บนรถหรูBMW
ตั้งแต่ที่สองแฝดขึ้นมานั่งบนรถก็ยังไม่มีใครปริปากเอ่ยพูดอะไรกันเลย มีแต่เสียงของเครื่องยนต์และเสียงดนตรีคลาสสิคที่เปิดคลอๆ ไม่ให้เงียบจนเกินไป
“มึงชอบเธอ../มึงชอบเธอ..” สองพี่น้องฝาแฝดพี่พูดออกมาพร้อมเพรียงกัน สองคนมองหน้ากันก่อนจะหันออกไปมองข้างทาง
บอดี้การ์ดอย่างไทกิกับลูก้าที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันมองหน้ากันเล็กน้อยแล้วคิดถึงเรื่องที่พวกเขานั้นคุยกัน ไว้เหมือนจะเดาถูกแล้วสิ ว่าเจ้านายของพวกเขาให้ความสนใจผู้หญิงเจ้าของร้านขายดอกไม้
“กูเปล่า/กูเปล่า” ขนาดจะพูดปฏิเสธก็ยังจะพูดออกมาพร้อมกัน อย่างกับว่าเป็นคนที่มีจิตวิญญาณเดียวกัน นี่สินะบ่งบอกถึงความเป็นแฝดแท้ไข่ใบเดียวกัน คงมีแต่นิสัยนี่ล่ะที่แตกกันอย่างคนละขั้ว
(แตกต่างเหมือนน้ำกับไฟ)
“มึงเลิกพูดตามกูไอ้คาร์ล” ทำเสียงหงุดหงิดและยังโทษพี่ชายว่าพูดตามตัวเองอีก
“กูไม่ได้พูดตาม” คาร์ลเตอร์ตอบกลับเสียงเรียบ
“เหอะ! กูไม่ได้ชอบเธอเว้ย! มึงนั่นแหละชอบ” พูดหงุดหงิดอย่างไม่ชอบใจที่พี่ชายรู้ทันไม่หมดทุกเรื่อง เคอร์วินรู้ดีว่าใจเขาตอนนี้มีความสนใจในตัวผิงอันแต่แค่ยังไม่อยากจะยอมรับก็เท่านั้น เพราะคงไม่ได้เจอเธออีกแล้ว..
“ไอ้ปากแข็ง” คาร์ลเตอร์ส่ายหัวที่เคอร์วินไม่ยอมรับ
“มึงว่าใคร!”
“กูพูดลอยๆ มึงจะรับก็ได้นะ” คาร์ลยักคิ้วข้างเดียวใส่เคอร์วิน
“กูไม่รับเว้ย!” สะบัดหน้าหันออกไปมองข้างทางอย่างเดิม มีทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจที่ถูกพี่ชายว่าใส่
เขาไม่ได้ปากแข็งแค่ต้องให้รู้แน่ใจก่อนว่าเขาชอบเธอจริงๆ ไหม ไม่ต้องการล้อเล่นกับความรู้สึกตัวเองหรือความรู้สึกของใคร ถ้ายังไม่แน่ใจเขาจะไม่มีวันพูดมันออกมาเด็ดขาด!
แต่กับคาร์ลเตอร์ต่างออกไปเขาชัดเจนในความรู้สึกชอบคือชอบ สนใจคือสนใจ ต้องการคือต้องได้ และเขาก็ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จนกระทั่งคาร์ลเตอร์เอ่ยปากพูดกับลูก้า
“ไอ้ก้ามึงไปตามสืบเรื่องของเธอมาให้กู กูต้องการรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอไม่ว่า เพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก ไปสืบมาให้หมด”
“ได้ครับนายท่าน ผมจะตามสืบเรื่องเธออย่างละเอียด จะไม่ให้มีข้อมูลตรงไหนตกหล่นไปอย่างแน่นอนครับ”
“ดี”
“มึงจะสืบเรื่องของเธอทำไม” เคอร์วินที่หูผึ่งอยากรู้ขึ้นหันหน้ากลับมาถามคาร์ลเตอร์
“เพราะกูสนใจเธอ”
“เอ่อ งั้นกูขอข้อมูลเธอด้วยได้ปะถ้าลูกน้องมึงตามสืบเสร็จแล้ว”
“มึงไม่ได้ชอบเธอไม่ใช่เหรอ? ฉะนั้นก็ไม่ต้องอยากอ่านให้เสียเวลา” คาร์ลเตอร์ตอบเสียงเรียบแต่แฝงประโยคเจ็บๆ สวนหน้าเคอร์วินกลับไปด้วย
“ก็กูอยากอ่าน!”
“กูไม่ให้อ่าน ถ้ามึงอยากรู้มากนักมึงก็ให้ลูกน้องมึงไปตามสืบเอง”
“เหอะ! ไอ้ควายทำเป็นเด็กขี้หวงไปได้!”
“เออกูจะให้ลูกน้องกูไปตามสืบเองก็ได้! ไม่ง้อมึงก็ได้ไอ้พี่เหี้ย!”
“ทำขี้หวงเป็นเด็ก” เคอร์วินยังคงบ่นอุบอิบ ส่วนคาร์ลเตอร์ก็แอบขำน้องชาย ก็ใครใช้ให้มันปากแข็งล่ะ เขารู้นะว่ามันสนใจเธอเผลอๆ ก็รู้สึกชอบไปแล้วด้วย ไม่งั้นมันไม่อยากจะมารู้เรื่องของเธอแบบเขาหรอก
Clar_Food Company
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูสองครั้ง หน้าห้องทำงานภายในบริษัทอาหารส่งออกอันดับต้นๆ ของประเทศและติดหนึ่งในสิบของโลกด้วย
“เข้ามา” เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างลูก้าถึงเปิดประตูเข้ามา ภายในห้องทำงานส่วนตัวนี้เป็นพื้นที่ทำงานของคาร์ลเตอร์ แต่กลับมีเคอร์วินนั่งอยู่ภายในห้องนี้ด้วยอีกคน
“มีอะไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ขณะที่มือยังคงเซ็นเอกสารไปด้วย
“ที่นายท่านให้ผมไปตามสืบเรื่องของคุณผิงอัน ผมรวบรวมข้อมูลมาให้ได้ทั้งหมดเท่าที่จะหาได้แล้วครับ”
ผ่านไปเกือบสามวันหลังจากที่เคอร์วินให้ลูก้าไปตามสืบเรื่องราวส่วนตัวของเธอ ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกวางลงที่โต๊ะทำงาน เคอร์วินที่ตอนแรกนั่งดื่มแชมเปญอยู่ก็วางแก้วลงและตั้งใจที่จะฟังเรื่องที่ลูก้าพูดขึ้นมาทันที
‘ผิงอัน อันชิตา นักศึกษาปีสอง อายุ20ปี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยKKU เด็กกำพร้า’
“กำพร้า? นี่เธอไม่มีพ่อแม่เหรอ?”
คาร์ลเตอร์เงยหน้ามาถามลูก้า
“ครับ เธออยู่บ้านเด็กกำพร้าที่ชื่อว่า ‘มีบุญ’ ตั้งแต่อายุเจ็ดแปดขวบแล้วครับ”
“แปลว่าก่อนหน้านี้เธอมีครอบครัว แล้วครอบครัวเธอไปไหนซะล่ะ”
เคอร์วินที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเริ่มให้ความสนใจจนต้องลุกขึ้นมาหยิบกระดาษที่เป็นประวัติของผิงอันไปอ่านบ้าง (สุดท้ายก็ได้มาอ่านกับคาร์ลเตอร์อยู่ดี)
“ตามที่ผมได้ไปตามสืบมามีคนพบเธอนอนสลบอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เธอถูกทำร้ายจนความจำเสื่อมหลังจากพักรักษาตัวจนหายดีแล้วที่โรงพยาบาล ก็ถูกส่งตัวมาที่บ้านเด็กกำพร้ามีบุญครับนายท่าน”
ลูก้าเล่าตามความจริงที่ไปรู้มา
“ผมพยายามตามหาข้อมูลในวัยเด็กคุณผิงอันแล้ว ก่อนหน้าที่เธอจะมาอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าแล้วนะครับ แต่ไม่พบอะไรเลยครับ…” ลูก้าเล่าด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะสงสารผิงอัน
“ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกใคร หรือโดนใครทำร้ายมันเป็นคดีที่ไม่มีใครให้ความสนใจ มีเพียงแค่พบเจอเธอที่ไหน เป็นอะไร ไม่มีบอกว่ามีคนตามหาหรือประกาศตามหาพ่อแม่เธอ หรือพ่อแม่จะตามหาแต่พวกเขาอาจจะหาเธอไม่เจอครับ”
“เพราะคุณผิงอันเองก็จำอะไรไม่ได้เลยครับ”
ก่อนที่สายตาคาร์ลเตอร์จะมาหยุดอ่านตรงสถานะของเธอ
“มีแฟน?”
“ครับเธอมีแฟนอยู่แล้วแต่เพิ่งคบกันได้ประมาณสองเดือนกว่าครับ”
“หึ เสียดายจังฉันไม่ชอบแย่งของใครด้วยสิ”
คาร์ลถอดหายใจอย่างเสียอารมณ์
“ก็แค่แฟน” เคอร์วินพูดออกมาเสียงเรียบ แล้วยังคงอ่านต่อไป คนที่บอกว่าไม่ได้สนใจในวันนั้นแต่ยังอ่านประวัติของเธออย่างละเอียด
คาร์ลเตอร์วางซองข้อมูลของเธอลงที่โต๊ะทำงานแม้จะอยากอ่านต่อแต่ก็ไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเธอมีคนรัก ลูก้าที่ทำหน้าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่ยอมพูด จนคาร์ลเตอร์ที่มองอยู่รู้สึกหงุดหงิด
“มึงมีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ ทำอ้ำอึ้งอยู่ได้กูรำคาญ”
“แฟนเธอนอกใจครับ แฟนคุณผิงอันเขาแอบมีคนอื่น เจ้าชู้มากเลยด้วยครับ”
“เธอรู้ไหม” เคอร์วินถามต่อทันทันด้วยความอยากรู้
“เหมือนว่ายังไม่รู้นะครับ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้กลัวว่าคุณผิงอันจะรู้ด้วยครับ” ลูก้าคิดไปถึงสิ่งที่ได้รู้มาก็เริ่มจะมีความรู้สึกโมโหขึ้นมาที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ต้องมาเจอคนเลวๆ อย่าง ภาคภูมิ หรือภูมิคนรักของผิงอันที่กล้านอกใจเธอไปมีอะไรกับเพื่อนของผิงอันเอง…
“งั้นเหรอ ก็ไปทำให้เธอรู้ซะสิ..”
เคอร์วินพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“ฮะ..ครับ..”
“หึ ส่งรูปที่แฟนเธออยู่กับผู้หญิงคนอื่นไปให้เธอซะ” คาร์ลเตอร์พูดเสียงดัง
คนเลวๆ อย่างมันไม่สมควรที่จะได้ครอบครองดอกไม้ที่สวยงาม ดอกไม้ที่สวยงามควรมาอยู่กับพวกเขา…
-ไม่ชอบแย่ง แต่ชอบทำลาย-“เซอร์ไพรส์อะไรครับ ตื่นเต้นเลย”คาร์ลเตอร์ถามเสียงหวาน “พี่หันได้ยัง พี่อยากรู้แล้ว อันอันจะเซอร์ไพรส์อะไร” เคอร์วินใจร้อนมากตอนนี้ “อย่าเพิ่งค่ะ” | “หันมาได้แล้วค่ะ” พรึบ! “เซอร์ไพรส์!!!” สองแฝดยืนอ้าปากค้าง จ้องตาไม่กะพริบ กับภาพของภรรยาสาวที่ใส่ชุดทูพีชสุดเซ็กซี่ สีแดงของผ้าตัดกับผิวขาวอมชมพูของเธอยิ่งทำให้เด่นกว่าเดิม “ฉันตั้งใจใส่มาเพื่อพี่สองคนเลยค่ะ” ผิงอันเตรียมชุดทูพีชสุดเซ็กซี่นี้มาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ “เกาะนี้มีแค่เราใช่ไหมล่ะคะ..” ผิงอันพูดเสียงหวาน ส่งสายตายั่วยวน มือเล็กก็ค่อยๆ แกะดึงส่วนบนที่เป็นสายผูกอยู่ด้านหลังออก จากที่ตอนแรกมีสิ่งปกปิดยอดปทุมถันสีชมพู กลับเปิดเทอมออกมา “ผิงอัน..” เคอร์วินกลืนน้ำลาย ช้า ๆ “พี่จะทนไมาไหวแล้วนะครับ” คาร์ลเตอร์รับรู้ถึงความซู่ซ่าในร่างกายตัวเอง “ก็ไม่ได้บอกให้ทนนี่คะ..” สองแฝดเดินไปประกบผิงอัน ขนาบข้างติดกันโดยมีเธออยู่ตรงกลาง จากที่สวมใส่เสื้อผ้าก็ถูกถอดออกทีละชิ้น คาร์ลเตอร์ไล่จูบเธอตั้งแต่หน้าผาก ลงมาที่แก้ม จมูก ปาก คอ หน้าอก และหน้าท้องน้อย… ส่วนเคอร์วินก็ซุกซนอยู่กับหลังคอของเธอ ย้ายมือมาจับบีบหน้าอกใหญ่จนล้นออกมาต
วันนี้วันดีที่ครอบครัวใหญ่อย่างฝาแฝดคาร์ลเตอร์,เคอร์วิน คู่พี่น้องตระกูลดูรองซ์และภรรยาสาวสวยกับลูกชายตัวน้อยทั้งสามคน เดินทางมาประเทศไทยตามแพลนที่วางไว้ครั้งก่อนเรื่องเที่ยวพักผ่อน ท้องฟ้าโปร่งใส พระอาทิตย์ส่องแสงให้ความอบอุ่นไม่ได้ร้อนมากเหมือนช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะว่าได้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว อากาศจึงไม่ร้อน และทะเลหน้าหนาวก็สวยมากอีกด้วย ในเวลานี้สองแฝดกำลังขับรถไปส่งลูกชายฝาแฝดทั้งสามคนที่บ้านโรมิโอ ระหว่างที่ขับรถไปคนเป็นพ่อก็ชวนลูกคุย คาร์ลเตอร์แทนตัวเองกับลูกว่า ปะป๊า เคอร์วินแทนตัวเองกับลูกว่า แด๊ดดี้ “เราเตรียมของให้ลูกครบแน่นะ” เคอร์วินหันไปพูดกับพี่ชายที่ขับรถ “อืม เช็กแล้ว กระเป๋าเป้คนละใบ กับของเล่น” พี่ชายตอบน้องชายฝาแฝด “บอกไอ้โรมยังว่าใกล้ถึงแล้ว” คาร์ลเตอร์ถามเสียงเรียบ “ไลน์ไปบอกเมื่อกี้ ไอ้โรมบอกว่าเดี๋ยวจะพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวเขาใหญ่พรุ่งนี้” “เหรอดีเลยสิ เคย์เดนน่าจะชอบ” เคย์เดนสนใจเรื่องป่าไม้ แปลกมาทั้งที่ตัวแค่นี้แต่เจอสิ่งที่รักแล้ว “ปะป๊า แด๊ดดี้ จะพาพวกเราไปนอนบ้านเพชรชมพูจริง ๆ เหรอครับ” ลูกชายคนเล็กสุดของบ้านเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “ใช่ครับ เคย์เดน
เคอร์วินพูดจบก็เดินไปเล่นกับลูกชายคนกลาง ชวนลูกคุยถึงชื่อไดโนเสาร์สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว “ว้าว! สีตาสวยจริงด้วย!” รูบี้ใช้สองมือโอบใบหน้าเคย์เดนจ้องไปใกล้ ๆ “อื้ออ่อนเอ็บอะ” (อื้อ! ปล่อยเจ็บนะ) “รูบี้ไม่ทำแบบนั้นะลูก น้องจะเจ็บ” ลูกแก้วห้ามปรามลูกสาว รูบี้รีบปล่อยมือ แล้วชวนกันเล่น สักพักเบรย์เดนที่แยกตัวอยู่คนเดียวก็เริ่มชวนรูบี้ให้ดูในสิ่งที่ตัวเองชอบ “เหรอ มันชื่ออะไรอะ” “ไทรเซราทอป” “โอ๊ะ เบรย์เดนมีจุดสีดำที่จมูกนี่” รูบี้ตื่นเต้นกับไฝเสน่ห์ “เคย์เดนก็มีอะตรงปาก แม่หนูอยากมีจุดดำบ้าง!” “แต่หนูก็มีลักยิ้มไงคะ น้าชอบลักยิ้มหนูมากเลย”ผิงอันเอ่ยอ้าแขนออก รูบี้วิ่งไปกอด “วันนี้หนูมีของขวัญมาให้น้องด้วยไม่ใช่เหรอเอาไปให้น้องสิคะ เลือกเลยค่ะว่าจะให้ใครอันไหน” ลูกแก้วหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทสามกล่องไปให้ลูกสาว รูบี้เปิดทั้งสามกล่องขึ้นมา ทำท่าคิดว่าจะให้ใครอันไหนดี ของขวัญนี้เธอเลือกมาเองตอนไปบริษัทของพ่อ “อันนี้ให้อาร์เดนนะ” กล่องกำมะหยี่สีดำที่ใส่ทับทิมสีเลือดนกพิราบทั้งสีที่สดและใสแวววาว 9 การัตไปให้อาร์เดน “ส่วนอันนี้ เบรย์เดน” อีกกล่องคือ อเล็กซาน
3 ปีผ่านไป.. โรมิโอกับลูกแก้วและลูกสาวคนสวยในวัยสามขวบแปดเดือน ‘รูบี้’ มาหา และเอาของขวัญมาให้หลานชายที่อายุครบสามขวบ แต่ก็มาหลังจากที่จัดงานวันเกิดไปแล้ว เพราะสัปดาห์ก่อนพวกเขาไม่ว่างเลยมาวันนี้แทน (โรมิโอ-เรื่องมาเฟียพันธนาการรัก) “เป็นไงมึงไม่เจอกันนานเลย” “สบายดี เลี้ยงลูกสามคนสนุกดี พวกมึงล่ะเลี้ยงลูกสามคนเหมือนกันสนุกเลยสิ” โรมิโอแกล้งพูดหยอกล้อคาร์ลเตอร์กับเคอร์วิน ความจริงโรมิโอกับลูกแก้วมีเพียง ‘รูบี้’ เป็นลูกสาวทางสายเลือดเพียงคนเดียว แต่อีกสองคนคือ โอลิเวียร์และโอเรน ลูกสาวและลูกชายบุญธรรม หรือก็คือหลานแท้ ๆ นั่นแหละ “เออ ไม่ได้นอนกันเลยแหละ ดีที่จ้างพี่เลี้ยงมาช่วย” คาร์ลเตอร์เอ่ยตอบเพื่อน พร้อมกับเข้าไปกอดคอ “อิจฉามึงนะมีลูกสาว ไหนขอลุงอุ้มหน่อยครับ” เคอร์วินเข้าไปอุ้มรูบี้ที่ยืนจับขากางเกงพ่อ พร้อมยิ้มหวานให้พวกลุงๆ อวดลักยิ้มที่ได้มาจากแม่ของเธอ “ก็รีบปิดอู่ไวเกินพวกมึง” “สามคนทีเดียวก็สงสารผิงอันมากแล้ว แต่มีลูกสาวสักคนก็คงดี”คาร์ลเตอร์เอ่ยต่อมองไปทางหลาน พลางคิดว่าถ้าเขามีลูกสาวบ้างจะเป็นไงนะ บ้านคงมีสีสันขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า “พวกมึงก็มาเป็นพ่อทูน
เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนหลังขอแต่งงานเธอก็ได้รับรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้เกือบสองเดือน และมากกว่านั้นคือผิงอันได้มีโซ่ทองคล้องใจ ถึงสามเส้นให้กับคาร์ลและเคอร์วิน เธอมีลูกชายฝาแฝดถึงสามคน! เป็นการตั้งครรภ์ที่เสี่ยงมากและพวกเขาก็ทำการปิดอู่ไปตลอดกาล…เพราะสองแฝดไม่อาจทนเห็นเธอทรมานอีกแล้ว การตั้งท้องทายาทให้พวกทีเดียวถึงสามคนไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้เลย แต่ผิงอันก็ให้ได้ ช่วงระยะเวลาเก้าเดือนที่เธออุ้มท้องลูกน้อยทั้งสามคน สองพี่น้องรู้สึกสงสารภรรยาตัวเองยิ่งนักเพราะมีเด็กอยู่ในท้องถึงสามคนเพียงแค่ สี่-ห้า เดือนท้องก็ใหญ่เหมือนจะใกล้คลอด เธอต้องทนปวดร้าวร่างกายเพื่อลูกพวกเขา สองแฝดคอยดูแลเธอไม่ห่าง เอาใจใส่ทุกอย่าง เพราะกลัวเธอจะคิดมากเรื่องร่างกายที่เปลี่ยนไป เพราะสำหรับผู้หญิงบางคนเรื่องรูปร่างก็สำคัญไม่ต่างจากการดูแลเส้นผม…ท้องเธอขยายใหญ่ จนเกิดรอยแตกลายขึ้นที่พุง กลับกันผิงอันไม่กังวลใจอะไรเลย มีแต่สองคนนั่นแหละที่เอาแต่กังวล จนร้องไห้แทนเธอ เอ็นดูพวกเขาจริงๆก่อนเธอคลอด“ฮือ ขอโทษนะครับที่ทำให้ทรมาน” เคอร์วินพูดไปร้องไห้ไป มือก็บีบนวดไหล่ให้เธอไปด้วย“ฮึก เจ็บมากใช่ไหม ให้นวดตรงไหน
พอทานอาหารเสร็จเคอร์วินก็เปลี่ยนมาขับรถพาเธอไปสะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 (Alexander III Bridge) เพราะว่าสะพานนั้นอยู่ใกล้กลับสถานที่พิเศษของทริปนี้ที่พวกเขาอยากทำเซอร์ไพรส์ให้กับเธอ…ทั้งสามคนเดินเที่ยวเล่นกันหลายที่ นอนพักโรงแรมที่ใหม่ใกล้ๆแถวนั้น แล้วก็พาเธอออกมาเที่ยวต่อตามที่ผิงอันอยากไป แล้วเก็บเซอร์ไพรส์ไว้อย่างสุดท้ายเวลาก็ผ่านไปเรื่องจนพระอาทิตย์ที่เคยส่องแสงก็โบกลาลับไปกับขอบฟ้า เปลี่ยนพระจันทร์ที่มาทำหน้าที่แทนในการส่องสว่างสีขาวนวล“เหนื่อยหรือยัง”“ยางง”“โกหกแล้วที่รัก”“ไม่ได้โกหกสักหน่อย พูดจริงนะคะ”“แต่หิวมากกว่า..” ผิงอันลูบห้อง“ได้นิ เพราะที่สุดท้ายของวันนี้เป็นที่ ที่จะพาไปดินเนอร์”“แต่ต้องปิดตาก่อนนะ”“อุ้ย เป็นเซอร์ไพรส์เหรอคะ”“อืม”คาร์ลเตอร์หยิบผ้าขึ้นมาปิดตาเธอ พาไปขึ้นรถ รถหรูเปิดประทุนขับแล่นไปเรื่อยๆ สายลมในยามกลางคืนพัดผ่านมือผิงอันที่ยกขึ้นสัมผัสกับอากาศ“ถึงแล้วครับ”คาร์ลเตอร์เปิดประตู ประคองผิงอันลงมาจากรถ ค่อยแกะผ้าปิดตาเธอให้เปิดออกให้เห็นหอไอเฟลแสนสวยที่เธอใฝ่ฝันว่าจะได้มาเห็นกับคา มันปรากฏตรงหน้าเธอแล้ว“กรี๊ด! สวยมาก”“แต่ทำไมมีคนเลยล่ะ..”ผิงอั