลูกน้องทั้งสี่คนที่เดินตามให้หยุด แล้วให้ไปรอที่อื่นใกล้ๆ แถวนี้แทน
พอเจ้านายเดินออกไปเหล่าบอดี้การ์ดคนสนิทก็เริ่มมีบทสนทนา
“มึงว่าแปลกไหม” ไทกิเปิดประเด็นถามเพื่อนอีกสามคนที่เติบโตและถูกฝึกฝนมาด้วยกัน
“อะไรที่ว่าแปลก” เจคหันมาถาม แต่ยังคอยมองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณของบอดี้การ์ด
“ก็ที่นายท่านทั้งสองมาที่นี่ไง”
“ไม่เห็นแปลกก็นายท่านคาร์ลเตอร์จะมาเอาเข็มกลัดคืน” พอร์ชที่ยืนข้างไทกิตอบกลับไป
“แต่กูก็ว่าแปลก แปลกตั้งแต่ที่นายท่านยอมให้เข็มกลัดเธอไว้แล้ว” ลูก้าพูดเสริม คงมีแต่เจคที่ไม่ได้คิดอะไรอยู่คนเดียว
“เหรอวะ แต่กูไม่คิดอะไรเลยนะ” เจคตอบเพื่อนออกไป เพื่อนอีกสามคนถึงกับส่ายหัวกับเจคที่ไม่มีความคิดอะไรนอกจากการดูแลปกป้องเจ้านาย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี สี่หนุ่มบอดี้การ์ดก็เลิกคุยเรื่องเจ้านายเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
สองคนพี่น้องฝากแฝดพากันเดินมาจนถึงหน้าประตูทางเข้าของร้านขายดอกไม้ ซึ่งเป็นสถานที่ ที่พวกกำลังมาหาใครบางคน ‘ผิงอัน’
กริ๋งๆๆ 🎐
เสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายที่ถูกแขวนอยู่บนประตูดังขึ้นเมื่อคาร์ลเตอร์ผลักประตูเข้ามา ส่งสัญญาณบอกให้เจ้าของร้านขายดอกไม้อย่างผิงอันได้รับรู้ และอย่างเคยชินที่เธอจะพูดต้อนรับลูกค้าอัตโนมัติ
“ร้านดอกไม้อันอันยินดีต้อนรับค่ะ สนใจดอกไม้หรืออยากให้จัดช่อดอกไม้แบบไหนบอกได้เลยค่ะ..”
เธอเงยหน้าขึ้นจากการจัดช่อดอกกุหลาบ ส่งยิ้มหวานพร้อมกล่าวทักทายบุคคลที่เข้ามาภายในร้าน
แต่เมื่อผิงอันได้มองผู้ชายทั้งสองคนชัดๆ เต็มสองตา ก็จำได้ในทันทีเลยว่าพวกเขาเป็นใคร คนหนึ่งคือคนที่เธอพาไปโรงพยาบาล
อีกคนคือคนที่เธอแปะพลาสเตอร์ให้ที่มือ และถ้าจำไม่ผิดทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน วันนี้ได้มองเห็นใบหน้าชัด ถึงได้รู้ว่าพวกเขาหล่อเหลาอย่างกับเทพบุตร สีผมบลอนด์ทองเป็นประกาย
และดวงตาที่มีสีเป็นเอกลักษณ์ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเข้มกับอีกคนที่สีฟ้าอมเขียวมันช่างงดงามและเป็นที่น่าสะกดใจเธอเหลือเกิน
“คุณเลือดท่วมตัวกับคุณพลาสเตอร์นี่นา…” เธอคงคิดว่าคำพูดนี้เธอพูดในใจ แต่เปล่าเลยเธอพูดออกเสียงดังฟังชัด ทำเอาสองแฝดนิ่งไปกับสรรพนามที่เธอเรียกพวกเขา
“เมื่อกี้เธอเรียกพวกฉันว่าอะไรนะ” เคอร์วินขมวดคิ้ว ‘พลาสเตอร์’ นี่นะ
แกร๊ง!
เสียงกรรไกรกระแทกโต๊ะ “ฮะเอ๊ะ ขอโทษค่ะฉันคิดว่าฉันพูดในใจ” มือที่จับกรรไกรตกแต่งกิ่งดอกไม้ถูกปล่อยออกด้วยอาการตกใจ และยกมือขึ้นขอโทษที่เธอเผลอเรียกพวกเขาออกไปอย่างนั้น
“ไม่ได้ทำอะไรผิดจะขอโทษทำไม” คาร์ลเตอร์ยื่นมือไปจับมือเธอออกจากการพนมมือ
“ขอโทษเก่งเป็นนิสัยเลยนะเธอเนี่ย” ครั้งก่อนที่เขาดึงเธอมากระแทกอก เธอก็กล่าวขอโทษเคอร์วิน และนี่เขาแค่ถามเธอก็ยังขอโทษ ชีวิตนี้ถูกตั้งให้เกิดมาขอโทษคนอื่นรึไงกัน เคอร์วินได้แต่ตั้งคำถาม
พรึบ
ผิงอันดึงมือออกจากมือคาร์ลเตอร์ที่เขาจับมือเธอค้างไว้ไม่ปล่อย แล้วยืนกุมมือไว้ด้านหน้าแทน เธอมองไปที่เคอร์วินเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองคาร์ลเตอร์
“คุณหายดีแล้วเหรอคะ” เธอถามอย่างเป็นห่วง พยายามที่จะมองสำรวจร่างกาย แต่มองไม่เห็นอะไรหรอกก็เขาใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ต่างจากวันนั้นที่เธอได้เจอ สภาพเขาที่เลือดอาบไปทั่วทั้งตัว แค่คิดก็ขนลุกซู่เลยล่ะ
“อืม ฉันหายดีแล้ว..”
“ไอ้คนโกหก” เคอร์วินพูดสวนขึ้นต่อจากที่คาร์ลเตอร์ตอบเธอไป เธอเอียงคอเล็กน้อยสรุปเขาหายดีหรือยังไม่หายกันแน่ คาร์ลเตอร์หันกลับไปมองค้อนเคอร์วิน
“พูดต่อๆ” เคอร์วินหยักไหล่ใส่แล้วทำมือว่าให้พูดคุยกับเธอต่อ
“ฉันเพิ่งออกจากโรงพยาบาลวันนี้ แล้วก็มาหาเธอ”
“คุณคงจะมาเอาเข็มกลัดใช่ไหมคะ ฉันเก็บมันไว้อย่างดีเลย” เธอหันหลังก้มลงไปเปิดลิ้นชักที่เก็บของสำคัญของเขาไว้ เธอหยิบกล่องไม้รูปหัวใจยื่นมาให้คาร์ลเตอร์ คาร์ลรับกล่องไม้นั้นมาแล้วเปิดออกดู
เขาหยิบมันขึ้นมาดูว่าใช่เข็มกลัดของเขาจริงไหม และมันคือเข็มกลัดของเขาจริงๆ แต่แค่ไม่ได้เปรอะเปื้อนคราบเลือดอย่างวันนั้น
“ฉันเสียมารยาทเช็ดคราบเลือดออกคงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณที่ช่วยเก็บรักษามันไว้อย่างดีนะ..ผิงอัน” เขายังจดจำชื่อของเธอได้ดี
“ค่ะ เอ่อว่าแต่ขอถามชื่อคุณได้ไหมคะ” เขาจำชื่อเธอได้ด้วย งั้นเธอขอรู้จักเขาบ้างนะ
“ได้สิ ฉันคาร์ลเตอร์เรียกคาร์ลก็ได้นะ” เขาตอบเสียงเรียบ
“และก็ขอบคุณที่เธอพาฉันไปส่งโรงพยาบาล เธอมีสติมากนะถ้าเธอไม่ช่วย ฉันอาจจะต้องนอนตายตรงนั้น”
“วันนั้นฉันตกใจมากเหมือนกันค่ะ แต่ความรู้สึกมันบอกว่าต้องช่วยคุณให้ได้ และสิ่งที่ฉันตกใจที่สุดคือคุณเอาของสำคัญมาฝากไว้กับฉัน” ผิงอันยิ้มหวานจนทำให้มาเฟียที่หัวใจแข็งดั่งหินกำลังเกิดรอยร้าว
“งั้นเหรอ ความรู้สึกสินะ ความรู้สึกฉันก็บอกว่าต้องฝากของสำคัญไว้กับเธอเหมือนกัน”
สองคนมองหน้ากันค้างโดยมีเคอร์วินที่ยืนมองทั้งสองคนอยู่ข้างหลัง ทั้งคู่เหมือนลืมเขาไปแล้ว
“อะแฮ่ม!” เคอร์วินแกล้งไอให้สองคนหลุดจากภวังค์ ทำอย่างกับคนที่จะจีบกันงั้นแหละ น่าหมั่นไส้!
“ได้ของคืนแล้วก็กลับ” น้ำเสียงแข็งกร้าวของเคอร์วินพูดออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุว่าเขาไม่พอใจเรื่องอะไร แถมยังจะดึงคาร์ลลากออกจากร้านด้วย
“คุณพลาสเตอร์ก็อย่าลืมทายาด้วยนะคะ ไม่งั้นจะเป็นแผลเป็น”
กึก!
เคอร์วินหยุดเดิน หันหลังเดินกลับมายืนประจันหน้ากับร่างบาง
“ฉันมีชื่อ ไม่ได้ชื่อพลาสเตอร์ เคอร์วินชื่อฉัน”
“…”
“จำชื่อฉันไว้ด้วยล่ะ ผิงอัน”
พูดจบก็เดินจูงแขนพี่ชายออกไป ส่วนผิงอันก็มีความรู้สึกที่งุนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเธอคงจะไม่ได้เจอพวกเขาอีกแล้ว…
-จดจำในทุกความรู้สึก-“เซอร์ไพรส์อะไรครับ ตื่นเต้นเลย”คาร์ลเตอร์ถามเสียงหวาน “พี่หันได้ยัง พี่อยากรู้แล้ว อันอันจะเซอร์ไพรส์อะไร” เคอร์วินใจร้อนมากตอนนี้ “อย่าเพิ่งค่ะ” | “หันมาได้แล้วค่ะ” พรึบ! “เซอร์ไพรส์!!!” สองแฝดยืนอ้าปากค้าง จ้องตาไม่กะพริบ กับภาพของภรรยาสาวที่ใส่ชุดทูพีชสุดเซ็กซี่ สีแดงของผ้าตัดกับผิวขาวอมชมพูของเธอยิ่งทำให้เด่นกว่าเดิม “ฉันตั้งใจใส่มาเพื่อพี่สองคนเลยค่ะ” ผิงอันเตรียมชุดทูพีชสุดเซ็กซี่นี้มาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ “เกาะนี้มีแค่เราใช่ไหมล่ะคะ..” ผิงอันพูดเสียงหวาน ส่งสายตายั่วยวน มือเล็กก็ค่อยๆ แกะดึงส่วนบนที่เป็นสายผูกอยู่ด้านหลังออก จากที่ตอนแรกมีสิ่งปกปิดยอดปทุมถันสีชมพู กลับเปิดเทอมออกมา “ผิงอัน..” เคอร์วินกลืนน้ำลาย ช้า ๆ “พี่จะทนไมาไหวแล้วนะครับ” คาร์ลเตอร์รับรู้ถึงความซู่ซ่าในร่างกายตัวเอง “ก็ไม่ได้บอกให้ทนนี่คะ..” สองแฝดเดินไปประกบผิงอัน ขนาบข้างติดกันโดยมีเธออยู่ตรงกลาง จากที่สวมใส่เสื้อผ้าก็ถูกถอดออกทีละชิ้น คาร์ลเตอร์ไล่จูบเธอตั้งแต่หน้าผาก ลงมาที่แก้ม จมูก ปาก คอ หน้าอก และหน้าท้องน้อย… ส่วนเคอร์วินก็ซุกซนอยู่กับหลังคอของเธอ ย้ายมือมาจับบีบหน้าอกใหญ่จนล้นออกมาต
วันนี้วันดีที่ครอบครัวใหญ่อย่างฝาแฝดคาร์ลเตอร์,เคอร์วิน คู่พี่น้องตระกูลดูรองซ์และภรรยาสาวสวยกับลูกชายตัวน้อยทั้งสามคน เดินทางมาประเทศไทยตามแพลนที่วางไว้ครั้งก่อนเรื่องเที่ยวพักผ่อน ท้องฟ้าโปร่งใส พระอาทิตย์ส่องแสงให้ความอบอุ่นไม่ได้ร้อนมากเหมือนช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะว่าได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว อากาศจึงไม่ร้อน และทะเลหน้าหนาวก็สวยมากอีกด้วย ในเวลานี้สองแฝดกำลังขับรถไปส่งลูกชายฝาแฝดทั้งสามคนที่บ้านโรมิโอ ระหว่างที่ขับรถไปคนเป็นพ่อก็ชวนลูกคุย คาร์ลเตอร์แทนตัวเองกับลูกว่า ปะป๊า เคอร์วินแทนตัวเองกับลูกว่า แด๊ดดี้ “เราเตรียมของให้ลูกครบแน่นะ” เคอร์วินหันไปพูดกับพี่ชายที่ขับรถ “อืม เช็กแล้ว กระเป๋าเป้คนละใบ กับของเล่น” พี่ชายตอบน้องชายฝาแฝด “บอกไอ้โรมยังว่าใกล้ถึงแล้ว” คาร์ลเตอร์ถามเสียงเรียบ “ไลน์ไปบอกเมื่อกี้ ไอ้โรมบอกว่าเดี๋ยวจะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเขาใหญ่พรุ่งนี้” “เหรอดีเลยสิ เคย์เดนน่าจะชอบ” เคย์เดนสนใจเรื่องป่าไม้ แปลกมาทั้งที่ตัวแค่นี้แต่เจอสิ่งที่รักแล้ว “ปะป๊า แด๊ดดี้ จะพาพวกเราไปนอนบ้านเพชรชมพูจริง ๆ เหรอครับ” ลูกชายคนเล็กสุดของบ้านเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “ใช่ครับ เคย์เดน
เคอร์วินพูดจบก็เดินไปเล่นกับลูกชายคนกลาง ชวนลูกคุยถึงชื่อไดโนเสาร์สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว “ว้าว! สีตาสวยจริงด้วย!” รูบี้ใช้สองมือโอบใบหน้าเคย์เดนจ้องไปใกล้ ๆ “อื้ออ่อนเอ็บอะ” (อื้อ! ปล่อยเจ็บนะ) “รูบี้ไม่ทำแบบนั้นะลูก น้องจะเจ็บ” ลูกแก้วห้ามปรามลูกสาว รูบี้รีบปล่อยมือ แล้วชวนกันเล่น สักพักเบรย์เดนที่แยกตัวอยู่คนเดียวก็เริ่มชวนรูบี้ให้ดูในสิ่งที่ตัวเองชอบ “เหรอ มันชื่ออะไรอะ” “ไทรเซราทอป” “โอ๊ะ เบรย์เดนมีจุดสีดำที่จมูกนี่” รูบี้ตื่นเต้นกับไฝเสน่ห์ “เคย์เดนก็มีอะตรงปาก แม่หนูอยากมีจุดดำบ้าง!” “แต่หนูก็มีลักยิ้มไงคะ น้าชอบลักยิ้มหนูมากเลย”ผิงอันเอ่ยอ้าแขนออก รูบี้วิ่งไปกอด “วันนี้หนูมีของขวัญมาให้น้องด้วยไม่ใช่เหรอเอาไปให้น้องสิคะ เลือกเลยค่ะว่าจะให้ใครอันไหน” ลูกแก้วหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทสามกล่องไปให้ลูกสาว รูบี้เปิดทั้งสามกล่องขึ้นมา ทำท่าคิดว่าจะให้ใครอันไหนดี ของขวัญนี้เธอเลือกมาเองตอนไปบริษัทของพ่อ “อันนี้ให้อาร์เดนนะ” กล่องกำมะหยี่สีดำที่ใส่ทับทิมสีเลือดนกพิราบทั้งสีที่สดและใสแวววาว 9 การัตไปให้อาร์เดน “ส่วนอันนี้ เบรย์เดน” อีกกล่องคือ อเล็กซาน
3 ปีผ่านไป.. โรมิโอกับลูกแก้วและลูกสาวคนสวยในวัยสามขวบแปดเดือน ‘รูบี้’ มาหา และเอาของขวัญมาให้หลานชายที่อายุครบสามขวบ แต่ก็มาหลังจากที่จัดงานวันเกิดไปแล้ว เพราะสัปดาห์ก่อนพวกเขาไม่ว่างเลยมาวันนี้แทน (โรมิโอ-เรื่องมาเฟียพันธนาการรัก) “เป็นไงมึงไม่เจอกันนานเลย” “สบายดี เลี้ยงลูกสามคนสนุกดี พวกมึงล่ะเลี้ยงลูกสามคนเหมือนกันสนุกเลยสิ” โรมิโอแกล้งพูดหยอกล้อคาร์ลเตอร์กับเคอร์วิน ความจริงโรมิโอกับลูกแก้วมีเพียง ‘รูบี้’ เป็นลูกสาวทางสายเลือดเพียงคนเดียว แต่อีกสองคนคือ โอลิเวียร์และโอเรน ลูกสาวและลูกชายบุญธรรม หรือก็คือหลานแท้ ๆ นั่นแหละ “เออ ไม่ได้นอนกันเลยแหละ ดีที่จ้างพี่เลี้ยงมาช่วย” คาร์ลเตอร์เอ่ยตอบเพื่อน พร้อมกับเข้าไปกอดคอ “อิจฉามึงนะมีลูกสาว ไหนขอลุงอุ้มหน่อยครับ” เคอร์วินเข้าไปอุ้มรูบี้ที่ยืนจับขากางเกงพ่อ พร้อมยิ้มหวานให้พวกลุงๆ อวดลักยิ้มที่ได้มาจากแม่ของเธอ “ก็รีบปิดอู่ไวเกินพวกมึง” “สามคนทีเดียวก็สงสารผิงอันมากแล้ว แต่มีลูกสาวสักคนก็คงดี”คาร์ลเตอร์เอ่ยต่อมองไปทางหลาน พลางคิดว่าถ้าเขามีลูกสาวบ้างจะเป็นไงนะ บ้านคงมีสีสันขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า “พวกมึงก็มาเป็นพ่อทูน
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนหลังขอแต่งงานเธอก็ได้รับรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือน และมากกว่านั้นคือผิงอันได้มีโซ่ทองคล้องใจ ถึงสามเส้นให้กับคาร์ลและเคอร์วิน เธอมีลูกชายฝาแฝดถึงสามคน! เป็นการตั้งครรภ์ที่เสี่ยงมากและพวกเขาก็ทำการปิดอู่ไปตลอดกาล…เพราะสองแฝดไม่อาจทนเห็นเธอทรมานอีกแล้ว การตั้งท้องทายาทให้พวกทีเดียวถึงสามคนไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้เลย แต่ผิงอันก็ให้ได้ ช่วงระยะเวลาเก้าเดือนที่เธออุ้มท้องลูกน้อยทั้งสามคน สองพี่น้องรู้สึกสงสารภรรยาตัวเองยิ่งนักเพราะมีเด็กอยู่ในท้องถึงสามคนเพียงแค่ สี่-ห้า เดือนท้องก็ใหญ่เหมือนจะใกล้คลอด เธอต้องทนปวดร้าวร่างกายเพื่อลูกพวกเขา สองแฝดคอยดูแลเธอไม่ห่าง เอาใจใส่ทุกอย่าง เพราะกลัวเธอจะคิดมากเรื่องร่างกายที่เปลี่ยนไป เพราะสำหรับผู้หญิงบางคนเรื่องรูปร่างก็สำคัญไม่ต่างจากการดูแลเส้นผม…ท้องเธอขยายใหญ่ จนเกิดรอยแตกลายขึ้นที่พุง กลับกันผิงอันไม่กังวลใจอะไรเลย มีแต่สองคนนั่นแหละที่เอาแต่กังวล จนร้องไห้แทนเธอ เอ็นดูพวกเขาจริงๆก่อนเธอคลอด“ฮือ ขอโทษนะครับที่ทำให้ทรมาน” เคอร์วินพูดไปร้องไห้ไป มือก็บีบนวดไหล่ให้เธอไปด้วย“ฮึก เจ็บมากใช่ไหม ให้นวดตรงไหน
พอทานอาหารเสร็จเคอร์วินก็เปลี่ยนมาขับรถพาเธอไปสะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Alexander III Bridge) เพราะว่าสะพานนั้นอยู่ใกล้กลับสถานที่พิเศษของทริปนี้ที่พวกเขาอยากทำเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ…ทั้งสามคนเดินเที่ยวเล่นกันหลายที่ นอนพักโรงแรมที่ใหม่ใกล้ๆแถวนั้น แล้วก็พาเธอออกมาเที่ยวต่อตามที่ผิงอันอยากไป แล้วเก็บเซอร์ไพรส์ไว้อย่างสุดท้ายเวลาก็ผ่านไปเรื่องจนพระอาทิตย์ที่เคยส่องแสงก็โบกลาลับไปกับขอบฟ้า เปลี่ยนพระจันทร์ที่มาทำหน้าที่แทนในการส่องสว่างสีขาวนวล“เหนื่อยหรือยัง”“ยางง”“โกหกแล้วที่รัก”“ไม่ได้โกหกสักหน่อย พูดจริงนะคะ”“แต่หิวมากกว่า..” ผิงอันลูบห้อง“ได้นิ เพราะที่สุดท้ายของวันนี้เป็นที่ ที่จะพาไปดินเนอร์”“แต่ต้องปิดตาก่อนนะ”“อุ้ย เป็นเซอร์ไพรส์เหรอคะ”“อืม”คาร์ลเตอร์หยิบผ้าขึ้นมาปิดตาเธอ พาไปขึ้นรถ รถหรูเปิดประทุนขับแล่นไปเรื่อยๆ สายลมในยามกลางคืนพัดผ่านมือผิงอันที่ยกขึ้นสัมผัสกับอากาศ“ถึงแล้วครับ”คาร์ลเตอร์เปิดประตู ประคองผิงอันลงมาจากรถ ค่อยแกะผ้าปิดตาเธอให้เปิดออกให้เห็นหอไอเฟลแสนสวยที่เธอใฝ่ฝันว่าจะได้มาเห็นกับคา มันปรากฏตรงหน้าเธอแล้ว“กรี๊ด! สวยมาก”“แต่ทำไมมีคนเลยล่ะ..”ผิงอั