“มึง”
“หืม”
“เราเลิกกันนะ” จู่ ๆ คนที่รักเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าฉันและพูดประโยคน่าตกใจ เมื่อก่อนทะเลาะกันแค่ไหนเราก็จะไม่พูดคำนี้ออกมา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินจากปากเขา
“หมายความว่ายังไง ทำไมจะเลิก” ฉันงงมากอะ
คือฉันจะไม่งงได้ยังไง เราเพิ่งเอากันเสร็จเมื่อกี้ ให้พูดหยาบ ๆ น้ำยังไม่ทันแห้งก็โดนบอกเลิกงั้นเหรอ
“สงสารกวาว่ะ ไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว อยากจริงจังกับกวา กูตั้งใจไว้ว่าจะรักกวามีแค่กวา กูคบกับกวามาสักพักแล้ว ถึงเวลาที่ความสัมพันธ์ต้องเลื่อนขั้น” ผู้ชายที่ฉันรักกำลังพูดถึงผู้หญิงอีกคนที่เขารัก
ความสัมพันธ์ของเราโคตรท็อกซิกเลยเนอะ
ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “แล้วที่ผ่านมาไม่สงสารกูบ้างเหรอ กูยอมมึงทุกอย่างทำไมถึงเป็นแบบนี้ กูผิดอะไรออยล์ ไหนว่าคบกับมันเฉย ๆ”
“ตอนนี้กูรักกวา กูไม่ได้รักมึงเพ้นท์ คือตั้งแต่แรกระหว่างเรามันก็ไม่ใช่รักแล้วไหมวะ มันก็แค่เซ็กซ์ไงมึง เราตกลงมีเซ็กซ์กัน สนุกด้วยกัน มึงฟินกูฟิน น้ำแตกด้วยกันทั้งคู่ก็แค่นั้น”
“มันไม่ได้แค่นั้นไงออยล์ กูรักมึง กูรักมึงอะออยล์ กูรักมึงไปแล้ว ไม่ไปได้ไหมไม่เลิกได้ไหม กูยอมอยู่เงียบ ๆ แล้วไง ไม่เลิกนะ อย่าเลิกกับกูเลยนะ เราไม่เลิกกันนะออยล์”
“แค่เงียบ ๆ มันไม่พอแล้วเพ้นท์ กูไม่อยากหักหลังกวา กว่ากวาจะรับรักกูมันไม่ง่าย กูไม่อยากเสียกวาไป กูรักกวามาก” พูดประโยคโหดร้ายแบบนั้นออกมาด้วยใบหน้าเจ็บปวดแบบนี้ได้ยังไง
กูไหมที่ต้องเจ็บอะออยล์
“...มึงไม่อยากเสียมันไป แต่มึงเสียกูไปได้ใช่ไหม สรุปที่ผ่านมากูไม่มีความหมายกับมึงเลยใช่ไหมออยล์ กูรักมึงยอมมึงขนาดนี้แต่มึงทำแบบนี้กับกูอะเหรอ ระหว่างเราแค่เซ็กซ์จริงเหรอวะ มึงจะเอาแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหม”
“ที่ผ่านกูไม่ได้อะไรกับมึงขนาดนั้นเลยเพ้นท์ มันแค่เซ็กซ์จริง ๆ ทำไมแค่นี้มึงไม่เข้าใจ ถ้ากูรักมึงกูจะไปคบกับแตงกวาทำไม ตั้งแต่แรกเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกันอยู่แล้ว มึงเองไหมที่มารู้สึกกับกู มึงไหมที่รู้สึก ในเมื่อมึงรู้สึกมึงก็ต้องจัดการความรู้สึกตัวเองดิวะ”
“...งั้นก็แค่เซ็กซ์ก็ได้ กูสัญญาว่ากูจะอยู่เงียบ ๆ กูจะไม่ให้แตงกวารู้เรื่องของเราเลย ไม่เลิกกันนะ อย่าทิ้งกูนะออยล์ มึงก็รู้ว่ากูมีแค่มึงมาตลอด” ฉันรีบโผเข้ากอดเขาที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“...พอเถอะเพ้นท์ มึงไม่รู้สึกทุเรศตัวเองเหรอวะ กูไม่ได้รักมึง คนที่กูรักคือแตงกวา” ออยล์ผลักฉันออกและขยับไปยืนในระยะที่ห่างพอสมควร
สายตาที่ออยล์มองฉันเป็นสายตาสมเพช เขาสมเพชฉัน ฉันเองก็สมเพชตัวเอง ทำไมถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกไป
ทว่าต่อให้รู้สึกสมเพชตัวเองแค่ไหนฉันก็ยังไม่ยอมแพ้อยู่ดี ฉันยังอยากยื้อ ไม่อยากเลิกกับเขา บางทีเราอาจจะแค่ใจร้อนเกินไป ปรับนิดปรับหน่อยเดี๋ยวก็ดีขึ้น
ฉันจึงบอกเขาด้วยความเอาแต่ใจ “แต่กูมาก่อนอะ กูกับมึงรู้จักกันตั้งแต่เด็ก กูรู้หมดว่ามึงชอบไม่ชอบอะไร กู...”
“ถ้ามึงรู้ขนาดนั้นมึงก็รู้ไว้ด้วยว่ากูไม่ชอบมึง เลิกทำตัวทุเรศสักที” ออยล์ขึ้นเสียงชักสีหน้ารำคาญก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ฉันเจ็บแปลบที่หัวใจ “กูได้กับกวาแล้ว กูจะไม่นอกใจกวา”
รวบรวมสติอยู่หลายนาทีกว่าฉันจะตั้งหลักเอ่ยอีกครั้งด้วยความเจ็บปวดสุดใจ
“...ไหนตอนแรกมึงบอกกูว่าแค่คุย ๆ จะไม่มีอะไรกับมัน มึงสัญญาแล้วนะออยล์ ให้กูอยู่เงียบ ๆ กูก็ทำให้แล้ว มึงบอกจะเอาแค่กับกู ทำไมวันนี้มึงทำแบบนี้อะออยล์ ที่ผ่านมากูยอมมึงไม่พอเหรอ” เจ็บปวดเหลือเกิน สายตาที่เขามองมามันโหดร้ายมาก ออยล์ไม่เคยใช้สายตามองฉันแบบนี้
แต่วันนี้เขามองแล้วไงเพ้นท์ มึงควรพอ ควรหยุดได้แล้ว อย่าให้ความผูกพันมาทำให้มึงเป็นคนไร้ค่า
“เรื่องของเราจบกันแค่นี้ ถ้ามึงรักกูมากเรื่องของเราอย่าให้ใครรู้ ถ้ากวารู้มึงเจอดีแน่เพ้นท์” ออยล์พูดแล้วเดินจากไป ทิ้งฉันเคว้งอยู่ในห้องนอนของเขา
ฉันหลงรักผู้ชายคนนี้จนโงหัวไม่ขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
ใช่ จริงด้วย เรื่องของฉันกับเขาเริ่มต้นเพราะความอยากรู้ ถ้าย้อนกลับไปได้ฉันจะไม่เริ่มความสัมพันธ์ที่มันเกินเพื่อนมาไกลขนาดนี้ ถ้าตอนนั้นฉันไม่เริ่มมันก็จะเป็นเพียงความรู้สึกแอบรักเท่านั้น
สองปีต่อมาฉันเป็นคุณแม่ลูกสอง ลูกชายคนเล็กชื่ออินทัช ตอนนี้อายุขวบกว่า ใกล้จะสองขวบในอีกสองเดือนข้างหน้า ลูกชายอยู่ในวัยน่ารักน่าชัง ฉันเป็นคุณแม่อย่างเต็มที่ งานของฉันคือหน้าที่แม่ ฉันและพี่เซ้นต์เห็นตรงกันว่าไม่อยากให้ลูกรู้สึกขาดเหมือนที่เรารู้สึก เขาก็เลยเสนอให้ฉันเลี้ยงลูกไปก่อน เมื่อลูกโตเข้าโรงเรียนแล้วหากฉันอยากจะทำงานเขาก็ไม่ขัดฉันเห็นด้วยกับความเห็นของเขา เพราะฉันก็อยากมีเวลาให้ลูกมาก ๆ เหมือนกัน ในเมื่อครอบครัวของเราไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน ฉันก็ควรเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ ดูแลเอาใจใส่ลูกและก็ไม่ลืมที่จะเอาใจใส่สามีสุดที่รัก ที่แทบจะทำงานที่บ้านเพื่อช่วยฉันเลี้ยงลูก นาน ๆ เขาจะเข้าบริษัทสักครั้งขณะที่ฉันเลี้ยงลูกอยู่บ้านก็ไม่ได้อยู่นิ่ง ฉันใช้เงินลงทุนกับเพื่อนในธุรกิจต่าง ๆ และยังลงทุนทำร้านกับพี่ต่อที่ตอนนี้มีสาขาเพิ่มอีกที่ มีแววไปได้สวยด้วย“วันนี้มีขนมมาฝากอินทัชอีกแล้วน้า” ยัยหนูอินเลิฟขึ้นมานั่งบนรถได้ก็รีบเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบขนมออกมาให้น้องชายที่นั่งคาร์ซีลอยู่เบาะข้างกัน “นี่จ้า เอริคฝากมาให้อินทัช ชอบเปล่า”“เอริคนี่ขยันฝากขนมจริง ๆ เลยนะ” พี่เซ้นต์ที่เป็นคนขับทำหน้าไ
“เซ้นต์ขา เซ้นต์ขามาดูน้องดิ้นเร็วค่า น้องในท้องเพ้นท์ขาดิ้นใหญ่เลยค่า” ลูกสาวคนโตของผมกำลังเอาหน้าแนบที่หน้าท้องกลมนูนของเพ้นท์ภรรยาของผมเพ้นท์ท้องได้เจ็ดเดือนแล้วครับ เป็นโชคดีของเธอที่ไม่แพ้ท้องหนัก ช่วงนี้เธอชอบกินของเปรี้ยวมาก มะม่วงน้ำดอกไม้เปรี้ยว ๆ เธอเอาเข้าปากเหมือนมันเป็นแค่มะม่วงมัน เธอกินอย่างเอร็ดอร่อยทำให้ผมอยากกินตาม แน่นอนว่าพอเอาเข้าปากรสชาติมันไม่น่ากินเลยจริง ๆคงมีแต่เพ้นท์ที่กินได้แบบนั้น“เซ้นต์ขาเร็วค่า เดี๋ยวน้องหนีน้า” น้องอินเลิฟตะโกนเรียกผมอีกครั้ง“มาแล้วครับเซ้นต์มาแล้ว” ผมเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับผลไม้ที่เพิ่งปอกเสร็จ ใบหน้าของอินเลิฟยังคงแนบที่หน้าท้องของเพ้นท์“เร็วค่าเดี๋ยวไม่ทัน” มือเล็ก ๆ ของลูกสาวคนโตรีบกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหาและอยู่ในท่าเดียวกับเธอผมทำตามที่อินเลิฟต้องการ แนบใบหน้าที่หน้าท้องกลมนูนของเพ้นท์ “ไหนครับ ดิ้นให้พ่อดูหน่อย”เหมือนว่าลูกในท้องของผมจะได้ยินที่ผมพูดหรือไม่ก็อาจจะรำคาญถึงได้ขยับตัว นั่นทำให้ท้องเพ้นท์ขยับสิ่งที่ผมสัมผัสได้ผมรู้สึกว่ามันมหัศจรรย์มาก ๆ เพ้นท์ที่ตัวเล็กนิดเดียวกำลังอุ้มท้องลูกของผมอีกคน ข้างในตัวเพ้นท์
หนึ่งเดือนต่อมาในงานแต่งงานของเรา เป็นงานแต่งที่จัดขึ้นอย่างใหญ่โต สมฐานะของสองตระกูล ยัยหนูอินเลิฟยิ้มกว้างแจกจ่ายรอยยิ้มให้แขกที่มาร่วมงาน ผู้คนต่างหลงรักในความน่ารักของลูกสาวฉัน“ยินดีด้วยนะครับพี่” ทรีเอ่ยด้วยสีหน้าเหมือนจะยินดี แต่ก็ไม่เต็มที่ จากนั้นเขาพูดอีกว่า “ถึงเวลาที่ต้องปล่อยเมียหลวงไปแล้วสินะ”“เพ้นท์เคยเป็นเมียหลวงทรี?” เจ้าบ่าวขี้หึงของฉันรีบหันมาถาม“เป็นแค่คำเรียกที่เรียกแบบนี้ตั้งแต่สมัยเรียนค่ะ”“ต่อไปก็จะเรียกเหรอ พี่ไม่ชอบเลย”“ต่อไปเรียกไม่ได้แล้วครับ คนที่มีสามีแล้วผมไม่นิยม”“ยังจะมีหน้ามาพูด” ทรีนี่จริง ๆ เลย“แซวเฉย ๆ ครับพี่เซ้นต์ ต่อไปไม่มีแล้วครับ” ทรีพูดอีกครั้งก่อนจะหันมาพูดกับฉัน “ดีใจด้วยนะ ต่อไปขอให้มีความสุขมาก ๆ ก่อนจะลงมือทำอะไรก็คิดให้เยอะ ๆ”“ขอบใจมากนะมึง”“มึงจะอวยพรคนเดียวเลยเหรอ หลบเลย” ทูเดินเข้ามาแทรก“อยากมีบทขึ้นมาเลยนะมึง” ทรีโวยวายแต่ก็ยอมหลบทางให้“มีความสุขมาก ๆ เพื่อนรัก ถ้าอีก 15 ปีข้างหน้ากูไม่มีเมียก็ขอฝากตัวเป็นลูกเขยมึงเลยก็แล้วกันเพื่อน”“ไอ้เหี้ย ทำไมกูถึงคิดเรื่องนี้ไม่ได้วะ แม่งเอ๊ย โดนไอ้ทูตัดหน้าว่ะ”“พวกมึงไม่ใครแตะต้อง
“ผมอยากแต่งงานกับน้องครับ” ฉันไม่น่าตามพี่เซ้นต์มาบ้านย่าเขาเลย แล้วนี่ย่าฉันก็ขยันมาเที่ยวเล่นบ้านย่าพี่เซ้นต์เหลือเกิน คนที่อายุมากแล้วทั้งยังมีเงินนี่วัน ๆ เขานั่งคุยกันเรื่องจับคู่ให้หลานให้ลูกสินะสองย่าถึงได้มานั่งวางแผนกันอยู่แบบนี้เหมือนว่ารายต่อไปจะเป็นอาทั้งสองของฉัน ก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้โชคดีคนแรกโทษฐานที่ทิ้งฉันไว้กลางทางฉันจะทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้อาโตแล้วเรื่องนี้เด็กอย่างฉันยุ่งไม่ได้“เพ้นท์ เพ้นท์ เพ้นท์ครับ”“คะ” แรงสะกิดที่แขนจากพี่เซ้นต์ทำให้ฉันรู้สึกตัว ย่าทั้งสองและพี่เซ้นต์กำลังมองหน้าฉันคล้ายต้องการคำตอบ “มีอะไรกันเหรอคะ”“ย่าถามว่าเราสองคนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่”“ก็เพ้นท์เคยตอบไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงถามอีกรอบ” จู่ ๆ ทำไมถามล่ะ ก่อนหน้านี้ที่ฉันมัวแต่เหม่อทั้งสามพูดอะไรกันนะ“เซ้นต์บอกย่าว่าเซ้นต์เป็นพ่อแท้ ๆ ของอินเลิฟ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงไหม” ย่าของฉันถาม ย่าเอ่ยเสียงเรียบไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง ดูจะดีใจด้วยซ้ำที่รู้เรื่องนี้“จริงค่ะ เพ้นท์กับพี่เซ้นต์เคยคบกันค่ะ”“ไม่เห็นบอกย่าเลย ย่าก็เชียร์ซะออกนอกหน้า นี่ถ้ารู้ว่าเป็นคนรักเก่าก็ไม่จำเป็นต้องดันแรง
“ทำไมกด 40 เพ้นท์อยู่ 36 นะ” กลับจากฉลองกับเพื่อนเราก็คุยกันว่าจะนอนที่คอนโดเพราะว่าใกล้ที่สุดแล้วในตอนนี้ ขับกลับบ้านใครบ้านมันไม่ไหวลึก ๆ ในใจก็อยากแนบชิดแหละ ห่างมานานพออยู่ใกล้ใจก็เริ่มไม่เป็นสุข“คืนนี้ค้างห้องพี่นะ” พี่เซ้นต์ทำหน้าจริงจัง“…” ฉันน่ะยังไม่เคยเห็นห้องเขาเลย ถ้าไปด้วยนี่จะเป็นครั้งแรกที่จะเห็นแม้ปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับนะว่ายังเคือง ๆ อยู่อะ คือมันไม่ได้จะหายไปหมดใช่ปะเข้าใจอารมณ์ไหม รักเขา แต่ก็โกรธเขาด้วยแต่ก็อยากรักเขาอยู่ดีความรู้สึกตรงนี้คงต้องใช้เวลารักษาเยียวยา“เบบี๋ไม่อยากไปเหรอ”ในเมื่อเขาถามตรง ๆ ฉันก็จะตอบตรง ๆ เลยเหมือนกัน การพูดตรง ๆ บางครั้งมันก็เจ็บจึก แต่ก็ดีกว่าเก็บไว้แล้วอึดอัด ทั้งยังทำให้เราคิดไปเอง ปล่อยให้เรื่องบานปลายซึ่งฉันเคยได้รับบทเรียนมาแล้ว ไม่อยากเดินซ้ำรอยเดิมอีก“แค่เจ็บจี๊ดนิดหน่อยตอนนึกขึ้นได้ว่าพี่ก็อยู่ที่นี่มาตลอด พี่แนบเนียนมาก” หลอกเก่งมากจ้า ขนาดว่าเลิกกันแล้วยังจับไม่ได้อะ“ต่อไปไม่มีเรื่องปิดบังอีกแล้ว เชื่อพี่อีกสักครั้งนะครับ”“ให้จริงเถอะ ไม่ใช่ว่าแอบมีผู้หญิงแล้วไม่บอกนะ ถ้ามีรีบบอกเลย ก่อนที่เรื่องขอ
“เซ้นต์ขาทำอาราย” ในตอนเช้าอินเลิฟออกมาจากห้องนอนก็รีบวิ่งตรงไปหาพี่เซ้นต์ที่กำลังทำมื้อเช้า“ทำอาหารอร่อย ๆ ให้เลิฟกับเพ้นท์ขาทานครับ”“ว้าว น่าทานจังเลยค่า ต้องอร่อยมากแน่ ๆ เลย”“เดี๋ยวก็ได้ชิมแล้วครับ ใกล้เสร็จแล้ว”“เมนูไรค้า”“เกี๊ยวกุ้งครับ เพ้นท์ขาบอกว่าน้องเลิฟชอบกินกุ้ง เซ้นต์ก็เลยจะทำเกี๊ยวกุ้งให้ทานครับ”“ขอบคุณค่า ใจดีที่สุดเลย”“อ้อนแบบนี้เซ้นต์จะทำให้กินตลอดเลยดีไหมครับ”“ดีค่า ทำให้เพ้นท์ขากินด้วยนะค้า”“ได้เลยครับ”“เซ้นต์ขาใจดีมาก ๆ”“อ้อนเกินไปแล้วนะคะอินเลิฟ”“เซ้นต์ขาเป็นแฟงเพ้นท์ขา ย่าทวดบอกว่าอ้อนได้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”“ย่าทวดบอกแบบนั้นเหรอคะ”“ใช่แย้ว” ย่านี่จริง ๆ เลยกลัวฉันขายไม่ออกถึงได้ใช้แผนอินเลิฟมาช่วย เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เราเป็นครอบครัวเดียวกันหรือเปล่าค้า”“เป็นครับ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เพ้นท์ขาเป็นแม่ของน้องอินเลิฟ เซ้นต์ขาเป็นพ่อของน้องอินเลิฟ จากนี้เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปครับ แบบนี้ดีไหมครับ”“ดีค่า แบบนี้ดีมาก เยิฟชอบ” ยัยหนูอินเลิฟของฉันยิ้มแป้นตาปิดหมดแล้ว มีความสุขมากจริง ๆ สินะอินเลิฟเมื่อคืนนี้เราจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ